“ว่าไงคะ พวกคุณรูัอะไรเกี่ยวกับปานนี่ใช่ไหม”“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”คาร์ลเตอร์รีบตอบ ก่อนหันมองแฝดน้องส่งซิกทางสายตากับเคอร์วินไม่ให้พูดอะไรต่ออีก ไม่งั้นแล้วเสีย เธอคงจะมีคำถามสงสัยอะไรมาอีกมากมาย“โกหก!”ชัดเจนว่าพวกเขารู้แต่ไม่บอกเธอ ตอนแรกเธอก็ว่ามันแปลกๆที่พวกเขาพาเธอมาอยู่ด้วย ความจริงพวกเขาคิดหรือรู้สึกยังไงกับเธอ “สรุปพวกคุณต้องการอะไร บอกมาตามตรงเถอะค่ะ”ถ้าไม่ได้รู้สึกก็อย่ามาทำเหมือนเป็นห่วงหรือแสดงความอ่อนโยนต่อเธอเลยดีกว่า รู้ไหมว่าการทำแบบนี้มันทำให้ผู้หญิงเขาคิดไปไกล…“ไม่ต้องพูดมาก กลับไปนอนได้แล้ว”เคอร์วินกวักมือเรียกเจคที่อยู่ตรงสนามฝึกทักษะการใช้มีดให้เดินมา เขาจะให้เจคเดินไปส่งเธอที่เพนท์เฮ้าส์“ฮะ!!?? ไหนบอกให้ฉันอยู่ต่อได้ไงคะ!”“แล้วบอกไม่มีอะไร! มาไล่กันแบบนี้ ปานนี่มันมีอะไรแน่ๆแต่พวกคุณไม่บอก”ร่างบางเม้มปากทำแก้มป่องใส่สองแฝดที่มาบังคับให้เธอไปนอนต่อ เธอทำหน้าไม่พอใจอยู่นะแต่ทำไมทั้งสองคนถึงได้ยกยิ้มมุมปากกันล่ะ!ฟอดด! 😘😘“อื้อ! อย่ามาหอมนะ!”สองแฝดโน้มใบหน้ามาหอมแก้มป่องๆของเธอเสียงดังฟอด ร่างบางร้องประท้วงย่นคอหนีไปด้านหลัง“ทำไมหอมไม่ได้”“ก็ ก็ไม่ได้เป็นอะไ
“อ๊ะ ก็จะเดินกลับไปนอนอยู่นี่ไงคะ!” เธอปัดมือหนาออกสะบัดหน้าหันหลังเดินกลับไปทางเข้าที่เดินมาก่อนหน้านี้“ตามไปส่งเธอ”“ครับ”หลังจากเธอเดินออกไป สองแฝดเดินไปห้องพักเพื่อพูดคุยเรื่องแผนงานวันเกิดของเขา การ์ดเชิญจะถูกส่งไปหาหุ้นส่วนทั้งไทยและต่างประเทศ สำคัญคือบุคคลที่เขาอยากให้มาเจอกับผิงอัน หวังว่าพวกเขาจะมา ขั้นตอนสุดท้ายในการยืนยันตัวตนของร่างบางเพนท์เฮ้าส์🦅เจคเดินตามไปส่งผิงอันจนถึงหน้าบ้านตามคำสั่งเจ้านาย ระหว่างหันหลังจะเดินกลับไปโรงฝึก ผิงอันเรียกไว้ก่อน“เดี๋ยวค่ะ”“มีอะไรจะสั่งเหรอครับ นายหญิงน้อยสั่งมาได้เลยครับ”เจคเรียกผิงอันว่านายหญิงน้อย เจนเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง การที่นายท่านปฏิบัติกับร่างบางพิเศษกว่าผู้หญิงทั่วไป รู้ได้ทันทีว่านี่คือว่าที่นายหญิงของตระกูลดูรองซ์“เอ่อ ทำไมเรียกฉันแบบนั้นล่ะคะ เดี๋ยวใครมาได้ยินก็เข้าใจผิดหรอกค่ะฉันไม่ใช่นายหญิงสักหน่อย”ผิงอันหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกเรียกว่านายหญิงน้อย เป็นสรรพนามที่บ่งบอกสถานะเลยนะ..“นายหญิงน้อยไม่ต้องพูดเพราะกับผมหรอกนะครับ กับบอดี้การ์ดคนอื่นก็ด้วย”เจคเพียงยืนฟังนิ่งๆ และยังเอ่ยเรียกนายหญิงน้อยเหมือ
