(กลาส)“ขอบใจนะที่มาส่ง”“อืม”ไฟฟ้ามันปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับบอกผม ตอนนี้มาส่งเพื่อนที่หน้าไซต์งาน ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อวาน พยักหน้ารับรู้ก่อนจะขับรถออกไป ที่จริงวันนี้ผมจะอยู่ที่โครงการ แต่พ่อดันโทรมาบอกว่าเรียกประชุมด่วนผู้ถือหุ้น ผมเลยต้องวนรถกลับเข้าบริษัทระหว่างทางขับรถผมก็ย้อนนึกถึงคำพูดตัวเองที่พูดไปเมื่อคืนกับไฟฟ้า การแอบรักมันก็เหมือนเราดึงเชือกที่ตึงยิ่งดึงก็ยิ่งเจ็บมือ ผมสามารถพูดแนะนำเพื่อนได้ แต่ทำไมกับตัวเองผมถึงรู้สึกว่ามันทำได้ยากมากเลยล่ะ สำหรับการตัดใจจากใครสักคน แล้วเราแอบรักเขามาตั้งนาน ผิดที่ผมเองแหละไม่กล้าบอกความรู้สึกจริง ๆ พอเขาเจอคนที่ชอบดันกลัวจะเสียเขาไปให้คนอื่น กลัวแม้จะไม่มีแม้กระทั่งคำว่าเพื่อนและที่ให้ผมยืนเอี๊ยด! โครม! ความคิดใจลอยทำให้ผมไม่ได้ตั้งใจมองทาง จึงชนเข้าอย่างจังกับรถคันข้างหน้าที่จอดรอไฟแดงจนท้ายบุบ...โคตรซวย!เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เหมือนหมากระเป๋าเดินมาทางผมด้วยสีหน้าโกรธจัด อย่างกับว่าเธอพร้อมจะปะทะใส่ผมมากในตอนนี้ และเธอกำลังเคาะกระจกรถของผมพร้อมกับยืนมือเท้าสะเอว“ลืมตาไว้ที่บ้านเหรอคะถึงได้ชนท้ายรถฉัน ทั้งที่จอดรอไฟแดงอยู่ ฉันจอดน
(เคมี)วันนี้ผมอยู่เฝ้าร้านขายยาตอนเย็น ลูกค้าเข้ามาซื้อยาเยอะ แค่พ่อคนเดียวรับมือไม่ไหว ตอนนี้เริ่มซาลงแล้ว เลยว่าจะออกไปหาของกินเล่นแก้เซ็ง หลายวันที่ไฟฟ้าไม่แวะมาเล่นด้วย มีเพียงข้อความที่นานกว่าจะตอบกลับมา ผมเข้าใจแหละว่าเขายุ่งเรื่องงาน แต่มันรู้สึกแปลกและเหงาเมื่อเขาเงียบหายไป“วันนี้ร้านค้าเยอะเลย กินอะไรดีนะ”ผมเดินเล่นตลาดนัด มีของกินเยอะแยะเลยครับ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไร มองเห็นร้านไก่บอนชอน เลยเดินไปต่อคิวแค่เห็นท้องก็เริ่มหิวแล้วครับอย่ากินไก่ทอดหมดจานนะเพราะถ้าไก่หมดจานมันคือการหมดใจจู่ ๆ คำพูดของไฟฟ้าก็แว้บเข้ามาในหัว เขาชอบพูดแซวผมครั้งหนึ่ง มองไปที่ไก่แล้วผมก็นึกได้ ทำให้เผลอยิ้มออกมาเบา ๆ พร้อมกับภาพใบหน้าของเขาที่หายไปจากสายตาของผมนานนับอาทิตย์“งานคงยุ่งมากเลยสินะ” ผมนึกถึงเขาแล้วก็บ่นในใจ“เป็นอะไรไปนะเรา ทำไมถึงนึกถึงนายนี่ตลอดเลย...หรือว่าเราทำใจเรื่องนับเดือนได้แล้วงั้นเหรอ แต่บางทีก็แอบคิดถึงอยู่นะ” ผมพูดกับตัวเองอย่างกับคนบ้า เมื่อเอาแต่นึกถึงไฟฟ้า ทั้งที่จะเป็นจะตายเรื่องนับเดือน รักแรกของผมที่เลือกแต่งงานกับคนอื่น“ท่าจะเพี้ยนแล้วกูเนี่ย”ผมเคาะหัวตัวเ
