Mafia Part
. ผมยืนกอดอกรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น ห้องน้ำที่นี่แบ่งแยกชายหญิงชัดเจนไม่ได้ห่างกันมากนักแต่ปลอดภัยกว่าที่อื่นหลายเท่า ช่วงเวลานี้มีคนเดินมาเข้าห้องน้ำประปราย แต่ถึงอย่างนั้นมีผู้หญิงหลายคนพยายามเข้ามาชวนคุยด้วย ผมไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ เมื่อพวกเธอรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันไร้ประโยชน์ก็ยอมเดินจากไปเอง นี่คือวิธีรับมือผู้หญิงในแบบของผม ผู้ชายเย็นชาที่หลายคนคิดว่าน่าค้นหา แต่แท้จริงแล้วก็คือผู้ชายไร้ความรู้สึกและน่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้น ผู้หญิงที่ต้องการจะเข้ามาในโลกของผมส่วนมากมักจะทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง เพราะฉะนั้นผมจึงเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเท่าไหร่นัก ตึก ตึก ตึก รองเท้าส้นสูงสีน้ำเงินเข้มมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม กลิ่นหอมจาง ๆ ที่แสนคุ้นเคยทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนที่ยืนอยู่คือใครโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง “นายกำลังใช้วิธีสกปรกบังคับฉัน” “ฉันเปล่า” “แต่นายกำลังทำ!” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เริ่มอารมณ์เสีย นับดาวมีนิสัยคล้ายผมหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเก็บอารมณ์ทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบหรือบางครั้งก็เชิดรั้นถือดีนั้น ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะแสดงความรู้สึกออกมาให้ใครเห็น อ้อ ยกเว้นเวลาอยู่บนเตียงน่ะนะ “ไปคุยกันที่รถ” สิ้นคำของผมนับดาวก็สะบัดหน้าและเดินนำไปทันที ไม่จำเป็นต้องบอกเธอก็รู้ว่ารถคันไหนคือคันของผม ก็เธอได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถมาแล้วทุกคัน ถ้าไม่รู้คงเสียชื่อหัวกระทิแห่งการตลาดแย่ “นายทำแบบนี้ทำไม” ทันทีที่ประตูรถปิดลงยัยตัวแสบก็หันมาจวกผมต่อทันที ใบหน้าที่ตกแต่งสวยงามฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉันทำอะไร” “ทำอะไรงั้นหรอ” เธอส่งเสียงเฮอะในลำคอ “นายกำลังขู่ฉันด้วยวิธีสกปรก” “เธอจงใจหลบหน้าฉันก่อน” “ฉันไม่ได้ทำ” “เธอทำ” ผมยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เป็นอาทิตย์แล้วนะที่เธอเลี่ยงที่จะมาหาฉัน “ฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ เรามันไม่มีข้อผูกมัดอยู่แล้ว ในเมื่อฉันไม่อยากแล้วฉันจะไปหานายทำไม” ถ้อยคำที่ทำเหมือนว่าผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ทางเพศทำให้ผมไม่พอใจ และยิ่งโกรธขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดประตูรถเพื่อหนีหน้าผมอีกครั้ง แต่โทษที เธอหมดโอกาสหนีตั้งแต่วินาทีที่เธอก้าวขึ้นมาบนรถของผมแล้ว หมับ! “นี่ ปล่อยนะ” “ไม่อยากใช่ไหม” ผมดึงเธอเข้ามาใกล้จนอกอวบที่ผมชอบเสียดสีกับแผ่นอกกว้างของผมไปมา “ฉันจะทำให้เธออยากเอง อยากจนต้องร้องขอมันจากฉันทั้งคืนเชียวล่ะ นับดาว” “ไม่นะ อื้อ!” ผมเบื่อที่จะฟังถ้อยคำปฏิเสธจากเธออีกแล้ว ผมใช้ปากของตัวเองประกบลงบนริมฝีปากสีแดงของเธอทันที รสชาติลิปสติกทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่เมื่อมีความนุ่มหวานของเธอมาหักล้างก็ถือว่าพอรับได้ ร่างในอ้อมกอดดิ้นไปมาอย่างไม่ยินยอมเพียงไม่กี่วินาทีก็อ่อนลง ผมอาศัยจังหวะนั้นส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอออย่างรวดเร็ว เรียกเสียงครางเบา ๆ จากในลำคอของเธอได้เป็นอย่างดี รสชาติค็อกเทลหวาน ๆ ทำให้ภายในของนับดาวหวานกว่าที่เคย ผมรีบใช้ลิ้นร้อน ๆ สำรวจรสชาติแปลกใหม่ไปทั่วและเก็บเกี่ยวความหวานนั้นมาเป็นของตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว รอเพียงไม่นานลิ้นเล็ก ๆ ที่แสนซนก็เริ่มส่งเข้ามาในโพรงปากของผมบ้าง นับดาวยกแขนขึ้นคล้องคอผมพร้อมจูบตอบอย่างคุ้นเคย ผมใช้จังหวะที่ไม่ต้องยึดตัวของเธอเลื่อนมือไปสัมผัสผิวเนื้อด้านหลังที่แสนนุ่มลื่นไปมาเบา