ฉันหันกลับไปที่จอไอแมคข้าง ๆ แล้วเซิร์ชหาไฟลท์บินในไฟลท์เลด้า ถ้าให้ฉันแฮกระบบเช็ครูทบินฉันคงโดนตำรวจอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาเผาหัวถึงบริษัท ฉะนั้น ดูง่าย ๆไปก่อนละกัน ถึงจะอยากได้เขามาก แต่ฉันไม่ควรลงทุนจนเกินงาม
โชคดีที่ทุกครั้งที่ต้นไม้บิน มันจะส่งไลน์บอกไว้ในกลุ่มครอบครัว และแน่นอนสองคนนี้ชอบเลือกรูทบินด้วยกัน ถ้าต้นไม้ไม่เคยควงสาวให้ฉันเห็นบ้าง ฉันคงหึงไปชกหน้าน้องตัวเองแล้วล่ะ
ผู้ชายของฉันใครอย่าแตะ
หลังจากที่ฉันได้ไฟลท์ที่เขาบิน ฉันก็จัดการเซิร์ช Flightradar ทันที ตอนนี้เขาอยู่น่านฟ้าไหน เมื่อไหร่จะแลนดิ้งที่ไทย? จนข้อมูลที่ฉันเซิร์ชไว้แสดงขึ้น!
อีกไม่กี่นาทีเขาก็แลนด์แล้ว! ทำไมกูไม่ทำอะไรให้เร็วกว่านี้วะ มัวสนทนาเรื่องไร้สาระกับเจ๊ปลายฟ้าอยู่ได้!
ฉันรีบลุกขึ้นคว้าเอากระเป๋าสะพาย และใส่รองเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปที่ลานจอดรถทันที
ฉันเหยียบมิดคันเร่งออกจากบริษัท ตรงไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะปาดซ้ายปาดขวาแซงทุกคัน แต่ไม่ลืมที่จะตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์ ถึงไฟลท์ที่เขาขับไว้ เมื่อล้อแตะพื้นเครื่องจอดสนิทเมื่อไหร่
‘ตึ้ง’ เสียงแจ้งเตือนแบบนี้จะดังเตือนฉันทันที ดังแล้วทไคล์ถึงแล้ว รีบสิวะ!
ระหว่างจอดรอไฟแดง ฉันก็รีบส่งไลน์บอกต้นไม้คร่าว ๆ ว่าจะไปรับ มันตอบว่าอะไรฉันก็ไม่ทันอ่าน รีบบึ่งออกมาก่อน ตอนนี้ฉันลุ้นมาก... ลุ้นว่าไคล์จะอยู่รอกับต้นไม้รึป่าว ฉันอยากเจอเขา แค่เจอก็ยังดี
‘เอี๊ยด’
“ตรงนี้จอดไม่ได้นะครับ!” อะไรอีกวะ! ยามวิ่งมาเคาะกระจกรถสปอร์ตฉันทันทีที่รถฉันจอดเทียบประตูทางออกหนึ่ง ฉันรู้น่า... ว่าช่องจอดนี้เป็นที่จอดรถตู้รับส่งลูกเรือ
แล้วไง กูก็มารับ กูไม่สน!
‘ฟรืด’ ฉันเลื่อนกระจกรถลง และถอดแว่นกันแดดออกมองหน้ายาม
“มารับผัว ผัวเป็นกัปตัน”
“เอ่อ...” ยามคนนั้นมองฉันเลิ่กลัก
“มีอะไรจะพูดอีกไหม? ขอจอดแป๊บนะ” เมื่อยามอึกอัก ฉันก็สวมแว่นกันแดดราคาแพงกลับเหมือนเดิม ก่อนที่จะเลื่อนกระจกปิด และเปิดไฟกะพริบไว้
‘ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก’ ฉันนั่งมองประตูทางออกพร้อมกับนิ้วชี้ ที่วางตรงพวงมาลัย ก่อนจะกระดิกตามจังหวะสัญญานไฟ ที่ตัวเองเปิดไว้ตามจังหวะ
ออกมาสักทีสิวะ! นับควายในฝูงอยู่รึไง ฉันจอดรถตรงนี้จะสิบห้านาทีแล้วนะเว้ย ตอนนี้ยามเริ่มมองหน้าแล้วด้วย!
ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ และลงไปยืนพิงรถ พร้อมกับมือสองข้างที่กอดอก และเสียงถอนหายใจยาว ๆ
จนฉันได้ยืนเสียงคนคุยกันเจี้ยวจ้าว มองไปก็เป็นกลุ่มลูกเรือแอร์โฮสเตสสาวและกัปตัน ที่เดินหัวเราะกันออกมา ใช่แล้วล่ะ ไคล์กับต้นไม้ และไคล์กำลังหัวเราะกับแอร์คนนึง ที่หน้าเหมือนหมาไน
อิดอก... ทำไมแกต้องหัวเราะและทำตัวสนิทสนมกับไคล์
“เจ๊ ผมบอกในไลน์แล้วนี่ว่ามีรถไปส่ง มารับทำไม” พอต้นไม้หันมาเห็นฉันมันก็ถามทันที แต่ไคล์ที่หัวเราะคิกคักกับอิผีนั่น เขากลับเงียบและมองฉัน
เมื่อไหร่กูจะได้เป็นเมียมึงเนี่ย กูจะเอาน้ำร้อนมาราดฆ่าเชื้อโรคแถวนี้ให้หมด ดูสิ พอก้าวออกจากประตูสนามบิน ยัยแอร์นั่นก็ควงแขนไคล์เชิดหน้า! เชิดจนหน้าจะถึงหลังคาแล้ว
ยังจะมองหน้ากูอีก กูตบนะ!
