ต้องกลัว!
เคล้ง!!! เสียงท่อนเหล็กที่อยู่ที่พื้นดังลั่นลานจอดรถก้องกังวาน เมื่อถูกเท้าของชายหนุ่มไปเตะโดนเข้า ในขณะที่กำลังถอยหลังจะพาหญิงสาวตัวเล็กในอ้อมกอดหนีออกอีกทางของโรงจอดรถ เสียงเหล็กกระทบพื้นนั้นทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่ตามล่าหาตัวเขาอยู่ก็หันมาทางต้นเสียงเป็นจุดเดียว “ไป!! หนีเร็ว!” เสียงของโคเยอร์ตะโกนบอกกับหญิงสาว พร้อมกับออกแรงดึงแขนเรียวเล็กให้วิ่งตามเขาไป หากเป็นเวลานี้ ถ้าเขาอยู่คนเดียว เขาคงไม่เลือกที่จะหนีและคงลุยฝ่าวงล้อมของคู่อริไปแล้ว แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ด้วยเพราะคนตัวเล็กที่เขาต้องปกป้องและจะไม่ให้เธอบาดเจ็บเธออยู่กับเขาด้วยในตอนนี้ “พวกมึงตามมันไป!” เสียงตะโกนไล่หลังของพวกเขาและเธอทั้งสอง ตุบ ตุบ ตุบ เสียงฝีเท้าของทั้งคู่วิ่งหลบหลีกตามซอกตามซอยมาได้สักพัก จนมาหยุดข้างตึกหลังมหาวิทยาลัย ที่ตอนนี้ไม่ด้เปิดการใช้งาน ทั้งคู่หยุดหอบหายใจเมื่อคิดว่าน่าหลบคนเหล่านั้นพ้นแล้ว แต่มือหนาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือจากแขนเรียวเล็กเลย “บ้านของเธออยู่ที่ไหน” เสียงทุ้มปนหอบเอ่ยถามขึ้น “ถะ...ถามทำไม” เสียงเล็กหอบไม่ได้ตอบเขาแต่กลับเลือกที่จะถามเขากลับ “จะพาไปส่ง ไม่ได้ยินที่พวกนั้นมันพูดหรือยังไง มันเห็นหน้าเธอแล้ว มันต้องเล่นงานเธอแน่” โคเยอร์พูดกับคนตัวเล็ก “ฉันไม่กลัวหรอก” หญิงสาวตอบกลับอย่างดื้อรั้น เธอไม่กลัว เพราะว่าครอบครัวของเธอเป็นมาเฟีย พ่อและพี่ชายของเธอก็เป็นมาเฟีย รวมถึงตัวเธอด้วย “ไม่กลัวก็ต้องกลัว” เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้น “ทำไม๊!!” ลิลลี่ถามเขาเสียงสูง ชายหนุ่มไม่ได้ตอบเธอทันที แต่กลับมองจับจ้องไปที่จี้สีเงินวาววับรูปฟันเฟืองเกียร์ที่อยู่ในสายสร้อยคอของเธอ “เพราะ....ฉันสั่งให้เธอกลัว” เขาพูดเสียงเรียบ “ท่าจะบ้านะตานี่ แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่นายสั่งด้วยล่ะ ดูจากท่าทางและใบหน้าหล่อๆ แล้ว นายคงอายุน้อยกว่าฉันนะ” ลิลลี่พูดไป พร้อมกับสำรวจร่างกายและการแต่งกายของชายหนุ่มไปด้วย “อายุน้อยแล้วยังไง อย่างอื่นไม่น้อยนะ เป็นผัวเธอได้ด้วย” ชายหนุ่มตอบยียวนกวนโมโหหญิงสาว “ทะลึ่ง!!” ลิลลี่แว้ดใส่เขาอีกครั้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอกด้วยคำพูดกำกวมของเขา “ทะลึ่งอะไร ฉันหมายถึงตัว คิดไปไกลอีกละ เธอนี่เป็นคนยังไง” โคเยอร์บอกคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดเขา “หลบพ้นแล้วมั้ง ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” ลิลลี่เอ่ยติดๆ ขัด เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังใกล้ชิดเขามากเกินไป แต่ชายหนุ่มที่ใช้สองแขนค้ำร่างเล็กเอานั้นกลับไม่ได้ปล่อยเธอทันทีที่เธอบอก เขาใช้มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นจับจี้ฟันเฟืองขึ้นมาดู แสงแวววาวที่กระทบกับแสงพระอาทิตย์สะท้อนเข้ากับดวงตาคมเข้ม “เกียร์สวยดีนะ...” ชายหนุ่มเอ่ยชม พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก “เกียร์นี่เหรอ ของฉันเอง ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นรุ่นพี่นายนะ” ลิลลี่พูด พร้อมกับมองไปที่เกียร์สีเงินวาววับที่อยู่กับสร้อยเส้นยาวที่คอเขาด้วย “รุ่นพี่แล้วยังไง เอาได้เหมือนเดิมแหละ” โคเยอร์พึมพำออกมาเบาๆ ที่แบบว่าเขาได้ยินเพียงคนเดียว “อะไรนะ เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ” ลิลลี่ถามขึ้น เมื่อได้ยินที่เขาพูดไม่ชัดเจน “ไม่มีอะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลย บ้านอยู่ที่ไหน หรือคอนโดอยู่ไหน จะไปส่ง” โคเยอร์พูดขึ้น “ถะ...ถามทำไม” “จะไปส่ง คอนโดอยู่ที่ไหน รถฉันอยู่หน้าตึก” โคเยอร์พูดจบ ก็เดินนำออกไปได้นิดหน่อยก็หันกลับมามองหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับ โคเยอร์ที่เห็นว่าเธอไม่ได้เดินตาม ก็เดินกลับมาที่ร่างบาง ก่อนจะใช้มือหนาคว้าที่ข้อมือเล็กแล้วจูงเดินออกไปทันที “น่ะ...