ๆ และในตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าชุดเดรสรัดรูปของเธอเปลือยหลังไปเกินครึ่ง ตอนที่เห็นนับดาวในผับ ด้วยแสงที่มีน้อยและผมยาว ๆ ของเธอที่ปิดไว้ทำให้ผมไม่สามารถเห็นชุดที่เธอใส่ได้ชัดเจนมากนัก พอมาได้รู้ทีหลังแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก เธอไม่เคยระวังตัวเลยเวลาไปไหนมาไหนกับกลุ่มสายรหัส ทั้ง ๆ ที่ไอ้เมฆจ้องจะกลืนกินร่างเพรียวบางนี้ทั้งตัวขนาดนั้น ผมระบายความหงุดหงิดทั้งหมดด้วยจูบที่เร้าร้อนกว่าเดิม มือหนาใหญ่ลงแรงบีบเนื้อตัวของนับดาวด้วยน้ำหนักที่มากกว่าปกติ ถือเป็นการลงโทษคนที่แต่งตัวโป๊ออกมาในสถานที่ที่มีแต่เสื้อและจระเข้แบบนี้ นับดาวทุบอกผมเมื่อเริ่มตอบสนองจูบและหายใจไม่ทัน ผมยอมผละริมฝีปากออกเพื่อให้อีกคนได้พักหายใจ ก่อนจะอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า “จะฆ่ากันหรือไง” เธอเอ่ยถามเสียงสั่น ริมฝีปากที่เคยแดงเพราะลิปสติกตอนนี้กลับแดงเพราะแรงดูดดึงจากผม ผมที่ดัดมาสวยงามฟูนิด ๆ ดวงตาที่เคยเฉี่ยวสวยตอนนี้ฉ่ำไปด้วยน้ำตาของความต้องการ “ลงโทษ” “ลงโทษ?” “ใครบอกให้แต่งตัวแบบนี้” “ไม่เห็นจำเป็นต้องมีใครบอก ฉันโตแล้ว จะแต่งแบบไหนก็ได้” “เถียงคำไม่ตกฟาก อยากโดนจูบจนหายใจไม่ทันอีกใช่ไหม” คำขู่ไม่จริงจัง(แต่ถ้าได้ก็เอา)นั้นทำให้นับดาวยกมือขึ้นปิดปากเหมือนเด็ก ๆ “แล้วนี่โนบราด้วยใช่ไหม” ผมถามพร้อมมองทรวงอกที่ดันเนื้อผ้าออกมา เมื่อกี้ที่ลูบหลังเธอทำให้รู้ว่ามันไม่ได้มีสายของบราเซียอย่างที่เคย “เธอนี่มัน...” “ชุดแบบนี้ใครเขาใส่บรากันล่ะ อ๊ะ” ปากที่เถียงฉอด ๆ หุบลงทันทีที่ผมดึงตัวเธอขึ้นมาบนตัก รถที่กว้างขวางทำให้ผมสามารถทำอะไร ๆ ได้สะดวก รวมถึงสามารถรังแกคนที่อยู่บนตักได้อีกด้วย “ทำอะไรของนาย ปล่อยฉันลงนะ” “ไม่ปล่อย” “ฉันต้องกลับเข้าไปข้างในนะ อ๊ะ อย่าจับ” ผมทำเป็นหูทวนลมกับคำห้ามปรามพร้อมเสียงครางของเธอ มือที่ไม่ได้สัมผัสความนุ่มเด้งมานานตะปบเข้าที่ทรวงอกของอีกฝ่ายด้วยแรงที่ไม่เบานัก และสัมผัสที่ได้รับทำให้ผมหอบหายใจแรง เธอโนบราจริง ๆ ไม่ได้ใส่แม้กระทั่งบราปีกนกเหมือนที่ผู้หญิงทั่วไปใส่เวลาใส่ชุดที่ไม่สามารถใส่บราได้ นับดาวเป็นคนหน้าอกสวย ต่อให้ไม่ใส่บราดันทรงหน้าอกก็ไม่หย่อนคล้อยทั้ง ๆ ที่มีขนาดเกินตัว เธอจึงกล้าที่จะโนบราเพราะมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง เรื่องนั้นผมรู้ดี... “เธอนี่ ทำให้ฉันโมโหได้ง่าย ๆ เลยจริง ๆ” ผมลงน้ำหนักบนอกอวยสองข้างแรงขึ้น ชุดที่เปิดเผยเนื้อตัวของนับดาวทำให้ผมสามารถลวนลามร่างกายนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงไม่นานมือทั้งสองข้างของผมก็ได้สัมผัสเนื้อที่ไร้ผ้ากั้นของเธอ “นี่อะไร” ผมเอยถามพลางสะกิดอะไรบางอย่างนิ่ม ๆ ที่แปะอยู่กลางความอวบอิ่มด้วยความสงสัย “ที่แปะหัวนมไง ฉันไม่ได้ใจกล้าพอจะไม่ปิดอะไรเลยอย่างที่นายคิดหรอกนะ อ๊ะ อย่าดึงออกนะเฟีย” คำห้ามนั้นไม่ได้เข้าหูผมซักนิด ผมดึงสิ่งกีดขวางนั้นออกกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดลูกเชอรี่แสนหวานที่นุ่มนิ่มไปมาเร็ว ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานลูกเชอรี่ก็ตั้งชันสุกก่ำพร้อมกิน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมไม่คิดจะมีอะไรกับนับดาวในรถ นับดาวไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ผมซุกหน้าลงบนคอขาวผ่องของนับดาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอทำให้รู้สึกผ่อนคลาย “ชอบไหม” “อื้อ เฟีย ไม่ทำในนี้” “สบายใจได้” ผมลงแรงที่ปลายนิ้วให้หนักขึ้น “ฉันไม่ทำในนี้หรอก เธอต้องสุขสมบนเตียงของฉันเท่านั้น”Mafia Part.ผมละมืออกจากอกอวบอย่างเสียดาย แต่ความปวดหนึบที่กลางกายทำให้จำต้องห่างจากร่างบางเพื่อขับรถไปยังที่ที่เหมาะสมกว่านี้ ผมอุ้มนับดาวกลับไปที่เบาะของเธอ ก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้คนที่ยังหายใจไม่เป็นปกติ แถมด้วยจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากเจ่อนั้นหนึ่งทีจุ๊บ!