“เจ๊ ผมถามเจ๊อยู่นะ” ฉันถอนหายใจยาว ๆ และถอดแว่นกันแดดมองต้นไม้
“ผ่านมาพอดี พ่อให้มารับ” และไคล์ก็จับมือแอร์คนนั้นออกจากแขน แล้วหันมายิ้มให้ฉันแทน
“สวัสดีครับป้า... สบายดีนะ” แอร์สาวเงยหน้ามองเขาสลับกับฉัน นางคงสงสัยว่าทำไมไคล์ถึงแกะมือนางออก ก็กูเมียหลวงไง มึงไม่เก็ทเหรอ?
แต่นางดันฉีกยิ้มให้ฉัน แล้วพูดว่า...
“สวัสดีค่ะคุณป้า ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ หนูสายไหม” ฉันมองไคล์แว๊บนึง แล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างรำคาญ
“ป้าพ่อมึงสิ” แต่ต้นไม้คงได้ยินชัดแจ๋ว มันรีบเดินมาข้าง ๆ ฉัน และจับแขนฉันทันที
“เจ๊... กลับเถอะจอดรถนาน เกะกะ” ฉันพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินไปตอบไคล์ ก่อนขึ้นรถ
“ฉันสบายดี... นายคงสบายดีนะ”
“ครับ... ขับรถดี ๆ นะ” เท้าที่ก้าวหยุดชะงักแป๊บนึง แต่ฉันก็รีบเดินอ้อมไปขึ้นรถ แอบมองเขาผ่านกระจกแทน
มึงควงกันแบบนี้ มึงคงกินกันที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ฉันมองไคล์ที่ยืนล้วงกระเป๋ารอรถมารับ พร้อมกับกำพวงมาลัยแน่น จนต้นไม้เก็บกระเป๋าเสร็จและขึ้นมาฉันถึงรีบเหยียบคันเร่งอัดท่อดัง ๆ ใส่หน้าไคล์
หมั่นไส้! ‘บรื้น...’
“เชี้ยอะไรวะ? เจ๊!”
“รำคาญ!” ต้นไม้รีบดึงเข็มขัดรัดทันที ขณะที่ฉันเลี้ยวโค้งออกจากสนามบินด้วยความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“รำคาญอะไรวะ บนเครื่องก็ตกหลุมอากาศแล้ว! แม่งลงมาเจออะไรแบบนี้อีกกู โคตรซวย!”
อะไรนะ! ฉันผ่อนคันเร่งลงวูบ และตั้งสติใหม่
“ยังไม่ตายก็ดี แล้วมี... ใครเจ็บรึป่าว?” ต้นไม้มองฉันแปลกใจ และหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
“ผมไม่เป็นอะไร แต่ไอ้ไคล์ลุกไปเข้าห้องน้ำพอดี หัวเลยชนขอบประตูห้องนักบิน ส่วนแอร์คนอื่น ๆ ล้ม โชคดีที่ผู้โดยสารไม่มีใครเป็นอะไร เฮ้อ... ปวดหัวฉิบ”
แล้วต้นไม้ก็ปรับเบาะนอน แต่หางตาฉันเห็น เห็นว่ามันไม่ได้หลับ มันแอบมองฉันเป็นพัก ๆ แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจ
จนรถจอดติดไฟแดง แล้ว... ‘ตึ้ง’
LINE | KAI
[KAI: ทำไมต้องขับรถเร็วขนาดนั้น?]
[KAI: อันตรายนะป้า]
ฉันไม่ได้เปิดอ่านมันหรอก อ่านผ่าน ๆ แค่ตอนมันเด้งขึ้นหน้าจอเท่านั้น เพราะอิต้นไม้ข้าง ๆ มันเหมือนกำลังจับผิดฉันอยู่ ฉันจึงรีบไปส่งมันที่คอนโดก่อน แล้วหาที่จอดรถเงียบ ๆ เปิดไลน์อ่าน แค่ไลน์มาไม่กี่คำมือไม้แม่งสั่นไปหมดแล้ว เป็นห่วงกูเหรอ? ถ้าคิดแบบนี้มันจะเป็นการเข้าข้างตัวเองไหมวะ เออช่างเถอะ กูจบเอกมโนศาสตร์มา LINE | KAI [KAI: มันอันตรายนะป้า] [BAIMAI: ชิน] [KAI: ชินกับใบสั่งที่ส่งไปที่บ้าน?] [BAIMAI: ชินกับน้ำหนักตีน -_-] [KAI: อยากลองโดนตีนป้าสักครั้ง ^^] ไอบ้า พิลึกคน [BAIMAI: ตลก] [KAI: ตลก แล้วหัวเราะรึยัง? ไม่สิป้าน่ะ..ควรยิ้มให้ได้ก่อน ^^] [BAIMAI: จะไลน์มากวนประสาททำไม -_-] [KAI: ไม่ได้กวน อย่าขับรถเร็ว ผมเป็นห่วงคนอื่นๆที่ใช้ถนนร่วมกับป้า โอเค๊] [BAIMAI: ถ้ายังสำส่อนกับแอร์ ก็ห่วงตัวเองก่อนเถอะ] [KAI: สำส่อนอะไร? ป้าอย่าหึงผมสิ เพื่อนกัน] [BAIMAI: ทำไมฉันต้องหึงแก?]
กูแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง หน้านี่ชาไปครึ่งซีก ส่งผิด! ส่งผิด! ถ้าไม่ส่งให้ฉันมันตั้งใจจะส่งให้ใคร อย่าบอกนะ ว่าอินังสายหมอยนั่น แม่งเอ้ย! ฉันปลดล็อคโทรศัพท์เปิดไลน์อ่านทันที ไลน์บอกว่าคิดถึง แล้วอีกห้านาทีบอกว่าส่งผิด มึงบ้าไหม! LINE | KAI [KAI: ส่งผิด] [BAIMAI: 🦶🏻(เอาบาทากูไป)] [KAI: ดุจังป้า ฉีดยารึยัง? ^^] ทำไมตอบเร็วนักล่ะ !!! อ่านปุ๊บปับอย่างกับเขาแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหัว [BAIMAI: นายนั่นแหละ ฉีดยาต้านเอดส์รึยัง? -_-] [KAI: ไม่ รอเอาไปติดป้าก่อน ^^] อิไคล์! ฉันกำหมัดแน่น อยากกรี๊ดมาก และตอนนี้ความโมโหก็ทำมือฉันสั่น จนพิมพ์ตอบเขาไม่ได้ ฉันจึงรีบขับรถกลับคอนโดไปสงบสติอารมณ์ แต่รู้อะไรไหม ฉันดันอยู่คอนโดเดียวกันกับไคล์! ตอนนั้นฉันบ้าไคล์มาก บ้าขนาดขอซื้อคอนโดแยกจากเจ๊ปลายฟ้า มาอยู่ใกล้ ๆ เขา โอ้ย! กูอยากจะเทขายห้องละสองบาทตอนนี้เลย ฉันเดินตึงตังไปกดลิฟต์ ระหว่างรอก็มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง เพราะไคล์เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แ
“ก็ไปสิ” ฉันหยิบกระเป๋าสะพายบนโต๊ะแล้วเดินนำเขา แต่อยู่ ๆ มือขาว ๆ ข้างหลัง ก็ดึงกระเป๋าจากมือฉันไป “ถือให้นะ จะได้เดินตัวปลิว” ฉันยืนนิ่ง และมองตรงไปที่ประตู ฉันจะทำยังไงดี ใจฉันเต้นตึกตักไปหมดแล้ว พอฉันยืนนิ่ง ไคล์เขาก็เดินมาข้าง ๆ ดันประตูให้ กลิ่นหอม ๆ จากตัวเขา แทบทำสติฉันหลุดกระเจิง และตอนนี้มันก็เตลิดไปไกลกว่าเดิมอีก เมื่อเขาเอื้อมมือมา... โอบไหล่ฉัน! “เปิดให้แล้ว ป่ะ” และฉันก็ถูกเขาโอบไหล่เดินออกมาจากห้องทำงาน เราเดินผ่านสายตาพนักงานหลายคน เดินผ่านเสียงแซวเสียงซุบซิบ จนตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย นอกจากทำตัวเฉย ๆ และมโนว่าเขาเป็นแฟนตัวเอง วันนี้เราไปรถไคล์กัน ขึ้นมาปุ๊บก็ได้กลิ่นตัวเขาหอม ๆ ฟุ้งไปทั่วรถ “อยากกินอะไรป้า ไปที่เงียบ ๆ นะ จะได้คุยงานด้วย” ฉันทำหันไปทางอื่่น ไปที่เงียบ ๆ ไปห้องฉันไหมล่ะ ว่าแต่..ทำไมเขาจอดรถตากแดดเปรี้ยง ๆ แบบนี้วะ ร้อนฉิบ! ฉันพยายามปัดมือพัดลมใส่หน้า เพราะเหงื่อเริ่มไหลไปตามซอกคอ ก่อนที่จะขยับไปปรับแอร์เนียน ๆ แต่
‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ หัวใจที่เต้นแรง มันบีบเลือดฉันสูบฉีดหนักขึ้น ตอนนี้ฉันร้อนผ่าวไปทั้งตัว ริมฝีปากอุ่น ๆ ที่ประกบจูบครั้งแล้วครั้งเล่า มันกำลังทำฉันหายใจติดขัด และทำตัวไม่ถูก จูบแรก... ทำไมมันอึดอัดแบบนี้ ฉันไม่ไหวแล้ว!ฉันหลับตาปี๋ และรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี ดันอกเขาออกไป ก่อนที่จะเผลอ.... ‘เพี้ยะ’ ไม่... ไม่! ไม่ใช่แบบนี้ ฉันเผลอตบหน้าไคล์ไปเต็มแรง ฉันไม่ได้อยากตบเขา ฉันแค่ตกใจ! และตอนนี้ไคล์ก็ใช้นิ้วแตะเบา ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน เขาดูช็อคเหมือนกัน แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ... รอยยิ้มที่ฉันเห็นมาทั้งวัน มันไม่มีอีกแล้ว “โอเค นี่คือคำตอบใช่ไหม” คำตอบอะไรวะ! ฉันพยายามเดินไปหาไคล์ แต่ไคล์กลับยกมือขึ้น สั่งให้ฉันหยุด “ไคล์ ฉันไม่ได้ตั้ง...” ฉันทิ้งกระเป๋าลงพื้น และพยายามอธิบาย แต่เขาไม่ฟัง เขาค่อย ๆ ถอยหลังไปทีละก้าว ทีละก้าว... จนเริ่มไกลจากฉัน “บาย” “ไคล์!” เสียงเรียกฉันมันไม่มีประโยชน์ เขาไม่หันกลับมา ไม่พูด ไม่ฟังอะ
