“ถ้าผมจะเล่นล่ะ?” นักรบโน้มหน้าเข้าใกล้ ระบายยิ้มอ่อนเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าวางใจ ทำให้น้ำส้มต้องดันอกของเขารั้งไว้“เชิญกลับไปเล่นที่บ้านของคุณค่ะ”ตุบ! พูดจบด้วยความอาจหาญ น้ำส้มก็ออกแรงผลักอกของนักรบ จนเขาพลาดท่ากลิ้งตกบันได ที่ทำลงไปไม่ได้ตั้งใจให้เขาได้รับบาดเจ็บ แค่ต้องการกันให้เขาออกห่าง หยุดสร้างความหวามไหวแก่หัวใจของเธอเท่านั้น“เห้ย!” สร้างความตกใจแก่น้ำส้มเธอรีบวิ่งลงไปดูและช่วยพยุงเขาลุกยืน“โอ๊ะ โอ๊ย” นักรบที่กลิ้งลงมาก้นกระแทกพื้น ข้อเท้าแพลงเจ็บแปล๊บ ร้องโอดโอยเมื่อกำลังลุกยืน“คุณนักรบฉันไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากไหมคะ?” เอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ที่เขาได้รับบาดเจ็บนั่นก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุของเรื่อง“ถึงกับต้องทำร้ายร่างกายผมขนาดนี้เลยเหรอน้ำส้ม” เขาพูดขึ้น“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ...ขอโทษ” ทำเอาน้ำส้มรู้สึกผิดที่เขาต้องบาดเจ็บแบบนี้ ต้องเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าละห้อย พลางก้มมองต่ำไปยังข้อเท้าของเขา“แขนหักขาหักไหมเนี่ย โคตรเจ็บเลย” นักรบยังคงพร่ำต่อ ทั้งที่เจ็บเพียงข้อเท้าและก้นเล็กน้อย“เจ็บตรงไหนคะ? มาค่ะฉันพาไปนั่งโซฟาก่อน” เธอเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ค่อย ๆ พยุงนักรบไปยังหาที่นั่ง“สว
ปิ๊งรักยัยสวยเวอร์ตอนที่ 37-เขินใช่ไหม?“น้องอดทนนะคะ เดี๋ยวแม่พาไปหาหมอนะ” น้ำส้มบอกลูกสาวด้วยความห่วงใย อาการเหมือนทรมานทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่เจ็บร้าวไปทั้งดวง พยายามอุ้มลูกขึ้นสู่อ้อมอก แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกือบครึ่งของแม่ จึงทำให้น้ำส้มดูอุ้มลำบาก“ผมอุ้มเองครับ” นักรบอาสา แม้ว่าเขาจะเจ็บข้อเท้า“แต่ขาคุณเจ็บอยู่?” การบาดเจ็บของนักรบที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ทำให้น้ำส้มทักท้วง เธอห่วงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บซ้ำอีก“ผมไหวครับ เดี๋ยวอุ้มไปรอที่รถ...รถผมจอดอยู่ข้างนอกสะดวกกว่าไม่ต้องเสียเวลาถอยรถคุณออก” เขาห่วงใยเด็กหญิงไม่ต่างไปจากผู้เป็นแม่ พูดจบรีบอุ้มน้องมะนาวแล้วเดินไปยังรถยนต์ทันที“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบกระเป๋าแป๊บค่ะ” ตกลงกันได้เสร็จสรรพน้ำส้มรีบขึ้นไปจัดการเตรียมเอกสารสำคัญ เธอน้ำตาไหลเพราะห่วงลูกสาวเพียงคนเดียว มือไม้สั่นเทาจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งให้ลูกตัวงอลงกับพื้นยิ่งทำให้หัวใจของคนเป็นแม่เจ็บปวด“คุณอาน้องปวดท้อง ปวดตรงนี้มาก ฮึกฮือ” น้องมะนาวที่กำลังต่อสู้กับอาการปวดท้องรุนแรง เธอร้องไห้และบอกออกมาทั้งน้ำตา เด็กหญิงเริ่มปวดมากขึ้นจนแทบทนไม่ไหว เจ็บในท้องเหมือนไส้จะขาดดั่งเข