“ส่งข้อความไปบอกพี่ ๆ เธอด้วย เดี๋ยวเขาจะตามหา”“อื้อ”พอนับดาวตอบเสียงแผ่วเบาในลำคอผมก็ออกรถทันที จุดมุ่งหมายคือคอนโดส่วนตัวที่พักหลังมานี้มีใครบางคนมาร่วมแชร์ที่นอนด้วยบ่อยครั้ง และนับดาวคือคนนั้น..คอนโด xxxปัง“อื้อ”เพียงประตูที่ปิดกั้นความเป็นส่วนตัวปิดลง ผมก็รีบครอบครองริมฝีปากอิ่มนั้นทันที กระเป๋าราคาแพงของนับดาวถูกเหวี่ยงตกกระจายอยู่บนพื้นไร้คนสนใจ ผมจูบเธออย่างเร้าร้อน ส่วนเธอก็จูบกลับมาอย่างร้อนแรงไม่ต่างกัน ท่าทีที่ดูชำนาญทั้ง ๆ ที่นอกจากผมเธอก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครอีกทำให้คนที่เทรนมากับมืออดภูมิอกภูมิใจไม่ได้เสื้อผ้าน้อยชิ้นของนับดาวลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว ผมมองร่างกายสวยงามที่มีแค่แพนตี้สีดำลายลูกไม้ปิดส่วนสำคัญไว้ด้วยความหลงใหล นับดาวเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่มีร่างกายสุดแสนจะเพอร์เฟกต์แบบที่ผู้หญิงหลายค
Mafia Part.“ตรงนี้เลยเหรอ” นับดาวถามด้วยความไม่มั่นใจ ก็ไม่แปลกหรอกเพราะตอนนี้เรายังอยู่ที่ประตู เสื้อผ้าของผมยังอยู่ครบ มีแค่บางส่วนที่ถูกปล่อยออกมาอวดความยิ่งใหญ่เท่านั้น“ตรงนี้แหละ เฟียอยากลองท่ายืน” ผมตอบพร้อมเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เมื่อนับดาวเอ่ยปากจะประท้วงอีกครั้งผมจึงรีบปิดปากของเธอไว้ด้วยจูบที่ลึกล้ำ แขนหนึ่งข้างยกขาเรียวขึ้นเพื่อเปิดทางให้ตัวเอง รอจนนับดาวเริ่มเคลิ้มกับจูบจึงจับส่วนแข็งขืนเข้าไปทักทายความนุ่มนิ่มของเธอ“อืม”ผมจับเจ้าลูกชายถูไถลงบนยอดเกสรที่สั่นระริกจนเจ้าของยืนไม่ติด อดส่งเสียงครางเบา ๆ ในลำคอไม่ได้เมื่อรู้สึกเสียววูบที่ส่วนปลาย ความเปียกชื้นของเธอชโลมลงบนความแกร่งจนมันวาว เมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางที่ต้องการจะเข้าไปสำรวจชุ่มฉ่ำเพียงพอแล้วจึงค่อย ๆ ดันตัวตนไปอย่างช้า ๆ“อ๊ะ เฟีย ช้า ๆ ก่อนนะ มันตึง” นับดาวหลับตาปี๋และเอ่ยบอกผมเสียงสั่น ผมเองก็รู้สึกเจ็บตึงที่ส่วนปลายอยู่ไม่น้อย แม้นับดาวจะเปียกลื่นและพรั่งพร้อมมากแค่ไหน แต่เส้นทางที่ไม่ได้ใช้งานมานานร่วมอาทิตย์ก็คับแคบเกินไปที่จะเข้าสำรวจได้อย่างเอาแต่ใจอยู่ดี“ดาวใจเย็น ๆ นะ เฟียจะไม่ดันแรง แต
Mafia Part . “มาเฟีย ฉันว่า...เรามาจบเรื่องของเรากันเถอะ” “ว่ายังไงนะ!” นับดาวหลบตา ก่อนจะดันร่างที่เปลือยเปล่าลงจากตัวผม เธอหยิบผ้าห่มขึ้นปิดบังร่างกายไว้และขยับไปนั่งอีกฝากหนึ่งของเตียง ตัวผมเองก็ขยับขึ้นนั่งเพื่อที่จะคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง “นับดาว” “ฉันว่าฉันพูดรู้เรื่องแล้วนะมาเฟีย หรือถ้าอยากให้พูดอีก...” เธอถอนหายใจออกมาเหมือนรำคาญที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “...ฉันบอกว่าให้เราจบเรื่องของเรากันดีกว่า ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม” “ทำไม” “มันไม่ใช่คำถามที่ควรถามเลยนะ” นับดาวเอ่ยเสียงเรียบ “ความสัมพันธ์ของเรามันไร้สถานะอยู่แล้ว นายบอกเองว่าถ้าใครอยากจะหยุด ก็สามารถหยุดมันได้ มันคือกฎไม่ใช่เหรอ” “ฉันแค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไม เธอเบื่อฉัน เธอไปลองกับคนใหม่แล้วถูกใจกว่า หรือเธอกำลังจะคบกับใคร” “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน! ฉันไม่เคยผิดกฎระหว่างเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันมีนายแค่คนเดียว” ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวเปลี่ยนเป็นวาวโรธด้วยความไม่พอใจทันทีเมื่อถูกกล่าวหา ผมเองก็โกรธตัวเองที่ปากพล่อยพูดออกไปให้เรื่องมันแย่กว่าเดิม ผมร