เช้าวันถัดมา 07:45 AM 🐣กริ๋งๆๆ กริ๋งๆๆผิงอันกลิ้งตัวไปมากับเตียนนอนเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาที่ตั้งปลุกจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง หงายตัวนอนมองเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคยแต่อีกไม่นานเธอก็คงจะได้คุ้นเคยกับห้องใหม่นี้แล้ว“อื้ออ ต้องรู้ให้ได้ เฮ้อ”เป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาซะเลยในหัวเธอยังคงวนคิดเรื่องปานที่ไหล่ของตัวเอง“โอ๊ย ปวดหัว!”ดิ้นไปมาร้อนใจ สับสน มันรู้สึกว้าวุ่นไปหมด หรือเธอกำลังจะเป็นวันนั้นของเดือน ฮอร์โมนกับอารมณ์ถึงได้แปรปรวน?“ฮ้าวว~ ยังรู้สึกง่วงอยู่เลยแฮะ”ยกมือขึ้นพาดปิดดวงตา ครั้งแรกในรอบหลายปีที่นอนไม่เต็มอิ่ม ไม่สดชื่นทั้งที่มีเตียงนอนนุ่มให้สบายตัว มันคงเพราะมีเรื่องที่ยังติดค้างในใจ“ปานบนตัวเรามันมีความหมายยังไงกับพวกเขากันนะ” ย้ายมือมาลูบที่ไหล่บริเวณปานรูปดอกไม้ เมื่อก่อนไม่เคยสนใจมาตอนนี้แค่หลับตาก็นึกถึงแล้ว“ฮ้าวว~ นอนต่ออีกหน่อยละกัน”เมื่อคืนผิงอันแทบไม่ได้นอนเพราะกว่าจะนอนได้เธอก็ยังไม่หยุดคิดถึงเรื่องปานที่แขน ต้องนอนหลับไปทั้งความสงสัยในตัวตนของเธอ ปานดอกไม้ที่ไหล่มีความหมายอะไรกับพวกเขา ทำไมพวกเขาถึงให้ความสนใจ วันนี้! เธอจะถามอีกครั้ง แต่ขอนอนต่ออีกสักหน่อยค่อยเดิ
“ว้ายย! ฮะฮ่าๆ อือ ทำอะไรคะ!”ผิงอันดิ้นตัวไปมาเมื่อถูกสองแฝดใช้มือจั๊กจี้เอวเธอ จนร้องตกใจพร้อมเสียงหัวเราะ ดีดตัวนั่งขึ้น “มาจั๊กจี้คนอื่นทำไมคะ เล่นเป็นเด็กๆ” “ใครกันแน่ที่เด็ก”คาร์ลเตอร์ยิ้มมุมปากมองดูคนนั่งหน้ามุ่ย “เป็นเด็กไม่ดีเสียด้วยสิหลอกลวงผู้ใหญ่ว่านอนหลับแถมแอบฟังพวกฉันคุยกันอีก”เคอร์วินเกี่ยวเอวเธอดึงให้เข้ามาใกล้ตัวเอง “กี่คดีแล้วเธอ” “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยคดีอะไรไม่นับค่ะ” “ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้อาบน้ำเลยใช่ไหม”คาร์ลเตอร์มองสำรวจ เห็นว่าเธอใส่ชุดนักศึกษาอย่างเดิม นี่คงไม่ได้เดินสำรวจห้องว่าพวกเขาเตรียมเสื้อผ้าของใช้ไว้ให้เธอพร้อมหมดแล้ว “ถึงว่าได้กลิ่นอะไรเหม็นๆแถวนี้ เหมือนดอกไม้เน่า” “ปล่อย!” ฟึ่บ! ร่างบางสะบัดตัวออกจากเคอร์วินอย่างแรง โมโหที่ถูกว่าตัวเหม็น! แต่ก็มาถูกคาร์ลเตอร์ดึงไปนั่งบนตัก เขาโน้มลงมาหอมตรงคอผิงอัน “ไม่เหม็นสักหน่อย” “อยากอาบไหม” “อยากค่ะ” คาร์ลเตอร์อุ้มเธอขึ้นพาเดินไปห้องอาบน้ำ เคอร์วินเดินตามเข้ามา “ฉันอาบเองได้นะคะ” “ฉันจะอาบให้”เคอร์วินตอบ “ไม่ต้องการค่ะ!”เธอยังงอนเรื่องที่เขาหาว่าเธอตัวเหม็น “ขอโทษ ตัวเธ
