.
.
“ไอ้เหี้*นณ ขี้กูจะแตกแล้ว!” แซมที่ยืนอยู่อีกฟากประตูกล่าวอย่างร้อนรน...
“เสร็จแล้ว...หึ...” อนณตอบแซมที่อยู่อีกฟากของประตู แต่สายตาคมกลับจ้องมองอลิซที่ตอนนี้เขินจนไม่กล้าสบตาเขา จะโกรธก็อยากโกรธแต่อายมากกว่า ไอ้คำว่าคิดของเขานี่ต้องทำเรื่องแบบนี้กับเธอด้วยงั้นหรอ เขาตั้งใจจะให้เป็นเพื่อนแบบFWB งั้นหรอ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน แต่พอเกิดเรื่องคืนนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเลย อลิซคิดโทษตัวเองที่ไปยั่วเขาก่อนไม่งั้นมันคงไม่เลยเถิดมาถึงขนาดนี้
“เสร็จแล้วก็ออกมาดิวะ! รอใครตัดริบบิ้น” แซมพูดอย่างนึกโมโห เพราะเขาปวดท้องจะแย่อยู่แล้วแต่เพื่อนดาราตัวดีดันลีลาเยอะไม่ยอมเปิดประตูสักที อลิซมองไปทางประตูอย่างหน้าตาตื่น คิดไม่ออกว่าถ้าแซมเห็นเธอกับเขาอยู่ในห้องน้ำแบบนี้จะเป็นยังไง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อนณมองดูก็เหมือนรู้ความคิดของเพื่อนสาว อีกใจก็อยากเปิดประตูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ทุกคนจะได้รู้ๆ กันไปเลย
“ออกไม่ได้...กูลืมเอาผ้าขนหนูลงมา มึงขึ้นไปเอามาให้กูหน่อย” อนณพูดตอบโต้แซมแต่จ้องมองอลิซไม่วางตา ถ้
..“ไงเพื่อนๆ กูมาแล้ว”จีซัสพูดพร้อมกับกระโดดโลดเต้นเข้ามาหาเพื่อนๆ ของตน แทนไทเองก็เดินลากกระเป๋าเข้ามาทักทายกันตามประสาเพื่อน หลังจากที่กินข้าวกินปลาเสร็จก็รีบขับรถตรงมายังสนามบิน เพื่อมารอรับจีซัสและแทนไท ตอนนี้ก็มากันครบองค์ประชุม แต่คนที่ดูจะไม่ได้ยินดียินร้ายเสียเท่าไหร่น่าจะเป็นอนณที่ทำหน้ามุ่ยไม่หายตั้งแต่เช้า และเขายังคิดอีกว่ามีก้างขวางคอเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน แค่แซมกับลุคค์ก็ปวดประสาทจะแย่อยู่แล้ว“ว่าไงจ๊ะ แม่สาวน้อยประจำกลุ่มคิดถึงจังเลย”จีซัสอ้าแขนกว้างเดินตรงปรี่เข้าไปหาอลิซหวังจะกอดเพื่อนตัวเล็กให้จมอก แต่อนณและลุคค์กลับมาเบรคจนล้อปัดเปเซไปทางแซมแทน หลังจากที่โดนดึงแขนทั้งสองข้างไว้แล้วพาไปอีกทาง“มึงมากอดกูแบบนี้...คิดอะไรกับกูเปล่าเนี่ย”“ถุยเถอะครับ! ไอ้เพื่อนแซม กูจะกอดไอ้ลิซมึงมายืนขวางทำไมวะเนี่ย”“ขวางก็เหี้*ล่ะ กูยืนของกูดีๆ นู่น! ไอ้สองหางดาบนู่นที่เบรกมึง”แซมพูดพร้อมกับชี้ไปทางอนณและลุคค์ที่ตอนนี้ยืนแอ็คล้วงกระเป๋ากางเกงจนสาว
..กลุ่มเพื่อนสนิททั้งหกคนต่างเที่ยวกันอย่างสนุกสนานตามประสาเพื่อนตอนสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีช่องว่างให้อนณได้เข้าใกล้อลิซเลย เพราะมีเพื่อนๆ อยู่รายล้อมตลอด จะมีก็แค่บางช่วงบางเวลาเท่านั้นที่จะได้อยู่ใกล้กันบ้าง และอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งก็คือเวลาไปเที่ยวเพื่อนดาราคนดังก็โดนตามถ่ายรูปตลอด นั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้อนณเข้าใกล้อลิซมากไม่ได้ เขาไม่ได้กลัวเป็นข่าว แต่เขากลัวว่าอลิซจะเดือดเสียมากกว่าหลังจากที่ไปเที่ยวพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์เต็ม อลิซก็รีบเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเพื่อไปดูยายของตน และการผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดี อาการของยายค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ และยังดีอีกอย่างหนึ่งก็คือลุคค์ได้โทรบอกลูกน้องของเขาให้จัดหาที่พักให้กับป้าศรีและลูกสาวเรียบร้อยแล้ว อลิซยังคิดเลยว่าเธอเอาแต่พึ่งเพื่อนๆ มากไปหรือเปล่า แต่เพื่อนๆ กลับบอกว่าเต็มใจช่วยเพราะอยากช่วย นั่นคงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของเธออีกเรื่องหนึ่งคือการมีเพื่อนที่ดีแบบพวกเขาผับHISO“ถ้าไม่ได้มึงช่วยกูคงหัวหมุนกับตัวเลขไปแล้วแน่ๆ” ลุคค์พูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองอลิซ
..รถสีขาวแล่นไปตามเส้นทางที่แทบจะไม่มีรถ คนขับชำเลืองมองเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้าบูดอยู่ข้างๆ พร้อมกับเท้าคางกับกระจกรถมองออกไปตามเส้นทางที่ขับผ่านโดยไม่พูดอะไร นัยน์ตาของอนณดูเศร้าจนจีซัสมองออกถึงแม้ว่าเขาจะทำหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็ตาม“มึงมาได้ไง? คงไม่บอกว่ามาขับรถเล่นหรอกนะ” อนณเอ่ยถามเพื่อนของตนที่เอาแต่ชำเลืองมองเขาอยู่ตลอด แต่กลับไม่เปิดปากถามสักที และเขาเองก็แปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ จีซัสก็ขับรถผ่านมาแต่ตั้งใจจะจอดเหมือนรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน มันดูเหมือนตั้งใจมาหาเขาเสียมากกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ“ถ้ากูบอกบังเอิญมึงคงไม่เชื่อ”“บังเอิญเหี้*ไร ใส่ชุดนอนมาขนาดนี้”“เออ...ไอ้ลิซมันทักมาบอกกูในแชทส่วนตัว พร้อมกับส่งโลเคชั่นให้บอกว่ามึงรถชน”“...มันบอกแค่นั้น?”“ก็เออสิวะ...จะให้มันบอกอะไรอีก เรื่องรถกูโทรบอกศูนย์ให้แล้ว เพราะดูเหมือนมึงจะไม่มีสติ”จีซัสพูดพร้อมชำเลืองมองเพื่อนสนิทของตนและพลางคิดว่าอนณต้องทะเลาะอะไรกับอลิซแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่อยู่สภาพแบบนี้ ตอนมีแฟนก็ไม่
..ผ่านมากว่าหนึ่งเดือนที่เขาไม่เจอกับเพื่อนสาวคนสนิทเลย เพราะเธอเอาแต่หลบหน้าไม่ทักไม่ตอบหรือแม้แต่รับโทรศัพท์ของเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามเรียกหน้าห้องทั้งเคาะทั้งกดกริ่งทุกๆ วันที่คิดว่าเธอน่าจะกลับมาจากที่ทำงานทั้งสองที่แล้ว หรือแม้แต่ตอนเช้าตรู่ที่คิดว่าเธอยังไม่ไปทำงาน วันหยุดก็ไม่เว้น แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเพื่อนสนิทของเขาเลยอนณก็ทำได้เพียงไปนั่งรอเธอที่ผับทุกๆ วัน หวังแค่จะได้เห็นหน้าสักหน่อย แต่เธอกลับคอนโดไปเขาก็ดันไม่เห็นซะอย่างนั้น นี่มันโดนหลบหน้ากันชัดๆ วันนี้ก็เช่นกันที่เขามานั่งรอเพื่อนสาวคนสวยพร้อมกับยกแก้วเหล้าไม่พัก สายตาไม่ได้สอดส่องหาสาวๆ เหมือนเช่นเคย แต่กลับเอาแต่จ้องมองนาฬิกาเรือนสวยราคาแพงที่ตั้งใจซื้อมาง้อเพื่อนสนิทอยู่อย่างนั้นจนเพื่อนๆ ในโต๊ะเริ่มสงสาร เพราะเขาเป็นแบบนี้มาหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่เรื่องสาวๆ นั้น...