Mafia Part . ผมกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมที่เคยเป็น เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องหลอกล่อให้ผมไปเที่ยวด้วยเหมือนแต่ก่อน เพราะชีวิตที่ไม่ต้องระวังความรู้สึกใครทำให้บางครั้งก็เป็นผมที่เสนอตัวเอง คอนโดนั้นถูกปล่อยทิ้งไว้ เพราะผมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน แม้จะต้องเจอหน้าพ่อและแม่ที่จ้องจะกำหนดชีวิตลูก ๆ ตลอดเวลา แต่มันก็ดีกว่าต้องกลับไปเจอภาพเดิม ๆ ในห้องเดิม ๆ “โปรเจกต์จบถึงไหนแล้วมึง” เควิลชวนคุยคนแรก มันดูสภาพดีที่สุดแล้วในกลุ่ม วันนี้พวกเรารวมตัวกันได้ในรอบเดือนหลังจากที่หัวปั่นอยู่กับโปรเจกต์จบ เลยตกลงกันว่าจะนั่งดื่มเงียบ ๆ ไม่ต้องการใครมายุ่งวุ่นวายเพื่อพักสมอง “สามสิบเปอร์เซ็น” “เฮ้อออออออออ” คริสถอนหายใจออกมาแรง ๆ “เลิกพูดเรื่องงานกันก่อนเถอะพวกมึง กูจะอ้วกออกมาเป็นโมเดลอยู่แล้ว” “เออ ๆ รีแล็กซ์ ๆ” เนตั้นเอ่ยอย่างเห็นด้วย ก่อนที่พวกเราทุกคนจะนั่งดื่มกันเงียบ ๆ ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดตัวเอง “พวกมึง” เควิลเป็นคนที่ทำลายความเงียบอีกครั้ง ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ดูเครียดขรึมของเพื่อนด้วยความแปลกใจ เควิลเป็นคนที่ขี้เล่นและดูเหมือนจะไร้เรื่องเครียดที่สุดในกลุ่ม น้อยครั้งที่จะเ
Kris (Special Part) . ผมมองคนที่เมาหลับฟุบลงกับโต๊ะก่อนจะถอนหายใจออกมา ตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบยี่สิบปี เพื่อนผมมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มาเฟียควบคุมอารมณ์เก่งที่สุดในกลุ่มแล้ว น้อยครั้งจริง ๆ ที่จะเผยความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น จริงอยู่ที่มันไม่ได้มานั่งร้องไห้ฟูมฟาย แต่แค่อาการซึม ๆ และกระดกเหล้าเข้าปากเหมือนน้ำเปล่าก็บอกได้แล้วว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน ผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลต่อมันมากจริง ๆ “มันไหวไหมวะ” ผมมองเควิลก่อนจะส่ายหน้า “กูว่าไม่ไหว” “แม่ง ใครจะคิดว่าคนแบบมันจะอกหัก กูไปไม่เป็นเลยตอนที่มันยอมรับว่าชอบนับดาว” ผมพยักหน้าเห็นด้วย จริง ๆ ก็พอรู้สึกได้บ้างว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างต่อกัน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเลยเถิดถึงขั้นไปชอบพอเขา และสุดท้ายก็อกหักเมาเป็นหมาอยู่แบบนี้ “เป็นอะไรของมึงวะวิล” ผมเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าเควิลก้มมองมือถือบ่อยครั้ง แถมยังทำท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ “เปล่า ๆ” “เปล่าอะไรมึง นั่งไม่ติดเก้าอี้เหมือนโดนไฟจี้ตูดแบบนี้” เนตั้นเอ่ยเสียงดุ ไม่สิ ไอ้นี่มันเป็นคนเสียงดุอยู่แล้ว แถมยังอารมณ์ร้อนที่หนึ่ง เตะต่อยก็มือหนัก เพราะแบบนี้ใคร ๆ ถึงพากันขยาดมัน “ตอ
Mafia Part . “ห้องนายไม่มีพวกมะนาวหรือน้ำขิงเลยเหรอ” นับดาวหันกลับมาถามผม หลังจากที่พยายามหาของที่ต้องการมาหลายนาที วันแรกของเราหลังจากยุติความสัมพันธ์แบบ Friend With Benefit ลงอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้นแบบงง ๆ และค่อนข้างวุ่นวาย เพราะหลังจากที่คุยกันได้ไม่กี่ประโยคผมก็ปวดหัวจากอาการเมาค้างอย่างรุนแรง เดือดร้อนให้นับดาวต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ช่างเป็นการเริ่มต้นที่น่าประทับเหลือเกิน “ไม่มีหรอก ฉันไม่ได้กลับห้องมาเป็นเดือนแล้ว” “อ้าว ทำไมล่ะ” “ไม่มีคนให้นอนกอด” ผมหยอดอีกครั้งเมื่อมีโอกาส พร้อมส่งสายตาที่คิดว่าหวานที่สุดให้อีกฝ่ายอย่างไม่เจียมสังขาร แต่มันคงแปลก ๆ น่าดูเพราะนับดาวทำหน้าปุเลี่ยนใส่เสียอย่างนั้น “นายนี่ เหมือนโดนผีสิงเลยอะ” “ฉันกำลังจีบเธอไง” “จีบแบบนี้ไม่ชินเลย” เธอว่าพร้อมหันกลับไปทำอะไรกุกกักที่ครัวอีกครั้ง ด้วยความสงสัยผมจึงเดินเข้าไปเมี่ยง ๆ มอง ๆ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัว เพราะเสียงหวานยังคงเอ่ยต่อไม่หยุด “แล้วสายตาแบบนั้นเลิกทำเลยนะ มันแปลก ๆ โอ๊ะ!” นับดาวร้องเสียงดังเมื่อหันกลับมาแล้วหน้าผากชนเข้ากับปลายคางของผม แม้จะไม่แรงนักแต่ก็ทำให้เธอเสียหลักไม่น
