อยู่กับผัวก็ได้...
“ฮัลโหล...พี่เต็ม ทำอะไรอยู่ ว่างไหมคะ” ลิลลี่ถามขึ้น เมื่อปลายสายกดรับ “รีบบอกเร็วๆ ทำไมต้องถามยืดเยื้อด้วย” เสียงของโคเยอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นเสียงของผู้ชาย ‘แฟนของเธอหรือเปล่านะ’ “เอ๊ะ! นายนี่ คนกำลังคุยอยู่นายเห็นไหม ทำไมต้องพูดแทรกด้วย” ลิลลี่หันไปแว้ดใส่ชายหนุ่มที่พูดแทรกขึ้นมาดังๆ เหมือนตั้งใจจะให้คนในสายได้ยินว่าเธออยู่กับผู้ชาย โคเยอร์เห็นว่าคนตัวเล็กหงุดหงิดและบ่นให้กับเขา แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังทำหน้าทำตาเลื่อนลอยไม่รู้ไม่ชี้ใส่เธออีกด้วย “ก็รีบพูดรีบบอกเร็วๆ สิ มัวแต่ถามสารทุกข์สุกดิบอยู่นั่นแหละ” โคยพูดออกมาด้วยสีหน้าบูดๆ บึ้งๆ ไม่รู้ว่าบูดบึ้งเพราะอะไรด้วยซ้ำ เขารู้แค่ว่าเขารู้สึกหงุดหงิดในใจที่เห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น “นายนี่ท่าจะประสาท” ลิลลี่บ่นให้เขา “เออ! ช่างฉันเถอะ รีบบอกมันไปเร็วๆ” โคยรีบบอกปัด แล้วโบ้ยให้ลิลลี่รีบบอกกับคนในสาย “เรียกมันได้ยังไง เขาอายุมากกว่าเราอีกนะ” ลิลลี่ขัดขึ้น เมื่อได้ยินเขาเรียกคนในสายว่า ‘มัน’ “เร็วๆ เถอะน่า” โคยเร่ง “นายนี่...” ลิลลี่หมดคำที่จะพูดกับคนหัวดื้อกวนประสาทแบบเขา เลยหันไปพูดกับคนในสายแทน “พี่เต็ม...ตอนนี้ได้อยู่กับเฮียบรูคไหมคะ” ลิลลี่เอ่ยถามคนในสาย ‘ตอนนี้นายทำงานอยู่กับนายหญิงแสนซนครับ คุณหนูลี่มีอะไรด่วนกับนายไหมครับ’ เต็ม...เป็นลูกน้องคนสนิทของบรูคลิน พี่ชายฝาแฝดของลิลลี่ เธอจะให้เขาช่วยมาเอารถของเธอไปไว้ที่คอนโดให้เธอหน่อย “แล้วตอนนี้พี่เต็มว่างไหมคะ” ลิลลี่ถามเข้าเรื่อง ‘ว่างครับ ยังไม่ได้ทำอะไร’ เต็มบอกคุณหนูของเขา “พี่เต็มช่วยมาเอารถของลี่ที่จอดไว้ที่มหาลัย ไปไว้ที่คอนโดให้ลี่ได้ไหม” ลิลลี่บอกกับเต็มที่เป็นลูกน้องของพี่ชาย ‘แล้วคุณหนูลี่ไปไหนครับ ทำไมไม่เอารถไปด้วย’ เต็มถามอย่างสงสัย “ลี่เอ่อ...ลี่...พอดีว่าลี่กลับกับเพื่อน...” “ผัวก็ได้!” เสียงของโคเยอร์พูดแทรกขึ้นมาดื้อๆ ในขณะที่เขายังยืนค้ำร่างเล็กอยู่ที่ประตูรถของเขา “นี่!! จะบ้าเหรอ” ลิลลี่แว้ด พร้อมกับทำหน้าถมึงทึงใส่คนพูด แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้กลัวหรือสนใจหญิงสาวแม้แต่น้อย ยังคงปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เธอเหมือนเดิม ‘คุณหนูอยู่กับใครนะครับนั่น’ เต็มถามออกมา เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชาย ซึ่งปกติคุณหนูคนกลางของบ้านจะไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร หรือจะไม่มีเพื่อนที่เป็นผู้ชายเลย “เพื่อนที่คณะค่ะ พี่เต็มมาเอารถให้ลี่หน่อยนะ เดี๋ยวฝากกุญแจไว้กับอาจารย์ที่อยู่ใต้คณะ” ลิลลี่บอกเต็ม และพยายามรีบตัดบทเพื่อจะวางสายให้ไวที่สุด ‘ได้ครับคุณหนู’ เต็มรับคำสั่งของเจ้านายน้อยของเขา ลิลลี่เมื่อได้ยินว่าเต็มตอบรับคำขอของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอรีบกดตัดสายของเต็มทันที ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอจะพูดอะไรออกมาอีกให้เต็มสงสัยมากกว่านี้ และหากว่าเต็มรู้เรื่องของเธอกับชายหนุ่มคนนี้ อาจจะเอาไปบอกพี่ชายเธอได้ และเรื่องก็จะยุ่งขึ้นไปอีก “ไปกันได้แล้ว เสียเวลา” โคยเอ่ยบอก พร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งข้างคนขับ แต่ลิลลี่กลับไม่ได้เข้าไปนั่งในรถ เธอทำท่าจะเดินออกจากรถไป จนโคยเยอร์เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “จะไปไหน!!” โคยร้องถามคนตัวเล็ก พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างเห็นได้ชัด “ปะ...