คนอย่างอนณไม่มีพัก ถึงไม่หาสาวๆ ก็เข้ามาเอง โดยไม่ต้องกระดิกหรือส่งสายตาใดๆ“ไอ้ลุคค์ มึงก็ให้มันเจออลิซหน่อยเถอะว่ะ สงสารมัน” จีซัสพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าลุคค์ที่นั่งไขว่ห้างดื่มอย่างเงียบๆ เขาปร
..“กูขอจูบมึงได้ไหม”“อะไร...อุ๊บ!!” ไม่พูดเปล่า ไม่รอคำตอบไม่รอการอนุญาตใดๆ ทั้งนั้น เพราะเขาไม่ได้จะขออนุญาต แต่เป็นการบอกกล่าวเหมือนประโยคบอกเล่าว่าเขาจะทำและเขาก็ทำมันทันทีอย่างไม่รีรอ ปล่อยให้คนตัวเล็กตาค้างอยู่อย่างนั้นมือหนากระชับเอวบางในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น มืออีกข้างประคองท้ายทอยร่างบางไว้ไม่ให้หนีไปไหน รสจูบที่อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนโยนทำเอาคนร่างเล็กถึงกับแทบยืนไปอยู่ หัวหมุนติ้วไปหมด เคลิบเคลิ้มไปกับการนำพาของลิ้นร้อนที่ควานเข้ามาในโพรง ลิ้นนุ่มตวัดพัวพันลิ้นเล็กของเธออย่างชำชอง เสียงรสจูบจวบแจ้วจนคนได้ยินถึงกับรู้สึกวูบวาบอ่อนไหวไปหมดจากตอนแรกที่ยังมึนๆ งงๆ อยู่ก็กลับกลายเป็นจูบตอบรับอย่างเผลอไผลตามอารมณ์ร่วม มันทั้งคิดถึงทั้งโหยหาจนน่ากลัว...เขาเก่งเรื่องพรรค์นี้ หรือเพราะใจของเธอจำยอมกันแน่นะมันถึงนำพาได้ง่ายดายอย่างนี้ แขนเรียวเล็กคล้องรั้งคอหนาเพื่อให้ตัวเองหยัดกายได้ไม่เข่าอ่อนไปเสียก่อน แต่มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยให้เธอล้มพับลงไปมือหนาที่กอดเอวบางไว้แน่นก็ได้เปลี่ยนมาจับเอวบางไว้ทั้งสองข้างก่อนจะยกตัวของเธอขึ้
..“พี่ลิซครับ!”“ฮะๆ?” อลิซตอบพร้อมกับสะดุ้งตัวโยน เมื่อรุ่นน้องหนุ่มในทีมเรียกเธอเสียงดังขึ้น ต้นชามองรุ่นพี่ของตนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม“ผมเรียกพี่ตั้งหลายครั้ง”“อ๋อ...มีอะไรหรือเปล่า”“พี่รู้เรื่องยอดขายนิตยสารของเราหรือยังครับ?”“ยังเลย”“แหม...คิดเรื่องอะไรอยู่หรอจ๊ะ ถึงได้ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาเนี่ย” เมเปิ้ลพูดก่อนจะเดินเข้ามาหาอลิซพร้อมกับรถเมย์และลูกหยี ก่อนจะแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ของตน เว้นก็แต่เมเปิ้ลที่ยังคงยืนรอฟังคำตอบของอลิซพร้อมกับต้นชา“ก็เปล่านะ คิดเรื่องงานเรื่อยเปื่อย”“เหรอ แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะว่าแกจะเป็นกับดาราดังขนาดนั้น ถ้าไม่ได้แกคงจะดีลมาไม่ได้”“ไม่หรอก...”“แต่ผมว่าเพื่อนดาราของพี่อลิซเขาดูหวงพี่เป็นพิเศษนะครับ” ต้นชาพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ อลิซหันไปมองหน้าต้นชาคนที่โดนอนณเพื่อนสนิทของเธอต่อยก็นึกเห็นใจขึ้นมา เพราะต้นชาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยแท้ๆ“พี่ขอโทษแทนเพื่อนที่ด้วยน