Mafia Part . 'จีบสาวก็ต้องชวนเขาออกเดตสิวะไอ้เพื่อนโง่!’ เพราะคำแนะนำ(หรือด่า?)นั้น วันนี้ผมจึงมาอยู่ตรงนี้ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักคือตัวเลือกที่ดีสำหรับ ‘เดตแรก’ . . สองวันที่แล้ว . ‘สรุปมึงกับดาวเป็นยังไง’ ’เป็นยังไงอะไรของมึง’ ผมถามพลางเดินนำอีกฝ่ายมาที่โซฟา ก่อนจะนั่งลงทำงานต่อผิดวิสัยเจ้าบ้านที่ควรต้อนรับแขก แต่ก็นะ...แขกแบบมันไม่มีความจำเป็นต้องต้อนรับอะไร แขกไม่ได้รับเชิญไม่ได้สนใจกับท่าทีไม่รับแขกของผม มันอาศัยความหน้าหนาของตัวเองเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นกินเอง ก่อนจะเดินกลับมาหาผมและถามคำถามเดิม ’มึงกับนับดาวเป็นยังไงบ้าง ไม่ต้องมาทำเงียบเลยนะมึง กูอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาถามความคืบหน้า วันนั้นกูโทรตามนับดาวให้ขนาดนั้นแล้ว อย่าบอกว่ามึงโง่ปล่อยเขาไปอีกนะ’ คำพูดยาว ๆ ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าคำ ๆ เดียวจากมัน ผมเงยหน้าจากงานขึ้นมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนค้ำหัวอยู่ทันที ’มึงมีเบอร์นับดาวได้ยังไง’ ’ไอ้เวร! นี่ใช่สิ่งที่กูอยากได้ยินไหมวะ’ คริสว่าอย่างหัวเสีย ก่อนจะยอมตอบออกมาเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ล้อเล่นและต้องการคำตอบจริงจัง ’กูค้นในมือถือมึงเองแหละ พ
Napdao Part . ‘กลับถึงคอนโดแล้วโทรหาด้วยนะ’ . ฉันอ่านประโยคนั้นมากกว่าสิบครั้ง แม้จะเป็นประโยคที่เห็นได้ทุกวันจากคน ๆ เดิม แต่ฉันก็อยากอ่านมันซ้ำ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... นับดาวคือชื่อของฉัน เป็นทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ขี้เกียจตั้งชื่อเล่นหรือชื่อจริงเพิ่มนะคะ แต่เป็นเพราะก่อนที่แม่จะตั้งท้อง แม่ฝันว่าได้นั่งนับดาวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวของเด็กคนนั้นขาวเหมือนมีแสงเปล่งออกมาจากตัวตลอดเวลา และหลังจากนั้นเพียงสองเดือนแม่ก็รู้ข่าวดีว่ากำลังจะมีฉัน ท่านเลยตั้งมั่นว่าจะตั้งชื่อเด็กในท้องว่านับดาว และนับว่าโชคดีจริง ๆ ที่เด็กในท้องเกิดมาเป็นผู้หญิง ถ้าท้องนั้นแม่ท้องเด็กผู้ชาย ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเด็กผู้ชายชื่อนับดาวมันจะแปลกแค่ไหน เพราะคนมุ่งมั่นแบบแม่คงตั้งชื่อลูกไม่ว่าหญิงหรือชายว่านับดาวตามที่ตั้งใจไว้แน่นอน ฉันเก็บมือถือลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนที่จะทำงานด้วยกันมาถึง แค่เพื่อนร่วมงานน่ะนะ ไม่ใช่เพื่อนสนิท เพื่อนแท้เพื่อนสนิทคืออะไร? ฉันไม่มีของพรรค์นั้นหรอก แค่มีเพื่อนมาทำงานกลุ่มด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว “รอนานหรือเปล่านับดาว” “ก็นาน” เมื่อได้ยินฉันตอบแบบนั้นสามสาวก็หน้
Napdao Part . วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันมาเยี่ยมคุณย่าของมาเฟีย ท่านร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องฝึกเดินให้มาก ๆ เพื่อจะกลับมาเดินได้แข็งแรงตามปกติ ซึ่งการกายภาพต่าง ๆ จะมีนักกายภาพโดยเฉพาะมาดูแล แต่ถ้าวันไหนฉันมาเยี่ยมตอนที่ท่านกำลังทำกายภาพพอดี ฉันก็จะแย่งหน้าที่นั้นมาเป็นของตัวเอง แล้วก็จะโดนคุณย่าของมาเฟียบ่นจนหูชา วันนี้ก็เช่นกัน... “จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” “หนูแค่อยากดูแลคุณย่านี่คะ หนูทำเป็น ถามคุณนักกายภาพก็ได้ค่ะว่าหนูทำถูกหรือเปล่า” ฉันหันไปหานักกายภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันทำถูกใช่ไหมคะคุณหมิว” “ถูกแล้วค่ะคุณนับดาว” “เห็นไหมล่ะคะ” “ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ” ท่านดุไม่จริงจังนัก แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ฉันบอกแต่โดยดี ช่วงเวลาของกายภาพจบลงไปท่ามกลางเสียงเถียงกันของฉันกับคุณย่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนในบ้านยิ้มออกมา ฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องราวดี ๆ ก็แล้วกัน... “โทรมาไม่รับ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้ฉันหันกลับไปมอง มาเฟียที่อยู่ในชุดนักศึกษาไม่ได้สุภาพมากนักยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาหา และเอ่ยทักคุณย่าที่นั่งพักอยู่ “สวัสดีครับคุณย่า วันนี้เป็นอย่างไ
