Napdao Part . ‘กลับถึงคอนโดแล้วโทรหาด้วยนะ’ . ฉันอ่านประโยคนั้นมากกว่าสิบครั้ง แม้จะเป็นประโยคที่เห็นได้ทุกวันจากคน ๆ เดิม แต่ฉันก็อยากอ่านมันซ้ำ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... นับดาวคือชื่อของฉัน เป็นทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ขี้เกียจตั้งชื่อเล่นหรือชื่อจริงเพิ่มนะคะ แต่เป็นเพราะก่อนที่แม่จะตั้งท้อง แม่ฝันว่าได้นั่งนับดาวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวของเด็กคนนั้นขาวเหมือนมีแสงเปล่งออกมาจากตัวตลอดเวลา และหลังจากนั้นเพียงสองเดือนแม่ก็รู้ข่าวดีว่ากำลังจะมีฉัน ท่านเลยตั้งมั่นว่าจะตั้งชื่อเด็กในท้องว่านับดาว และนับว่าโชคดีจริง ๆ ที่เด็กในท้องเกิดมาเป็นผู้หญิง ถ้าท้องนั้นแม่ท้องเด็กผู้ชาย ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเด็กผู้ชายชื่อนับดาวมันจะแปลกแค่ไหน เพราะคนมุ่งมั่นแบบแม่คงตั้งชื่อลูกไม่ว่าหญิงหรือชายว่านับดาวตามที่ตั้งใจไว้แน่นอน ฉันเก็บมือถือลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนที่จะทำงานด้วยกันมาถึง แค่เพื่อนร่วมงานน่ะนะ ไม่ใช่เพื่อนสนิท เพื่อนแท้เพื่อนสนิทคืออะไร? ฉันไม่มีของพรรค์นั้นหรอก แค่มีเพื่อนมาทำงานกลุ่มด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว “รอนานหรือเปล่านับดาว” “ก็นาน” เมื่อได้ยินฉันตอบแบบนั้นสามสาวก็หน้
Mafia Part . ‘เพ้อฝัน’ . หลังจากวันนั้น คำ ๆ นี้ก็ติดอยู่ในหัวผมมาตลอด มันไม่ใช่คำหยาบคายเลย แต่กลับทำให้ผมจุกไปทั้งอก วูบหนึ่งผมรู้สึกน้อยใจ เหมือนที่ทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมาย แต่เมื่อคิดอีกแง่ผมก็รวบรัดและคิดแทนนับดาวเกินไป ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมมีความสุขจนลืมไปว่าจุดเริ่มต้นเราเริ่มมาจากตรงไหน แม้ผมจะพยายามแก้ไขมันยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าระหว่างเรามันคือความผิดพลาดมาก่อน เมื่อคิดได้แบบนั้นผมจึงทำตัวเหมือนเดิม โทรหาและนัดเธอออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนที่เคยทำมาตลอด เช่นเดียวกับวันนี้ พัทยาคือสถานที่เดตต่างจังหวัดที่แรกของเรา ผมไปรับนัดดาวที่คอนโดเก้าโมงเช้า แผนที่วางไว้คือขับรถชมวิวไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ไปถึงที่นั่นเที่ยงและหาข้าวทาน บ่าย ๆ ก็ไปเดินเตะน้ำทะเลให้รู้ว่ามาถึง กินข้าวเย็น อยู่ดูพระอาทิตย์ตกดินก่อนค่อยกลับ เป็นแพลนการเดตเรียบง่ายจนอดกังวลไม่ได้ เพราะผมเคยเดตกับนับดาวแค่คนเดียว เลยไม่รู้ว่าต้องชวนไปเดตที่แบบไหนผู้หญิงถึงจะชอบ อีกทั้งนับดาวยังเป็นผู้หญิงที่แตกต่างกับผู้หญิงส่วนใหญ่ อะไรที่คนอื่นชอบเธอมักจะไม่ชอบ อะไรที่คนอื่นไม่ชอบเธอมักจะชอบ ก็ได้แต่หวังว่าการเ