“วันนี้มึงว่างมากหรอถึงมากวนกูอ่ะ ทำไมไม่ไปหาสาวๆ ของมึง?” อลิซพูดขึ้นเหมือนไล่ให้เขากลับไป อนณขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้าเหมือนเริ่มจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าอลิซไม่ได้บอกตรงๆ แต่เขาก็พอรู้จากคำพูดของเธอว่าต้องมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาที่ทำให้เธอหนักใจแน่ๆ“ใครมาพูดอะไรกับมึงหรอ?”“เปล่า”“มึงอย่าโกหกกูได้ไหม?”“ไม่ได้โกหก กูไปอาบน้ำนอนก่อนนะ มึงจะกลับก็ล็อคห้องให้กูด้วย” พูดจบอลิซก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินเข้าห้องของเธอไป แต่มีหรือที่อนณจะยอมอยู่เฉย เขามั่นใจว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่งั้นเธอคงไม่พูดไล่เขาไปหาสาวๆ ทั้งที่ปกติเธอจะไม่พยายามพูดไล่เขาแบบนี้แน่ๆถ้าแค่เหนื่อยเธอก็จะเดินไปอาบน้ำเงียบๆ หรือไม่ก็นั่งเป็นเพื่อนเขาและหลับไปทั้งอย่างนั้น นี่มันผิดปกติเกินไป อนณเดินตามหลังอลิซเข้าห้องไปติดๆ ก่อนจะคว้าไหล่ของเธอให้หันมาทางเขา“อะไรอีก?”“มึงเป็นอะไรก็พูดดิวะ ใครมาพูดอะไรกับมึง”“กูบอกแล้วว่าไม่...”“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีทำไมจะไม่รู้ มึงเลิกบอกว่าเปล่าสักทีด
สองร่างนัวเนียกันไปมาพร้อมกับเดินไปยังห้องนอนของอลิซ ตลอดทางต่างก็ช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ยอมละจากจูบ เพื่อนชายคนสนิทอุ้มเพื่อนสาวของตนขึ้นก่อนที่เธอจะตวัดขาเกี่ยวรอบเอวสอบ ขาเรียวเกี่ยวกอดคอหนาพร้อมกับก้มลงมาจูบเขา ร่างหนาอุ้มร่างของเพื่อนสาวไปยังเตียงนอนก่อนจะวางเธอลงนอนราบไปกับเตียงลิ้นร้อนพัวพันเกี่ยวตวัดดูดดึงกันไปมาก่อนที่มือหนาจะเลื่อนเข้าสอดใต้ชุดนอนกระโปรงนั้นเพื่อดึงกางเกงในตัวจิ๋วร่นออกมาให้พ้นทาง ใบหน้าหล่อเลื่อนลงมาพรมจูบที่ซอกคอขาวพร้อมกับขบเม้มมันจนเป็นรอย ร่างบางเงยหน้าขึ้นเปิดทางให้เขาดอมดมได้เต็มที่ ก่อนที่มือของเขาจะร่นเกี่ยวชุดนอนของเธอลงไปกองที่หน้าท้อง“อื้มมม...”เสียงร้องครางเสียงหวานดังขึ้นเมื่อมือหนาบีบคลึงเต้าตึงพร้อมกับครอบครองมันด้วยริมฝีปากหยัก ลิ้นร้อนตวัดวนก่อนจะดูดดึงปลายยอดทำให้ร่างกายสั่นสะท้านแอ่นร่างรับสัมผัสกระสัน มือหนาเลื่อนเอื้อมไปปลดกางเกงของตนออกจนหมดทั้งที่ยังคงปรนเปรอความสุขสมให้ร่างบางไม่พักปลายนิ้วเรียวลูบไล้หยอกเย้าจุดอ่อนไหวของสาวเจ้าจนร้องครางขึ้นอย่างห้า