นายจะทำอะไรเนี่ย” ลิลลี่ร้องบอกอย่างตกใจในการกระทำของเขา ซึ่งเธอเกิดความเขินอาย เพราะไม่เคยเดินจูงมือกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยสักคน ใช่แล้ว...เธอไม่เคยมีแฟน ตั้งแต่คืนนั้น...เมื่อ5 เดือนที่แล้ว เธอก็ไม่คุยกับใครเลยสักคน คนที่เคยคุยก่อนหน้านี้เธอก็เลิกติดต่อ เธอไม่ได้ออกตามหาเขาที่เป็นเจ้าของความบริสุทธิ์ของเธอ ไม่ได้อยากจะให้เขาคนนั้นมารับผิดชอบอะไรในตัวเธอ เพราะเรื่องคืนนั้นเธอเป็นคนเลือกเอง และที่สำคัญที่สุดคือ...เธอลืมเขาคนนั้น สัมผัสนั้นของเขาคนนั้นไม่เคยได้เลย “ก็จะพากลับไปส่งที่คอนโด เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกนั้นมันเห็นหน้าเธอแล้ว มันจะเล่นงานเธอ เธอไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เข้าใจไหมเนี่ย” โคเยอร์บอกกับคนตัวเล็กที่เดินกึ่งวิ่งตามแรงที่เขาจูง “ไม่ๆ ฉันมีรถมาด้วย” ลิลลี่ร้องบอกคัดค้าน แต่เขากลับไม่ได้ฟังคำพูดของเธอเลย ยังคงลากจูงหญิงสาวตัวเล็กผ่านผู้คนหน้าคณะของตัวเองไปยังรถของเขาที่จอดไว้หน้าคณะ ลิลลี่ที่เห็นผู้คนนักศึกษามองมาที่เธอทั้งสอง ก็เลือกที่จะเงียบ เพราะกลัวว่าทุกคนจะคิดว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน “นี่นาย...” ลิลลี่เรียกเขาอย่างกระซิบไม่ดังมากนัก เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเสียงของเธอ “...” “นี่นาย...” “...” “นายโคเยอร์...” “...” ลิลลี่ก็ยังได้รับคำตอบจากการเรียกของเธอคือความเงียบ แต่ร่างสูงยังคงเดินนำเธอไป พร้อมกับกึ่งลากกึ่งจูงเธอไปด้วย “นี่!!!นายโคย!” เมื่อไม่มีเสียงขานตอบจากเขา ลิลลี่ก็เริ่มหมดความอดทน เลยต้องเรียกเขาด้วยเสียงอันดังลั่นหน้าคณะ ได้ผลทันตาเห็น ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหยุดชะงักกึก พร้อมกับหันมาทางร่างบางที่เขาจูงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ดีใจจัง แหะๆ หันมาแล้ว” ลิลลี่หัวเราะแหะๆ ใบหน้าหวานออกเจื่อนๆ เล็กน้อย เมื่อรู้สึกตัวว่าเรียกเขาด้วยชื่อที่เขาอาจจะไม่ชอบ “หันสิ ก็ถึงรถแล้วนี่ จะขึ้นไปบนรถได้หรือยัง” เขาพูดพร้อมกับมองไปที่ประตูรถซูเปอร์คาร์คันสีดำเมี่ยมสุดหรู ที่เปิดประตูเอาไว้รอเธอแล้ว “นี่รถนายเหรอ? คือที่ฉันเรียกนาย ก็เพื่อจะบอกว่าฉันเอารถมาด้วย กลับกับนายไม่ได้” ลิลลี่พยายามปฏิเสธอีกรอบ ทั้งๆ ที่ทำมาตลอดทาง “เรียกให้ใครมาเอาไป มีไหม? ถ้าไม่มีเดี๋ยวฉันเรียกคนของฉันมาเอาไปไว้ที่คอนโดให้” โคยพูดเสียงเรียบ “มะ...ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันเรียกคนที่บ้านมาเอาไปเอง แต่...กุญแจก็ยังอยู่ที่ฉันนะ” ลิลลี่ยังหาข้ออ้าง “จะโทรไปตามคนมาเอา หรือจะให้ฉันเอา...ไปให้” ชายหนุ่มพูด พร้อมกับเว้นวรรคแบบกำกวมให้อีกฝ่ายคิดไปไกล “ไม่ต้อง!! นายนี่พูดจากวนประสาทจริงๆ ปล่อยมือสิ! ฉันจะโทรได้ยังไงถ้ายังจับอยู่แบบนี้” ลิลลี่พูดกับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง โคเยอร์ก้มมองมือที่จับข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยให้เป็นอิสระ เมื่อข้อมือเป็นอิสระแล้ว ลิลลี่ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าใบเล็กที่เธอสะพายพาดเอาไว้ที่อก หยิบมือถือเครื่องดำขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนทันที “ฮัลโหล...พี่เต็ม ทำอะไรอยู่ ว่างไหมคะ” ลิลลี่ถามขึ้น เมื่อปลายสายกดรับ “รีบบอกเร็วๆ ทำไมต้องถามยืดเยื้อด้วย” เสียงของโคเยอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นเสียงของผู้ชาย ‘แฟนของเธอหรือเปล่านะ’อยู่กับผัวก็ได้... “ฮัลโหล...