ปิ๊งรักยัยสวยเวอร์ตอนที่ 38-เมื่อไหร่จะใจอ่อน“หน้าแดงเชียว เขินผมใช่ไหมล่ะ?” นักรบก็ยังคงเป็นนักรบผู้แซวเก่งอยู่วันยังค่ำ เขาค้ำเตียงแล้วโน้มหน้าไปใกล้น้ำส้ม โดยมีน้องมะนาวนอนคั่นกลางเขาก็ไม่หวั่น ความพยายามสูงยิ่งกว่าเสาไฟฟ้า ทำเอาน้ำส้มเขินรอบแล้วรอบเล่า“คุณนี่มั่นหน้าจริง ๆ เลยเนอะ” เธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า ได้แต่พึมพำด้วยคำเดิมที่เคยว่าเขา“ขอบคุณที่ชมครับ”“เฮ้อ...เหนื่อยใจพอ ๆ กับมะนาวเลย”เหมือนเขาไม่ได้สะทกสะท้านในคำด่า แถมยังเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ ทำให้น้ำส้มต้องถอนลมหายใจแรงอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะบ่นออกมาประหนึ่งว่าเธอหน่ายใจไม่ต่างไปจากน้องมะนาว ทั้งที่เขาโตกว่าเป็นไหน ๆ แต่ที่เขาแสดงทุกอย่างออกไป ก็เพื่อหวังอยากให้เธอผ่อนคลายไร้กังวล อยากให้เธอมีรอยยิ้ม ไม่อยากให้เธอเศร้า แม้จะเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ที่เห็นลูกสาวเจ็บป่วย อย่างน้อยขอให้เขาเป็นคนช่วยแบ่งเบาสิ่งที่เธอทุกข์ใจบ้าง“ผมไม่ชอบที่เห็นคุณหน้าเศร้าแบบนี้...ยิ้มให้ผมดูหน่อยสิครับ” นักรบที่เริ่มเข้าสู่โหมดอบอุ่น เขาขยับประชิดตัวน้ำส้ม สองมือประคองใบหน้าให้มองตรงสบตา จากนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างร้องขอด้วยน้ำเสียงละมุน
“เดี๋ยว ๆ แดดดี๊บ้าบออะไร?” คำเรียกผิดแปลกจนน้ำส้มชักเสียงแข็งใส่ สีหน้าของเธอเคร่งขรึมปะปนความงุนงง ที่เขาและลูกสาวตกลงกัน ซึ่งเธอไม่รู้เรื่องราวด้วยแม้แต่น้อย“หึ...เอาอะไรไหมผมจะลงไปซื้อของ ถ้าไม่เอาผมไปนะ”“คุณนักรบ! อีตาบ้านี่อะไรของเขาวะ ทำไมฉันต้องมาปวดหัวกับเขาด้วยล่ะเนี่ย”“คุณแม่ขา” เสียงอันแสนแหบแห้ง ทำให้น้ำส้มที่กำลังหัวร้อนต้องหันหลังกลับมามอง น้องมะนาวรู้สึกตัวตื่น เธอจึงรีบกรูเข้าไปหาลูกสาวที่นอนบนเตียง“น้องเป็นยังไงบ้างลูก ยังเจ็บอยู่ไหมคะ?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย ถามไถ่ถึงอาการด้วยความกังวล“เจ็บค่ะ น้องเจ็บท้องตรงนี้เวอร์ ๆ คุณแม่ขา ฮึก ฮึก” เด็กหญิงบอกผู้เป็นแม่ มือน้อย ๆ ชี้ไปตรงท้องที่มันยังมีอาการเจ็บปวด ก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้ออกมา นั่นยิ่งสร้างความเจ็บร้าวแก่ผู้เป็นแม่ ที่ต้องเห็นลูกน้อยได้รับความทรมาน“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคะน้องอดทนเก่งมากเลยค่ะ เดี๋ยวก็หายแล้วนะแป๊บเดียว” เธอปลอบลูกลูกสาว โอบกอดเด็กหญิงไว้แนบอก มือลูบหัวอย่างปลอบประโลมให้กำลังใจ“แดกดี๊ไปไหน น้องอยากหาแดกดี๊ ฮือ” ถ้อยคำที่ไม่ชัดเจนเด็กหญิงพูดออกมาทั้งน้ำตา อาการป่วยทำให้น้องมะนาวเ