ไปหาอาจารย์! นายจะถามเสียงดังทำไมเนี่ย จะเอากุญแจไปฝากไง” ลิลลี่หันมาตอบเขาอย่างเร็ว เพราะว่าเขานั้นตะโกนออกมาจากในรถเสียงดังจนคนแถวๆ นั้นหันมามองที่พวกเขาเป็นจุดเดียว “ก็ไม่รู้ไง คิดว่าจะหนี เลยตกใจถามเสียงดังไปหน่อย ไปเร็วๆ มาเร็วๆ คิดถึง” โคเยอร์ตอบร่างเล็กด้วยสีหน้ายิ้มๆ กวนๆ “นายนี่ ฉันหมดคำจะด่าจริงๆ นะ” ลิลลี่บ่นอุบอิบ “หมดคำจะด่าก็ไม่ต้องด่าสิ เปลี่ยนเป็นชมก็ได้ ฉันไม่ถือสาหรอก” โคยยังต่อปากต่อคำกับลิลลี่ หญิงสาวเถียงเขาไม่ออก หากยังเถียงอยู่แบบนี้ท่าทางวันนี้น่าจะเถียงกันไม่จบ เธอเลยทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา และเดินเข้าคณะไปทันที ไม่นานไม่ช้า ลิลลี่ก็เดินกลับมาที่รถที่เขาจอดและติดเครื่องยนต์รออยู่เงียบๆ “รีบไปกันเถอะ” ลิลลี่เอ่ยบอกกับคนที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถ “หื้อออ รีบขนาดนี้ คิดอะไรกับฉันหรือเปล่าเนี่ย อย่าบอกนะว่าวางแผนจะลวนลามฉันน่ะ” โคยพูดยิ้มๆ แกล้งคนตัวเล็ก ยิ่งเห็นว่าเธอนั้นโมโหกับคำพูดของเขา เขาก็ยิ่งชอบและอยากแกล้งเธอมากขึ้นไปอีก เพราะว่าตอนที่เธอโมโหนั้นมันดูน่ารักในสายตาของเขามากเลย “รู้ไหมว่าฉันคุยกับนายแล้ว ปวดหัวมากเลย ไปส่งฉันแค่หน้าคอนโดก็พอนะ” ลิลลี่พูด เมื่อเขาเริ่มเคลื่อนรถออกไป “อ้าว...ไม่ให้ขึ้นไปส่งถึงในห้องเหรอ” โคยหันมาพูดกับเธอแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้าต่อ “ตลกแล้ว ใครจะให้ผู้ชายแปลกหน้าขึ้นไปยะ” ลิลลี่ส่งสายค้อนขวับให้เขา “ใครบอกแปลกหน้า เคยเข้าไปในตัวเธอมาแล้วครั้งหนึ่งนะ” โคยบ่นพึมพำในลำคอให้ตัวเองได้ยินเพียงคนเดียว “นายว่าอะไรนะ” ลิลลี่หันมาถาม เมื่อได้ยินเขาบ่นอุบอิบ “ไม่มีอะไร ว่าแต่เธอชื่ออะไรนะ คุยมาตั้งนานละ ยังไม่ได้ถามชื่อเลย” โคยเอ่ยถาม ความจริงแล้วเขารู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ เขานั้นชื่อว่าอะไร เพราะเขาดูจากชื่อที่สลักในจี้รูปฟันเฟืองเกียร์วิศวะที่ห้อยอยู่ที่คอ...ของเขา “ลิลลี่...อยู่วิศวะคอมพิวเตอร์ปี 4 จบแล้ว วันนี้มาส่งงานชิ้นสุดท้ายให้อาจารย์ แต่ดันซวยมาเจอเรื่องยุ่งยากนี่เสียได้” ลิลลี่ตอบเขา พร้อมกับบ่นอุบใบหน้าหวานบูดบึ้ง ชายหนุ่มแอบลอบมองใบหน้าเล็กนั้นอยู่เป็นระยะ “ลี่...” โคยเอ่ยเรียกชื่อของเธอสั้นๆ “ลิลลี่! ไม่ใช่ลี่ เรายังไม่สนิทกัน จะมาเรียกสั้นๆ ได้ยังไง” ลิลลี่ทักท้วง “สนิทแล้ว...” โคยตอบกลับทันที “สนิทกันยังไง สนิทเมื่อไร เราเพิ่งรู้จักกันวันนี้เองนะ” “แค่รู้จักชื่อกันและกันแล้ว นั่นแปลว่าเราสนิทกันเรียบร้อยแล้ว เธออาจจะยังไม่สนิทกับฉัน แต่ฉันสนิทกับเธอแล้ว เนื้อแนบเนื้อเลยด้วย” ชายหนุ่มพร้อมกับอมยิ้ม เขานึกไปถึงเหตุการณ์ในคืนวันนั้น “นายนี่ทำไมถึงชอบพูดอยู่ในลำคอนะ ชอบพูดคนเดียวเหรอ ไม่มีเพื่อนหรือไง” ลิลลี่พูดประชดชายหนุ่มที่ชอบพูดเสียงเบาๆ ให้ได้ยินอยู่คนเดียว “ไม่ได้ชอบพูดคนเดียว ไม่ใช่คนบ้า อยากพูดกับเธอ” โคเยอร์ส่งสายตานิ่งหวานให้ร่างเล็ก “คะ...โคย...” ลิลลี่ใบหน้าแดงจัดด้วยความเขินอาย เมื่อได้ยินที่เขาพูด “ห้ะ?” โคยขานรับ เมื่อร่างเล็กเรียกชื่อเขา “ฉันเรียกแบบนี้ได้หรือเปล่า” ลิลลี่ขออนุญาตเขาเสียงเบาๆ กลัวว่าเขาจะไม่ชอบให้เรียกแบบนี้ “เรียกสิ! นั่นมันชื่อฉันจะเรียกก็ไม่ได้ว่าอะไร” โคยตอบเธอหน้าตาเฉย ความจริงแล้วชื่อของเขาจริงๆ คือ โคเยอร์ ชื่อที่พ่อและแม่ของเขาตั้งให้ตั้งแต่เด็กๆ และเรียกแบบนี้มาตลอด แต่ชื่อโคยเป็นชื่อที่น้าเขตพี่เลี้ยงของเขาใช้เรียกเขามาตั้งแต่เขาเกิด เขตเป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อเขา จากที่เคยสร้างตำนานเอาไว้มากมายในสมัยรุ่นของพ่อและแม่เขา พอเขาคลอดออกมาก็ได้น้าเขตเป็นคนช่วยเลี้ยง และเรียกชื่อนี้มาตลอด เหตุผลเพียงเพราะว่า ชื่อนี้ไม่มีคนใช้ เราจะได้เป็นตำนานหนึ่งเดียว และเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรที่มีคนเรียกแบบนี้ “จอดด้านหน้าตึกนี้แหละ เดี๋ยวฉันเดินขึ้นไปเอง” หญิงสาววเอ่ยบอกเขา เมื่อขับมาจอดยังหน้าตึกคอนโดหรูหราแห่งหนึ่ง เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ลิลลี่ทำท่าจะลงจากรถไป แต่ก็โดนมือหนาคว้าเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยว ระวัง!!”