หลังเสร็จภารกิจภายในห้องน้ำทั้งสามคนพากันมานอนต่อที่เตียงนอน แน่นอนว่าผิงอันสลบไปตั้งแต่ในห้องอาบน้ำ สองแฝดเองที่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวานเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย พวกเขาจึงได้นอนซบอกเธอหลับไปเช่นกัน อย่างกับเด็กน้อยนอนกอดตุ๊กตาแล้วหลับไป“อื้ม” ผิงอันตื่นมาหลังสองแฝดหลับสนิท เธอหันมองคาร์ลเตอร์สลับกับเคอร์วิน ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเธอจะมานินอยู่ตรงกลางระหว่างชายหนุ่มสองคน และอีกทั้งพวกเขายังเป็นพี่น้องฝาแฝด “ชีวิตฉันเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ความรู้สึกเธอที่ยินยอมพวกเขาให้ทำตามอำเภอใจ ไม่ขัดขืน เพราะเธอเองก็ต้องการพวกเขา นี่แค่ครั้งที่สองที่มีอะไรกัน และก็เป็นเซ็กส์ในชีวิตเธอที่มีอะไรแค่กับสองแฝด และแน่นอนว่าผิงอันไม่มีทางไปมีอะไรกับใครอีกแล้ว‘นี่เราชอบ อา..ชอบนั่นแหละ ถ้าไม่เราคงไม่ยอมพวกเขา’‘ถ้าถูกทิ้งจะเป็นไงนะ..’ ผิงอันเอาแต่คิดวนไปมา เธอไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ตอนนี้เธอชอบพวกเขาจริงๆ มันมีอะไรบางอย่างที่มาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดทั้งของคาร์ลเตอร์และเคอร์วิน แม้นิสัยของทั้งสองจะต่างกันมาก แต่มันทำให้ชีวิตเธอมีสีสันและตื่นเต้นกว่าที่เคยเป็นมาเธอเชื่อใ
ลูก้ามาถึงรีบล้างมือ ดูของในตู้เย็นว่ามีอะไรที่จะพอทำให้นายหญิงน้อยได้ทาน “เป็นไงมึงคิดออกยัง จะทำอะไร”“ข้าวผัดทะเล”เขามองดูอาหารในตู้เย็นเห็นว่ามีกุ้ง ปู ปลาหมึก จึงเลือกทำอาหารง่ายๆอย่างข้าวผัดทะเลให้ผิงอันทาน “ดีๆ นายหญิงน้อยน่าจะชอบ”“อือ เสร็จเร็วด้วยนายหญิงน้อยจะได้ไม่รอนาน”ไม่มัวพูดคุย ลูก้าลงมือทำข้าวผัดทะเลอย่างสุดฝีมือ ตอนนี้คำเรียกแทนตัวผิงอันที่เหล่าบอดี้การ์ดคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินใช้เรียกเธอคือ นายหญิงน้อย คำนี้เป็นที่รู้ทั่วกันว่าใช้เรียกแทนเธอห้องรับประทานอาหาร 🍱“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุก”คาร์ลเตอร์เดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามผิงอัน“ก็คุณดูเหนื่อยๆ เลยไม่อยากปลุกค่ะ”ผิงอันยิ้มตอบกลับไป ที่ยิ้มเพราะดูเหมือนว่าคาร์ลเตอร์ยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ที่คอเขามีรอยแดงอยู่หลายจุด“ใครกันแน่ที่ดูเหนื่อย”เคอร์วินเดินเข้ามาต่อ เขานั่งลงข้างผิงอัน“ยิ้มอะไร”คาร์ลเตอร์สังเกตตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเธอเหมือนจะหลุดขำพวกเขาด้วย“เปล่าค่ะ ฮึ”ครั้งนี้ถึงกับอุดปากกลั้นขำ“แล้วนี่มานั่งทำอะไร”เคอร์วินมองหน้าเธอไม่ละสาย“เพราะหิวค่ะก็พวกคุณไม่ได้ให้ฉันกินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน”“ขอโทษ เดี๋ยวจะเรียกคนไปซื้