“คุณหมอคะ หมอ! ..” น้ำส้มรีบวิ่งตามหมอออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันคือสิ่งที่เธอจำเป็นต้องรู้ล่วงหน้า“พยาบาลไปก่อนก็ได้ครับ...มีอะไรกับหมอเหรอครับ” เสียงของน้ำส้มทำให้พยาบาลและหมอหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง หน้าที่ยังมีต่อหมอเลยบอกให้พยาบาลล่วงหน้าไปก่อน“คือว่า...แล้วลูกสาวของดิฉันจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันไหนคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้“เดี๋ยวหมอรอดูอาการอีกพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีอะไรสาย ๆ ก็กลับบ้านได้ครับ” หมอชี้แจงด้วยความสุภาพ“อ๋อค่ะ ขอบคุณนะคะหมอ...อ๊ะ!!!”“ระวังครับ!”น้ำส้มพยักหน้ารับทราบพลางระบายยิ้มอ่อน ก่อนจะถูกดึงแขนอย่างกะทันหัน จนเธอกระแทกเข้ากับอกแกร่งของหมอ เพราะมีเด็กที่เป็นญาติของคนไข้วิ่งเล่นไม่ดูทาง ทำให้หมออคินต้องดึงน้ำส้มหลบเพื่อให้เธอปลอดภัย“คุณแม่ไม่เป็นไรนะครับ” คุณหมออคินถามไถ่อย่างเป็นห่วง“ไม่เป็นไรค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ” การชิดใกล้ทำให้น้ำส้มถึงกับใจเต้นแรง แม้เธอจะไม่ได้คิดไกล แต่ใบหน้าอันเกลี้ยงเนียนใสผิวหน้าละเอียด ก็ทำให้เธอเสียการทรงตัวได้เหมือนกัน(น้ำส้ม!) เสียงเข้มอันทรงพลังดังแทรกเข้ามา ทำให้หมออคินและน้ำส้มผละห่างจากกัน เธอหันกลับไปมองตามเสียง เป็นนักรบที่ป
“จะตายเพราะกินจุแล้วมะนาวเอ๊ย”เอมอรเอ่ยถามพี่ชายด้วยความห่วงใย นักรบให้คำตอบอย่างไม่รีรอ อาการที่ไม่หนักหนาทำให้เอมอรรู้สึกโล่งใจ เธอรู้ดีว่าน้องมะนาวชอบการกินแค่ไหน แต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะเด็กกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต“มะนาวไหนตารบ เด็กที่แกพาไปบริษัทตอนนั้นนะเหรอ” การพูดคุยของลูกสาวกับลูกชาย ชื่อของเด็กน้อยที่คุ้นหู ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้“ใช่ครับแม่ เด็กคนนั้นแหละที่ตัวกลม ๆ เรียกแม่ว่าคุณป้าคนฉวย” เขาให้คำยืนยัน“แล้วอาการเป็นไงบ้าง น่าสงสารจัง แม่ชอบเด็กคนนั้นนะพูดเก่งดูฉลาดดี” อาการเจ็บป่วยของน้องมะนาว ทำเอาคนที่เพิ่งรู้จักนึกห่วง“พรุ่งนี้หมอบอกว่าขอดูอาการอีกหน่อย ถึงจะรู้ว่าจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่” นักรบตอบผู้เป็นแม่ สายตากวาดมองคนในครอบครัว สื่อถึงคำตอบพร้อมเพรียงกันทางสายตา“เด็กหนอเด็กน้อย” หญิงมีอายุที่เอ็นดูเด็กหญิง พร่ำเพรียกด้วยความนึกสงสาร กับอาการป่วยที่คงจะแสนทรมาน“ผมผิดเองแหละแม่ที่ตามใจเธอ ปล่อยให้เธอกินแบบไร้ขีดจำกัดจนป่วยแบบนี้” เมื่อย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นักรบพานกล่าวโทษตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าหมอง การที่น้องมะนาวเจ็บปวดท้อง ทำให้เขารู้สึกผิด“
หลายวันผ่านไปน้องมะนาวร่างกายเป็นปกติ เธอไปโรงเรียนได้เหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมา มีแม่น้ำส้มไปรับไปส่งทุกวัน และก็ยังมีนักรบที่ป้วนเปี้ยนในบางครา ก็เขากำลังพิชิตหัวใจคุณแม่หม้ายลูกติด ต้องคอยหยอดเช้าหยอดเย็น เพื่อให้เธอใจอ่อน น้ำกระทบหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วมีหรือที่นักรบเต๊าะทุกวันเธอจะไม่ใจอ่อนให้แก่เขา