ฉันต้องอยู่คอนโดเธอแล้วแหละ “เดี๋ยว ระวัง!!” เสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถซูเปอร์คาร์สุดหรู มือหนาของชายหนุ่มรีบคว้าเข้าที่ข้อมือเรียวเล็กอย่างเร็ว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถลงกลับขึ้นไปบนคอนโดของเธอ “ว้าย!!” เสียงเล็กแหลมอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกกระชากดึงข้อมือให้ร่างเล็กล้มลงกลับเข้าไปในตัวรถคันเดิมอีกครั้ง “ชู่ววว เบาๆ อย่าเสียงดัง” เสียงทุ้มกระซิบแแผ่วเบา พร้อมกับกดศีรษะเล็กให้หมอบลงแนบกับเบาะรถ คล้ายกับว่ากำลังจะหลบอะไรสักอย่าง “อะไรของนายเนี่ย” ลิลลี่ทำน้ำเสียงหงุดหงิดถามเขา ในขณะที่ยังโดนชายหนุ่มใช้มือหนากดศีรษะเอาไว้อยู่ “เธอไม่เห็นหรือยังไงว่ามีคนน่าสงสัยดักรออยู่หน้าคอนโดเธอ ลูกน้องของไอ้พวกนั้นแน่ๆ นี่มันมาเฝ้าถึงหน้าคอนโดเธอเลยเหรอ มันรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มพูดขึ้น ลิลลี่ดันศีรษะขึ้นมามองแต่ก็ยังโดนชายหนุ่มกดอยู่เล็กน้อย “นี่นายจะกดหัวฉันทำไมเนี่ย” ลิลลี่โวยวายเล็กน้อย “ก็เดี๋ยวไอ้พวกนั้นเห็น” เขาบอก “จะเห็นได้ยังไง? ก็ในเมื่อฟิล์มรถนายมันเป็นแบบทึบ!” ลิลลี่แว้ดใส่เขา ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นแล้ว
ฉันเอาตาย... (จนได้) “ไม่กลัวตายเลยใช่ไหมวะ?!!” เสียงทุ้มตวาดลั่น พร้อมกับออกแรงกระชากร่างเล็กไปปะทะเข้ากับอกแกร่งอย่างแรง แล้วลากร่างบางกลับขึ้นรถไปอย่างหัวเสีย ปึง!! เสียงปิดประตูรถหรูดังลั่น หลังจากที่คนตัวโตจับร่างเล็กเข้าไปในรถของเขาได้สำเร็จ “โคย...” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวเรียกชื่อเขาแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่จับเธอกลับขึ้นมาที่รถด้วยสีหน้าหงุดหงิด หัวเสีย ไม่ใช่เพราะหญิงสาวไม่เชื่อฟังเขา แต่เป็นเพราะเธอไม่ยอมหลงกลแผนการของเขาต่างหาก “อยากตายหรือไง ทำไมไม่เชื่อฉัน!!” เสียงของเขายังคงดังและตวาดลั่นใส่เธอ ก่อนจะออกแรงกระชากเกียร์รถถอยหลังออกจากตรงนั้นอย่างเร็ว เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนพวกนั้นวิ่งมาจะถึงตัวรถของเขาและเธอแล้ว “ก็ฉันไม่คิดนี่นา ว่ามพวกมันจะกล้าทำจริงๆ หรือพวกนั้นแค่จะเข้ามาถามทางฉันหรือเปล่า” ลิลลี่คิดไปในทางที่ดีเอาไว้ก่อน “ถามทางบ้าอะไรพุ่งมาหาซะขนาดนั้น” โคยพูดตอบคนตัวเล็ก ในขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่ถนนหนทางเบื้องหน้า “นี่ฉันจะอยู่คอนโดตัวเองไม่ได้แล้วเหรอ งั้นนาย...ช่วยไปส่งฉันที่คอนโดเลดี้ได้ไหม” ลิลลี่บอกกับเขา “เลดี้ คือใคร”
หนีโคยไม่พ้นหรอก ลิลลี่ เดินตามหลังชายหนุ่มเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์เข้ามาในลิฟท์อย่างเงียบ ในใจก็ครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่ไปต่างๆ นาๆ อยู่ตลอดเวลา “วางแผนอะไรในใจอีก” เสียงทุ้มของโคเยอร์ที่ยืนมองคนตัวเล็กอยู่ในลิฟท์ “แผนอะไร ไม่มีอะไรสักหน่อย นี่นายเห็นฉันเป็นคนชั่วร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ลิลลี่เอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่เหมือนกับว่าเขากำลังแอบหลอกด่าเธออยู่อย่างนั้น “ก็ไม่รู้สิ สีหน้าเธอมันบอก” โคเยอร์ยังต่อปากต่อคำอีก “ฉันไม่ใช่คนที่มีแผนการร้ายๆ อยู่ในหัวตลอดเวลาแบบนายหรอกนะ แล้วอีกอย่างนะ ฉันอายุมากกว่านาย ช่วยเรียกฉันแบบให้เกียรติด้วย” หญิงสาวพูดขึ้น แต่สีหน้าก็ยังเจือด้วยความหงุดหงิดแบบไม่ลดลงเลย “อยากให้เรียกว่าอะไร พี่สาว? เจ๊? หรือว่าที่รักดี?” โคเยอร์ยียวนกวนโมโหเธอ เพราะรู้ว่าเธอยิ่งโมโหก็ยิ่งน่ารักสำหรับเขา “นี่! อย่ามาลามปาม ฉันอายุเยอะกว่านาย แถมเราก็ไม่ได้สนิทกันจะมาเรียกที่รักได้ยังไง” ลิลลี่บ่นอุบให้กับชายหนุ่มที่ดูจะเป็นเด็กมากว่าเธอหลายปี แต่ดันมาพูดจาตีสนิทกับเธอเหมือนรู้จักกันมาก่อนเสียอย่างนั้น ‘ทำไมจะเรียกแบบนั้นไม่ได้ ก็เคยเอากันมาแล้ว’ โคเย