Mafia Part . “ไหวหรือเปล่า” ผมเอ่ยถามเมื่อปรับเบาะรถลงให้เธอได้นอนสบาย ๆ ใบหน้าซีด ๆ ของนับดาวทำให้ผมไม่สบายใจ พอคุยโทรศัพท์เสร็จผมก็รู้ว่านับดาวก็หายไป หลังจากนั้นก็มีเสียงโวยวายว่าผู้หญิงจะเป็นลม ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปดู และก็ได้เห็นร่างบอบบางของนับดาวยืนพิงต้นไม้แถวนั้นด้วยท่าทีหมดแรง เธอลืมตาขึ้นมองผม ก่อนจะพาร่างโรยแรงของตัวเองไปอาเจียนที่ถังขยะแถวนั้น ผมวิ่งเข้าไปลูบหลังและดูแลเธอไม่ห่างโดยไม่รังเกียจ นับดาวอาเจียนอยู่แบบนั้นจนไม่เหลืออะไรให้ออกมาแล้วผมจึงพาเธอไปล้างหน้าล้างตา และพาเธอกลับมานั่งตากแอร์ในรถ เผื่อจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ “อืม” “ทำไมถึงอาเจียนแบบนั้น เธอแพ้อาหารอะไรหรือเปล่า” "ไม่ได้แพ้” ใบหน้าสวยส่ายไปมาเบา ๆ “แต่กินน้ำมะพร้าวเข้าไปแล้วก็ปล่อยออกมาหมดเลย” “น้ำมะพร้าว” “อือ” “เธอไม่ได้แพ้ไม่ใช่เหรอ” “ใช่ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้” “หรือน้ำนั่นมันมีอะไร” ผมเริ่มคิดในแง่ร้าย เพราะมีแค่อย่างเดียวที่ผมไม่ได้กินเหมือนนับดาวคือน้ำมะพร้าวลูกนั้น และตอนนี้ผมสบายดี ถ้านับดาวไม่ได้แพ้อะไรก็ไม่น่าเกี่ยวกับอาหารทะเลเมื่อกลางวัน “ไปหาหมอเถอะ” “ไม่เป็นไร
Mafia Part . “คุณหนู...” ชายชราอายุเกือบหกสิบปีวิ่งเยาะ ๆ เข้ามาหาทันทีที่เห็นผม ใบหน้าที่เหี่ยวโรยตามวัยมองผมด้วยความคิดถึงอย่างปิดไม่มิด “อย่าวิ่งแบบนั้นอีกนะลุงแย้ม หกล้มขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่” “ลืมตัวไปหน่อยครับ ลุงไม่ได้เจอคุณหนูนาน คิดถึงเหลือเกิน” “แค่เดือนเดียวเองครับ” “แค่ไม่กี่วันลุงก็คิดถึงแล้ว” ผมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจที่แสนจริงใจนั้น ลุงแย้มเป็นคนสวนที่อยู่ดูแลบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด พอผมเกิดแกก็เป็นคนที่คอยเลี้ยงดูไปรับไปส่ง กล่อมนอน สอนการบ้านทั้ง ๆ ที่แกก็ไม่ได้มีความรู้มาก ชีวิตเด็กคนอื่น ๆ อาจจะมีแม่นม แต่ผมกลับต่างออกไป ลุงแย้มเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างผมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว หรือตอนนี้... “ไม่ต้องทนคิดถึงแล้วแหละแย้ม เพราะมาเฟียจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวร” เสียงทรงอำนาจของบ้านดังขึ้น ผมหันกลับไปมองก็เห็นหญิงชราที่มีใบหน้าอ่อนกว่าวัยยืนนิ่งเหมือนนางพญาอยู่หน้าประตูบ้าน ได้ยินแบบนั้นลุงแย้มก็รีบหันกลับมาถามผมด้วยท่าทีดีอกดีใจ “จริงหรือครับคุณหนู” “คุณย่า ผมอยู่คอนโดเดินทางไปมหาวิทยาลัยสะดวกกว่าครับ” “ช่วงนี้ไม่น่าจะจำเป็นต้องเ
Mafia Part . อึดอัด . “หนูพรีมสวยขึ้นมากเลยนะลูก เป็นสาวแล้วนะ” “ขอบคุณค่ะคุณย่า คุณย่าเองก็ยังสาวเหมือนเดิมเลย อายุเจ็ดสิบแล้วจริง ๆ หรือคะ ไม่อยากจะเชื่อเลย” น่าเบื่อ “ดูสิ ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาตั้งหลายปีแต่ไม่เคยลืมวัฒนธรรมไทย หน้าก็สวย ไหว้ก็สวย” “พรีมไม่มีทางลืมหรอกค่ะคุณย่า วัฒนธรรมไทยเราสวยงามที่สุดแล้วค่ะ” "น่ารักจริง ๆ เด็กคนนี้ ย่ารอวันที่จะได้หนูมาเป็นสะใภ้ไม่ไหวแล้วรู้ไหมลูก" "คุณย่าขา พรีมอาย..." "โถ...