สนามบินสุวรรณภูมิ “ใช้อะไรไต่นะ ถึงได้บินรูทต่างประเทศเลยอ่ะ” มือฉันที่จับกระเป๋าเดินทางกำแน่น ว่าแล้วเชียว! ฉันต้องโดนแขวะเรื่องรูทบินต่างประเทศ ฉันเบื่อจริง ๆ พวกที่สวยแต่หน้า แต่สมองไม่มี ที่ฉันได้เลื่อนระดับบินรูทต่างประเทศเร็ว มันเป็นเพราะความสามารถของฉันต่างหาก ส่วนพวกเธอน่ะทำอะไรบ้าง ทำไมไม่เอาเวลาจิกกัดคนอื่นไปพัฒนาตัวเอง? “มีของไต่ตึง ๆ อีกหน่อยคงขึ้น Business และ First class ตามลำดับ” แน่นอนอยู่แล้ว! “ค่ะ รุ่นพี่ เจแปนไม่ดักดานอยู่แค่ชั้นประหยัดแน่นอนค่ะ คนเราต้องมีการพัฒนาที่สูงขึ้น ๆ ว่าไหมคะ” ฉันจีบปากจีบคอพูดกับแอร์รุ่นพี่ ถึงปากจะฉีกยิ้มกว้าง ๆ แต่ในใจนี่อยากจะกระชากหัวมันมาตบสักฉาด เหอะ ก็ได้แต่คิดในใจ เพราะแอร์โฮสเตสต้องมีความอดทน... แต่ละไฟลท์ที่บิน ไม่รู้มีกี่ชาติ กี่ศาสนา กี่ร้อยพ่อพันแม่ ฉะนั้น สิ่งที่ฉันพอจะทำได้คือ ใช้สงครามประสาทกับอีพวกปากดีกว่าสมองนี่ “ที่สูงขึ้น ใช้เต้าไต่รึป่าวล่ะจ้ะ แหม... ไม่แฟร์เลยน๊า” โถ่ ๆ ที่แท้ก็พวกไม่มีอะไรไต่นี่เอง ทั้งเต้าทั้งส
ออกมาจากห้องนักบิน ฉันก็เริ่มรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ไฟลท์บินนี้เป็นไฟลท์ตีสอง หลังเครื่อง Take off ก็มีการเสิร์ฟของว่างนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะผู้โดยสารส่วนมากเขาต้องการพักผ่อนมากกว่ากิน ช่วงเสิร์ฟของว่าง โชคดีของฉันที่มีแอร์มาช่วยอีกคน คนนี้ดูไม่มีพิษภัยและดูใส ๆ ส่วนข้างหลังคงมีแต่พวกนางมารร้ายที่คอยแซะและเรียกฉันว่าเต้าไต่ตลอดเวลา เฮ้อ! แค่เห็นหน้าก็เหนื่อยแล้ว เมื่อไหร่เครื่องจะแลนด์วะ พอทุกอย่างเรียบร้อยเราก็หรี่ไฟบนเครื่องให้ผู้โดยสารพักผ่อน ฉันกับแอร์คนที่สองจึงเปลี่ยนเวรกันเฝ้า ฉันเลือกอยู่ต่อให้เธอไปพักผ่อนห้องพักข้างล่างชั่วคราว เพราะฉันไม่อยากไปสุมหัวนอนกับพวกปากโลคอสนั่น ตอนนี้ฉันนั่งบีบเข่าถอนหายใจเป็นรอบที่ล้าน เหนื่อยจัง เหนื่อยมาก แต่ต้องทน! สองสามชั่วโมงที่ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะหูต้องคอยฟังสัญญาณเตือนของผู้โดยสาร ที่จะกดเรียกฉันเมื่อไหร่ไม่รู้ ‘ตึ้ง’ ฉันเปิดตาพรึบ! และมองแผงสัญญานข้าง ๆ ทันที ก่อนที่จะเห็นสัญญานไฟขึ้นที่ห้องกัปตัน! ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ พอเปิดเข้าไปในห้อง ที่มีปุ่มควบค
“คุณคิดว่า ผู้ชายคนนั้น จะทำให้คุณยิ้มได้ไหมคะ” “ค่ะ เขาเป็นคนเดียว ที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากยิ้ม” “ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ” ฉันหลุดจากภวังค์ทันที เมื่อพยาบาลสาวข้าง ๆ เธอจับไหล่ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหมอที่อยู่ข้างใน แล้วยื่นที่อัดเสียงกับเอกสารให้เขา ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรออกไป ทำไมวะ ขณะที่ฉันพยายามคิดทบทวนว่าตัวเองพูดอะไรอยู่ จิตแพทย์ในห้อง เขาก็เดินมานั่งข้าง ๆ ฉัน เขาโน้มลงเอามือประสานกัน แล้วหันมาถามฉันอย่างนุ่มนวล “คุณมีอะไรอยากพูดกับผมไหม?” “ไม่มีค่ะ” “ทำไมล่ะ? ถ้าคุณไม่มีปัญหาคุณคงไม่มาพบผม?” ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วหันไปมองจิตแพทย์ข้าง ๆ ใช่ฉันมีปัญหา แต่พอถึงเวลาทำไมปากฉันหนักแบบนี้ “คือ...” “ผมไม่ใช่พ่อแม่คุณ หรือน้องชายคุณครับ?” จริงสิ ฉันเผลอสบตาหมอทันที สายตาคู่นั้นที่มองฉัน มันดูจริงใจและใสสะอาด ใช่ฉันมาเพื่อรักษา และหมอไม่ใช่พ่อแม่ฉัน ฉันไม่ต้องแคร์ความรู้สึกเขา ไม่ต้องกลัวเขาเสียใจ ไม่ต้องกลัวเขาผิดหวัง “โอเค ผมเข้าใจ