“สรุปพวกมึงยังไง?” - แทนไท ลุคค์ แซม พูดขึ้นพร้อมกัน“อ้าว พวกมึงยังไม่รู้หรอ?” -จีซัส“ถามไอ้ลิซดิ” -อนณ“อ้าว ทำไมโยนมาให้กูอ่ะ” -อลิซ“พูดกับผัวดีๆ ดิ” -อนณ“อะไรของมึง อนณมันปล้ำกูไงเลยต้องยอม” -อลิซ“อ้าว! ไอ้เหี้*นณ” ทุกคนหันไปคาดโทษอนณก่อนจะรุมต่อยเขาหยอกๆ จีซัสเองก็ไม่วายร่วมวงด้วย อนณเอามือกันตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปสบตากับจีซัส“มึงรู้แล้วไม่ใช่หรอไอ้จี” -อนณ“เออ แต่อยากร่วมวงด้วย” -จีซัส“มึงนี่ตัวดีเลยไอ้หมอ” -ลุคค์“กูเปล๊า” -จีซัส“กูไม่ได้ปล้ำมัน ไอ้ลิซมันเรียกกูไปหาเอง” -อนณ“พวกมึงจะเชื่อกูหรือเชื่อมันอ่ะ” -อลิซ“ไม่เชื่อทั้งคู่อ่ะ พอๆ กันเลยพวกมึงสองตัว” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้า อลิซมองดูทุกคนอย่างยิ้มๆ ภายในใจคิดว่าไม่อยากให้บรรยากาศอย่างนี้หายไปเลย พวกเพื่อนๆ คือสิ่งที่เธอเหลืออยู่“ถ้ากูคบกับอนณพวกมึงจะเปลี่ยนไปไหม?” -อลิซ“มึงพูดอะไรของมึง เพื่อนนะไม่ใช่ผัว” -จีซัส
“พี่อลิซ!...คุณอนณ..” ต้นชาหันไปเห็นอลิซก่อนจะเรียกชื่อของเธอ สายตาของเขาเลื่อนไปที่มือของอลิซที่อนณจับกุมไว้แน่น ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชายต่างแม่ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพวกเขาเดินจับมือกันเข้ามาในห้องพักรักษาตัวของผู้เป็นพ่อ“แก! แกยังจะกล้าทำแบบนี้กับอลิซอีกหรอ!! ไอ้เลว!!” อิ่มอุ่นผู้เป็นแม่เลี้ยงเดินเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวของอลิซออกมา แต่อนณกลับดึงอลิซไปข้างหลังแล้วเอาตัวบังไว้ เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงเบากับผู้เป็นแม่เลี้ยงจนทำให้สีหน้าของเธอนั้นถึงกับตกใจ“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายของคุณรู้ความจริงก็อย่าเสียงดังไป...ยายชุลีบอกผมหมดแล้ว เรื่องนี้ผมจะบอกพ่อเอง อย่ายุ่ง!”“แก! กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวของฉัน!!”“ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไว้กับยายแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ลูกสะใภ้ของคุณเท่านั้น” อลิซพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลลงมาอาบสองแก้ม อิ่มอุ่นมองลูกสาวของตนอย่างเจ็บปวดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับลูกสาวจริงๆ“แม่...แม่ขอโทษ
“พ่อมึงปลอดภัยแล้ว” จีซัสเดินเข้ามาบอกเพื่อนของเขาที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่หลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินมาพร้อมกับบ่าอนณเบาะๆ เพื่อปลอบใจ อนณเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าและเพื่อนของเขาคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องของพ่ออย่างเดียว“ไปคุยกับกูที่ห้องทำงานก่อนไหม?”