คนดี" พึ่บ! “คุณย่าคงคิดถึงและอยากคุยกับพรีมอีกนาน งั้นผมขอตัวขึ้นไปพักนะครับ เมื่อเช้าตื่นแต่เช้ามืดเลยยังง่วง ๆ อยู่” เสียงของผมทำให้ผู้หญิงสองคนต่างวัยหันมามอง พริมาตามองมาด้วยสายตาที่หลากหลายความหมาย แต่ผมไม่สนใจที่จะค้นหาความหมายมัน ส่วนคุณย่าท่านมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ หึ! ก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ “มาเฟีย อย่าเสียมารยาท หนูพรีมนั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมงยังอุตส่าห์แวะมาหาย่าก่อนกลับไปพัก เราเป็นเจ้าบ้านแท้ ๆ ทำไมไม่ต้อนรับขับสู้น้องเอาเสียเลย” ท่านว่าด้วยน้ำเสียงตำหนิอย่างไม่ปิดบัง พริมาตาเห็นแบบนั้นจึงหันไปบอกท่านด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ไม่เป็น
Napdao Part . ฉันวางมือถือลงหลังจากอ่านประโยคนั้นจากอีกฝ่าย ‘ฉันคิดถึงเธอ’ อีกแล้ว...หัวใจฉันเต้นแรงอีกแล้ว หลังจากที่เอารูปของคน ๆ นั้นแขวนบนพนังตามเดิมฉันก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดไปคิดมามือก็เปิดหน้าแชทของใครอีกคนโดยไม่รู้ตัว และกว่าจะได้สติฉันก็พิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้อีกฝ่ายเสียแล้ว “เฟีย...” “ไม่ได้เป็นอะไรนะ” “แต่ไม่รู้ทำไม” “อยากเจอจัง” อ่า...นี่ฉันทำอะไรลงไป ในเมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วฉันจึงส่งไปบอกให้เขาไม่ต้องใส่ใจ แต่เขากลับตอบกลับมาว่าจะมาหา และเขาก็มาจริง ๆ ‘ฉันมาถึงคอนโดเธอแล้วนะ’ ฉันได้รับสายของเขาหลังจากข้อความนั้นเพียงครึ่งชั่วโมง “รอเดี๋ยวนะเฟีย เดี๋ยวฉันแต่งตัวแล้วจะรีบลงไป” ’ให้ฉันขึ้นไปหาเธอเองไม่ดีกว่าเหรอ ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่’ “มะ...ไม่เป็นไร” ฉันเหลือบตามองรูปที่แขวนอยู่บนพนัง ให้มาเฟียขึ้นมาไม่ได้แน่ ๆ “ฉันยังไม่ได้เก็บบ้านเลย ไว้วันหลังนะ” ’เหรอ เอางั้นก็ได้ แต่ไม่ต้องรีบหรอกเดี๋ยวจะเวียนหัวอีก’ “อือ” ฟู่~~ ฉันอดเป่าปากอย่างโล่งใจไม่ได้ที่มาเฟียไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร จะว่าไปตั้งแต่ที่เรามีความสัมพันธ์ลับ ๆ จนถึงตอนนี้ที่เราเริ่มทำให
Mafia Part . พึ่บ!! “เฟีย!!...” ผมไม่สนเสียงหวีดร้องเล็ก ๆ นั่น เพราะเมื่อตั้งสติได้ ผมก็จัดการอุ้มร่างบอบบางของนับดาวเข้ามาวางบนเตียงนอนทันที ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินประโยคนั้นจากปากของนับดาวเอง เพราะเมื่อครั้งที่เรามีความสัมพันธ์ลับ ๆ กัน ไม่ว่ากี่ครั้งเธอก็ไม่เคยพูดว่าต้องการผมออกมาเลย เธอไม่เคยเรียกร้อง นัดของเราทุกครั้งมีแค่ผมที่เอ่ยชวน นับดาวจะทำแค่ตอบรับหรือปฏิเสธเท่านั้น เมื่อกี้เธอถามผมด้วยท่าทีเขินอายว่าต้องการเธอหรือเปล่า มันเป็นคำถามที่ไม่ต้องตอบเลยซักนิด เพราะร่างกายของผมแสดงออกได้ซื่อตรงกับหัวใจขนาดนี้ “เฟีย...” ผมมองคนที่นอนหน้าแดงก่ำอยู่ใต้ร่างด้วยความเอ็นดู นับดาวมักจะแสดงออกว่าเขินอายเวลาอยู่บนเตียงหรือพูดเรื่องที่ต่ำกว่าสะดือเสมอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่าวันนี้เธอดูเขินมากกว่าปกติที่ผ่านมา “ครับ...” “อย่าพูดเพราะสิ” “ทำไม...” “....” นับดาวไม่ตอบ แต่ท่าทีหลบตานั้นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังเขินมากกว่าเดิม ผมยิ้มอย่างเอ็นดูอีกฝ่าย หลัง ๆ มานี้นับดาวแสดงความรู้สึกเก่ง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือโกรธ หรือแม้แต่อาการขวยเขินเธอก็แสดงออ