พี่เต็ม ทำอะไรอยู่ ว่างไหมคะ” ลิลลี่ถามขึ้น เมื่อปลายสายกดรับ “รีบบอกเร็วๆ ทำไมต้องถามยืดเยื้อด้วย” เสียงของโคเยอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นเสียงของผู้ชาย ‘แฟนของเธอหรือเปล่านะ’ “เอ๊ะ! นายนี่ คนกำลังคุยอยู่นายเห็นไหม ทำไมต้องพูดแทรกด้วย” ลิลลี่หันไปแว้ดใส่ชายหนุ่มที่พูดแทรกขึ้นมาดังๆ เหมือนตั้งใจจะให้คนในสายได้ยินว่าเธออยู่กับผู้ชาย โคเยอร์เห็นว่าคนตัวเล็กหงุดหงิดและบ่นให้กับเขา แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังทำหน้าทำตาเลื่อนลอยไม่รู้ไม่ชี้ใส่เธออีกด้วย “ก็รีบพูดรีบบอกเร็วๆ สิ มัวแต่ถามสารทุกข์สุกดิบอยู่นั่นแหละ” โคยพูดออกมาด้วยสีหน้าบูดๆ บึ้งๆ ไม่รู้ว่าบูดบึ้งเพราะอะไรด้วยซ้ำ เขารู้แค่ว่าเขารู้สึกหงุดหงิดในใจที่เห็นเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น “นายนี่ท่าจะประสาท” ลิลลี่บ่นให้เขา “เออ! ช่างฉันเถอะ รีบบอกมันไปเร็วๆ” โคยรีบบอกปัด แล้วโบ้ยให้ลิลลี่รีบบอกกับคนในสาย “เรียกมันได้ยังไง เขาอายุมากกว่าเราอีกนะ” ลิลลี่ขัดขึ้น เมื่อได้ยินเขาเรียกคนในสายว่า ‘มัน’ “เร็วๆ เถอะน่า” โคยเร่ง “นายนี่...” ลิลลี่หมดคำ
ฉันต้องอยู่คอนโดเธอแล้วแหละ “เดี๋ยว ระวัง!!” เสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถซูเปอร์คาร์สุดหรู มือหนาของชายหนุ่มรีบคว้าเข้าที่ข้อมือเรียวเล็กอย่างเร็ว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถลงกลับขึ้นไปบนคอนโดของเธอ “ว้าย!!” เสียงเล็กแหลมอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกกระชากดึงข้อมือให้ร่างเล็กล้มลงกลับเข้าไปในตัวรถคันเดิมอีกครั้ง “ชู่ววว เบาๆ อย่าเสียงดัง” เสียงทุ้มกระซิบแแผ่วเบา พร้อมกับกดศีรษะเล็กให้หมอบลงแนบกับเบาะรถ คล้ายกับว่ากำลังจะหลบอะไรสักอย่าง “อะไรของนายเนี่ย” ลิลลี่ทำน้ำเสียงหงุดหงิดถามเขา ในขณะที่ยังโดนชายหนุ่มใช้มือหนากดศีรษะเอาไว้อยู่ “เธอไม่เห็นหรือยังไงว่ามีคนน่าสงสัยดักรออยู่หน้าคอนโดเธอ ลูกน้องของไอ้พวกนั้นแน่ๆ นี่มันมาเฝ้าถึงหน้าคอนโดเธอเลยเหรอ มันรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่” ชายหนุ่มพูดขึ้น ลิลลี่ดันศีรษะขึ้นมามองแต่ก็ยังโดนชายหนุ่มกดอยู่เล็กน้อย “นี่นายจะกดหัวฉันทำไมเนี่ย” ลิลลี่โวยวายเล็กน้อย “ก็เดี๋ยวไอ้พวกนั้นเห็น” เขาบอก “จะเห็นได้ยังไง? ก็ในเมื่อฟิล์มรถนายมันเป็นแบบทึบ!” ลิลลี่แว้ดใส่เขา ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นแล้ว
ฉันเอาตาย... (จนได้) “ไม่กลัวตายเลยใช่ไหมวะ?!!” เสียงทุ้มตวาดลั่น พร้อมกับออกแรงกระชากร่างเล็กไปปะทะเข้ากับอกแกร่งอย่างแรง แล้วลากร่างบางกลับขึ้นรถไปอย่างหัวเสีย ปึง!! เสียงปิดประตูรถหรูดังลั่น หลังจากที่คนตัวโตจับร่างเล็กเข้าไปในรถของเขาได้สำเร็จ “โคย...” เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวเรียกชื่อเขาแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่จับเธอกลับขึ้นมาที่รถด้วยสีหน้าหงุดหงิด หัวเสีย ไม่ใช่เพราะหญิงสาวไม่เชื่อฟังเขา แต่เป็นเพราะเธอไม่ยอมหลงกลแผนการของเขาต่างหาก “อยากตายหรือไง ทำไมไม่เชื่อฉัน!!” เสียงของเขายังคงดังและตวาดลั่นใส่เธอ ก่อนจะออกแรงกระชากเกียร์รถถอยหลังออกจากตรงนั้นอย่างเร็ว เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนพวกนั้นวิ่งมาจะถึงตัวรถของเขาและเธอแล้ว “ก็ฉันไม่คิดนี่นา ว่ามพวกมันจะกล้าทำจริงๆ หรือพวกนั้นแค่จะเข้ามาถามทางฉันหรือเปล่า” ลิลลี่คิดไปในทางที่ดีเอาไว้ก่อน “ถามทางบ้าอะไรพุ่งมาหาซะขนาดนั้น” โคยพูดตอบคนตัวเล็ก ในขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่ถนนหนทางเบื้องหน้า “นี่ฉันจะอยู่คอนโดตัวเองไม่ได้แล้วเหรอ งั้นนาย...ช่วยไปส่งฉันที่คอนโดเลดี้ได้ไหม” ลิลลี่บอกกับเขา “เลดี้ คือใคร”