Napdao Part . สวนของโรงพยาบาลคือที่ ๆ หญิงสาวคนนั้นเดินนำลงมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่ามันคือที่สาธารณะ ฉันอาจจะดูหนังมากไปหน่อย แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงนิสัยไม่ดีที่กำลังแย่งคู่หมั้นของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าเธออยากเอาคืนก็ไม่แปลก “คุณนับดาว” “คะ" “คุณคบกับพี่มาเฟียมานานหรือยังคะ” ใบหน้าสวยหวานจ้องมองมาที่ฉันอย่างนิ่งเรียบ สายตาคู่นั้นมันราบเรียบจนฉันเดาไม่ถูกว่าเธอมาดีหรือมาร้าย หรือกำลังต้องการอะไรกันแน่ “ถามทำไมคะ” ฉันเองก็มองหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตาเช่นกัน พยายามเก็บซ่อนความกังวลไว้ข้างในเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ “ฉันถามไม่ได้หรือคะ” เธอเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย “ในฐานะ...คู่หมั้นของแฟนคุณ” คำว่าคู่หมั้นที่เธอใช้ตอกหน้าทำให้ฉันหน้าชา ใช่สิ ฉันลืมไปได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้น คือคนที่มาก่อนหน้าฉันตั้งหลายปี “รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง คบกันได้เดือนเดียวค่ะ” ฉันตั้งใจเล่าข้ามเรื่อง Friend With Benefit ไป มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงให้ตัวเองเสียหายนี่ “ฉันถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นพี่มาเฟียตั้งแต่อา
Napdao Part . เราใช้เวลาหลังจากเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรานอนกอดกัน และพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ต่างคนต่างพบเจอระหว่างที่แยกห่าง และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าคุณย่าของมาเฟียเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกับที่เราทะเลาะกัน “ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” “เส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด” “...” ฉันได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความกังวล ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เขาทุกข์ที่สุด แถมยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาเฟียเครียดด้วยซ้ำ “ทำหน้าแบบนั้นทำไม มันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ย่าฉันดีขึ้นมากแล้ว" มาเฟียกดนิ้วโป้งลงบนหัวคิ้วของฉันเพื่อให้มันคลายออก "วันนี้ท่านฟื้นขึ้นมา และหมอก็บอกว่าท่านจะกลับมาเป็นปกติ แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะในการฟื้นตัว” “ฉันเสียใจ...ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย” “ไม่เป็นหรอก มันผ่านมาแล้ว” มาเฟียรั้งคอฉันเข้าไปหา ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของฉันหลายครั้ง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมท่านไหม ฉันอยากแนะนำเธอให้ท่านรู้จัก” “จะดีเหรอ ท่านอาจจะไม่ชอบฉัน ไหนจะคู่หมั้นนายอีก” “ถ้าเราอยากคบกัน เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้” มาเฟียมองฉันด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะจับมือฉันไว้ “
Mafia Part . “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เท้าก้าวที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมั่นคงน่าจะเป็นคำตอบที่ดังและชัดเจนที่สุดแล้ว นับดาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอจนใจผมปวดไปหมด ไม่อยากเห็นน้ำตานั้น ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้อีกต่อไปแล้ว “ฮึก” นับดาวปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อผมแตะลงบนแก้มนวล น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาทันที ก่อนที่หยดสอง สาม สี่ ห้า จะไหลตามกันลงมาเหมือนถูกเก็บไว้เนิ่นนาน และถูกระบายออกมาในวันนี้ “ไม่ร้อง” “ฮึก”เมื่อได้ยินแบบนั้นนับดาวก็เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่น้ำตาสีใสก็ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมดึงร่างบางเข้ามากอดเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของเธออีกต่อไป นับดาวรีบกอดผมกลับจนแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป เราทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน และเหมือนว่าสายลมนั้นกำลังหอบเอาทิฐิในใจผมไปด้วย เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงและพร้อมจะกลับไปหาเจ้าของตัวจริงเต็มทน “ไหน” ผมดันร่างบางออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มเธอไว้ และส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ “แต่งหน้ามาซะสวย แต่ดันร้องไห้เป็นเด็ก ๆ” “ฉันคิดถึงนาย” “ฉันก็คิดถึงเธอ” ไม่ม
Mafia Part . สองอาทิตย์หลังจากวันที่ผ่าตัด ผมได้รับข่าวดีจากคุณหมอในเช้าวันหนึ่งว่าคุณย่ารู้สึกตัวแล้ว และได้รับข่าวดีที่สองเมื่อหมอตรวจจนละเอียดแล้วพบว่าสภาพร่างกายของคุณย่าฟื้นตัวดี ไม่เสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่กลัว แต่เพราะท่านนอนไปนานจึงทำให้ร่างกายอ่อนแรง และต้องทำกายภาพจนกว่าจะหายดีและกลับมาเดินได้ปกติ อาจจะใช้เวลายาวนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งแค่นั้นมันก็เป็นข่าวดีมากสำหรับผมแล้ว เราทั้งสองคนยังไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่าถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ผมไม่รู้จะเริ่มคุยกับท่านอย่างไร บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดจนแม้แต่พยาบาลที่เข้ามาเช็กอาการยังสัมผัสได้ ผมได้แต่นั่งมองท่านที่เหม่อมองไปนอกระเบียงเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก๊อก ก๊อก “สวัสดีครับคุณย่า” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันกลับไปมอง ไอ้คริสยืนยิ้มกว้างและถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือ “ไหว้พระเถอะ” ย่าเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “ไปไงมาไงล่ะเรา” “ผมมาเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ ครับ วันนี้ก็มาปกติ แต่ไม่คิดว่าจะโชคดีได้เห็นว่าคุณย่าฟื้นแล้ว” คริสเดินเข้ามาใกล้เตียงก่อนจะพูดกับท่านด้วยรอยยิ้ม ย่
Napdao Part . “คิดอะไรอยู่” “แม่...มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยค่ะ หนูตกใจ” “หนูตกใจเพราะมัวแต่เหม่อมากกว่าม้าง เพราะว่าแม่เดินมาเสียงออกดังนะ” หญิงวัยกลางคนว่าพร้อมรอยยิ้มใจดี ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน มือที่อบอุ่นเสมอลูบผมฉันเบา ๆ “เป็นอะไร กลับมาบ้านหลายวันแล้ว แม่เห็นเราออกมานั่งดูดาวอยู่แบบนี้ทุกวันเลย” “แค่อยากลองมานั่งตรงที่ ๆ อยู่ในฝันของแม่ก่อนตั้งท้องหนูค่ะ” ฉันตอบแม่ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้า ชิงช้าตัวนี้เป็นตัวที่แม่เล่าให้ฟังว่าท่านฝันเห็นเด็กผู้หญิงผิวกายขาวกระจ่างคนหนึ่งมานั่งนับดาวกับท่านตรงนี้ หลังจากฝันนั้นไม่นานแม่ก็ตั้งท้อง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนับดาวที่แม่ตั้งให้ฉัน อันที่จริงชิงช้าตัวนี้ไม่ได้มีมาก่อนหน้าที่แม่ฝัน แต่พอแม่ตั้งท้องพ่อก็จัดการทำชิงช้านี้ขึ้นมา เพื่อเป็นของขวัญให้เด็กในฝันที่แม่มั่นใจว่าต้องมาเกิดเป็นลูกตัวเอง พ่อกับแม่แต่งงานกันหลายปีแต่ไม่มีลูกและรอคอยมาตลอด เพราะฉะนั้นท่านจึงดีใจมากที่รู้ว่าตั้งท้อง “เมื่อก่อนหนูตกชิงช้าตัวนี้ด้วยนะ” “จริงหรือคะ ไม่เห็นจำได้เลย” “จริงสิ แต่ก่อนนับดาวของแม่ซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ต