Mafia Part . ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ เพราะตอนนี้มีบางอย่างที่สำคัญกว่า ผมผละจากร่างบางที่ยังคงหอบหายใจเพื่อไปจัดการกับเสื้อผ้า ก่อนจะกลับขึ้นเตียงอีกครั้งด้วยสภาพเปลือยเปล่า นับดาวลืมตามองผมเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงตามเดิม “ไหวไหม” ผมถามเมื่อเห็นว่านับดาวยังคงหอบหายใจ เธอดูเหนื่อยง่ายกว่าทุกครั้งจนผมเป็นกังวล “อื้อ” นับดาวพยักหน้ารับ ได้ยินอย่างนั้นผมจึงค่อย ๆ จับขาเรียวให้แยกออกจากกัน ตั้งใจว่าจะชิมร่างกายของอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำ แต่เสียงที่แหบแห้งกลับเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน “เดี๋ยว” “...” “ให้ฉันทำให้นายรู้สึกดีบ้างนะ” “เอางั้นเหรอ” ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ มันอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นับดาวบริการผม ปกติถ้าไม่ขอเธอก็ไม่ทำให้ แต่ครั้งนี้กลับเสนอตัวเอง “อืม” เมื่อเห็นสายตาจริงจังจากอีกฝ่ายผมจึงยอมนอนหงายบนที่นอนแต่โดยดี นับดาวขยับลุกขึ้นนั่ง คร่อมทับบนหน้าท้องผม ก่อนจะเริ่มทุกอย่างด้วยจูบ... ริมฝีปากของนับดาวยังคงนุ่มนิ่มเหมือนเดิม เธอจูบผมด้วยความอ่อนโยนสลับกับเร่าร้อน ลิ้นเล็กที่แสนซุกซนพยายามสำรวจไปทั่วจนเกิดเสียงลามก ผมเองก็พยายามตอบสนองเธอบ้างแต่ก็น้อยกว่าปกติเพราะอยากใ
Napdao Part . วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันมาเยี่ยมคุณย่าของมาเฟีย ท่านร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องฝึกเดินให้มาก ๆ เพื่อจะกลับมาเดินได้แข็งแรงตามปกติ ซึ่งการกายภาพต่าง ๆ จะมีนักกายภาพโดยเฉพาะมาดูแล แต่ถ้าวันไหนฉันมาเยี่ยมตอนที่ท่านกำลังทำกายภาพพอดี ฉันก็จะแย่งหน้าที่นั้นมาเป็นของตัวเอง แล้วก็จะโดนคุณย่าของมาเฟียบ่นจนหูชา วันนี้ก็เช่นกัน... “จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” “หนูแค่อยากดูแลคุณย่านี่คะ หนูทำเป็น ถามคุณนักกายภาพก็ได้ค่ะว่าหนูทำถูกหรือเปล่า” ฉันหันไปหานักกายภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันทำถูกใช่ไหมคะคุณหมิว” “ถูกแล้วค่ะคุณนับดาว” “เห็นไหมล่ะคะ” “ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ” ท่านดุไม่จริงจังนัก แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ฉันบอกแต่โดยดี ช่วงเวลาของกายภาพจบลงไปท่ามกลางเสียงเถียงกันของฉันกับคุณย่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนในบ้านยิ้มออกมา ฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องราวดี ๆ ก็แล้วกัน... “โทรมาไม่รับ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้ฉันหันกลับไปมอง มาเฟียที่อยู่ในชุดนักศึกษาไม่ได้สุภาพมากนักยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาหา และเอ่ยทักคุณย่าที่นั่งพักอยู่ “สวัสดีครับคุณย่า วันนี้เป็นอย่างไ