“อืม”จีซัสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำงานของเขาโดยมีอนณเดินตามหลังไป ปล่อยให้ต้นชาและแม่อิ่มนั่งเฝ้ารอพ่อของเขาออกจากห้องฉุกเฉิน เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่นำพาครอบครัวของเขาและอลิซมาเจอกัน ดันมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน อนณคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกันมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงไม่พ้นอลิซที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา และเขากลับเอาน้องสาวตัวเองทำเมีย“มีเรื่องอะไร?”“พ่อกูบอกว่าอลิซ....เป็นน้องสาวกู..”“ฮะ?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเหี้*มากนะ”“กูสิเหี้* ...ก็กูไม่รู้” อนณพูดก่อนจะน้ำตาไหลพรากออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน มือหนากุมขมับปิดบังหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา จีซัสถอนหายใจก่อนจะตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้ง
“กูรักมึง...เกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว”“.........”“แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองไง เพราะเหมือนยังไงมึงก็ไม่มองกูเป็นอื่น”“แล้วทำไม...”“เพราะกูข้ามเส้นนั้นมาเอง ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนคู่ขา หรืออะไรอย่างนั้นนอกจากแฟนมึง”“อนณ...”“ตั้งแต่ได้กับมึงมากูไม่คิดอยากจะไปเอากับใครอีกเลย...กูสัญญาว่าจะไม่แรดอีก”“คือ...”“คบกับกูได้ไหม?”“มึงคือว่า....”“เป็นแฟนกันเถอะนะ”“ไม่ได้...” อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าจริงจัง และเธอก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาเพื่อนของตน“ทำไม? ...ลิซ มองหน้ากูแล้วตอบ”“อนณ...มึงมีคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้ว” อนณเอื้อมมือไปจับใบหน้าสวยนั้นให้หันกลับมามองเขา อลิซตอบทั้งน้ำตา คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าที่จริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเข้นเสียงลอดไรฟันถามเพื่อนสาวอย่างใจเย็น“มึง...ไปเจอพ่อกูมาใช
“ขอโทษนะครับ ช่วยหลีกทางหน่อย” อนณพูดอย่างไม่คิดจะสนใจผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะบิดม้วนต้วนเป็นไข่ม้วนพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาแค่ไหนก็ตาม ถ้ายุ่งเรื่องมันก็เหยิงไปกว่านี้“อะ...เอ่อ...คือว่า...”“.........”“พี่ลิซไม่มาด้วยหรอคะ? พอดีมีเรื่องจะคุยกับพี่ลิซเรื่องงาน”“ไม่มาครับ” อนณตอบเสียงเรียบพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นแทน สาวเจ้าก็ยังคงทำท่าขวยเขินใช้แขนบีบอกให้ชิดติดกันจนเป็นร่อง เสื้อยืดเจ้าหล่อนก็คอลึกเสียเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่อนณไม่มอง“งั้นพานุ่นไปที่คอนโดด้วยได้ไหมคะ? นุ่นว่าจะนั่งแท็กซี่ไปแต่ไม่รู้ทางเลย”“คงจะไม่ดีมั้ง”“นะคะ...