“หนูพูดจริง ๆ นะแม่ หนูชอบไคล์” แม่กวักมือให้ฉันส่งยาดมให้ ก่อนที่จะนั่งลงข้าง ๆ ทั้งสูดยาดม ทั้งนวดขมับ เบื่อจริง ๆ พอพูดตรง ๆ ก็จะเป็นลมเป็นแล้ง “บอกตรง ๆ นะ แม่ไม่รู้มาก่อนว่าใบไม้ชอบไคล์ รู้แต่ว่าไคล์น่ะชอบใบไม้” ห้ะ! “ทำไมแม่ไม่บอกหนู!” “อ้าว แม่ก็นึกว่าใบไม้ไม่ชอบไคล์เลยไม่บอก กลัวมองหน้ากันไม่ติด” “ไม่ติดอะไรแม่ หนูจูบปากกันแล้ว มันไม่มีอะไรไม่ติดไปมากกว่านี้แล้ว” แม่มองฉันตกใจและยัดยาดมใส่จมูกตัวเองทันที “คุณพระ บทจะพูดอะไร ก็ตรงจนแม่รับไม่ได้เลยนะ” “แม่คะ อย่างที่บอก ที่ผ่านมาพ่อแม่สั่งให้เรียนอะไร หนูก็เรียน ทำอะไรหนูก็ทำ ไม่พูดไม่จาไม่หือไม่อือ แต่เรื่องผู้ชาย หนูขอค่ะ อย่าขัดใจและกรุณาช่วยหนู” “ใบไม้! เราเป็นผู้หญิงนะ จะไปขอจองลูกชายเขาแบบนั้น... แม่ว่า” “แล้วแม่จะให้หนูทำยังไงล่ะ แม่รู้ไหม ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยชอบอะไรนอกจากไคล์ แล้วเขาก็เคยชอบหนูด้วย หนูไม่ยอมนะแม่ ที่จะเสียไคล์ไปเพราะแค่หนูตกใจตบเขาน่ะ”
ฉันขยับตัวซ้ายทีขวาทีบนโซฟา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งวางหมาดๆ ขึ้นมากดโทรหาพี่เชนอีกครั้งแต่โทรเท่าไหร่พี่เชนก็ไม่รับ แถมสายหลังๆยังปิดเครื่องอีกต่างหากเขาขับรถอยู่ ติดประชุม หรือยุ่ง? ทำไมไม่บอกฉันบ้าง นี่จะมืดค่ำแล้วนะฉันเป็นห่วง และท้องฉันก็แก่มากด้วย ทำไมพี่เชนกล้าทิ้งฉันไว้แบบนี้ตุบๆฉันคลำท้องป่องๆที่โดนลูกถีบทันที ตอนนี้ฉันลุกขึ้นแทบจะไม่ไหวแล้ว อยู่ๆก็เริ่มหน่วงไปทั่วเชิงกราน ปวดมากๆอยู่เป็นระยะๆ"โอ๊ะ โอ้ยยยย...ปวดท้อง พี่เชน พี่เชนอยู่ไหน!"ใจเย็นๆลูก ทำไมต้องปวดวันที่พ่อไม่อยู่ด้วย!"พี่เชนนนนนน"ฉันไม่รู้จะทำยังไง จะเอื้อมหยิบโทรศัพท์กดโทรอีกครั้งก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องเรียกกระวนกระวายบนโซฟาร้องจนน้ำตาไหลอาบแก้มร้องจนตัวเองเหนื่อย และนอนซมเม็ดเหงื่อที่เกาะไปตามใบหน้าไม่ไหวแล้ว...ตายแน่ๆ ฉันตายแน่ๆ เจ้าแฝดไม่ใจเย็นช่วยฉันเลยกริ่ง~ กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งที่ดังขึ้นหน้าประตู ทำร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของฉันฟื้นกลับมา ฉันลืมตาที่ปรืออยู่เบิกกว้าง และเมื่อหันขวับมองไปที่ประตูก็เห็นเงาร่างโตของใครยืนอยู่ตรงนั้นพอดี"ช่วยด้วย ! ชะ..ช่วยด้วยค่ะ!"'ส่งพัสดุครับ!' รู้แล้วคุณบุรุษไ
เรื่องท้องไม่ท้อง..คงต้องเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ฉันกับพี่เชนถูกดึงกลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่แล้ว และทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าฉันควรมีลูกแฝด มีแข่งกับพี่เจแปนไปเลย"ไม่ไหวครับๆ คนเดียวก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่?^^" พี่เชนตอบยิ้มๆแล้วตักนู่นตักนี่ให้ฉันกิน"ไม่ไหว? เออๆเดี๋ยวยกโซลให้ไปเลี้ยงหนึ่งวัน คงไม่อยากมีลูกไปเลย" พี่กัปตันพูดนิ่งๆ..