5 วันต่อมา วันที่ผิงอันรอคอยในที่สุดก็มาถึง เธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน จดจ่อให้ถึงวันคล้ายวันเกิดสองแฝด เป็นวันที่พวกเขาจะยอมบอกเรื่องราวที่เกี่ยวกับปานบนไหล่เธอ ตัวตนที่ร่างบางเองก็ไม่เคยรู้ ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ไม่อยากคาดหวังไปมากกว่านี้ แต่ถ้าในวันนี้ได้รู้ที่มาที่ไปของตัวเองสักนิดมันก็ดีกว่าที่ผ่านมาไม่เคยรู้อะไรเลย เมื่อก่อนเธอยอมรับชะตาชีวิตที่จำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าตอนนี้มีใครที่รู้จักเธอจริงๆ เธอก็ขอรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเองทั้งหมด “นายหญิงน้อยคะ” เสียงเรียกหวานๆของช่างแต่งหน้าทำให้ผิงอันหลุดออกจากห้วงความคิด “เมื่อคืนนายหญิงน้อยไม่ได้นอนใช่ไหมคะ”ช่างแต่งหน้าสาวชื่อดัง นามว่าเอิงเอย เอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบอย่างอ่อนน้อม เธอสังเกตจากขอบตาดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด “มันชัดขนาดนั้นเลยเหรอคะ”ผิงอันจากที่นั่งเหม่อลอยหันมองกระจกบานใหญ่ทันที และใช่ขอบตาเธอคล้ำจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า “นายหญิงน้อยไม่ต้องกลัวนะคะ เอิงจะจัดการกลบทุกอย่างบนหน้านายหญิงน้อยให้ไม่มีใครดูออกเลยค่ะว่าไม่ได้นอนมาที้งคืน เห็นแค่เพียงความสวยของนายหญิงน้อยเท่านั้นค่ะ!” พูดจบเธอก็ลงมือแต่งหน้าให้ผิงอันจน
ฝากซัปพอร์ตนักเขียนตัวน้อยคนนี้หน่อยได้มั้ยคะ กดติดตาม คอมเมนต์ให้ไรท์หน่อยน้า“เอางี้นะคะ อย่าว่าแต่เอิงมองออกเลย ทุกคนที่นี่ก็ดูออกกันค่ะว่านายท่านทั้งสองคนคิดยังไงกับ นายหญิงน้อยไม่สังเกตอะไรบ้างเหรอคะ”“สังเกตอะไรคะ” ผิงอันก็พอรู้สึกได้ว่าพวกเขาดูสนใจเธอ แต่มันดูจะเป็นเรือนร่างของเธอที่พวกเขาให้ความชื่นชอบ… ไม่ใช่ตัวตนจริงๆของเธอ“กล่องสร้อยที่นายหญิงน้อยถืออยู่ในมือตอนนี้ รู้หรือเปล่าคะว่าเป็นสร้อยอะไร และเคยเป็นของใครมาก่อน”ผิงอันส่ายหน้าไปมา ไม่ใช่สร้อยธรรมดาเหรอ? เธอไม่ค่อยรู้เรื่องพวกเครื่องเพชรเท่าไหร่ ราคาพวกมันคงสูงมาก“สร้อยนี้มีชื่อว่าหัวใจของมหาสมุทร ( Heart of the ocean ) มูลค่าราคาคือ700ร้อยล้านบาท และคนที่เคยเป็นเจ้าของมาก่อนก็คือนายหญิงของตระกูลดูรองซ์หรือก็คือคุณหญิงแม่ของนายทั้งสองค่ะ”ผิงอันอ้าปากค้างตะลึงกับราคาที่แสนแพง และต้องตกใจที่เจ้าของสร้อยเส้นนี้คือแม่ของพวกเขา ทำไมล่ะ? ทำไมถึงได้เอาของที่มีมูลค่ามากขนาดนี้มาให้เธอ..หลังจากพูดคุยเรื่องสร้อยคออันล้ำค่า เอิงเอยก็ได้พาผิงอันเปลี่ยนใส่ชุดราตรีที่สั่งตัดมาให้ร่างบาง ชุดสีราตรียาวปาดไหล่แนบไปกับตัว ด้านหนึ่ง