อย่างเช่นตอนนี้ที่เขาอาสาเป็นคนขับรถเพื่อไปรับน้องมะนาวที่โรงเรียน จนทำให้ทั้งน้ำส้มและนักรบเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น และเหมือนว่าหัวใจที่ปิดตายของเธอเริ่มจะเปิดคลายเพื่อรับใครสักคนเข้ามาดูแล สิ่งที่นักรบเอาใจใส่กำลังทำให้เธอพ่ายแพ้อย่างราบคาบ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเอง กับความรู้สึกที่เริ่มเผลอไผล ไปตามหัวใจเรียกร้องหา“ให้ผมวางของไว้ไหนครับน้ำส้ม” นักรบถามเมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือ“วางไว้บนโต๊ะในห้องครัวเลยค่ะ เดี๋ยวฉัน ขึ้นไปเก็บของข้างบนแล้วจะลงมาทำกับข้าว” น้ำส้มบอกถึงที่หมายพลางชี้นิ้วไปยังห้องครัว“โอเคครับผม”“น้องทำการบ้านนะคะคุณแม่ขา” เด็กหญิงตัวกลมรู้หน้าที่ของตัวเองเธอวางกระเป๋าใบโปรดแล้วบอกเล่าในสิ่งที่กำลังจะทำนับจากนี้ให้ผู้เป็นแม่รู้“เก่งมากค่ะ”
“อะไรกันน้ำส้มนี่ผมกำลังเสียใจคุณต้องปลอบผมสิ” เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่รักเมินเฉย นักรบจึงดีดตัวลุกแล้วเดินไปหา ซบหน้าลงไหลของน้ำส้มด้วยความออดอ้อนเพื่อหวังให้เธอเห็นใจ“อ้อนคุณแม่ขาของน้องไม่ได้นะคะ น้องทำได้คนเดียว” พฤติกรรมของนักรบอยู่ในสายตาของเด็กหญิง สิ่งที่เธอเคยเห็นทำให้เธอทักท้วงขึ้น เพราะความหวงแม่ ที่นักรบเข้าใกล้มันทำให้เธอต้องพูดแทรกตัดบท“แบ่งกัน ๆ นี่แดดดี้นะ” นักรบพูดขึ้น ตอบกลับน้องสายตาน้องมะนาว“ก็ได้ค่ะ”“ไปนั่งค่ะจะได้ทานข้าว”(ครับ/ค่ะ)จากนั้นทั้งสามคนก็เข้าสู่สถานการณ์ปกติ ร่วมกันทานมื้อเย็นด้วยสีหน้าแช่มชื่นมีความสุข เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่นักรบมาบ้านหลังนี้เขาเปรมปรีดิ์ และอารมณ์ดีมีความสุขในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตอนนี้หัวใจของเขายากจะถอดถอนยิ่งได้อยู่ใกล้ ความผูกพันยิ่งเพิ่มทวีจนที่เขาไม่อยากแยกจาก“ขับรถกลับบ้านดี ๆ นะคะ” น้ำส้มเดินมาส่งนักรบที่หน้ารั้วบ้าน หลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย จนเวลาล่วงเลยมาจนดึกดื่น“ยังไม่อยากกลับเลย อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”“มันดึกแล้ว”มันคืออาการของคนคลั่งรักที่ไม่อยากแยกห่างจากเธอ แม้จะเป็นเพียงแค่เวลาสั้น ๆ ชั่วข้าม
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยสิครับว่าที่ภรรยา” นักรบแซวขึ้นในขณะที่น้ำส้มกำลังถูกรุมด้วยพนักงานร้านวิวาห์ ที่กำลังวัดสัดส่วนเพื่อเก็บรายละเอียดของชุดแต่งงานสีขาวระยิบ ประดับประดาด้วยเลื่อมและไข่มุกแท้ ที่นักรบวางแผนเลือกดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าชื่อดัง“ยังจะมาพูดอีก ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จู่ ๆ ได้มาลองชุดเจ้าสาว คุณควรให้ฉันทำหน้าแบบไหนดีละคะ” น้ำส้มตอบกลับอย่างกระแนะกระแหน สีหน้าของเธอขุ่นเคืองกับการถูกบีบ แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่ดี