แต่ชวนทุกคนขำกลิ้งทั้งโต๊ะ แต่มีคนทำหน้าไม่พอใจคือหลานชายตัวแสบ ที่นั่งมองหน้าพ่อและเคาะช้อนพลาสติกลงจาน แกร้กๆ~โวยวายเสียงแจ๋นลั่นร้าน"แอ๊ แอ้~!""เอาเข้าไปๆ จะทำสงครามกับพ่ออีกแล้วโซล^^""แสบจริงๆหลานลุง แสบเหมือนใคร^^" พี่ฮาวายจิ้มแก้มโซลจนแก้มป่องๆยุบลง บอกเลยใครๆก็หมั่นเขี้ยวเจ้าแสบจนพี่เจแปนก้มลงถามลูก.."แสบเหมือนพ่อใช่ไหมโซล?^^""แอ้~~^^" เห็นมั้ย..โซลตอบแม่ทันที น่ารักน่าตี จนถูกพ่อกับแม่รุมหอมแก้มหอมหัวหลังจากกินข้าวงานเลี้ยงเล็กๆง่ายๆ..เราก็แยกย้ายกันกลับ พ่อแม่พี่เชนนอนโรงแรมที่สนามบินกลับกันพรุ่งนี้เช้า ส่วนฉันกับสามีกลับคอนโดนอน และแน่นอนมีฉลองกันเล็กๆในห้อง..ก็คือการปั๊มลูก เราจัดกันทันทีที่มาถึง กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวจนหมดแรง..."จ
เปิดออกมาก็เห็นลูกโป่งอัดแก๊สสีชมพู ผูกกับกระถางต้นไม้มุมระเบียง และบนผนังมีริบบิ้นหลากสีติดเป็นลูกศรชี้ลงไปข้างล่าง...ฉันจึงรีบเดินไปเกาะราวระเบียงชะเง้อมองตาม สอดส่องสายตาลงไปตามลูกศรบนผนัง..จนเห็นคนคุ้นเคยคนนึงยืนอยู่ข้างล่าง ข้างๆสระว่ายน้ำส่วนกลางของคอนโด ก่อนเขาจะเงยขึ้นเมื่อเห็นฉันยืนอยู่..และป้องปากตะโกนว่า"กลับมาแล้วค้าบบบบบบ!!^[]^"ฉันยิ้มทั้งน้ำตา..ที่เริ่มคลอออกมาสองข้าง อยากจะตะโกนกลับแต่กลัวห้องอื่นรำคาญ จึงตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ ออกมาโทรหาพี่เชนแทนฉันยกโทรศัพท์แนบหนูก้มมองคนข้างล่างยิ้มแป้น ...ห้องฉันอยู่ชั้นห้า ถึงจะเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่ฉันเห็นรอยยิ้มกว้างๆเขาชัดแจ๋วCalling P'Chain"ฮัลโหล..กลับมาแล้วเหรอคะ?^^" พี่เชนยิ้มแล้วโบกมือให้ฉัน ก่อนจะพูดตอบกลับมาว่า(กลับมาแล้ว..ไม่ไปไหนแล้ว ทนไม่ไหว..คิดถึงใจจะขาด)บ้าๆฉันเขินนะ หยุดเขินไม่ได้เลย>\\พี่เชนอ่ะ แล้วนี่ให้ไทเปใส่เวลส์เจ้าสาวทำไมคะ...แค่กลับมาเอง^^" ฉันทำถาม ถึงจะรู้ลึกๆว่า..เขาน่าจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน(อ้าวไม่เซอร์ไพรส์เหรอ? เฮ้อ..นี่พี่เซอร์ไพรส์ไม่เก่งใช่ไหม?)ฉันยิ้มมองคนล่างตัดเพ้
"ข้ามขั้นเลยเหรอ^^?""ข้ามเลยค่ะ ถ้าเทกันอีกอย่างน้อยไทเปก็ต้องได้อะไรบ้าง ว่าไงคะ..กล้าเทกันไหมคะ^^"พี่เชนดึงจมูกฉันทีนึงแล้วอมยิ้ม"หมั่นเขี้ยวจริงๆไม่กล้าครับ งั้นพรุ่งนี้ไปอำเภอกันเลยนะ^^"ฉันพยักหน้าหงึกๆแล้วกอดคอพี่เชนทันที ก่อนที่จะดันโน๊ตบุ๊คเขาไปห่างๆ..แล้วเอนตัวนอนราบลงโซฟา ไม่ต้องเดาว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าวไม่ต้องกินแล้ว..ให้พี่เชนบริหารลิ้น บริหารนิ้ว บริหารเอวก่อนอิ่มกันจุกๆฉันกับพี่เชนก็ปรึกษาหารือกันเรื่องวีซ่า โดยพี่เชนให้ความเห็นว่า เราจดทะเบียนสมรสก่อนค่อยขอวีซ่ากัน และพี่เชนจะสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเพราะฉันมันคงว่างงานไม่มีอาชีพจากนั้นหลังเรียนจบ..เราจะกลับมาจัดงานแต่งเล็กๆกันที่ประเทศไทย เพราะพี่เชนเขาไม่อยากทำงานที่อเมริกาและอยู่ที่นั่น เขาคิดถึงส้มตำปูปลาร้าร้านหน้าปากซอยที่เขากินประจำ พูดถึงก็ทำหน้าเศร้า..ทำหน้าตาน่าสงสารใส่ฉัน-_-หลังจากบริหารช่วงล่างกันทั้งคืน เช้าวันต่อมาฉันกับพี่เชนก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจดไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ ได้ทะเบียนมาฉันก็เช็คและแปลเอกสาร เพื่อเตรียมยื่นวีซ่าขอติดตามสามี อุ๊ย..สามี สามี เขินจัง..สามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมายด้วยนะ"อ