ไม่ใช่ยาพิษ ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าดังถี่ขึ้น เมื่อฟังจากเสียงที่กระทบกับพื้นปูนข้างตึกก็รู้ว่าเป็นเสียงของรองเท้าผ้าใบของคนที่ตัวไม่ใหญ่มากนัก “จับมันไว้เร็ว!!” เสียงทุ้มดุ ไล่ตามหลังมา พร้อมกับชายวัยรุ่นในชุดช็อปสีแดงเข้มเลือดหมูวิ่งตามมาอีกหลายคน วิ่งมาไม่นานก็สามารถตามถึงตัวคนตัวเล็กได้ทัน “กรี๊ดดดด พวกแกจะมาจับฉันทำไม” เสียงเล็กแหลมร้องกรี๊ดปนหอบ “หยุด! ถ้าไม่หยุด กูจะยิงแม่งตรงนี้เลย” เสียงตวาดกร้าวของชายที่วิ่งตามมาจนทันเข้ากับร่างบางของลิลลี่ จนทำให้ร่างเล็กต้องหยุดชะงักทันทีที่ได้ยิน “ฉันไปทำอะไรให้พวกนาย ถึงได้มาวิ่งไล่ตามฉัน ตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย” ลิลลี่เอ่ยถามเสียงสั่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะว่าคนเหล่านี้มาเฝ้าเธอตั้งแต่เช้า ตั้งแต่เธอนั้นเข้ามาที่ร้านคาเฟ่ของเธอข้างมหาลัย และตอนนี้เธอก็เข้ามาในมหาลัย เพราะคิดว่าในมหาลัยคนเยอะ พวกนั้นอาจจะไม่กล้าตามหรือทำอะไรมากไปกว่าตามห่างๆ แต่ที่ไหนได้ พวกนั้นตามติดไม่ลดละจนเธอต้องวิ่งหนีมาทางตึกด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านผ่านไปมาเพื่อจะแอบซ่อน หูตาพวกนั้นกลับไวและมีลูกน้องมากเกินไปจนเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาไปได้
นายเป็นใครนะ? (ผัวเธอ!) โคเยอร์เปิดประตูด้านคนขับ ลงมาจากรถ สายตาดุกร้าวจ้องเขม็งพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคาดโทษ เขต...เปิดประตูรถลงมาจากทางด้านข้างคนขับ พร้อมกับมองไปรอบๆ เช่นเดียวกัน “คุณหนูโคย...เดี๋ยวผมจัดการไอ้พวกนั้นเอง คุณหนูพาเธอคนนั้นกลับไปก่อนเถอะครับ ดูเหมือนเธอจะอาการไม่ค่อยดีเท่าไร” เขตหันไปบอกคุณหนูของตัวเองที่เขาเลี้ยงมากับมือตั้งแต่คลอด เพราะเขาคือลูกน้องคนสนิทของพ่อโคเยอร์ ที่สร้างตำนานมาแล้วตั้งแต่รุ่นของพ่อเขา “ฝากทางนี้ด้วยนะอาเขต แค่สั่งสอนก็พอ เดี๋ยวที่เหลือผมมาจัดการเอง ผมไปจัดการเด็กดื้อก่อน” โคยพูดกับพี่เลี้ยงคนสนิทของตัวเอง ก่อนจะเบนสายตาคมไปทางร่างเล็กที่นั่งกอดตัวเองคุดคู้อยู่หน้ารถของเขาที่เดิม “ได้ครับ...เสร็จแล้วให้ผมกลับไปหานายใหญ่เลยไหม? หรือคุณหนูต้องการให้ผมช่วยอะไรอีก” เขตถามคุณหนูที่เขาเลี้ยงมากับมือกลับ “ไม่เป็นไรครับ อาเขตกลับไปหาพ่อเลยก็ได้ แต่...อย่าเพิ่งบอกพ่อเรื่องนี้นะ เดี๋ยวผมเป็นคนบอกเอง” โคยย้ำกำชับกับพี่เลี้ยงของตัวเอง เขายังไม่อยากให้พ่อที่เป็นมาเฟียรับรู้เรื่องวุ่นๆ ของเด็กๆ อย่างพวกเขา เรื่องคู่อริเดี๋ย
ฉันนอนกับคนอื่นไม่ได้ “แม่งเอ้ย!!ทำไมดื้อแบบนี้วะ!” เสียงทุ้มของโคเยอร์สบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อหันไปทางร่างบาง ที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ตอนนี้ร่างบางแทบจะเปลือยเหลือเพียงชุดชั้นในตัวบางแล้ว จากการที่เธอดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเองจนเกือบหมด เสียงเบรกรถที่ดังสนั่นลั่นโรงจอดรถของตึกที่มีเพ้นท์เฮ้าส์ของโคเยอร์อยู่ ทำให้ยามรักษาความปลอดภัยถึงกับเดินมาดูความเรียบร้อยที่รถของเขา แต่เนื่องด้วยฟิล์มรถของเขาเป็นสีดำ ต้องมองจากด้านในออกไปเท่านั้นถึงจะเห็น คนภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ ทำให้ยามที่เดินมายังรถเขาไม่เห็นร่างที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นของลิลลี่ ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น โคยหันไปทางกระจกด้านข้างคนขับก็เห็นว่ามียามยืนรออยู่ เขาลดกระจกลงเพียงนิดหน่อย เพื่อไม่ให้ยามมองเข้ามาได้ เพราะไม่อย่างนั้นยามจะเห็นคนตัวเล็กที่แทบจะเปลือยของลิลลี่ได้ “เอ้า! คุณโคเยอร์มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?” ยามรักษาความปลอดภัยพูดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่ลดกระจกลงเป็นใคร “ไม่มีอะไรหรอก” โคเยอร์รีบปฏิเสธแล้วปิดกระจกขึ้นทันที แล้วหันมาสนใจร่างบางข้้างๆ ต่ออย่างหั