“อะเสร็จแล้ว” ผมบอกเมื่อปิดเทปเรียบร้อยแต่ไฟฟ้าก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องมาที่ผม พร้อมกับค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ ผมได้แต่เอนตัวหลบให้ออกห่าง แต่ไฟฟ้าก็ยังขยับเข้ามาเรื่อย ๆ สายตาของเขาเหมือนกำลังสะกดผมให้นิ่ง ปากที่อยากจะพูดก็ดันพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าไฟฟ้านิ่ง สติก็เหมือนถูกสาปไว้ ทำไมผมถึงได้อ่อนไหวตามสายตาคู่นี้ ที่เหมือนแม่เหล็กดึงดูดผมให้ไม่อยากละสายตา จังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้นเหมือนครั้งแรกที่ผมรู้สึกกับนับเดือนไม่มีผิด ความคิดทำให้ผมใจลอย รู้สึกตัวอีกทีปากของไฟฟ้าประกบกับปากของผมแล้วความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำผมใจสั่น ไฟฟ้าไม่ได้ละริมฝีปากออก แต่เขาลงน้ำหนักกดจูบเน้นขึ้น และนั่นถึงทำให้สติของผมคืนกลับมา แล้วหันหน้าหนีออกด้านข้าง“ทะ ทำแผลเสร็จแล้ว” ผมพูดโดยที่ยังหันหน้าหนี ตอนนี้แก้มของผมมันร้อนวูบวาบ ผมกำลังขยับตัวออกห่าง ไฟฟ้าดันจับแขนผมไว้“อะไร?”“กูหิว”“หะ หิวอะไร?”ไฟฟ้าพูดลมหายใจของมันกระทบลงต้นคอของผม คำพูดที่ทำให้ผมมโนไปไกล เพราะในหัวของผมตอนนี้มันแทบประมวลผลไม่เป็น การที่ถูกจูบไปหมาด ๆ ทำเอาสติของผมแทบเตลิด เลยต้องถามย้ำแต่ดันตะกุกตะกักเสียการทรงตัว แทบกลั้นหา
“เรื่องพ่อของนายอย่าเพิ่งเครียดไปเลยนะ เชื่อว่ายังไงต้องหาทางออกได้แน่” ผมพูดให้กำลังใจ ไม่อยากจะให้ไฟฟ้าเศร้า แม้ว่าเขาจะมียิ้มระหว่างกินข้าว แต่แววตาของเขามันกำลังเศร้าหมอง“กูไม่เป็นไรหรอก กูโอเคแล้วแค่รู้ว่ามึงห่วงก็มีกำลังใจแล้วล่ะ” เขาหันมาทางผมแล้วยิ้ม“อ่อนแอบ้างก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอก หากไว้ใจแล้วต้องการคนรับฟังผมยินดีเสมอ...” สัมผัสได้จากแววตาที่ไฟฟ้ามองมา เหมือนกับว่าเขาเพียงกำลังพยายามเข้มแข็ง ทั้งที่กำลังอ่อนแอ แต่ผมก็คิดว่าเข้าใจไฟฟ้าดีที่ทำแบบนี้ อยากให้คนในครอบครัวไม่ห่วง“น่ารักว่ะ” ชมอีกแล้ว เขาชมทีไรมันทำให้ผมใจเต้นแรง เสียการทรงตัวตลอดเลย จนตอนนี้ต้องแกล้งยกน้ำดื่ม“ก็เราเป็นเพื่อนกัน” ตอบไปแบบนั้นแก้เขิน และย้ำสถานะตัวเองให้ผมไม่ต้องมโน“.....” แต่พอผมพูดจบไฟฟ้าดันนิ่ง แถมยังลุกจากเก้าอี้“ลุกไปไหนอะ” ผมเลยถามเพราะอยากรู้ จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ผมเลยสงสัย“กูอิ่มละจะหาน้ำแดก” เขาหันหลังตอบผมเสียงห้วน ก่อนจะเดินไปยังตู้เย็น “เป็นอะไรอีกนะ หรือว่าเราพูดผิดไป...ก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่นา หรือว่าไฟฟ้าจะเป็นไบโพล่า?” ผมย้อนคิดแล้วถามตัวเองในใจ ตอนนี
“...”“ที่ทำลงไปกูรู้ตัวทุกอย่าง ถ้ามึงจะโกรธก็ไม่ว่า แต่อย่าเกลียดกูเลยนะเพราะทำไปตามที่หัวใจมันสั่ง รักก็คือรัก”หลังจากที่ไฟฟ้าปลดปล่อยตัวตนออกมา ผมก็ได้แต่นอนนิ่งมองเพดานภายใต้ความมืด เพราะสับสนกับการที่ไม่หักห้ามใจตัวเอง จนผมกับไฟฟ้าเราลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งมันเกินคำว่าเพื่อน ผมนอนฟังไฟฟ้าพูดออกมา น้ำเสียงของเขาจริงจัง จนมันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น“ผมบอกตัวเองเสมอว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” ผมพูดขึ้นภายใต้ความมืด พร้อมกับคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง“บางทีมึงอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ลึกแล้วมึงก็คงพวกเดียวกับกู”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้สับสนและงงไปหมด”“กูก็ไม่รู้หรอกนะว่ามึงโตมาพร้อมกับสังคมครอบครัวแบบไหน แต่พ่อแม่ของกูไม่เคยปิดกั้นความเป็นกู...