แต่เขาก็ควรให้เธอได้ตั้งหลักบ้าง“แต่งงานกับผมที่หล่อเหลาอย่างกับพระเจ้าปั้นมา แถมทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็โคตรจะดี เพอร์เฟ็คแบบผมนี่หายากนะจะบอกให้ คุณก็ต้องทำหน้าดีใจสิครับถึงจะถูก มีผู้หญิงมากมายอยากจะได้ผมนะ คุณไม่อยากได้ผมหรือไง” เขาปั้นหน้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ เยินยอคุณลักษณะของตัวเองอย่างภาคภูมิ“เรื่องหลงตัวเองนี่เก่งเหลือเกิน” จากที่ยืนฟังคำเยินยอของนักรบ ทำให้น้ำส้มถึงกับกลอกตามองบนด้วยความระอา“หรือว่าไม่จริง...ไม่เชื่อคุณลองถามพวกเธอดูสิว่าผมเป็นอย่างที่พูดหรือเปล่า พวกคุณว่ายังไงครับ” เขายังคงตีสีหน้ามาดมั่น แถมยังหาแนวร่วมเอ่ยถามความเห็นเหล่าพ
หลายเดือนผ่านไป“นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉันนี่คะ?” น้ำส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้านักรบที่กำลังขับรถบนท้องถนน ในเส้นทางไม่ใช่ทางกลับบ้านของตนเอง“แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณกลับบ้าน” นักรบพูดตอบกลับด้วยความทะเล้น นั่นยิ่งทำให้น้ำส้มรู้สึกฉงนใจ“แล้วจะพาฉันไปไหน?” เธอย้อนถามอีกครั้ง“ถึงก็รู้เองแหละ” เขาตอบเธอด้วยความยียวน“ไม่ได้พาไปขายใช่ไหม?” น้ำส้มเอ่ยทีเล่นทีจริง พร้อมกับรอยยิ้มกริ่มมุมปาก“มันจะได้ราคาเท่าไหร่กันเชียว” นักรบตอบสบประมาท พร้อมกับเลี้ยวซ้ายในซอยหนึ่งที่เป็นปลายทางของสถานที่จะไป“ก็ลองดูไหมล่ะ?” คำหยามที่ไม่จริงจังแต่ช่างปั่นอารมณ์ผู้หญิงให้หัวร้อนได้ จนน้ำส้มต้องเอ่ยประโยคนี้ออกไปด้วยความท้าทาย“ไม่!!!” ทำให้นักรบรีบตอบทันควันด้วยน้ำเสียงแข็งและสีหน้าบึ้งตึง หันมองน้ำส้มตาเขม็ง เขาพูดแซวเล่นเพื่ออยากแกล้ง แต่เธอตลบคำปั่นอารมณ์เขาแทนเสียอย่างนั้น“หวงละสิ” เธอเย้ยเขาและพูดเข้าข้างตัวเอง สะบัดผมไปข้างหลังด้วยความเชิดมั่นใจ“..........” นักรบไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะเงียบและเขารถนิ่ง ๆ ไปตามเส้นทาง เพราะหากพูดมากกว่านี้กลัวว่าน้ำส้มจะสวนคำจนทำให้เขาหน้าเสีย“ไม่ตอบซะด้
“เปรี้ยวจี๊ดแดดดี๊มาแล้วครับ” เสียงของนักรบดังมาแต่ไกล เรียกขานว่าที่ลูกเลี้ยงที่เขารักปานดวงใจ ข้าวของในมือที่เขาซื้อมาให้เธอ ทุกอย่างเป็นของโปรดปรานของน้องมะนาวทั้งนั้น“ว้าว...แดดดี๊ของน้องตัวจริงหล่อเวอร์ ๆ เลยค่ะ” น้องมะนาวที่อยู่ในชุดนักเรียนน่ารัก เดินลงมาจากบันไดพร้อมแม่มองเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของนักรบ จนเบิกตาร้องว้าวด้วยความตื่นตา เขามาในมาดนักรบคนเดิมหล่อเหลาและมีเสน่ห์“เดี๋ยววันนี้คนหล่อเวอร์ ๆ ของน้องจะไปส่งที่โรงเรียนดีไหม?” เขาย่อตัวลงให้เสมอเด็กหญิง แล้วบอกในสิ่งที่จะทำหลังจากนี้ เธอจะมีรอยยิ้มแห่งความสุขทุกครั้งที่นักรบและน้ำส้มไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกัน และวันนี้ก็เป็นการไปโรงเรียนวันแรก หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นเดือน เขารู้เพราะน้องสาวบอกเล่า“เย่ เย่ ดีเวอร์ ๆ ไปเลยค่ะแดดดี๊...