นุ่นไม่รู้ทางจริงๆ” หญิงสาวพูดก่อนจะกระโดดเข้าเกาะแขนอนณอย่างตั้งใจให้เจ้าอกเจ้าเต้าของตนชนแขนเขา อนณผงะตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก มารับปากก็คงจะเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ“เข้าใจแล้ว...ช่วยปล่อยมือด้วย” อนณตอบพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นมองหน้าหญิงสาวและแขนของเขาสลับกันเป็นเชิงบอก นุ่นมองหน้าอนณพร้อมกับยิ้มก่อนจะยอมปล่อ
“จะรีบเสร็จก่อนกูได้ยังไง...นี่พึ่งเริ่มเองนะ” เขายกยิ้มร้ายก่อนจะจับกำแก่นกายใหญ่ของตนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับรูดมันเข้าออกอีกสองสามครั้งแล้วจับแก่นใหญ่นั้นจ่อปากทางแคบ เพื่อนสาวเบิกตากว้างพึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันอลังการขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ...และคิดว่าไอ้นั่นหรอที่มันเข้าไปในกายเธอเมื่อคืน...“อ๊ะ!!! อ๊ายยย!! ยัง..เจ็บอยู่เลย...” อลิซถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับไอ้แท่งนั้นยัดเข้าไปก่อนจะดันมันเข้าไปทีเดียวมิดลำ เขาทำหน้าเหยเกเพราะภายในยังคงรัดแน่นไม่คลาย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“อืมมมม...มึงอย่ารัดกูแน่นนักสิ...จะขยับไม่ได้อยู่แล้ว” เขาไม่พูดเปล่าพร้อมขยับสะโพกออกก่อนจะกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนักๆ รอบนี้เขาจะไม่กัดฟันทนทำแบบเนิบๆ อีกต่อไป สะโพกหนาเริ่มโยกเป็นจังหวะที่เขาต้องการเพราะความคับแคบและบีบรัดแน่นทำให้เขาต้องขบกรามอย่างข่มอารมณ์“อ๊า! อ๊า!” เสียงครางใกล้ๆ หูทำเอาอารมณ์ของเขาคุกรุ่นกว่าเดิม ใบหน้าสวยของเพื่อนสาวยบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์แรงราคะนั้นมันทำให้เขาอดใจไม่ไห
อนณยืนรออลิซอยู่หน้าผับหลังจากที่คุยกับเลขาของพ่อเสร็จ อลิซเดินออกมาตากร้านอาหารพร้อมกับโบกมือลาต้นชาและส่งยิ้มให้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอนณ เขามองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์ รอยยิ้มเขินๆ นั่นที่เธอส่งยิ้มให้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขา อลิซแยกกับต้นชาก็เดินข้ามถนนมายังหน้าผับเพื่อเตรียมจะไปช่วยงานลุคค์เหมือนอย่างเคย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอนณยืนอยู่เงียบๆ“มึง...มาทำอะไรแถวนี้”“มาตามหามึงไง”“เพื่อ?”“กูไปรู้ข่าวมาว่ามึงจะไปแดกข้าวกินน้องที่บริษัท แต่ไม่คิดว่าจะแดกข้าวกันสองต่อสองกับไอ้หน้าอ่อนนั่น!”อนณพูดพร้อมใส่อารมณ์เผลอตะคอกอลิซอย่างนึกลืมตัว ใบหน้าภายใต้หมวกดูไม่พอใจและเจ็บปวดไม่น้อย อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะมายุ่งอะไรกับเธออีกในเมื่อเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อไปแล้วว่ามีคนดูใจอยู่ และทำไมไม่ไปหาผู้หญิงคนนั้นจะมาวุ่นวายกับเธอทำไมอีก อลิซตีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะตอบเพื่อนชายของเธอออกไป“กูจะเปิดใจให้ใครแล้วมันยังไงหรอ? ก็เป็นสิทธิ์ของกูป่ะ”“แต่กูไม่ชอบไง! ทำไมมึงต้องแรดไปหาคนนั้นคน