หนีโคยไม่พ้นหรอก ลิลลี่ เดินตามหลังชายหนุ่มเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์เข้ามาในลิฟท์อย่างเงียบ ในใจก็ครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่ไปต่างๆ นาๆ อยู่ตลอดเวลา “วางแผนอะไรในใจอีก” เสียงทุ้มของโคเยอร์ที่ยืนมองคนตัวเล็กอยู่ในลิฟท์ “แผนอะไร ไม่มีอะไรสักหน่อย นี่นายเห็นฉันเป็นคนชั่วร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ลิลลี่เอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่เหมือนกับว่าเขากำลังแอบหลอกด่าเธออยู่อย่างนั้น “ก็ไม่รู้สิ สีหน้าเธอมันบอก” โคเยอร์ยังต่อปากต่อคำอีก “ฉันไม่ใช่คนที่มีแผนการร้ายๆ อยู่ในหัวตลอดเวลาแบบนายหรอกนะ แล้วอีกอย่างนะ ฉันอายุมากกว่านาย ช่วยเรียกฉันแบบให้เกียรติด้วย” หญิงสาวพูดขึ้น แต่สีหน้าก็ยังเจือด้วยความหงุดหงิดแบบไม่ลดลงเลย “อยากให้เรียกว่าอะไร พี่สาว? เจ๊? หรือว่าที่รักดี?” โคเยอร์ยียวนกวนโมโหเธอ เพราะรู้ว่าเธอยิ่งโมโหก็ยิ่งน่ารักสำหรับเขา “นี่! อย่ามาลามปาม ฉันอายุเยอะกว่านาย แถมเราก็ไม่ได้สนิทกันจะมาเรียกที่รักได้ยังไง” ลิลลี่บ่นอุบให้กับชายหนุ่มที่ดูจะเป็นเด็กมากว่าเธอหลายปี แต่ดันมาพูดจาตีสนิทกับเธอเหมือนรู้จักกันมาก่อนเสียอย่างนั้น ‘ทำไมจะเรียกแบบนั้นไม่ได้ ก็เคยเอากันมาแล้ว’ โคเย
ไม่ใช่ยาพิษ ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าดังถี่ขึ้น เมื่อฟังจากเสียงที่กระทบกับพื้นปูนข้างตึกก็รู้ว่าเป็นเสียงของรองเท้าผ้าใบของคนที่ตัวไม่ใหญ่มากนัก “จับมันไว้เร็ว!!” เสียงทุ้มดุ ไล่ตามหลังมา พร้อมกับชายวัยรุ่นในชุดช็อปสีแดงเข้มเลือดหมูวิ่งตามมาอีกหลายคน วิ่งมาไม่นานก็สามารถตามถึงตัวคนตัวเล็กได้ทัน “กรี๊ดดดด พวกแกจะมาจับฉันทำไม” เสียงเล็กแหลมร้องกรี๊ดปนหอบ “หยุด! ถ้าไม่หยุด กูจะยิงแม่งตรงนี้เลย” เสียงตวาดกร้าวของชายที่วิ่งตามมาจนทันเข้ากับร่างบางของลิลลี่ จนทำให้ร่างเล็กต้องหยุดชะงักทันทีที่ได้ยิน “ฉันไปทำอะไรให้พวกนาย ถึงได้มาวิ่งไล่ตามฉัน ตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย” ลิลลี่เอ่ยถามเสียงสั่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะว่าคนเหล่านี้มาเฝ้าเธอตั้งแต่เช้า ตั้งแต่เธอนั้นเข้ามาที่ร้านคาเฟ่ของเธอข้างมหาลัย และตอนนี้เธอก็เข้ามาในมหาลัย เพราะคิดว่าในมหาลัยคนเยอะ พวกนั้นอาจจะไม่กล้าตามหรือทำอะไรมากไปกว่าตามห่างๆ แต่ที่ไหนได้ พวกนั้นตามติดไม่ลดละจนเธอต้องวิ่งหนีมาทางตึกด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านผ่านไปมาเพื่อจะแอบซ่อน หูตาพวกนั้นกลับไวและมีลูกน้องมากเกินไปจนเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาไปได้
นายเป็นใครนะ? (ผัวเธอ!) โคเยอร์เปิดประตูด้านคนขับ ลงมาจากรถ สายตาดุกร้าวจ้องเขม็งพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคาดโทษ เขต...เปิดประตูรถลงมาจากทางด้านข้างคนขับ พร้อมกับมองไปรอบๆ เช่นเดียวกัน “คุณหนูโคย...เดี๋ยวผมจัดการไอ้พวกนั้นเอง คุณหนูพาเธอคนนั้นกลับไปก่อนเถอะครับ ดูเหมือนเธอจะอาการไม่ค่อยดีเท่าไร” เขตหันไปบอกคุณหนูของตัวเองที่เขาเลี้ยงมากับมือตั้งแต่คลอด เพราะเขาคือลูกน้องคนสนิทของพ่อโคเยอร์ ที่สร้างตำนานมาแล้วตั้งแต่รุ่นของพ่อเขา “ฝากทางนี้ด้วยนะอาเขต แค่สั่งสอนก็พอ เดี๋ยวที่เหลือผมมาจัดการเอง ผมไปจัดการเด็กดื้อก่อน” โคยพูดกับพี่เลี้ยงคนสนิทของตัวเอง ก่อนจะเบนสายตาคมไปทางร่างเล็กที่นั่งกอดตัวเองคุดคู้อยู่หน้ารถของเขาที่เดิม “ได้ครับ...เสร็จแล้วให้ผมกลับไปหานายใหญ่เลยไหม? หรือคุณหนูต้องการให้ผมช่วยอะไรอีก” เขตถามคุณหนูที่เขาเลี้ยงมากับมือกลับ “ไม่เป็นไรครับ อาเขตกลับไปหาพ่อเลยก็ได้ แต่...อย่าเพิ่งบอกพ่อเรื่องนี้นะ เดี๋ยวผมเป็นคนบอกเอง” โคยย้ำกำชับกับพี่เลี้ยงของตัวเอง เขายังไม่อยากให้พ่อที่เป็นมาเฟียรับรู้เรื่องวุ่นๆ ของเด็กๆ อย่างพวกเขา เรื่องคู่อริเดี๋ย