คอยดูนะวันนี้น้องจะเอาแดดดี๊ไปอวดกรีนเพื่อนที่มาใหม่ ชอบพูดอวดพ่อกับน้องตลอดเลย” น้องมะนาวชูสองมือท่วมหัว กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ การไปโรงเรียนของเธอไม่ได้มีความสุขเหมือนกับสีหน้าและท่าทาง บางวันเธอถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีพ่อ จนทำให้เธอต้องแอบร้องไห้อยู่ในมุมอับที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาที
“มะนาวเรามีเรื่องต้องเคลียร์กันหรือเปล่าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกสาวตัวกลมที่วิ่งเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนตามเธอขึ้นมาเพื่อรอจับพิรุธเด็กอ้วนผู้ปั่นป่วน“เรื่องอะไรเหรอคะคุณขา” น้องมะนาวแกล้งทำเหมือนไม่รู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งเล่นตุ๊กตาวางท่านิ่งทั้งที่ตอนนี้เธอหัวใจเต้นตุบตุบด้วยความพะวงกลัวแม่จะดุ แม้เธอเป็นคนจุดประทัดจนเสียงดังลั่นบ้าน“ยังจะมาตีหน้าใสซื่ออีกนะเปรี้ยวจี๊ด” เป็นเอมอรที่ยืนมือกอดอกพิงขอบประตูพูดขึ้น ท่าทางของน้องมะนาวในตอนนี้ทำเอาผู้ใหญ่อยากจะขำลั่น แต่ต้องวางฟอร์มนิ่งไว้ไม่อยากให้เธอได้ใจ “ใครกันที่โทรบอกแม่อรว่า ‘แม่อรเกิดเรื่องแล้วค่ะกำลังจะกินหัวกันแล้วค่า’ ประโยคใครพูดน้าคิดสิคิด...ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ใครนะใครที่เป็นคนพูดแบบนี้”“ใครเหรอคะแม่อร” น้องมะนาวก็ยังคงไม่ยอมรับ เธอจดจำประโยคพูดได้ดีว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังไงเฉไฉตาใส เธอหันไปสบตากับนักรบแววตาเปล่งประกายระริกขยิบตาส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจากแดดดี๊ของเธอ เพราะตอนนี้สายตาพิฆาตของผู้เป็นแม่กำลังจดจ้องอย่างจับผิด“ไม่รู้สิ สงสัยลูกหมูแถวนี้มั้ง” เอมอรตอบกลับอย่างเย้าแหย่“เอาล่ะ ๆ ผมว่าให้มันแล้วกันไปดีกว่า
“คุณใจร้ายกับผมมากเลยรู้ไหมส้ม ทำผมเกือบร้องไห้ ขอผมกอดอีกหน่อยให้หายคิดถึงแล้วกัน” เขาพูดกับเธอทันทีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอบกอดเธอแน่นด้วยความคิดถึง ดอมดมตามผิวกายและพวงแก้มจนมันแทบจะช้ำ(“ไม่นะไม่! จะกินหัวกันแล้ว น้องจะทำยังไงดีต้องหาคนมาช่วย”)“แม่อร แม่อร ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่เวอร์ ๆ แล้วค่า แดดดี๊กับคุณแม่ขาจะกินหัวกันแล้วค่า”((“อะไรกินหัวคะมะนาวแม่อรไม่เข้าใจ”) )“แดดดี๊ไง น้องบอกว่าแดดดี๊กับคุณแม่กินหัวกันแล้ว แม่อรรีบมาช่วยหน่อยสิคะ เร็ว ๆ นะคะมาตอนนี้เลย”((“แดดดี๊กลับมาแล้วเหรอ?”) )“ใช่นะสิคะตอนนี้อยู่บ้านของน้อง กำลังงาบหัวกันอยู่ข้างล่าง แม่อรต้องรีบมานะ”((“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอลูก”) )“ก็ใช่สิคะ น้องเห็นเต็มฉองตาเลยรีบโทรหาแม่อรนี่ไง แดดดี๊กัดคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็กัดคอแดดดี๊ขยุ้มผมแดดดี๊ด้วย มันรุนแรงเวอร์ ๆ เลยค่ะแม่อร”((“โอเค ๆ เดี๋ยวแม่อรรีบไปตอนนี้เลย”) )“โอเคค่ะ”พฤติกรรมระหว่างน้ำส้มและนักรบที่น้องมะนาวเห็น สร้างความเข้าใจผิดไปคนละทิศคนละทาง ความเดียงสาที่ยากจะเข้าใจทำให้เด็กหญิงคิดว่าการสัมผัสกันที่เหมือนรุนแรงเป็นการตบตีทะเลาะวิวาท ความคิดของเด็กน้อยท
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังสนุกสนานต้องหยุดชะงักลง(น้องลงมาล้างมือเตรียมทานข้าวได้แล้วค่ะ) เสียงบอกของผู้เป็นแม่ดังลอดผ่านเข้ามาในห้อง“ค่ะคุณแม่...ไปกันค่ะแดดดี๊ คุณแม่ขามาเรียกแล้ว” คำพูดแรกเธอตอบผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยปากชวนนักรบด้วยสีหน้าระรื่นสดใส(รีบลงมานะคะ เดี๋ยวคุณอาธันวาจะรอนาน)“ค่ะ...”(แม่ไปรอที่โต๊ะอาหารนะคะ)“ลุกสิคะแดดดี๊เราไปทานข้าวกัน”“น้องไปเถอะ แดดดี๊ว่าจะกลับแล้วล่ะ”“ทำไมละคะ?”คำเอ่ยชวนของน้องมะนาวแต่นักรบปฏิเสธ ทำเอาเด็กน้อยย้อนถามทันควัน แต่สำหรับนักรบนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า ไร้ตัวตนในสายตาของน้ำส้ม ก็ตั้งแต่ที่เขาก้าวขาเข้ามาเธอก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขับไล่ที่เข้ามาในบ้าน ความเมินเย็นชาทำให้นักรบเกิดประหม่าและสู้หน้าเธอไม่ไหว เขาคิดถึงแทบขาดใจ แต่พอได้อยู่ใกล้ตรงหน้าก็ไม่สามารถกอดเธอให้หายคิดถึง...มันท้อแท้ใจจนต้องบอกกับตัวเองว่าเขาควรพอแค่นี้“แดดดี๊แค่รู้สึกเหนื่อย ๆ น่ะ” เขาตอบเด็กหญิงพลางลูบหัวของเธอเบา ๆ คำพูดของเขาทำเอาเด็กหญิงหน้าเศร้าในทันที“อยู่กับน้องไม่ได้เหรอ น้องยังไม่หายคิดถึ
“น้ำค่ะ” น้ำส้มยื่นแก้วน้ำเย็นฉ่ำให้กับธันวา พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนอันแสนหวาน“ขอบคุณครับ” ธันวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มอบอุ่น สายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาหวานเยิ้มนักรบเดินเข้ามาพร้อมกับน้องมะนาว เขาก็ต้องได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานของเธอเผยต่อหน้าชายคนอื่น เขารีบเดินเข้าไปพร้อมกับสายตาพิฆาตจดจ้องธันวาอย่างเอาเรื่อง รู้สึกขุ่นเคืองไม่ถูกชะตา“คุณแม่ขาแดดดี๊มาทำไมคุณแม่ไม่คุยกับแดดดี๊ละคะ?” เด็กหญิงสงสัยจึงได้เอ่ยถามผู้เป็นแม่ไปแบบนั้น“น้องสวัสดีคุณอาธันวาหรือยังคะ?” น้ำส้มแสร้งไม่สนใจคำถามของลูกสาว เธอบ่ายเบี่ยงด้วยการย้อนน้องมะนาวแทน“หรือว่ากูตายแล้วเหรอวะถึงมองไม่เห็น” นักรบที่นั่งชิดกับน้องมะนาว เขาบ่นกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความสงสัย เพราะน้ำส้มไม่คุยกับเขาเลยตั้งแต่มาถึง เขาหายหน้าไปนานหลายสิบวันขนาดนี้ เธอไม่คิดถึงเขาเลยหรืออย่างไร ทั้งที่ข้อความก็บอกว่าคิดถึงและรักมากมาย แต่ไหนเลยพอมาหาถึงได้เมินเฉยอย่างกับมองไม่เห็น“สวัสดีค่ะ” น้องมะนาวยกมือไหว้ธันวาอย่างนอบน้อม สายตาก็มองหน้าของผู้เป็นแม่กับนักรบสลับกันไปมา ก็เธอสงสัยไม่หาย ทำไมแม่ถึงไม่ทักทายแดดดี๊ทั้งที่บ่นคิดถึงไม่ต่างกันในวันที่ผ