ไม่ได้ว่าครอบครัวมึงไม่ดีนะ แต่บางทีคนรอบตัวมึงมีขอบเขตจำกัดเรื่องพวกนี้ ปลูกฝังว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเท่านั้น อันนี้กูคิดเอง”“นั่นสินะ”“และที่บอกว่ารักมึง กูพูดจริงจากใจ กูรู้ว่ามึงคงดูออกแต่แรก แต่กูไม่อยากแทรกแซงคำว่าเพื่อนที่มึงมอบให้กูไง...คิดแค่ว่าดีเท่าไหร่แล้วที่มึงยอมเป็นเพื่อนกับกู แต่วันนี้กูน่าจะทำมันพัง แม้กร
(ไฟฟ้า)“มึงจำเป็นต้องกลับบ้านจริงเหรอ”“ถามทำไม?”หลังจากที่ผมมีเรื่องดี ๆ จนตอนนี้ยิ้มปากแทบฉีกถึงใบหู ทุกสิ่งอย่างที่ผมปรารถนามันกำลังคืบคลานเข้ามา ผมผละกอดจากเคมีและตอนนี้หัวใจมันก็กำลังต่อรอง เหมือนได้คืบจะเอาศอก เลยลองเชิงถามเคมีไปแบบนั้น แต่ถ้าน้องมันไม่ยินดีผมก็ไม่ว่า แต่ถ้าตกลงก็ดีไง ผมอยากจะใช้เวลาอยู่กับมัน เพราะจากนี้ผมคงจะวุ่นวายกับการทำงาน และหาทางรักษาอาการป่วยของพ่อ “อยากให้มึงนอนเป็นเพื่อนกูไง...ได้ไหม?” ผมพูดและกะพริบตาอ้อน เผื่อว่าน้องมันจะใจอ่อน“มันจะดีเหรอ?” น้องมันย้อนถามกลับซะงั้น“แล้วมึงกลับบ้านไหวเหรอ เราเพิ่งจะ...”“หยุดพูดเลยนะ!”ผมเลยพูดแล้วไล่สายตามองต่ำลงไป สื่อเป็นนัยว่าผมหมายถึงอะไร แต่ยังพูดไม่ทันจบน้องมันก็พูดเสียงดังแทรกมาก่อน คงจะเขิน แถมแก้มของเคมีมันเริ่มแดงเป็นลูกมะเขือเทศอีกต่างหาก“แล้วตกลงจะนอนเป็นเพื่อนไหม” ผมเลยถามอีกรอบ“ไม่ได้บอกที่บ้านไว้” และน้องมันก็ตอบออกมาหน้าตาย คือแบบแอบทำหน้าอึนกวนตีน“พูดเหมือนมึงไม่มีโทรศัพท์เนอะเคมี” ผมเลยพูดสวนขึ้นทันที“ก็มีแต่ไม่อยากโทร”“อืม...งั้นมึงกลับบ้านเถอะเดี๋ยวจะดึกมากกว่านี้ เดี๋ยวกูจะไปอาบน้ำนอน
แม้ผมจะอาบน้ำจนเสร็จไอ้ลูกชายก็ยังไม่ยอมสงบ ผงาดตั้งโด่อยู่แบบนั้น ผมเลยต้องยืนรออยู่ในห้องน้ำนานหลายนาที ก่อนจะเดินออกมาหาเสื้อผ้าใส่ มองไปเห็นเคมีนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือยิ้มน้อยยิ้มใหม่ แม่งยิ้มกับใครวะ หรือว่าใครแชตมาจีบ ผมคิดเอาเองทั้งที่ก็ยังไม่เห็นอะไรหรอกครับ มโนไปก่อนก็ไอ้นี่มันน่ารักผมก็ต้องหวงเป็นธรรมดา เห็นหน้ามันแล้วเป็นใครจะไม่อยากคุยด้วย ขนาดผมยังอดใจไม่ไหวเลย“อาบเสร็จแล้วเหรอ” เดินเช็ดหัวออกมาเคมีมันก็เงยหน้ามองพอดี“อืม ตามีก็มองยังจะถามอีก” ผมตอบน้องมันแบบกวนตีน ก็พูดหยอกเล่นนั่นแหละ ไม่ได้จะแขวะจริงจัง“กูไม่น่าใจอ่อนนอนกับมึงเลยไอ้พี่ไฟฟ้า” เคมีมันพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ และกลอกสายตามองบนก่อนจะเอ็ดผม ชักสีหน้างอนบูดบึ้ง“ชึ กูหยอกเล่นน่า” ผมขำเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ แล้วเอามือยีหัวเคมีเบา ๆ ง้อในแบบของผมก็จะห่าม ๆ หน่อยก่อนจะเช็ดผมต่อ ผมรู้สึกว่าเคมีมันจ้องผมอยู่นาน เลยแอบชำเลืองมอง สายตาที่น้องมันจ้องแม่งโคตรน่าเอ็นดู“จ้องขนาดนั้นไม่แดกกูเข้าไปเลยล่ะ” ผมดีใจที่น้องมันสนใจและมองผม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแซว นั่นถึงทำให้เคมีหลบสายตา แล้วรีบคว้าโทรศัพท์มาเล่นอย่างลุกลี้
“มึงมาได้ไงกลาส”“ขับรถมา”“กูรู้แค่ไม่คิดว่ามึงจะมาเช้าขนาดนี้ไง”ผมถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นกลาสอยู่ไซต์งานที่ผมนัดกับคิว ไม่คิดว่ากลาสมันจะมา ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะเป็นของบริษัทมันก็เถอะ แต่นี่มันยังเช้าอยู่ไงผมเลยคาดไม่ถึง ไอ้เพื่อนสนิทมันก็ดันตอบหน้านิ่ง ๆ“สวัสดีครับพี่กลาส” คิวมันยกมือไหว้“อืม” ไอ้เพื่อนหน้านิ่งของผมก็ตอบรับสั้น ๆ“งั้นผมเข้าไปดูงานรอนะ” คิวมันหันมาพูดกับผม“อืม เดี๋ยวกูตามไป” ผมเลยตอบคิว จากนั้นมันก็หันไปยิ้มให้ไอ้กลาสก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน“แล้วมึงมีอะไรด่วนกับกูปะถึงได้มาเช้าขนาดนี้” ผมหันไปถามไอ้กลาส“อืม”“มีเรื่องอะไรวะ ที่จริงเย็นนี้กูตั้งใจว่าหลังจากดูพ่อที่โรงพยาบาลจะเข้าไปหาพวกมึงที่ร้าน” ผมบอกไอ้กลาส ร้านที่ว่าก็เป็นร้านประจำที่พวกผมจะเข้าใจกันดี“อืม แล้วเจอกันที่ร้าน”“เอ้า! เดี๋ยวดิกลาส”กลาสมันพยักหน้าตอบผม แล้วก็บอกลาหันหลังเดินกลับไปดื้อ ๆ ทำเอาผมนี่งงเลยครับ เรียกชื่อมันก็เดินแล้วโบกมือลาก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ผมได้แต่ยืนเกาหัวงุนงงกับการกระทำของไอ้เพื่อนรักเพื่อนสนิท“อะไรของมันวะเนี่ย จะมาก็มาคิดจะไปก็ไป ไอ้กลาส! กูไม่เข้าใจมึงเลย...เฮ้อ”
//วันถัดมา//เคมี“พี่พร้อมไหม?” ผมจับมือพี่ไฟฟ้า พร้อมกับเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่เขายืนกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด เพราะพวกเราสองคนนั่งอยู่ในรถราวสิบห้านาที“พะ พร้อม” ตอบตะกุกตะกัก ดูน่าสงสารมากเลยครับ“ถ้าพี่ไม่ไหว วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้นะ” เห็นสีหน้าเขาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วง“ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน” พี่ไฟฟ้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าพี่โอเค เราเข้าไปกันเลยไหม?”“อืม”ตกลงกันได้ผมกับพี่ไฟฟ้าจึงพากันเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน การมาครั้งนี้ผมได้ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาเพื่อนสนิทมาทำความรู้จัก ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่ายินดี และตามด้วยข้อความของพ่อ บอกจะรออยู่ที่บ้าน ซึ่งดูท่านก็ตอบปกติ ไม่ได้ถามต่อให้มากความ“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาแล้ว” ผมพูดเมื่อเดินมาในบ้าน