Mafia Part . “เป็นอะไร ไม่ดีใจหรือไงที่เราจะแต่งงานกัน” ผมถามเมื่อเห็นสีหน้าพริมาตาดูแปลกไป ไม่ใช่เธอหรือไงที่อยากจะแต่งงานกับผม พอผมเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเธอกลับเป็นฝ่ายอึกอักเสียอย่างนั้น “ดะ ดีใจสิคะ พรีมอยากแต่งงานกับพี่” “อืม เอามือถือพี่มาได้แล้ว” “นี่ค่ะ” ผมรับมือถือจากพริมาตา ก่อนจะเช็กดูว่าเบอร์แปลกที่ว่าคือเบอร์ไหนเผื่อว่าจะรู้จัก แต่แล้วเบอร์ที่คุ้นตาก็ทำให้ผมตกใจ นี่มันเบอร์ของนับดาว ถึงผมจะลบเบอร์ทิ้งไปแล้วแต่ก็ยังจำได้ครบทุกตัว ความทรงจำในสมองมันยากที่จะลบออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าผมเป็นเหมือนมือถือเครื่องนี้ก็คงจะตี ไม่อยากจำอะไรก็แค่ลบออกไป ใช้เวลาแค่ไม่นานทุกอย่างก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน “มีอะไรหรือเปล่าคะ” พริมาตาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมจ้องมือถือตาค้าง ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แบบนี้ก็แปลว่าเมื่อกี้นับดาวได้ยินที่ผมพูดกับพรีมน่ะสิ วูบหนึ่งผมรู้สึกใจหาย เหมือนตัวเองกำลังทรยศนับดาว แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าสถานะของเราสิ้นสุดลงไปแล้ว ผมก็ได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่ผิด ผมไม่ได้ทรยศใคร เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ผมจะหมั้นหรือแต่งงานกับใครก็ได้ “เปล่า” ผมปฏิเสธออก
Mafia Part . ผมเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากสอบถามจากพยาบาลจนรู้แน่ชัดแล้วว่าคุณย่าท่านถูกส่งตัวไปที่ไหน “พี่เฟีย!” “พรีม ย่าพี่เป็นยังไงบ้าง” “หมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ” พริมาตาตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล ผมมองไปรอบกายที่ไร้เงาของพ่อแม่ด้วยความสงสัย “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่ไปไหน” “คุณพ่อกับคุณแม่พี่เฟียท่านหย่ากันแล้วค่ะ คุณแม่พี่ไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว ส่วนคุณพ่อพรีมโทรตามแล้ว ท่านอยู่ต่างจังหวัด กำลังรีบเดินทางกลับมา” ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบนั้น แม้จะรู้อยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงก็อดใจหายไม่ได้ “นี่พี่เฟียไม่รู้เรื่องนี้หรอคะ” “ไม่...แล้วมันเกิดอะไรขึ้น” “เมื่อเช้าพรีมไปเยี่ยมคุณย่าท่านที่บ้าน ท่านดูซูบผอมปล่อยตัวโทรมไม่ดูแลตัวเองเหมือนเคย นั่งคุยกันซักพักแล้วจู่ ๆ ท่านก็ล้มลง พรีมเลยรีบส่งตัวมาโรงพยาบาลค่ะ” “ขอบใจนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ผมเลิกสนใจพริมาตา และจ้องมองประตูห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจ คุณย่าท่านร่างกายแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ ล้มกะทันหันแบบนี้เลยทำให้กังวลไม่ได้ ผัวะ! ประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดออกพร้อมหมอและพยาบาลที
Mafia Part . “เฟีย ฟังฉันก่อน!” “เธอใช้ฉันเป็นสะพานเพื่อก้าวไปหาเพื่อนฉัน เธอยอมเป็นคู่กัดกับฉันเพียงเพราะจะได้เจอหน้าไอ้คริส เธอยอมนอนกับฉันเพราะจะได้ใกล้ชิดกับไอ้คริสมากกว่าเดิม ฉันพูดถูกหรือเปล่า” ผมถามเธอเสียงเรียบ ไม่มีการขึ้นเสียง ไม่มีการใส่อารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น “มันไม่ใช่แบบนั้นนะ!” “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนเหรอนับดาว เธอจะบอกว่ามันไม่จริงงั้นสิ ถ้าไม่จริงแล้วรูปที่แขวนอยู่ในห้องเธอนั่นมันอะไร ไหนจะรูปมากมายของเพื่อนฉันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามที่เธอเก็บไว้อีก แค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้ว” “เฟีย ได้โปรด ฟังฉันซักครั้งได้ไหม” นับดาวร้องไห้ออกมา ร่างบางขยับมากอดผมไว้แน่น ผมไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้กอดกลับ น้ำตาของผมเอ่อคลอ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้ “ฉันยอมรับว่าเคยรักคริสมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คนที่ฉันรักคือนายนะมาเฟีย” คำว่ารักที่ผมรอฟังมานานทำให้วูบหนึ่งของหัวใจรู้สึกยินดี ก่อนที่ผมจะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง ถึงแม้นับดาวจะทำให้เจ็บปวดขนาดไหน ผมก็ยังยินดีกับคำพูดจอมปลอมของเธออยู่ดี ผมนี่มันโง่ โง่จริง ๆ “เหรอ” “เฟีย” นับดาวผละออกและจ้องมองผมทั้งน้ำตา “ฉันพูดจริง ๆ ฉันรักนายจริง ๆ