ผัวเธอคืนนั้น...ก็ฉันนี่แหละ!(NC) “ไม่ได้! ฉันนอนกับคนอื่นไม่ได้ เพราะ....” “เพราะอะไร? เธอมีผัวแล้ว” โคเยอร์ถามออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาวร่างนุ่มนิ่มที่นอนบิดเร้าไปมาอยู่บนที่นอน ด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม ก่อนจะใช้มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็ก ออกแรงดึงร่างนั้นให้ลุกขึ้นมาปะทะเข้ากับอกแกร่งอีกครั้ง “อื้ออออ มะ...มีแล้ว!!” ลิลลี่ตอบออกไปแบบนั้น ทำให้ร่างสูงถึงกับอารมณ์ขุ่นมัวหนักมากขึ้นกว่าเดิม จากที่แค่หงุดหงิด กลายเป็นโกรธขึ้นมาทันที โคเยอร์ออกแรงเหวี่ยงร่างเล็กให้หลังไปกระแทกกับกำแพงห้องนอนอย่างแรง ทำให้ลิลลี่ถึงกับนิ่วหน้าใส่คนตัวโตด้วยความเจ็บ โคเยอร์ที่ยืนเอาท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้างของเขาคร่อมเธอไว้ให้เผชิญหน้ากับเขา ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะเจ็บแค่ไหน เขาสนใจแค่ว่าตอนนี้เขาไม่ชอบใจที่ได้ยินว่าเธอมีสามีแล้ว ถ้าเธอบอกว่าแค่มีแฟนเขาก็จะไม่โกรธขนาดนี้เลย ลิลลี่เหงื่อเริ่มออกเต็มตัว เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าผากนวลจนเกือบจะเปียกโชก ลมหายใจหอบแรงมากขึ้น อาการร้อนจากภายในร่างกาย “จะ...เจ็บ นายโกรธอะไรฉันเนี่ย” คนตัวเล็กในวงล้อ
โคยเต็มใจช่วย (NC) “กรี๊ดดดดดดด” แม้เขาจะถูไถกับน้ำหวานเยิ้มเพื่อลดการเสียดสีแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของหญิงสาวเหมือนกับในคืนนั้น แต่ความเจ็บก็เกิดขึ้นอยู่ดี ลิลลี่กัดฟัน เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ร่างกายสะท้านสั่น ร่องสวาทเริ่มผลิตน้ำหวานออกมามากขึ้น “ยังแน่นอยู่เลย” โคยพึมพำ เมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นแกร่งเข้าไป สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรกเขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าคงไม่เจ็บมากมาย เพราะไม่ใช่ครั้งแรก ก็ครั้งแรกนั้นเขาเป็นคนได้ไปแล้วตั้งแต่คืนนั้น แต่ถึงแม้ว่าจะรู้แบบนั้นด้วยอารมณ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดหรือเบาลงเลย เขากดสะโพกเข้าหาร่างเล็กอย่างหนักหน่วง เนิบนาบช้าๆ ในตอนแรกจนร่างเล็กเกร็งไปทุกสัดส่วน เพราะตอนนี้ช่องรักของเธอบีบรัดกายแกร่งของเขาแน่น จนเขาแทบขยับไม่ไหว หากขยับมากเกินไปเขาจะเสร็จเสียตอนนี้แน่ๆ โคยก้มลงประกบปาก ลิ้นอุ่นลากเลียไปตามริมฝีปากสาวที่เม้มปิดสนิท เพื่อให้ปากเล็กเผยอออกรอรับลิ้นของเขา เพื่อลดอาการเกร็งให้เธอผ่อนคลาย ปึก! “กรี๊ดดดดด” เสียงกรีดร้องลั่นดังออกมาอีกครั้ง แต่ดังอยู่ในลำคอเท่านั้น เพราะปากของเธอโดนปากของเขาประกบปิดไว้ ด้ว
Special คิลเลอร์และเมแกน 3 ปีต่อมา “เห้ย!! โคเยอร์ทางนี้ๆ” เสียงกลุ่มเพื่อนชายที่โบกมือเรียกโคเยอร์อยู่ที่โต๊ะลายหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกเรียนในคณะของเขา “พวกมึงยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ ไม่มีเรียนแล้วนี่ กูก็ส่งงานเสร็จละ จบละ” โคเยอร์ถามเพื่อน วันนี้เขามาที่คณะ เพื่อมาส่งงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา แต่พวกเพื่อนของเขาต้องเข้าเรียนเก็บชั่วโมงอีก หลังจากที่เขาแต่งงานและพักการเรียนไปได้สองปี เขาก็กลับเข้ามาเรียนใหม่จนจบได้ภายในปีเดียว “เพิ่งออกจากห้องเรียนเมื่อกี้ มารอเจอหลานกูก่อน มาๆ ให้กูอุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาโคเยอร์ ที่ในอ้อมแขนนั้นมีเด็กน้อยรูปร่างจ้ำม่ำ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวใส แก้มป่อง ผมสีดำขลับสั้นๆ แต่หยักศกเล็กน้อย ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วสร้างความน่าเอ็นดูให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย “กูขออุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาเด็กน้อยมาอุ้ม “มายุ่งกับลูกกูอีกแล้ว อยากอุ้มทำไมไม่มีเป็นของตัวเองกันวะ” โคเยอร์บ่นให้กับเพื่อน ที่รอจะเจอและอุ้มลูกเขา เมื่อรู้ว่าวันนี้เขาเอาลูกมาด้วย วันนี้ลิลลี่ไม่ว่าง