ตรงโซนรับแขก“สวัสดีครับ” พี่ไฟฟ้ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของผม และฉีกยิ้มอ่อนเบา ๆ“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้ คุยเล่นกับพ่อไปก่อนนะ” แม่เงยหน้าจากจอทีวีแล้วทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้ม แม่ของผมเป็นคนใจดีครับ“นั่งสิ” เป็นเสียงพ่อที่บอกกล่าว แล้วพวกเราก็นั่งลงเก้าอี้ข้างกัน“ขอ
เหมือนลมหายใจเดียวกันเคมี“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ใช่ไหม?” ผมถามพร้อมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากรถยนต์จอดสนิท“ก็ว่าจะไม่...”“พี่ไฟฟ้า” ผมเรียกเสียงอ่อนเหมือนอ้อนวอนตัดบท“แต่ทำงานเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับ” ประโยคตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มทันที“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ พี่จะได้อาบน้ำแล้วพักผ่อน”“อืม”จากนั้นผมและพี่ไฟฟ้าก็ขึ้นมายังหอพัก เขาวางสีหน้าบึ้งตลอดตั้งแต่เดินทางมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เห็นโหด ๆ แต่บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกินผมเข้าใจในความโกรธที่พี่ไฟฟ้าเป็นดี หลังจากที่พี่ไฟฟ้าหนีออกมาในวันนั้น ก็นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายหน จนผมตระหนักได้ และรู้นิสัยของพี่ไฟฟ้าว่าเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมากและขี้หวง แม้นิสัยที่แสดงออกมานั้นจะห่าม แต่ลึกแล้วเขามีใจเปราะบางแต่แสร้งเข้มแข็ง ผมไม่น่าจะใส่อารมณ์กับพี่ไฟฟ้าไปแบบนั้น ทั้งที่รู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี ผมรู้สึกผิดและเสียใจมาก เมื่อย้อนคิดในเรื่องราวเหตุการณ์ใต้ตึกคณะในวันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่ แต่ใจผมรู้ดีว่ารุ่นพี่คิดยังไงกับผม ซึ่งเป็นอย่างที่พี่ไฟฟ้าคาดเดา เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว การที่รุ่
วันต่อมาผมเข้าบริษัทตามปกติ เพราะวันนี้มีนัดประชุมเรื่องโครงการใหม่ หลังจากที่เมื่อเช้าไปเยี่ยมไอ้กลาส ตอนนี้กลาสรู้สึกตัวแล้ว และมีน้องเพชรพลอยคอยดูแลไม่ห่าง ผมยืนสังเกตท่าทีของกลาสและน้องเพชรพลอยอยู่ด้านนอกผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ เลยไม่อยากเข้าไปขัด ทำให้เสียบรรยากาศ กลาสมันดูปฏิบัติกับน้องเพชรพลอยแตกต่างจากแต่ก่อน เห็นแล้วทำให้ผมยิ้มตามและรู้สึกยินดี บางทีการที่บอกว่ากลบข่าวเรื่องเกย์ อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไม่รู้ตัวก็ได้“ทำไมพี่ไม่อ่านข้อความหรือรับสายผมบ้าง” ระหว่างที่ผมจอดรถสนิทและกำลังจะปิดประตู เสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น จึงทำให้ผมนิ่งและหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบ“ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้มีโครงการใหม่เลยยุ่ง ๆ” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมาจะเข้าไปในตึกสำนักงาน“พี่หลบหน้าผม”“เปล่า...แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?”“คุยกันก่อนพี่ไฟฟ้า” เคมีมันคว้าแขนของผมไว้ ทำให้ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง น้องมันเลยขยับมายืนตรงหน้าของผม“วันนี้กูมีประชุม”“พี่โกรธผมใช่ไหม?”“ไม่ได้โกรธ...จะให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องเมื่อสามวันก่อนที่เราทะเลาะกัน”“กูผิดก็ขอโทษ
ผมขับรถออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้หัวสมองมันเริ่มจะประมวลภาพพวกนั้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมอยากจะเชื่อคำพูดของเคมี แต่อดที่จะคิดไม่ได้...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อย“อืม...ว่าไงไม้?”“อยู่ไหนวะไฟฟ้า”“ขับรถอยู่”“มึงเห็นข่าวไอ้กลาสหรือยัง?...ด่วน ๆ เลยตอนนี้”เมื่อไม้บอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วร้อนรน ผมเลยรีบจอดรถข้างถนนทันที แล้วเปิดดูหน้าข่าวตามลิงก์ที่ไม้มันส่งมาให้ในแชต“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้กลาสกันแน่”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ไอ้กิตอยู่กับไอ้กลาส ติดต่อไปก็ไม่มีใครรับสาย”“กูจะไปโรงพยาบาลตอนนี้แหละ”“อืม ๆ เดี๋ยวกูจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“เจอกัน”“อืม”ทันทีที่ผมเห็นข่าวก็ตกใจจนมือสั่น เพียงแค่เห็นภาพของไอ้กลาสที่โชกเลือด แม้ภาพข่าวจะมีการเซ็นเซอร์เอาไว้ ผมก็รู้ว่านั่นคือกลาสเพื่อนสนิทของกลุ่มผม พวกเราเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ห่วงว่ากลาสจะเป็นอันตราย แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่กลาสเจอ ว่าต้นตอเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่ากลาสไม่มีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากวงการธุรกิจของครอบครัวมัน//โรงพยาบาล//ผมมาถึงในเวล
(ไฟฟ้า)“เบื่อว่ะ”“เบื่อไรของมึงอีกครับพี่ไฟฟ้า”“บางครั้งกูก็รักอิสระ แต่กูก็อยากมีโมเม้นมีแฟน แต่กูก็ยังรักอิสระ แต่กูก็อยากมีแฟน แต่บางครั้งกูก็อยากอยู่คนเดียว แต่กูก็อยากมีแฟนอะ”“แต่ตอนนี้กูอยากถีบมึงมากครับพี่ เพราะกูรำคาญมึง และกูก็อยากอยู่คนเดียว”“โอ๊ย!...ใจร้าย หยอกเล่นหรอก ก็มึงไม่สนใจกูเลยไง เอาแต่สนใจหนังนี่หว่า”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาการไหนก็ไม่รู้ครับ แต่ผมอยากจะกวนตีนไอ้ดื้อที่มันไม่สนใจผมสักนิด เอาแต่นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ เลยอยากจะเรียกร้องความสนใจ แต่เหมือนน้องมันจะไม่ค่อยแคร์แถมยกเท้าถีบผมจนตกโซฟาก้นกระแทกพื้นอีก“สมน้ำหน้า”“มึงจำไว้เลยเคมี อย่าให้ถึงทีกูนะ ถีบมาได้ไอ้บ้านี่”“กวนอยู่ได้คนกำลังดูหนังสนุก ๆ กลับบ้านไปเลยไป”“ไม่กลับ...