Napdao Part . สวนของโรงพยาบาลคือที่ ๆ หญิงสาวคนนั้นเดินนำลงมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่ามันคือที่สาธารณะ ฉันอาจจะดูหนังมากไปหน่อย แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงนิสัยไม่ดีที่กำลังแย่งคู่หมั้นของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าเธออยากเอาคืนก็ไม่แปลก “คุณนับดาว” “คะ" “คุณคบกับพี่มาเฟียมานานหรือยังคะ” ใบหน้าสวยหวานจ้องมองมาที่ฉันอย่างนิ่งเรียบ สายตาคู่นั้นมันราบเรียบจนฉันเดาไม่ถูกว่าเธอมาดีหรือมาร้าย หรือกำลังต้องการอะไรกันแน่ “ถามทำไมคะ” ฉันเองก็มองหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตาเช่นกัน พยายามเก็บซ่อนความกังวลไว้ข้างในเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ “ฉันถามไม่ได้หรือคะ” เธอเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย “ในฐานะ...คู่หมั้นของแฟนคุณ” คำว่าคู่หมั้นที่เธอใช้ตอกหน้าทำให้ฉันหน้าชา ใช่สิ ฉันลืมไปได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้น คือคนที่มาก่อนหน้าฉันตั้งหลายปี “รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง คบกันได้เดือนเดียวค่ะ” ฉันตั้งใจเล่าข้ามเรื่อง Friend With Benefit ไป มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงให้ตัวเองเสียหายนี่ “ฉันถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นพี่มาเฟียตั้งแต่อา
Napdao Part . เราใช้เวลาหลังจากเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรานอนกอดกัน และพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ต่างคนต่างพบเจอระหว่างที่แยกห่าง และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าคุณย่าของมาเฟียเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกับที่เราทะเลาะกัน “ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” “เส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด” “...” ฉันได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความกังวล ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เขาทุกข์ที่สุด แถมยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาเฟียเครียดด้วยซ้ำ “ทำหน้าแบบนั้นทำไม มันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ย่าฉันดีขึ้นมากแล้ว" มาเฟียกดนิ้วโป้งลงบนหัวคิ้วของฉันเพื่อให้มันคลายออก "วันนี้ท่านฟื้นขึ้นมา และหมอก็บอกว่าท่านจะกลับมาเป็นปกติ แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะในการฟื้นตัว” “ฉันเสียใจ...ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย” “ไม่เป็นหรอก มันผ่านมาแล้ว” มาเฟียรั้งคอฉันเข้าไปหา ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของฉันหลายครั้ง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมท่านไหม ฉันอยากแนะนำเธอให้ท่านรู้จัก” “จะดีเหรอ ท่านอาจจะไม่ชอบฉัน ไหนจะคู่หมั้นนายอีก” “ถ้าเราอยากคบกัน เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้” มาเฟียมองฉันด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะจับมือฉันไว้ “