อลิซยันร่างที่เหนื่อยล้าของตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง ร่างเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เรื่องเมื่อคืนยังทำให้เธอใจเต้นอยู่เลย ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาที่สะโพกและส่วนนั้น นั้นยิ่งตอกย้ำว่าเธอมีอะไรกับเพื่อนสนิทแล้วจริงๆ อลิซสะบัดความคิดก่อนจะรีบอาบน้ำกัดฟันทนความเจ็บเธอเดินใส่ผ้าขนหนูออกมาเพื่อแต่งตัวไปทำงาน สายตาก็ปรายมองเพื่อนสนิทที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงของตนด้วยร่างเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมบดบังไว้ ก่อนที่เธอจะรีบหันมาแต่งตัวและออกไปทำงานเพราะกลัวจะสายครืดดดด ครืดดดดเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง อนณขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะปรือตาเงยหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมารับสายด้วยท่าทีงัวเงีย“อืม”(มึงอยู่ไหน กูมารับมึงที่ห้องแต่ไม่เห็น)“ใครวะ”(อ้าว ไอ้นี่ กูแซมผู้จัดการมึงไง)“อ๋อ เออ กูกำลังไป”(มึงอยู่ไหน)“ห้องลิซ แปป...เดี๋ยวออกไป”พูดจบอนณก็วางสายทันทีก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นร่างเพื่อนสนิทที่นอนกอดตนเมื่อคืนแล้ว อ
สองร่างนัวเนียกันไปมาพร้อมกับเดินไปยังห้องนอนของอลิซ ตลอดทางต่างก็ช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่ยอมละจากจูบ เพื่อนชายคนสนิทอุ้มเพื่อนสาวของตนขึ้นก่อนที่เธอจะตวัดขาเกี่ยวรอบเอวสอบ ขาเรียวเกี่ยวกอดคอหนาพร้อมกับก้มลงมาจูบเขา ร่างหนาอุ้มร่างของเพื่อนสาวไปยังเตียงนอนก่อนจะวางเธอลงนอนราบไปกับเตียงลิ้นร้อนพัวพันเกี่ยวตวัดดูดดึงกันไปมาก่อนที่มือหนาจะเลื่อนเข้าสอดใต้ชุดนอนกระโปรงนั้นเพื่อดึงกางเกงในตัวจิ๋วร่นออกมาให้พ้นทาง ใบหน้าหล่อเลื่อนลงมาพรมจูบที่ซอกคอขาวพร้อมกับขบเม้มมันจนเป็นรอย ร่างบางเงยหน้าขึ้นเปิดทางให้เขาดอมดมได้เต็มที่ ก่อนที่มือของเขาจะร่นเกี่ยวชุดนอนของเธอลงไปกองที่หน้าท้อง“อื้มมม...”เสียงร้องครางเสียงหวานดังขึ้นเมื่อมือหนาบีบคลึงเต้าตึงพร้อมกับครอบครองมันด้วยริมฝีปากหยัก ลิ้นร้อนตวัดวนก่อนจะดูดดึงปลายยอดทำให้ร่างกายสั่นสะท้านแอ่นร่างรับสัมผัสกระสัน มือหนาเลื่อนเอื้อมไปปลดกางเกงของตนออกจนหมดทั้งที่ยังคงปรนเปรอความสุขสมให้ร่างบางไม่พักปลายนิ้วเรียวลูบไล้หยอกเย้าจุดอ่อนไหวของสาวเจ้าจนร้องครางขึ้นอย่างห้า