กูไม่กลับ”“ลูกดี ๆ ที่ไหนปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านลำพังวันสุดสัปดาห์”“ลูกดี ๆ แบบกูนี่แหละ”“ทำตัวเหมือนไม่มีที่นอนเป็นของตัวเอง”“ทุกที่คือที่นอนของกูไงครับ”“ต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน”“ต่อปาก...มึงกล้าปะทะกับกูปะล่ะ”“วุ้ย! วนมาเรื่องลามกอีกละ”กวนกันไปกันมาด้วยความมีไหวพริบแบบผม เลยท
“พี่ใจเย็นก่อนสิครับ”“เห็นหน้ามึงแล้วกูอดใจไม่ไหวเคมี”เพียงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก ก็ถูกลุกล้ำด้วยการไล่จูบ ถูกพี่ไฟฟ้าดันแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้อง สองมือของเขาถอดเสื้อของผมอย่างคนรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างล่อแหลมแม้เราสองคนจะยังไม่ถึงเตียงนอน เขาปลุกปั่นอารมณ์ของผมจนยากที่จะหักห้าม“พี่ครับ”“กูต้องการมึงเคมี รักมึงมากนะ”เขาบอกรักผมทั้งที่ยังดอมดมตามซอกคอ นั่นยิ่งสร้างความปั่นป่วนภายในร่างกายของผมให้ร้อนรุ่ม“เรายังไม่ได้ทำความสะอาด”“ช่างแม่ง แข็งจนจะระเบิดแล้ว”“อื้ม พี่ครับ”ผมดันอกของพี่ไฟฟ้าไว้ แล้วเตือนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับก่อนทำกิจกรรมบนเตียง แต่พี่ไฟฟ้าไม่ได้สนใจสักนิด เขายังเล้าโลมตามร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน เขาบดจูบปากของผมด้วยความช่ำชอง จูบอย่างดูดวิญญาณผมก้าวขาเดินตามแรงของพี่ไฟฟ้าอย่างไม่รู้ทิศทางด้วยความเคลิบเคลิ้มจากรสจูบที่พี่เขาปรนเปรอ รู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวตอนนี้เสื้อผ้าของเราสองคนหลุดออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว จนเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกันและกัน ผมเริ่มทัดทานแรงเร้าของพี่ไฟฟ้าไม่ไหว ดันเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ตัวตนที่ขึงขังชี้หน้าผมอย่
(เคมี)สองวันต่อมาผมกับพี่ไฟฟ้านัดกันไว้ว่าจะไปเยี่ยมพี่เพชรพลอย แต่เขาดันติดงานด่วน ที่นัดกันไว้เลยถูกยกเลิก ตอนนี้ผมก็เลยได้แต่นั่งรอพี่ไฟฟ้าเลิกงานเพื่อกลับบ้าน เพราะเมื่อเย็นผมนั่งรถมาหากะว่าจะไปเยี่ยมพี่เพชรพลอยพร้อมกัน แต่ดันโดนเท เลยได้แต่นั่งเหงาอยู่คนเดียวในรถ สิ่งที่พอช่วยแก้เหงาได้ก็คือโทรศัพท์มือถือนี่แหละครับ ผมเลื่อนหน้าฟีดข่าวไปเรื่อย ๆ เพื่อฆ่าเวลา แต่ว่าดันเจอกับภาพด้านหลังของคนที่คุ้นตา ผมขยายภาพนั้นดูและทำให้มั่นใจว่าคนในภาพคือคนที่ผมรู้จัก ผมรีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาในข่าวทันที ทำให้ผมเบิกตาโตตกใจ เพราะมันเป็นภาพแอบถ่ายจากด้านหลังผู้ชายคนหนึ่ง แม้ภาพจะเห็นหน้าไม่ชัดเจน แต่ผมก็จดจำรูปร่างเค้าโครงหน้านี้ได้แม่นยำ เธอคือพี่เพชรพลอยแน่นอน เขาอุ้มพี่เพชรพลอยเข้าไปในคอนโดแห่งหนึ่ง และผมก็เดาทันทีว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่กลาส เพราะล่าสุดพวกเขาสองคนยังเฝ้ากันอยู่ที่โรงพยาบาล"ทำไมพี่กลาสต้องอุ้มพี่เพชรพลอย แค่แกล้งกลบข่าวหรือว่ามีอะไรที่เราไม่รู้อีกนะ?" ผมอ่านข่าวก็ได้แต่คิดสงสัย และผมต้องหยุดความคิดเมื่อมีเสียงเคาะกระจกรถ เป็นคนที่ผมรอ"ทำอะไรอะ หน้ามุ่ยเชียว" พี่ไฟฟ้าถาม"พี่เห