ลิลธิกาแต่งงานกับกฤตินนท์ นะ! (The End) “โคยมีอะไรจะบอกลี่ไหม?” เสียงของลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยถามชายคนรักที่กำลังทอดสายตามองไปด้านหน้าท้องถนน “แต่งงานกับโคยนะลี่” โคเยอร์เอ่ยขอคนรักแต่งงานด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง พวงมาลัยรถถูกหักเข้าข้างทาง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่มีแต่ป่าเขา ไร้ผู้คนและบ้านของผู้คนอยู่อาศัย เครื่องยนต์ของรถถูกดับสนิท โคเยอร์หันใบหน้าหล่อเหลาเข้าหาลิลลี่ที่ตอนนี้ก็หันมองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน “โคยมั่นใจแล้วใช่ไหมถึงพูดมันออกมา” ลิลลี่ถามย้ำ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมั่นใจแค่ไหน ถึงขนาดเอาผู้ใหญ่มาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเธอถึงที่บ้าน “มั่นใจ 100% เลย โคยรักลี่ รักมาก และก็รักลูกด้วย ตอนนี้โคยมั่นใจแล้วด้วยว่าสามารถดูแลลี่กับลูกได้ตลอดไปแล้ว ไม่อดตายแน่ แค่โคยยังเรียนไม่จบ เลยพักการเรียนไว้ก่อน รอลูกคลอดแล้วค่อยกลับไปเรียน” โคเยอร์บอกกับคนรัก พร้อมกับยกมือหนาขึ้นลูบบริเวณหน้าท้องน้อยของคนรัก “มั่นใจแค่ไหนที่จะดูแลลี่ได้ตลอด” เธอถามกลับอีกรอบ “มั่นใจมาก ลี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยนะ ถึงโคยจะยังเรียนไม่จบ แต่โคยก็มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเป็นขอ
จุดจบคนไม่สำนึก! “ถ้าเธอไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อของเธอดู!” เสียงทุ้มแค่นเสียงเป็นเชิงเย้ยหยันพูดกับน้ำขิงที่นั่งกอดผู้เป็นพ่ออยู่ที่พื้นเบื้องหน้าของทุกคน “ทำร้ายลูกกับหลานฉันอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ลูกกับหลานของฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้แม้แต่นิดเดียว เธอกล้ามากนะ คงยังไม่รู้จักฉันสินะ” บอมพ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว “แล้วแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมารุมฉันกับพ่อแบบนี้” น้ำขิงมองพวกเขาด้วยสายตาแค้นเคือง “แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกกับหลานของฉัน!” บอมพ์สวนกลับทันที อารมณ์โมโหเริ่มเก็บเอาไว้ไม่อยู่ จนลิลลี่สังเกตพ่อของตัวเองได้ “พ่อคะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อของโคยเถอะค่ะ ลี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ลิลลี่รีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองเริ่มโมโห “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” โคเยอร์รีบบอกพ่อของคนรัก แล้วค่อยๆ วางร่างเล็กให้ลงยืนที่พื้นอย่างเบาๆ มือเล็กของลิลลี่คว้าแขนของโคเยอร์เอาไว้ เหมือนเป็นการห้ามเบาๆ แบบไม่ต้องใช้เสียง สายตาคมก้มมองที่แขนของตัวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนรักต้องการอะไร “เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ค
ถ้าไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อเธอดู! “อาเขต!” โคเยอร์เอ่ยเรียกคนที่มาห้ามเขาไว้ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขานั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขตนั้นตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร เพราะเขามัวแต่สนใจคนที่อยู่ด้านในโกดัง “อย่าวู่วามครับนายน้อย หากบุ่มบ่ามเข้าไป คุณลิลลี่จะเป็นอันตรายได้” เขตบอกกับนายน้อยของตัวเอง “ผมโมโหจนลืม” โคเยอร์บอก เขาโมโหจนอยากจะจัดการคนทีี่มันทำกับลิลลี่เสียจนลืมนึกไปถึงความปลอดภัยของคนรักด้วย เพราะตอนนี้ลิลลี่อยู่ในมือของพวกมัน “หนะ...