พรึ่บ ผิงอันเงยหน้าขึ้นมองทันทีหลังได้ยินชื่อตระกูลดูรองซ์? นามสกุลสองแฝดนี่ งั้นแปลว่าเธอกำลังจะได้ไปเจอพวกเขาแล้ว ตึกตัก ตึกตัก แค่คิดจังหวะอัตราการเต้นของหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น มันแทบจะออกมาเต้นข้างนอกได้เลย"เราไม่ไปได้ไหมป๊า"เฟยเฟยเอ่ยถามอย่างกังวล ‘เรา’ในที่นี้หมายถึง ผิงอัน ไม่ต้องไปได้ไหม เขาไม่ต้องการให้น้องสาวกลับไปเจอสองแฝดอีก อุส่าเลี่ยงมาได้ตั้งหลายเดือน ไม่ทันไรจะกลับไปเจอกันอีกแล้ว ป๊าไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผิงอันกับสองคนนั้น รู้แค่ว่าพวกเขาหาเธอเจอ "ไม่ได้ ตระกูลดูรองซ์มีอำนาจและอยู่ดูแลตระกูลเรามาตลอดหลายปี ถึงแกจะไม่ชอบพวกสองแฝดแค่ไหนก็เก็บความไม่ชอบนั้นไว้ในใจซะ พวกเขาหาน้องสาวแกเจอนะควรจะขอบคุณด้วยซ้ำ"ถ้าวันนั้นตัวเขาไม่มีงานต้องไปเขาก็อยากไปขอบคุณสองแฝดด้วยตัวเอง ที่มอบนางฟ้าตัวน้อยกลับคืนสู่อ้อมอกเขา"ป๊าอะ ป๊าไม่เข้าใจผมหรอก""ป๊าจะไม่พูดซ้ำนะอาเฟย ไปเคลียร์งานที่มีให้เสร็จก่อนอาทิตย์หน้าเราจะไปพร้อมกันคุณด้วยที่รัก""ค่ะ ฉันต้องไปอยู่แล้วงานสำคัญอย่างนี้""ผิงอันไม่มีสอบอะไรใช่ไหมลูก"จางอี้หันไปมองลูกสาวคนสวยที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นี่คงเพราะอยาก
นครเซียงไฮ้🍡 ณ เมืองหนึ่งในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมืองแห่งความรุ่งโรจน์ทางเศรษฐกิจ นครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ที่ใครหลากหลายคนอยากจะมาท่องเที่ยว และยังมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ในเมืองนี้ เต็มไปด้วยวัฒนธรรมมากมายของประเทศจีนและคนในเมือง ที่สำคัญเมืองเซียงไฮ้นั้นอยู่ติดทะเลทำให้มีท่าเรือมากมาย และแน่นอนว่าเมืองใหญ่โตแบบนี้และท่าเรือหลายร้อยท่าเรือก็ต้องมีคนควบคุมดูแลไม่ให้เกิดความเสียหาย เจ้าของหลักก็อยู่ในเมืองนี้มานานแล้ว และคนที่ควบคุมเมืองนี้อยู่ก็คือตระกูลฟ่าน ใช่นั่นก็คือตระกูลของครอบครัวผิงอัน ตระกูลฟ่านคอยดูแลท่าเรือกับคนในเมือมานานหลายชั่วอายุคนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งตระกูล แต่ละเมืองในจีนจะมีแต่ละตระกูลคอยควบคุมดูแลในส่วนของวันนี้หัวหน้าตระกูลฟ่าน จางอี้ได้เรียกทุกคนในครอบครัวมาพูดคุยเรื่องการเดินทางออกจากเมืองไปต่างประเทศ"ทำไมวันนี้เรียกรวมด่วนตัวล่ะครับป๊า ผมมีงานด่วนต้องไปทำต่อที่กวางโจว"ลูกชายคนโตเปิดปากเอ่ยถามเมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ เดินตามมาด้วยน้องสาวคนสวยของเขา ผิงอันหรืออีกชื่อคืออันอัน อยู่ที่ประเทศจีนส่วนใหญ่จะเรียกเธอว่าอันอัน แต่ส่วนตัวเธอชอบชื