Mafia Part . “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เท้าก้าวที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมั่นคงน่าจะเป็นคำตอบที่ดังและชัดเจนที่สุดแล้ว นับดาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอจนใจผมปวดไปหมด ไม่อยากเห็นน้ำตานั้น ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้อีกต่อไปแล้ว “ฮึก” นับดาวปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อผมแตะลงบนแก้มนวล น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาทันที ก่อนที่หยดสอง สาม สี่ ห้า จะไหลตามกันลงมาเหมือนถูกเก็บไว้เนิ่นนาน และถูกระบายออกมาในวันนี้ “ไม่ร้อง” “ฮึก”เมื่อได้ยินแบบนั้นนับดาวก็เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่น้ำตาสีใสก็ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมดึงร่างบางเข้ามากอดเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของเธออีกต่อไป นับดาวรีบกอดผมกลับจนแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป เราทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน และเหมือนว่าสายลมนั้นกำลังหอบเอาทิฐิในใจผมไปด้วย เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงและพร้อมจะกลับไปหาเจ้าของตัวจริงเต็มทน “ไหน” ผมดันร่างบางออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มเธอไว้ และส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ “แต่งหน้ามาซะสวย แต่ดันร้องไห้เป็นเด็ก ๆ” “ฉันคิดถึงนาย” “ฉันก็คิดถึงเธอ” ไม่ม
Mafia Part . สองอาทิตย์หลังจากวันที่ผ่าตัด ผมได้รับข่าวดีจากคุณหมอในเช้าวันหนึ่งว่าคุณย่ารู้สึกตัวแล้ว และได้รับข่าวดีที่สองเมื่อหมอตรวจจนละเอียดแล้วพบว่าสภาพร่างกายของคุณย่าฟื้นตัวดี ไม่เสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่กลัว แต่เพราะท่านนอนไปนานจึงทำให้ร่างกายอ่อนแรง และต้องทำกายภาพจนกว่าจะหายดีและกลับมาเดินได้ปกติ อาจจะใช้เวลายาวนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งแค่นั้นมันก็เป็นข่าวดีมากสำหรับผมแล้ว เราทั้งสองคนยังไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่าถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ผมไม่รู้จะเริ่มคุยกับท่านอย่างไร บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดจนแม้แต่พยาบาลที่เข้ามาเช็กอาการยังสัมผัสได้ ผมได้แต่นั่งมองท่านที่เหม่อมองไปนอกระเบียงเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก๊อก ก๊อก “สวัสดีครับคุณย่า” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันกลับไปมอง ไอ้คริสยืนยิ้มกว้างและถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือ “ไหว้พระเถอะ” ย่าเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “ไปไงมาไงล่ะเรา” “ผมมาเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ ครับ วันนี้ก็มาปกติ แต่ไม่คิดว่าจะโชคดีได้เห็นว่าคุณย่าฟื้นแล้ว” คริสเดินเข้ามาใกล้เตียงก่อนจะพูดกับท่านด้วยรอยยิ้ม ย่