ฉันนอนกับคนอื่นไม่ได้ “แม่งเอ้ย!!ทำไมดื้อแบบนี้วะ!” เสียงทุ้มของโคเยอร์สบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อหันไปทางร่างบาง ที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ตอนนี้ร่างบางแทบจะเปลือยเหลือเพียงชุดชั้นในตัวบางแล้ว จากการที่เธอดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเองจนเกือบหมด เสียงเบรกรถที่ดังสนั่นลั่นโรงจอดรถของตึกที่มีเพ้นท์เฮ้าส์ของโคเยอร์อยู่ ทำให้ยามรักษาความปลอดภัยถึงกับเดินมาดูความเรียบร้อยที่รถของเขา แต่เนื่องด้วยฟิล์มรถของเขาเป็นสีดำ ต้องมองจากด้านในออกไปเท่านั้นถึงจะเห็น คนภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ ทำให้ยามที่เดินมายังรถเขาไม่เห็นร่างที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นของลิลลี่ ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น โคยหันไปทางกระจกด้านข้างคนขับก็เห็นว่ามียามยืนรออยู่ เขาลดกระจกลงเพียงนิดหน่อย เพื่อไม่ให้ยามมองเข้ามาได้ เพราะไม่อย่างนั้นยามจะเห็นคนตัวเล็กที่แทบจะเปลือยของลิลลี่ได้ “เอ้า! คุณโคเยอร์มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?” ยามรักษาความปลอดภัยพูดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่ลดกระจกลงเป็นใคร “ไม่มีอะไรหรอก” โคเยอร์รีบปฏิเสธแล้วปิดกระจกขึ้นทันที แล้วหันมาสนใจร่างบางข้้างๆ ต่ออย่างหั
ผัวเธอคืนนั้น...ก็ฉันนี่แหละ!(NC) “ไม่ได้! ฉันนอนกับคนอื่นไม่ได้ เพราะ....” “เพราะอะไร? เธอมีผัวแล้ว” โคเยอร์ถามออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาวร่างนุ่มนิ่มที่นอนบิดเร้าไปมาอยู่บนที่นอน ด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม ก่อนจะใช้มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็ก ออกแรงดึงร่างนั้นให้ลุกขึ้นมาปะทะเข้ากับอกแกร่งอีกครั้ง “อื้ออออ มะ...มีแล้ว!!” ลิลลี่ตอบออกไปแบบนั้น ทำให้ร่างสูงถึงกับอารมณ์ขุ่นมัวหนักมากขึ้นกว่าเดิม จากที่แค่หงุดหงิด กลายเป็นโกรธขึ้นมาทันที โคเยอร์ออกแรงเหวี่ยงร่างเล็กให้หลังไปกระแทกกับกำแพงห้องนอนอย่างแรง ทำให้ลิลลี่ถึงกับนิ่วหน้าใส่คนตัวโตด้วยความเจ็บ โคเยอร์ที่ยืนเอาท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้างของเขาคร่อมเธอไว้ให้เผชิญหน้ากับเขา ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะเจ็บแค่ไหน เขาสนใจแค่ว่าตอนนี้เขาไม่ชอบใจที่ได้ยินว่าเธอมีสามีแล้ว ถ้าเธอบอกว่าแค่มีแฟนเขาก็จะไม่โกรธขนาดนี้เลย ลิลลี่เหงื่อเริ่มออกเต็มตัว เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าผากนวลจนเกือบจะเปียกโชก ลมหายใจหอบแรงมากขึ้น อาการร้อนจากภายในร่างกาย “จะ...เจ็บ นายโกรธอะไรฉันเนี่ย” คนตัวเล็กในวงล้อ
Special คิลเลอร์และเมแกน 3 ปีต่อมา “เห้ย!! โคเยอร์ทางนี้ๆ” เสียงกลุ่มเพื่อนชายที่โบกมือเรียกโคเยอร์อยู่ที่โต๊ะลายหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างตึกเรียนในคณะของเขา “พวกมึงยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ ไม่มีเรียนแล้วนี่ กูก็ส่งงานเสร็จละ จบละ” โคเยอร์ถามเพื่อน วันนี้เขามาที่คณะ เพื่อมาส่งงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา แต่พวกเพื่อนของเขาต้องเข้าเรียนเก็บชั่วโมงอีก หลังจากที่เขาแต่งงานและพักการเรียนไปได้สองปี เขาก็กลับเข้ามาเรียนใหม่จนจบได้ภายในปีเดียว “เพิ่งออกจากห้องเรียนเมื่อกี้ มารอเจอหลานกูก่อน มาๆ ให้กูอุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาโคเยอร์ ที่ในอ้อมแขนนั้นมีเด็กน้อยรูปร่างจ้ำม่ำ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวใส แก้มป่อง ผมสีดำขลับสั้นๆ แต่หยักศกเล็กน้อย ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วสร้างความน่าเอ็นดูให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย “กูขออุ้มหน่อย” เพื่อนของเขาพูด ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาเด็กน้อยมาอุ้ม “มายุ่งกับลูกกูอีกแล้ว อยากอุ้มทำไมไม่มีเป็นของตัวเองกันวะ” โคเยอร์บ่นให้กับเพื่อน ที่รอจะเจอและอุ้มลูกเขา เมื่อรู้ว่าวันนี้เขาเอาลูกมาด้วย วันนี้ลิลลี่ไม่ว่าง