"ทนายพอร์ชเชิญอ่านต่อ""ครับ และในส่วนทรัพย์สินของภรรยาทั้งสามที่เสียไปเมื่อสองปีก่อน ที่ไม่เคยเปิดเผยทรัพย์สมบัติ คุณผู้หญิง เธอขอมอบให้กับลูกๆ ตามสายเลือดของพวกเธอ ยกเว้นคุณหญิงอัลลาคุณแม่ของคุณชายออสตินมอบให้กับหลานชายฝาแฝดของเธอแทนลูกชายที่จากไป โดยจะทำการส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในสามวัน""ส่วนคฤหาสน์ฝั่งซ้ายมอบให้อังเดรลูกชายคนที่สอง กับที่ดินห้าพันไร่ ตำแหน่งประทานบริษัทเหมืองทองคำสาขาสอง และเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ ส่วนสร้อยเพชรหนึ่งร้อยกล่องกับเงินห้าหมื่นดอลลาร์มอบให้แอนดิสัน ดูรองซ์หลานสาว บริษัทเครื่องดื่มน้ำแร่ที่ประเทศอิตาลี ตำแหน่งประธานมอบให้แอนโทนีดูรองซ์หลานชาย พร้อมเงินสดอีกหนึ่งแสนดอลลาร์""ถัดมาในคฤหาสน์ฝั่งขวามอบให้ลูกชายคนเล็ก ดักซ์ ดูรองซ์ กับเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ เครื่องประดับอย่างละหนึ่งร้อยกล่อง กับเช็คเงินสดสิบล้านดอลลาร์มอบให้หลานสาวฝาแฝดทั้งสองคน ไดอาน่า ดิสนี่ย์ ดูรองซ์""และสุดท้ายเงินสดหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ขอมอบให้มูลนิธิในเครืออย่างเท่าๆกัน""จบการอ่านพินัยกรรม..." หลังจากอ่านพินัยกรรมจบทนายก็ขอตัวลาไปจัดการทำเรื่องโอนย้ายชื่อให้มาเป็นของสองแฝด เปลื่ยนชื่อใ
สองพี่น้องเดินบนทางที่ทำจากหินอ่อนเกรดพรีเมี่ยมที่ปู่ชอบตามทางโรยกรีบกุหลาบสีฟ้า ระหว่างสองข้างทางเดินมีบอดี้การ์ดยืนเรียงแถวหน้ากระดานตั้งแต่หน้าหลุมศพยาวไปถึงทางออก ทุกคนพากันก้มหัวและกล่าวเรียกทำความเคารพท่านผู้นำตระกูลทั้งสองคน หลังจากวันนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการพร้อมกับเปิดพินัยกรรม แน่นอนว่าเรื่องนี้คงจะเป็นปัญหาภายใน อาจมีคนที่ไม่พอใจจนทำอะไรโง่ๆก็เป็นได้แต่พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมันมาทำลายตระกูลของเราที่มีมาอย่างยาวนี้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอก ถ้าไม่ดีหรือมีแผนการทำลายตระกูลพวกเขาก็พร้อมจะตัดคนพวกนั้นออกจากตระกูล เคอร์วินเองก็ต้องขึ้นมาเป็นท่านผู้นำ สองคนพี่น้องพวกเขาคือหนึ่งเดียวกัน ความแข็งแกร่งความสามารถที่ซ่อนไว้นับจากนี้พวกเขาจะได้ใช้มันสักที! 14/01/2023 คฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์🕍วันนี้มีการอ่านพินัยกรรม ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับอองเดร ทายาทจะได้รู้เรื่องราวที่ถูกเขียนไว้ในพินัยกรรม ทนายที่จะมาอ่านเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และเป็นคนสนิทของอองเดรที่ทำงานอยู่ด้วยกันมาทุกช่วงชีวิต จะไม่มีการเล่นตุกติกหรือปลอมแปลงเอกสารอะไรขึ้นมาใหม่ ทุกคำที่จะได้อ่านหลังจากนี้