Napdao Part . “คิดอะไรอยู่” “แม่...มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยค่ะ หนูตกใจ” “หนูตกใจเพราะมัวแต่เหม่อมากกว่าม้าง เพราะว่าแม่เดินมาเสียงออกดังนะ” หญิงวัยกลางคนว่าพร้อมรอยยิ้มใจดี ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน มือที่อบอุ่นเสมอลูบผมฉันเบา ๆ “เป็นอะไร กลับมาบ้านหลายวันแล้ว แม่เห็นเราออกมานั่งดูดาวอยู่แบบนี้ทุกวันเลย” “แค่อยากลองมานั่งตรงที่ ๆ อยู่ในฝันของแม่ก่อนตั้งท้องหนูค่ะ” ฉันตอบแม่ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้า ชิงช้าตัวนี้เป็นตัวที่แม่เล่าให้ฟังว่าท่านฝันเห็นเด็กผู้หญิงผิวกายขาวกระจ่างคนหนึ่งมานั่งนับดาวกับท่านตรงนี้ หลังจากฝันนั้นไม่นานแม่ก็ตั้งท้อง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนับดาวที่แม่ตั้งให้ฉัน อันที่จริงชิงช้าตัวนี้ไม่ได้มีมาก่อนหน้าที่แม่ฝัน แต่พอแม่ตั้งท้องพ่อก็จัดการทำชิงช้านี้ขึ้นมา เพื่อเป็นของขวัญให้เด็กในฝันที่แม่มั่นใจว่าต้องมาเกิดเป็นลูกตัวเอง พ่อกับแม่แต่งงานกันหลายปีแต่ไม่มีลูกและรอคอยมาตลอด เพราะฉะนั้นท่านจึงดีใจมากที่รู้ว่าตั้งท้อง “เมื่อก่อนหนูตกชิงช้าตัวนี้ด้วยนะ” “จริงหรือคะ ไม่เห็นจำได้เลย” “จริงสิ แต่ก่อนนับดาวของแม่ซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ต
Mafia Part . “เป็นอะไร ไม่ดีใจหรือไงที่เราจะแต่งงานกัน” ผมถามเมื่อเห็นสีหน้าพริมาตาดูแปลกไป ไม่ใช่เธอหรือไงที่อยากจะแต่งงานกับผม พอผมเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเธอกลับเป็นฝ่ายอึกอักเสียอย่างนั้น “ดะ ดีใจสิคะ พรีมอยากแต่งงานกับพี่” “อืม เอามือถือพี่มาได้แล้ว” “นี่ค่ะ” ผมรับมือถือจากพริมาตา ก่อนจะเช็กดูว่าเบอร์แปลกที่ว่าคือเบอร์ไหนเผื่อว่าจะรู้จัก แต่แล้วเบอร์ที่คุ้นตาก็ทำให้ผมตกใจ นี่มันเบอร์ของนับดาว ถึงผมจะลบเบอร์ทิ้งไปแล้วแต่ก็ยังจำได้ครบทุกตัว ความทรงจำในสมองมันยากที่จะลบออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ถ้าผมเป็นเหมือนมือถือเครื่องนี้ก็คงจะตี ไม่อยากจำอะไรก็แค่ลบออกไป ใช้เวลาแค่ไม่นานทุกอย่างก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน “มีอะไรหรือเปล่าคะ” พริมาตาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมจ้องมือถือตาค้าง ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แบบนี้ก็แปลว่าเมื่อกี้นับดาวได้ยินที่ผมพูดกับพรีมน่ะสิ วูบหนึ่งผมรู้สึกใจหาย เหมือนตัวเองกำลังทรยศนับดาว แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าสถานะของเราสิ้นสุดลงไปแล้ว ผมก็ได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่ผิด ผมไม่ได้ทรยศใคร เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ผมจะหมั้นหรือแต่งงานกับใครก็ได้ “เปล่า” ผมปฏิเสธออก