ลิลธิกาแต่งงานกับกฤตินนท์ นะ! (The End) “โคยมีอะไรจะบอกลี่ไหม?” เสียงของลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เอ่ยถามชายคนรักที่กำลังทอดสายตามองไปด้านหน้าท้องถนน “แต่งงานกับโคยนะลี่” โคเยอร์เอ่ยขอคนรักแต่งงานด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง พวงมาลัยรถถูกหักเข้าข้างทาง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่มีแต่ป่าเขา ไร้ผู้คนและบ้านของผู้คนอยู่อาศัย เครื่องยนต์ของรถถูกดับสนิท โคเยอร์หันใบหน้าหล่อเหลาเข้าหาลิลลี่ที่ตอนนี้ก็หันมองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน “โคยมั่นใจแล้วใช่ไหมถึงพูดมันออกมา” ลิลลี่ถามย้ำ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมั่นใจแค่ไหน ถึงขนาดเอาผู้ใหญ่มาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเธอถึงที่บ้าน “มั่นใจ 100% เลย โคยรักลี่ รักมาก และก็รักลูกด้วย ตอนนี้โคยมั่นใจแล้วด้วยว่าสามารถดูแลลี่กับลูกได้ตลอดไปแล้ว ไม่อดตายแน่ แค่โคยยังเรียนไม่จบ เลยพักการเรียนไว้ก่อน รอลูกคลอดแล้วค่อยกลับไปเรียน” โคเยอร์บอกกับคนรัก พร้อมกับยกมือหนาขึ้นลูบบริเวณหน้าท้องน้อยของคนรัก “มั่นใจแค่ไหนที่จะดูแลลี่ได้ตลอด” เธอถามกลับอีกรอบ “มั่นใจมาก ลี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยนะ ถึงโคยจะยังเรียนไม่จบ แต่โคยก็มีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเป็นขอ
จุดจบคนไม่สำนึก! “ถ้าเธอไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อของเธอดู!” เสียงทุ้มแค่นเสียงเป็นเชิงเย้ยหยันพูดกับน้ำขิงที่นั่งกอดผู้เป็นพ่ออยู่ที่พื้นเบื้องหน้าของทุกคน “ทำร้ายลูกกับหลานฉันอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ลูกกับหลานของฉันยังไม่ได้ไปทำอะไรให้แม้แต่นิดเดียว เธอกล้ามากนะ คงยังไม่รู้จักฉันสินะ” บอมพ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ทำให้น้ำขิงถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว “แล้วแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมารุมฉันกับพ่อแบบนี้” น้ำขิงมองพวกเขาด้วยสายตาแค้นเคือง “แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกกับหลานของฉัน!” บอมพ์สวนกลับทันที อารมณ์โมโหเริ่มเก็บเอาไว้ไม่อยู่ จนลิลลี่สังเกตพ่อของตัวเองได้ “พ่อคะ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อของโคยเถอะค่ะ ลี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ลิลลี่รีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองเริ่มโมโห “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” โคเยอร์รีบบอกพ่อของคนรัก แล้วค่อยๆ วางร่างเล็กให้ลงยืนที่พื้นอย่างเบาๆ มือเล็กของลิลลี่คว้าแขนของโคเยอร์เอาไว้ เหมือนเป็นการห้ามเบาๆ แบบไม่ต้องใช้เสียง สายตาคมก้มมองที่แขนของตัวเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนรักต้องการอะไร “เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ค
ถ้าไม่รู้จักฉัน ลองถามพ่อเธอดู! “อาเขต!” โคเยอร์เอ่ยเรียกคนที่มาห้ามเขาไว้ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขานั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขตนั้นตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร เพราะเขามัวแต่สนใจคนที่อยู่ด้านในโกดัง “อย่าวู่วามครับนายน้อย หากบุ่มบ่ามเข้าไป คุณลิลลี่จะเป็นอันตรายได้” เขตบอกกับนายน้อยของตัวเอง “ผมโมโหจนลืม” โคเยอร์บอก เขาโมโหจนอยากจะจัดการคนทีี่มันทำกับลิลลี่เสียจนลืมนึกไปถึงความปลอดภัยของคนรักด้วย เพราะตอนนี้ลิลลี่อยู่ในมือของพวกมัน “หนะ...