“ใครธันวา?” นักรบเอ่ยถามน้ำส้มด้วยแววตาขึงขังหลังจากที่น้องมะนาวเดินเข้าไปบ้านจนลับสายตา ชื่อผู้ชายมันแสลงหูทำให้เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด“จะใครก็เรื่องของฉันค่ะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” น้ำส้มบอกปัดพร้อมกับดันหลังของนักรบเดินออกไปจนพ้นประตูบ้าน จากนั้นเธอก็รีบล็อกกลอนทันที“ส้มเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ บอกผมมาว่าไอ้ธันวานั่นมันเป็นใคร น้ำส้ม!” นักรบตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้าน พยายามงัดแงะประตูก็ไม่สามารถทำให้ประตูเปิดออกได้ ตอนนี้เขาหัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายเหมือนไฟสุมอยู่ในอก เขาหวงเธอยิ่งกว่าอะไร ยิ่งมีผู้ชายเข้าใกล้ก็ยิ่งหัวร้อน“เข้าผิดบ้านก็อย่ามาโวยวาย เชิญค่ะ”“ผมไม่ไปบอกมาว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร อย่าทำให้ผมหมดความอดทนนะ”“มีสิทธิ์อะไรมาขู่ฉันห๊ะไอ้โจรหนวดบ้า! อย่าไม่ไปฉันแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”“โจรบ้าบออะไรนี่ผมผัวคุณนะน้ำส้ม! น้ำส้ม!”น้ำส้มพูดขู่ทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังให้นักรบเดินเข้าบ้านอย่างไม่แยแส และไม่หันกลับมามองคนที่หัวร้อนอยู่ด้านหลังที่ยังโวยวายเหมือนหมาบ้า เธอนึกขำกับภาพของเขาตอนนี้ เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้านเหมือนกับการแกล้งเขานั้นมันสนุกสนานอย่างกับเล่นเครื
“คุณคะ? คุณได้ยินฉันไหม” ความเงียบนิ่งทำให้น้ำส้มต้องเพิ่มน้ำหนักเสียงถามอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกับคนไม่รู้จักกันจริง ๆ ล้วนเกิดจากการแสดงทั้งนั้น“..........” ยิ่งเหมือนจะยิ่งตอกย้ำความเสียใจแก่นักรบ เมื่อคำถามแสนห่างเหินแว่วเข้ามาให้ได้ยิน เขาน้ำตาเอ่อคลอไม่ต่างจากที่น้องมะนาวปฏิเสธก่อนหน้า เข่าอ่อนจนแทบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ฝืนยืนต่อให้มั่น สมองเหมือนตันไปกับคำถามของเธอที่อยู่ตรงหน้า“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ?” น้ำส้มแสร้งถามย้ำ แม้สีหน้าของนักรบจะดูไม่สู้ดี แต่เธอก็ยังอยากจะพูดแกล้งต่อ นั่นก็เพราะเธออยากจะเอาคืนข้อหาทำให้เธอเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนแทบไม่หลับตลอดเวลาที่ผ่านมา“น้ำส้ม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิวและสั่นเครือ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปทันตากับคำถามนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนหากเราไม่ได้รู้จักกัน หรือไม่งั้นคุณก็อาจจะจำบ้านผิดหลัง...เข้าบ้านกันค่ะมะนาว” เธอพูดกับเขาก่อนจะก้มหน้าพูดกับลูกสาวที่ยืนเคียงข้าง คำพูดที่ห่างเหินมันตัดรอนหัวใจของนักรบจนแทบพูดไม่ออก ได้แต่มองผู้หญิงที่รักกับลูกสาวเดินเข้าบ้านไปจนลับสายตาด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ ปากขยับพูดรั้งเธอ