“แล้วนั่นจะไปไหน”“เดี๋ยวขอไปห้องน้ำแป๊บนึง”“กูไปเป็นเพื่อนไหม?”“ไม่เป็นไรหรอกผมไปแค่แป๊บเดียว”“โอเค”ผมถามเมื่อเห็นเคมีลุกขึ้นยืน รีบจับมือมันรั้งไว้ แล้วก็ได้คำตอบเป็นอันเข้าใจ ด้วยความที่ผมนึกห่วงจึงอาสาพาไป แต่น้องมันดันปฏิเสธผมก็ไม่เซ้าซี้ จากนั้นเคมีก็เดินออกไปจากโต๊ะ ผมมองตามหลังจนเคมีเดินลับสายตาไป แล้วจึงหันกลับมาสนใจแก้วเหล้าของตัวเอง“พี่ไฟฟ้าคะ”“หื้ม?”เสียงของน้องเพชรพลอยเรียก ทำให้ผมหันไปสนใจ ตอนนี้สีหน้าของเธอดูซีดไม่ปกติ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ เห็นเม็ดเหงื่อเริ่มชุ่มตามใบหน้าของเธอ“เพชรพลอยเป็นอะไรมากไหมครับ เหงื่อออกเต็มเลย” ไอ้ไม้เดินมาดูอีกคนแล้วถามขึ้น“หนูอยากไปห้องน้ำค่ะ” เธอพยายามเปล่งเสียงพูดออกมา ตอนนี้ใบหน้าของเธอดูไม่สู้ดีเลยครับ“น้องเพชรพลอยโอเคไหม?” ผมถามแล้วช่วยประคองเธอให้ลุกยืน“ไม่ค่อยโอเคเลยค่ะ หนูปวดท้องมาก”“พี่ช่วยนะ”ผมกับไอ้ไม้เลยช่วยกันประคองน้องเพชรพลอยคนละข้างให้ลุกยืน สองมือของเธอกุมตรงหน้าท้องเอาไว้ สีหน้าเหลืองซีดอย่างกับคนกำลังเจ็บปวดทรมาน เห็นแล้วน่าสงสารมาก ๆ ครับ แต่พวกผมก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อเรื่องราวของพวกเขา ผมก็ไม่อาจจะเข้าไปแ
“งุ้ย! พี่ไฟฟ้าทำไมน่ารักจังแกะกุ้งให้เคมีด้วย” น้องเพชรพลอยเธอพูดขึ้น ทำให้ผมที่กำลังวางกุ้งที่แกะเรียบร้อยวางใส่จานให้เคมี“พูดเพื่อ!?” แล้วไอ้กลาสก็พูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่ง แล้วมองหน้าน้องเพชรพลอย ส่วนพวกผมที่เหลือตอนนี้จ้องคู่นี้เป็นสายตาเดียวด้วยความลุ้นระทึก ว่ามันจะตีกันไหม?“สามีก็แกะให้เมียบ้างสิคะ😚”((ง่อวววว)) พวกผมเลยประสานเสียงแซวพร้อมกัน แต่ไอ้กลาสดันจ้องพวกผมตาเป็นมันอย่างเอาเรื่อง“ใครผัวมึง” แล้วมันก็หันไปกระแทกเสียงใส่น้องเพชรพลอย“พี่ไงคะ” แต่เหมือนว่าน้องจะไม่ใส่ใจคำพูดไอ้กลาสเท่าไหร่ เธอตอบโต้และฉีกยิ้มจนตาหยี“มึงก็พูดกับน้องมันเพราะ ๆ หน่อยไอ้กลาส...นั่นเมียมึงนะ” ผมก็เลยพูดแซว“เมียพ่อง!” แล้วไอ้กลาสก็ด่าผมเต็มปากเต็มคำ พร้อมกับปากับแกล้มใส่หน้าผม“เขินจังเลยค่ะ” ไอ้กลาสพูดจบน้องเพชรพลอยเธอก็ทำท่าทางเขินอาย บิดซ้ายบิดขวาเหมือนกับว่ากำลังยั่วประสาท ส่วนไอ้กลาสผมเห็นถอนหายใจออกมาก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก น้องเพชรพลอยนี่เธอตีมึนได้ดีจริง ๆ“ยัยประสาท”“ขอบคุณนะคะที่ชม แล้วไม่แกะกุ้งให้หนูบ้างเหรอคะ หนูรอพี่กลาสแกะให้อยู่นะ”“ไม่มีมือหรือไง”“มีค่ะ แต่อยากให้สามีแกะให้