น้ำขิง!!” เสียงเล็กแหบของลิลลี่เอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเพิ่งฟื้นมาจากอาการสลบ เพราะลูกน้องของน้ำขิงเอาน้ำมาราดที่ตัวเธอจนรู้สึกตัวขึ้นมา “ฟื้นแล้วเหรอ? สำออยจริงนะ อุบัติเหตุแค่นี้ทำเป็นสลบ ทำไมไม่ตายไปเลยนะ!” เสียงน้ำขิงพูดเหน็บปนแช่งกับคนที่ถูกมัดมือมัดเท้า แต่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง “เธอ...จับฉันมาทำไม” ลิลลี่ถามคนที่จับเธอมา เธอไม่รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองโดนจับมา และไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำขิง เพื่อนของโคเยอร์โกรธเธอขนาดนี้ “ก็...จับมาให้เป็นเมียไอ้พวกนี้ไง 5555” น้ำขิงพูด พร้อมกับหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เมื่อคิดไป
บุกช่วย...ถล่มโกมินทร์ “กะ...โกดัง หลังโกมินทร์ กะ...กรุป...” เสียงของคีรีพึมพำบอกพี่ชาย ก่อนที่เธอจะสลบไม่ได้สติไปในที่สุด “โกมินทร์...!” โคเยอร์พึมพำชื่อบริษัทที่ได้ยินน้องสาวบอก เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าคนที่เป็นตัวการทำเรื่องแบบนี้คือใคร “อาเขต! ฝากยัยคีด้วย” โคเยอร์บอกกับเขต ก่อนจะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขตอุ้มร่างคุณหนูที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยเช่นกัน พาไปที่รถเพื่อส่งตัวไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะต่อสายหานายใหญ่ของตัวเองที่ตอนนี้อยู่บ้านของตระกูลอีแวนสัน รายงานเรื่องนี้ให้รู้เรื่องก่อน “นายครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ รถคุณหนูคีและคุณลิลลี่ถูกเบียดชนต้นไม้ ผมกำลังพาคุณหนูคีไปโรงพยาบาล ส่วนคุณลิลลี่ถูกจับตัวไปครับ” เขตรายงานเจ้านายแบบรัวๆ “เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?! แล้วลูกสะใภ้ฉันถูกจับไปที่ไหน มันเป็นใคร?!!” คิงส์ตะโกนเข้ามาในสายดังลั่น “โกดังหลังโกมินทร์กรุป ครับ” เขตไม่รอช้ารีบรายงานสถานที่ให้เจ้านายฟังทันที “เดี๋ยวกูไป!!” คิงส์บอกกับเขต “คุณไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาลเถอะ ส่วนโกมินทร์กรุป เดี๋ยวผมไปจัดการเอง” บอมพ์กัดฟัน
คำบอกเล่า...และการปองร้าย! “พี่โคยเขารักพี่มากเลยนะคะ ที่สุดในชีวิตเลย” คีรีเอ่ยบอกพี่สะใภ้ตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่สะใภ้คนนี้คงไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นมีอิทธิพลต่อพี่ชายของเธอมากแน่ๆ ถึงได้งอนได้ หากรู้ว่าความจริงที่เธอจะบอกก็คงเข้าใจอะไรในตัวพี่ชายของเธอได้มากขึ้น “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ลิลลี่หันมามองเด็กสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองยังเบื้องหน้า “ขนาดนั้นเลยแหละค่ะ” “แล้วเราน่ะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของโคยเหรอ” ลิลลี่เปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากคนอื่น นอกจากเจ้าตัวที่จะหาทางมาอธิบายกับเธอเอง “ใช่ค่ะ คีชื่อเต็มๆ ว่า คีรี เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่โคย อายุห่างกันประมาณ6-7 ปีเห็นจะได้” คีรีบอก “ถึงว่าพูดเก่งเหมือนโคยเลย” ลิลลี่บอกในขณะขับรถไปเรื่อยๆ “พี่ลี่คะ...พี่โคยไม่ใช่นักศึกษาตัวเปล่านะคะ คีรู้ว่าพี่อยากให้พี่โคยมาบอกเอง แต่คีอยากบอกว่าพี่โคยตั้งใจและรักพี่มากๆ มากจนยอมรับช่วงต่อธุรกิจสายดำของพ่อทั้งหมดเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนแกจะขอรับแค่ธุรกิจขาวกับเทาบางส่วนเท่านั้น แล้วจะปล่อยให้สายดำเจ๊งหรือเงียบหายไปเอง ตระกูลของพี่ก็เป็นมาเฟียใหญ่เหมือนกัน พี่คงเข้าใจและก็มี