สองเต้าหยุดชะงัก พร้อมกับฉันที่ค่อยๆเบิกตากว้างแล้วหันไปมองเจ้าของคำหวาน"พี่เชน...0//0""พี่รักไทเป พี่รู้แล้วว่าพี่รักไทเปจริงๆ" ได้ยินอีกครั้งน้ำตาฉันก็หยดเพาะลงแก้มขาว ก่อนฉันจะจ้องเขาน้ำตา..และค่อยๆก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากคู่สวยนั่น มันเป็นจุมพิตที่เนิ่นนาน นานจนวงแขนกว้างสวมกอดฉัน และดันจนเราแนบชิดกัน"รักแล้วยังไงคะ..รักแล้วจะแช่ของพี่เชนไว้แบบนี้เหรอ?.." ฉันถอนจูบประคองแก้มเขาถามเบาๆ และจ้องตาเป็นประกายของเขาไปด้วย ฉันไม่อยากร้องไห้เลย แต่ทำไมน้ำตาไหลก็ไม่รู้"ทำไม..แช่ไว้ไม่ได้เหรอ? คลอเคลียแบบนี้พี่ว่า..พี่คงได้เสียตัวอีก^^" ฉันปาดน้ำตาแล้วตีแขนพี่เชนดังเพียะ..จนเขารีบกระชับกอดและจับฉันลงไปนอนบนเตียงทันทีจากนั้นร่างใหญ่ก็ค่อยๆขยับถอดแก่นกายเปียกๆออกมา เขาขยับถูไถกับกลีบกุหลาบช้าๆจนมันผงาดขึ้นอีกครั้ง..."พะ..พี่เชน อื้ม~~ ไหวเหรอคะ?""พี่ตุนไว้เพียบ...แต่รอบนี้นานหน่อยนะ"และฉันก็เสียตัวอีกรอบ ไม่สิพี่เชนเสียตัวต่างหาก ไอ้เค้กช็อคโกแล็ตกับข้าวเหล้าไวน์ พี่เชนไม่ได้กินไม่ได้แตะหรอก เรามีอะไรกันจนสลบเหมือบกันทั้งคู่ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าตรู่อิ่มจนจุกกันไปเลยเช้า..ฉันนอนคว่ำ
"ฉันขอเวลาคิด ถึงฉันอยากกลับไปแค่ไหน เธอต้องเข้าใจฉันนะพิมดาว..ว่าฉันต้องเซฟตัวเองด้วย คนเคยเจ็บมา คนเคยถูกทิ้งมา..ฉันใช้เวลาไม่น้อยเลยนะกว่าจะยืนด้วยขาตัวเองได้"ฉันพูดทั้งน้ำตาและมองพิมดาวไปด้วย จนมือที่จับมือฉันค่อยๆคลาย..และแตะเบาๆ"โอเคๆฉันเข้าใจ แต่อย่าเผลอใจให้คนอื่นนะ ถ้าเรื่องนี้เธอดึงคนอื่นเข้ามา มันจะวุ่นวายไปใหญ่ ให้มันมีแค่เธอกับพี่เชนก็พอ ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะไทเป..ทุกๆเรื่องเลยสู้ๆ"ฉันพยักหน้าหงึกๆเหมือนเด็กสามขวบที่โดนโอ๋ จนพิมดาวลุกขึ้นมากอดและลูบหลังฉัน เธอลูบเบาๆแต่เหมือนฉันได้กำลังใจมหาศาล จนสักพัก..ฉันหยุดร้องไห้ ปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลเงยหน้าขึ้นมองเธอ"ฉันจะลองดู..แต่เธออย่าบอกเขาได้ไหม ว่าฉันรู้สึกยังไง""โถ่ไทเป..ไม่บอกพี่เชนก็รู้ กับพี่เชนเธอเคยห้ามใจตัวเองได้เหรอ? แววตาเธอมันฟ้องจะตาย " ฉันเงียบกริบเม้มปากนิดๆคิดตามคำพูดพิมดาวก็จริง..พิมดาวพูดถูก ฉันควบคุมไม่ได้เลย ยิ่งเจอเขาความต้องการฉันยิ่งมาก ฉันต้องการเขา อยากกอดเขา อยากทุกๆอย่าง และเมื่อวานฉันพยายามสุดๆที่จะไม่กระโจนใส่เขาคุยกับพิมดาวเสร็จฉันก็กลับคอนโดนอน ฉันไม่อยากไปไหนแล้วจริงๆ อยู่ๆก็อยากกลับห้องมา
"ก็...เอ่อ เห็นไทเปรักเขาไงฉันก็เลย..อยากให้ไทเปทำตามหัวใจดู^^"ฉันดึงแก้วกาแฟกลับจับหลอดดูดและจ้องตาพิมดาว พยายามจับผิดตาโตๆนั่น ว่าจะวอกแวกหรือหลบตาฉันรึป่าว แต่ไม่..พิมดาวยังยิ้มปกติไม่มีอะไร แถมเธอยังชวนฉันสั่งอาหารว่างมากินรองท้องอีกจนเราสองคนอยู่ในความเงียบ และฉันนั่งทวนงานส่งบก. พิมดาวก็ถามฉันขึ้นมา"เธอ..จะกลับไปคุยกับเขาคนนั้นมั๊ย?^^" ถามไปเขี่ยเค้กฝอยทองในจานไป เอ๊ะ..สั่งมากินหรือสั่งมาเขี่ย ตั้งแต่มาเนี่ยพิมดาวยังไม่ทำอะไรสักอย่าง งานก็ไม่ทำหนังสือก็ไม่อ่าน มีแต่เล่นโทรศัพท์เป็นพักๆและจ้องหน้าฉัน"ไม่รู้เหมือนกัน ดูก่อน" ฉันตอบเรียบๆและเปรยตามองเพื่อนสนิทแวบนึง"แต่ใจเธอสั่นใช่มั๊ยล่ะ?