น้ำขิง!!” เสียงเล็กแหบของลิลลี่เอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเพิ่งฟื้นมาจากอาการสลบ เพราะลูกน้องของน้ำขิงเอาน้ำมาราดที่ตัวเธอจนรู้สึกตัวขึ้นมา “ฟื้นแล้วเหรอ? สำออยจริงนะ อุบัติเหตุแค่นี้ทำเป็นสลบ ทำไมไม่ตายไปเลยนะ!” เสียงน้ำขิงพูดเหน็บปนแช่งกับคนที่ถูกมัดมือมัดเท้า แต่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง “เธอ...จับฉันมาทำไม” ลิลลี่ถามคนที่จับเธอมา เธอไม่รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองโดนจับมา และไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำขิง เพื่อนของโคเยอร์โกรธเธอขนาดนี้ “ก็...จับมาให้เป็นเมียไอ้พวกนี้ไง 5555” น้ำขิงพูด พร้อมกับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เมื่อคิดไป
บุกช่วย...ถล่มโกมินทร์ “กะ...โกดัง หลังโกมินทร์ กะ...กรุป...” เสียงของคีรีพึมพำบอกพี่ชาย ก่อนที่เธอจะสลบไม่ได้สติไปในที่สุด “โกมินทร์...!” โคเยอร์พึมพำชื่อบริษัทที่ได้ยินน้องสาวบอก เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่เป็นตัวการทำเรื่องแบบนี้คือใคร “อาเขต! ฝากยัยคีด้วย” โคเยอร์บอกกับเขต ก่อนจะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขตอุ้มร่างคุณหนูที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยเช่นกัน พาไปที่รถเพื่อส่งตัวไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะต่อสายหานายใหญ่ของตัวเองที่ตอนนี้อยู่บ้านของตระกูลอีแวนสัน รายงานเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อน “นายครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ รถคุณหนูคีและคุณลิลลี่ถูกเบียดชนต้นไม้ ผมกำลังพาคุณหนูคีไปโรงพยาบาล ส่วนคุณลิลลี่ถูกจับตัวไปครับ” เขตรายงานเจ้านายแบบรัวๆ “เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?! แล้วลูกสะใภ้ฉันถูกจับไปที่ไหน มันเป็นใคร?!!” คิงส์ตะโกนเข้ามาในสายดังลั่น “โกดังหลังโกมินทร์กรุป ครับ” เขตไม่รอช้ารีบรายงานสถานที่ให้เจ้านายฟังทันที “เดี๋ยวกูไป!!” คิงส์บอกกับเขต “คุณไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาลเถอะ ส่วนโกมินทร์กรุป เดี๋ยวผมไปจัดการเอง” บอมพ์กัดฟัน
คำบอกเล่า...และการปองร้าย! “พี่โคยเขารักพี่มากเลยนะคะ ที่สุดในชีวิตเลย” คีรีเอ่ยบอกพี่สะใภ้ตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่สะใภ้คนนี้คงไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นมีอิทธิพลต่อพี่ชายของเธอมากแน่ๆ ถึงได้งอนได้ หากรู้ว่าความจริงที่เธอจะบอกก็คงเข้าใจอะไรในตัวพี่ชายของเธอได้มากขึ้น “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ลิลลี่หันมามองเด็กสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองยังเบื้องหน้า “ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ” “แล้วเราน่ะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของโคยเหรอ” ลิลลี่เปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากคนอื่น นอกจากเจ้าตัวที่จะหาทางมาอธิบายกับเธอเอง “ใช่ค่ะ คีชื่อเต็มๆ ว่า คีรี เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่โคย อายุห่างกันประมาณ6-7 ปีเห็นจะได้” คีรีบอก “ถึงว่าพูดเก่งเหมือนโคยเลย” ลิลลี่บอกในขณะขับรถไปเรื่อยๆ “พี่ลี่คะ...พี่โคยไม่ใช่นักศึกษาตัวเปล่านะคะ คีรู้ว่าพี่อยากให้พี่โคยมาบอกเอง แต่คีอยากบอกว่าพี่โคยตั้งใจและรักพี่มากๆ มากจนยอมรับช่วงต่อธุรกิจสายดำของพ่อทั้งหมดเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแกจะขอรับแค่ธุรกิจขาวกับเทาบางส่วนเท่านั้น แล้วจะปล่อยให้สายดำเจ๊งหรือเงียบหายไปเอง ตระกูลของพี่ก็เป็นมาเฟียใหญ่เหมือนกัน พี่คงเข้าใจและก็มี