สู่ขอ...รวมสองตระกูล สายลมเย็นเบาๆ พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกว้างที่มีเพียงผ้าม่านลายลูกไม้สีขาวสะอาดที่ปลิวไสวด้วยลม แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาในห้อง กระทบเข้ากับร่างเล็กที่นอนหลับพริ้มมีความสุขอยู่บนเตียงหนานุ่ม “ตื่นหรือยังลี่ ถ้าตื่นแล้วก็ลงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วลงมาด้านล่าง โคเยอร์มาแล้ว” เสียงอบอุ่นของเฟร์ย่า หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาบอกกับลูกสาวที่นอนหลับพักผ่อน หลังจากกลับมาจากโมทีธได้สัปดาห์กว่าๆ “ใครมานะคะแม่?” ลิลลี่งัวเงียถามผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินไม่ถนัด “โคเยอร์มา” เฟร์ย่าตอบ “ไม่ลง!” ลิลลี่ปฏิเสธทันทีเมื่อรู้ว่าแขกที่มาหาเธอนั้นเป็นใคร โคเยอร์ที่หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อมาเลยสักครั้งอาทิตย์กว่าๆ หลังจากที่กลับจากโมทีธ “ไม่ได้! มีแขกผู้ใหญ่มาด้วย ทำไมถึงจะไม่ลงไป” เฟร์ย่าดุลูกสาวเบาๆ “ก็...จู่ๆ ก็หายไปเลย ไม่ติดต่อมาแม้แต่ครั้งเดียว” ลิลลี่ตอบ พร้อมกับใบหน้าที่งอด้วยความงอน “จะงอนโคเยอร์ก็งอนไป แต่...ต้องลงไปรับแขกผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องงอนเดี๋ยวให้โคเยอร์เป็นคนง้อเอง” เฟร์ย่าบอก จนลิลลี่ต้องลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย และลงไปด้านล่างทั
รักพ่อของโคยน้อย (NC) “เปลี่ยนเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้ลูก ก่อนกลับไทยยังไงล่ะ!” คำพูดและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่มผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อเหลาของโคเยอร์ “หมะ...หมายความว่ายังไงเหรอ” ลิลลี่ถามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงอะไร “ก็หมายความว่าแบบนี้ไง...” “อ๊ะ...อุ๊บ!” เสียงของลิลลี่เล็ดลอดออกมาได้แต่นั้น เมื่อถูกริมฝีปากหนาได้รูปฉกจูบลงมาประกบที่ริมฝีปากบางสีระเรื่อ ลิ้นอุ่นและนุ่มนวลวนเกี่ยวกระหวัดไปรอบโพรงปากเล็ก เพื่อกวาดหาน้ำหวานอย่างชอบใจ ริมฝีปากหนาบดขยี้จูบอย่างดูดดื่ม หมับ! พรึ่บ! ในขณะที่ริมฝีปากของเขากำลังดูดกลืนน้ำหวาน ตักตวงความหวานจากเธออยู่นั้น โคเยอร์จับแขนเรียวทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อยๆ ผลักคนตัวเล็กให้นอนลงบนที่นอนนุ่มอย่างไม่แรงมากนัก “คะ...โคย ตอนนี้เลยเหรอ!” ลิลลี่ถามออกมา เขาจะมาทำเรื่องแบบนี้ที่นี่ ตอนนี้คงไม่สะดวก “อื้อ!!” ริมฝีปากหนาประกบลงบนปากบาง แรงบดขยี้ดุเดือดจากแรงจูบของคนบนร่างที่ตอนนี้คือ ‘พ่อของลูก’ ในท้องของเธอ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนจะระเบิดออกมาอยู่นอกอกเลยทีเดียว โคเยอร์บดขยี้จูบปากคนต
โคยน้อยกำลังมา... “ดี้จะแต่งงาน หลังจากที่พี่ลี่แต่งงานแล้วเท่านั้นค่ะ” เลดี้พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการเป็นอย่างสุดท้ายออกมา “อะไรนะ?!” เสียงของลิลลี่อุทานพูดออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเสียงของน้องสาวพูดออกมาอย่างนั้น “ดี้บอกว่าดี้จะแต่งงานกับเจ้าชาย หลังจากที่พี่ลี่แต่งแล้วเท่านั้น ก็ดี้เป็นน้องคนสุดท้อง ก็แต่งคนสุดท้าย” เลดี้บอก “แล้วพี่ของเจ้าจะแต่งเมื่อไร ถ้าหากว่าช้า ข้าคงไม่ทน” เจ้าชายฟาฮัซพูดขึ้น “ฉัน...ยังไม่มีความคิดที่จะแต่งเลยนะ” ลิลลี่บอกเป็นเชิงปฏิเสธไปในตัว ก่อนจะปรายตามองไปโคเยอร์เพื่อดูท่าทางท่าทีของเขา “เราสองคนจะแต่งงานกันหลังจากกลับประเทศไทยทันที เดี๋ยวผมจะให้ผู้ใหญ่มาคุยและหาฤกษ์เลยครับ” โคเยอร์พูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีอกดีใจ “แต่โคยยังเรียนอยู่เลยนะ แล้วอีกอย่างพ่อกับแม่ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยด้วยซ้ำ” ลิลลี่รีบบอกอย่างละล่ำละลัก “ลี่หมายถึงพ่อของลี่น่ะเหรอ โคยคุยเรียบร้อยแล้ว” โคเยอร์พูดพร้อมกับชี้ไปที่มุมปากที่มีเลือดแห้งติดอยู่ “แต่ลี่ยังไม่อยากแต่ง ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำเลย อุก...อ้วก!!!” ในขณะที่ลิลลี่กำลังปฏิเสธและคัดค้านการแ