Mafia Part . ผมเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากสอบถามจากพยาบาลจนรู้แน่ชัดแล้วว่าคุณย่าท่านถูกส่งตัวไปที่ไหน “พี่เฟีย!” “พรีม ย่าพี่เป็นยังไงบ้าง” “หมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ” พริมาตาตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล ผมมองไปรอบกายที่ไร้เงาของพ่อแม่ด้วยความสงสัย “มันเกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่ไปไหน” “คุณพ่อกับคุณแม่พี่เฟียท่านหย่ากันแล้วค่ะ คุณแม่พี่ไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว ส่วนคุณพ่อพรีมโทรตามแล้ว ท่านอยู่ต่างจังหวัด กำลังรีบเดินทางกลับมา” ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบนั้น แม้จะรู้อยู่แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่พอเอาเข้าจริงก็อดใจหายไม่ได้ “นี่พี่เฟียไม่รู้เรื่องนี้หรอคะ” “ไม่...แล้วมันเกิดอะไรขึ้น” “เมื่อเช้าพรีมไปเยี่ยมคุณย่าท่านที่บ้าน ท่านดูซูบผอมปล่อยตัวโทรมไม่ดูแลตัวเองเหมือนเคย นั่งคุยกันซักพักแล้วจู่ ๆ ท่านก็ล้มลง พรีมเลยรีบส่งตัวมาโรงพยาบาลค่ะ” “ขอบใจนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ผมเลิกสนใจพริมาตา และจ้องมองประตูห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจ คุณย่าท่านร่างกายแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ ล้มกะทันหันแบบนี้เลยทำให้กังวลไม่ได้ ผัวะ! ประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดออกพร้อมหมอและพยาบาลที
Mafia Part . “เฟีย ฟังฉันก่อน!” “เธอใช้ฉันเป็นสะพานเพื่อก้าวไปหาเพื่อนฉัน เธอยอมเป็นคู่กัดกับฉันเพียงเพราะจะได้เจอหน้าไอ้คริส เธอยอมนอนกับฉันเพราะจะได้ใกล้ชิดกับไอ้คริสมากกว่าเดิม ฉันพูดถูกหรือเปล่า” ผมถามเธอเสียงเรียบ ไม่มีการขึ้นเสียง ไม่มีการใส่อารมณ์ใด ๆ ทั้งนั้น “มันไม่ใช่แบบนั้นนะ!” “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนเหรอนับดาว เธอจะบอกว่ามันไม่จริงงั้นสิ ถ้าไม่จริงแล้วรูปที่แขวนอยู่ในห้องเธอนั่นมันอะไร ไหนจะรูปมากมายของเพื่อนฉันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามที่เธอเก็บไว้อีก แค่นี้มันก็ชัดเจนพอแล้ว” “เฟีย ได้โปรด ฟังฉันซักครั้งได้ไหม” นับดาวร้องไห้ออกมา ร่างบางขยับมากอดผมไว้แน่น ผมไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้กอดกลับ น้ำตาของผมเอ่อคลอ ทำไมมันเจ็บขนาดนี้ “ฉันยอมรับว่าเคยรักคริสมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คนที่ฉันรักคือนายนะมาเฟีย” คำว่ารักที่ผมรอฟังมานานทำให้วูบหนึ่งของหัวใจรู้สึกยินดี ก่อนที่ผมจะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง ถึงแม้นับดาวจะทำให้เจ็บปวดขนาดไหน ผมก็ยังยินดีกับคำพูดจอมปลอมของเธออยู่ดี ผมนี่มันโง่ โง่จริง ๆ “เหรอ” “เฟีย” นับดาวผละออกและจ้องมองผมทั้งน้ำตา “ฉันพูดจริง ๆ ฉันรักนายจริง ๆ