สู่ขอ...รวมสองตระกูล สายลมเย็นเบาๆ พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกว้างที่มีเพียงผ้าม่านลายลูกไม้สีขาวสะอาดที่ปลิวไสวด้วยลม แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาในห้อง กระทบเข้ากับร่างเล็กที่นอนหลับพริ้มมีความสุขอยู่บนเตียงหนานุ่ม “ตื่นหรือยังลี่ ถ้าตื่นแล้วก็ลงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วลงมาด้านล่าง โคเยอร์มาแล้ว” เสียงอบอุ่นของเฟร์ย่า หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาบอกกับลูกสาวที่นอนหลับพักผ่อน หลังจากกลับมาจากโมทีธได้สัปดาห์กว่าๆ “ใครมานะคะแม่?” ลิลลี่งัวเงียถามผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินไม่ถนัด “โคเยอร์มา” เฟร์ย่าตอบ “ไม่ลง!” ลิลลี่ปฏิเสธทันทีเมื่อรู้ว่าแขกที่มาหาเธอนั้นเป็นใคร โคเยอร์ที่หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อมาเลยสักครั้งอาทิตย์กว่าๆ หลังจากที่กลับจากโมทีธ “ไม่ได้! มีแขกผู้ใหญ่มาด้วย ทำไมถึงจะไม่ลงไป” เฟร์ย่าดุลูกสาวเบาๆ “ก็...จู่ๆ ก็หายไปเลย ไม่ติดต่อมาแม้แต่ครั้งเดียว” ลิลลี่ตอบ พร้อมกับใบหน้าที่งอด้วยความงอน “จะงอนโคเยอร์ก็งอนไป แต่...ต้องลงไปรับแขกผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องงอนเดี๋ยวให้โคเยอร์เป็นคนง้อเอง” เฟร์ย่าบอก จนลิลลี่ต้องลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย และลงไปด้านล่างทั
รักพ่อของโคยน้อย (NC) “เปลี่ยนเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้ลูก ก่อนกลับไทยยังไงล่ะ!” คำพูดและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อเหลาของโคเยอร์ “หมะ...หมายความว่ายังไงเหรอ” ลิลลี่ถามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร “ก็หมายความว่าแบบนี้ไง...” “อ๊ะ...อุ๊บ!” เสียงของลิลลี่เล็ดลอดออกมาได้แต่นั้น เมื่อถูกริมฝีปากหนาได้รูปฉกจูบลงมาประกบที่ริมฝีปากบางสีระเรื่อ ลิ้นอุ่นและนุ่มนวลวนเกี่ยวกระหวัดไปรอบโพรงปากเล็ก เพื่อกวาดหาน้ำหวานอย่างชอบใจ ริมฝีปากหนาบดขยี้จูบอย่างดูดดื่ม หมับ! พรึ่บ! ในขณะที่ริมฝีปากของเขากำลังดูดกลืนน้ำหวาน ตักตวงความหวานจากเธออยู่นั้น โคเยอร์จับแขนเรียวทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อยๆ ผลักคนตัวเล็กให้นอนลงบนที่นอนนุ่มอย่างไม่แรงมากนัก “คะ...โคย ตอนนี้เลยเหรอ!” ลิลลี่ถามออกมา เขาจะมาทำเรื่องแบบนี้ที่นี่ ตอนนี้คงไม่สะดวก “อื้อ!!” ริมฝีปากหนาประกบลงบนปากบาง แรงบดขยี้ดุเดือดจากแรงจูบของคนบนร่างที่ตอนนี้คือ ‘พ่อของลูก’ ในท้องของเธอ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนจะระเบิดออกมาอยู่นอกอกเลยทีเดียว โคเยอร์บดขยี้จูบปากคนต
โคยน้อยกำลังมา... “ดี้จะแต่งงาน หลังจากที่พี่ลี่แต่งงานแล้วเท่านั้นค่ะ” เลดี้พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการเป็นอย่างสุดท้ายออกมา “อะไรนะ?!” เสียงของลิลลี่อุทานพูดออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเสียงของน้องสาวพูดออกมาอย่างนั้น “ดี้บอกว่าดี้จะแต่งงานกับเจ้าชาย หลังจากที่พี่ลี่แต่งแล้วเท่านั้น ก็ดี้เป็นน้องคนสุดท้อง ก็แต่งคนสุดท้าย” เลดี้บอก “แล้วพี่ของเจ้าจะแต่งเมื่อไร ถ้าหากว่าช้า ข้าคงไม่ทน” เจ้าชายฟาฮัซพูดขึ้น “ฉัน...ยังไม่มีความคิดที่จะแต่งเลยนะ” ลิลลี่บอกเป็นเชิงปฏิเสธไปในตัว ก่อนจะปรายตามองไปโคเยอร์เพื่อดูท่าทางท่าทีของเขา “เราสองคนจะแต่งงานกันหลังจากกลับประเทศไทยทันที เดี๋ยวผมจะให้ผู้ใหญ่มาคุยและหาฤกษ์เลยครับ” โคเยอร์พูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีอกดีใจ “แต่โคยยังเรียนอยู่เลยนะ แล้วอีกอย่างพ่อกับแม่ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยด้วยซ้ำ” ลิลลี่รีบบอกอย่างละล่ำละลัก “ลี่หมายถึงพ่อของลี่น่ะเหรอ โคยคุยเรียบร้อยแล้ว” โคเยอร์พูดพร้อมกับชี้ไปที่มุมปากที่มีเลือดแห้งติดอยู่ “แต่ลี่ยังไม่อยากแต่ง ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำเลย อุก...อ้วก!!!” ในขณะที่ลิลลี่กำลังปฏิเสธและคัดค้านการแ