^^" เมื่อเจอคำถามติดต่อกัน ฉันก็ละสายตาจากนิยายที่ทวน...หันไปมองเธอ"ทำแบบสอบถามอะไรอยู่ ถามไม่หยุดเลยนะ-__-""ป่าว แค่อยากรู้ว่าเพื่อนรู้สึกยังไง^^" พิมดาวยิ้มหวานกลบเกลื่อนแล้วเขี่ยเค้กฝอยทองต่อ ฉันจึงหันมองซ้ายมองขวามองรอบๆร้านกาแฟ ว่ามีอะไรผิดปกติไหม? ทำไมคำพูดคำจาและคำถามมันแปลกๆ ปกติพิมดาวไม่ใช่คนชอบซักไซร้แบบนี้นี่"ถ้าถามความรู้สึก...ฉันก็ใจสั่นหวั่นไหวนั่นแหละ แต่ฉันไม่กลับไปง่ายๆหรอ
"ทำไมต้องขอนอนกับไทเป บ้านช่องไม่มีแล้วเหรอคะ?" ฉันถามแล้วหันไปทางอื่น ใครจะไปกล้าสบตาเขา เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันอยากและอดอยากปากแห้งมานานเอ๊ะหรือฉันจะเล่นด้วย..ยอมปล่อยตัวหน่อยให้หายคอแห้ง"พี่คิดถึงไทเปไง.." พูดจบมือใหญ่พี่เชนก็วางบนขาฉัน แถมเขายังบีบเบาๆเบาๆ จนตอนนี้หน้าฉันชาหูฉันอื้อไปหมด คนมันเคยๆเขารู้..รู้ว่าฉันชอบให้สัมผัสตรงไหนแล้วตอนนี้มือเขาก็เอาใหญ่..ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ บีบเข้าตามหว่างขา ก่อนจะหยุดตรงเนินสาวอวบอั๋นที่เขาเคยสัมผัสมา และสอดมือเข้าไปจนฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัวเขาขับรถจับพวงมาลัยมือเดียว มืออีกข้างก็ซุกซนล้วงเข้าไปในขอบกระโปรงฉัน แล้วทำไมฉันไม่ห้ามเนี่ย..ฉันเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยตัวอ่อนปวกเปียกและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แถมยังแยกขาพลีชีพให้เขาส่งมือเข้าไปถึงเกษร จนหยุดทักทายสองกลีบกุหลาบที่เปียกพร้อม..ช้าๆเน้นๆอย่างช่ำชอง"ถ้าไม่ให้นอนด้วย..พี่แวะโรงแรมนะ" ฉันบิดตัวจิกสองเท้าลงพื้น เมื่อพี่เชนถามและเขี่ยรัวมาก เขาเขี่ยรัวจนฉันไม่ทนความเสียวซ่านและกลั้นเสียงคราง รีบยกมือขึ้นกัดส่ายหน้ารัวๆ"มะ..ไม่ ไม่ค่ะ เอามือออกไป เอา..ออก""ไม่อยากเอาออก อยากเอาเข้า" พูดจบพี่เช
โรคนิมโฟมาเนีย โรคเฮงซวยที่ฉันเป็นมาเจ็ดปีเต็ม.. ตอนนี้มันหายไปแล้ว..หายไปพร้อมๆกับเขาคนนั้น คนที่ฉันเห็นเขาเป็นคนรัก เห็นเขาเป็นคู่นอน เห็นเขาเป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นและดีพร้อม'พี่ไม่ได้คิดกับไทเปแบบนั้น , ถ้าเจอใครถูกใจเริ่มใหม่ได้เลยนะ'คำพวกนี้สุภาพแต่...เจ็บมาก เจ็บเหมือนจะตาย ฉันคิดว่าตัวเองจะไม่ไหวโดดตึกผูกคอตายในห้องแล้ว แต่คิดไปคิดมา เกิดทั้งทีฉันต้องใช้ชีวิตให้คุ้มกว่านี้ เคยมีความสุขสุดๆตอนได้ผู้ชายคนนั้นมาเป็นของตัวเอง มันก็ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทุกข์ใจบ้าง เพราะทุกๆอย่างมันไม่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มหลังจากที่เสียพี่เชนไป ฉันนั่งร้องไห้เป็นเผาเต่า มองไปทางไหนก็คิดถึงแต่หน้าเขา โซฟาตรงนี้ก็เคยได้กัน บาร์ที่ครัวก็เคยโก้งโค้งให้เขามาแล้ว อย่าว่าแต่ห้องนอนห้องน้ำฉันกับพี่เชนเคยมาหมด เหลือแค่ระเบียงที่ยังไม่ได้ทำ กะจะลองสักครั้ง แต่เสียดาย..เขาทิ้งฉันก่อนหลังจากพี่สาวแต่งงานมีครอบครัวและพี่เชนทิ้งฉัน ..ฉันก็ตัวคนเดียว ไปไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว มันเหงามาก แต่ยิ่งจมปลักฉันก็ยิ่งแย่ ฉันจึงไปปรึกษาจิตแพทย์พี่หมอธันวา เขาบอกฉันให้มูฟออน...ออกมาจากมุมเดิมๆเปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเอง ถ้าวันไ