หนึ่งสัปดาห์หลังผ่านพ้นพิธีงานศพท่านอองเดรไปอย่างเรียบง่ายแต่ก็จัดขึ้นอย่างสมเกียรติของท่าน จัดขึ้นตามพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ วันสุดท้ายในการฝังร่างท่านที่สุสานตระกูล สองพี่น้อง คาร์ลเตอร์กับเคอร์วินได้ให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าหลุมศพท่านปู่ว่าจะรับหน้าที่ดูแลตระกูลต่อ ตามเจตนารมณ์ของท่านปู่"ผมจะดูแลตระกูลให้ดีเหมือนที่ปู่ปกป้องตระกูลเรามาตลอดจดช่วงสุดท้ายของชีวิต และจะทำมันให้ดีกว่าเดิม พักผ่อนนะปู่"คาร์ลเตอร์กุมมือประสานเข้าด้วยกันก้มหน้าทำความเคารพและเอ่ยต่อหน้าหลุมศพอองเดรอย่างหนักแน่น"ไม่ต้องกังวลนะปู่ ฉันจะเป็นผู้นำตระกูลที่สมบูรณ์แบบให้มากกว่าปู่แน่นอนละก็อีกเรื่องฉันรักปู่นะขอบคุณที่พยายามทำหน้าที่พ่อกับแม่ดูแลตอนพวกฉันยังเด็ก อยู่ในนั้นหวังว่าจะไม่อึดอัดนะปู่...""ปู่คงดีใจนะที่มึงยอมเรียกท่านว่าปู่สักที ตอนที่ท่านยังอยู่ ปู่เขาอยากได้ยินมึงเรียกว่าปู่มาตลอด""มึงก็พูดไปเรื่อยกูก็เรียกปู่ออกจะบ่อย ฉันไปละนะตาแก่ไว้จะมาเยี่ยมพร้อมหลานสะใภ้นะ"เคอร์วินถอนหายใจเฮือกใหญ่แรงๆ ยกมือโบกไปมาและหันหลังไปยืนรอคาร์ลเตอร์ พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบถึงเขาจะชอบพูดหยอกล้อหรือทำตัวนิสัยเด็กน
“แกยังมีหน้ามาพูดถึงออสตินแบบนี้อีกรึ! พี่ชายพี่สะใภ้ตายก็เพราะไปช่วยคนไร้ค่าอย่างแก” “ทั้งที่มีชีวิตรอดมาแต่ก็ไม่สำนึก เคยทำอะไรให้ตาแก่อย่างฉันสบายใจไหม เรื่องธุรกิจตระกูลแกไม่ต้องหวังว่าจะได้ดูแลแม้แต่ธุรกิจเดียวและฉันทำทุกอย่างตามความจริงที่รู้และเห็นอย่างยุติธรรม” แน่นอนว่าอองเดรมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง ใครควรได้ไม่ได้อะไร คนที่มีความสามารถกับคนที่ไร้ความสามารถก็มองออกได้ในทันที “สิ่งที่เป็นของคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายหรือคิดจะแย่งไปได้!” “และฉันไม่ได้ลืมว่ามีหลานกี่คน! พวกนั้นก็จะได้ในสิ่งที่เป็นของตัวเอง พามันออกไป!” “อึก!” “นายท่าน!” ดักซ์ถูกหิ้วปีกออกไป เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาที่ลูกชายถูกลากออกไป คนเป็นพ่อที่แสร้งทำว่าแข็งแรงทรุดตัวลงต่อหน้าหัวหน้าพ่อบ้าน คนดูแลและบอดี้การ์ด หรือนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้นำตระกูลจะได้โต้เถียงกับลูกชายคนเล็ก แต่อย่างน้องก่อนตายเขาก็ได้เจอหลานชายทั้งสองคนอันเป็นที่รักเปรียบเสมือนหัวใจของชายแก่คนนี้ หลังจากนั้นเพียงสามชั่วโมง ตระกูลดูรองซ์ก็ได้พบกับความโศกเศร้า ผู้นำตระกูลได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคหัวใจ
จึก! “หยุดได้แล้ว คาร์ลเตอร์!” ปลายแหลมคมมีดที่กำลังจะปักลงกลางอกชายวัยกลางคนสุดด้ามได้ถูกห้ามจากเสียงแหบแห้งของชายสูงอายุ ผู้นำตระกูลดูรองซ์ อองเดรเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับผู้ดูแลข้างกาย มือที่เหี่ยวแห้งเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแตะลงบนบ่าหลานชายบีบเบาๆ แต่คาร์ลเตอร์เพียงดึกมีดที่แทงเข้าไปแค่ปลายออกเท่านั้น แต่เขายังคงใช้มือทั้งห้านิ้วบีบคออาตัวเองไว้แน่นแทบจะกำได้ทั้งรอบคอ ดักซ์ดวงตาเบิกโพลงนัยตาแดงก่ำ “แค่กๆ อึกพะพ่อ..”เขายังคงดิ้นทุรนทุราย แรงที่มีเหลือก็เริ่มที่จะหมด ภาวนาให้พ่ออย่างอองเดรช่วยตัวเองจากน้ำมือหลานชาย “ยังไงนี่ก็ลูกชายปู่ ปู่จะสั่งสอนมันเอง”น้ำเสียงชายชราที่พูดอย่างสงบแต่คนฟังรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ดักซ์ก็แค่หมากตัวหนึ่งที่ปู่เขาเป็นผู้ควบคุม อำนาจปกครองยังอยู่ในมือของอองเดรถึงแม้ท่านจะแก่ชรามากแล้วก็ตามแต่ทุกคนยังให้ความเคารพและเกรงกลัวอำนาจ และเขาที่เป็นหลานก็ควรต้องทำตามคำสั่งกับเชื่อฟัง ถึงนี่จะเป็นเรื่องที่อยากขัดคำสั่งที่สุดในชีวิตของคาร์ลเตอร์เลยก็ว่าได้ “น่าหงุดหงิด! ” ตุบ! ร่างหนาของดักซ์ถูกปล่อยเป็นอิสระโล่งลงสู่พื้น เขาลงไปนอนกลิ้งตัวไปมาหงายตัวขึ้นนอน
พ่อบ้านเดินนำพาทั้งสองคนเข้าไปในคฤหาสน์ ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์ พวกเขาก็ได้เดินผ่านอาดักซ์ น้องชายคนเล็กของพ่อ ลูกชายของปู่อีกคน แต่เป็นลูกกับภรรยาคนที่สาม ส่วนพ่อของคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินเป็นลูกของภรรยาคนแรกหรือก็คือคุณผู้หญิงที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายเพียงหนึ่งเดียว“ไม่เจอกันนานเลยนะ ยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะพวกแก”สองแฝดไม่ค่อยชอบอาดักซ์พวกเขาไม่สนใจหรือคิดที่กล่าวทักทายด้วยซ้ำ“ญาติผู้ใหญ่คุยด้วยแท้ๆ ปีกกล้าขาแข็งไม่เปลี่ยน คิดว่าเป็นหลานคนโปรดจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ”ขวับ!“แน่นอน อย่างน้อยการที่อยากทำอะไรของพวกฉันมันก็มีประโยชน์มากกว่าไม่ทำอะไรนอกจากใช้นามสกุลตระกูลเป็นกะลาคุมหัว!”“มึงว่าใครไอ้เคลว์”“ก็ยืนหันหน้าพูดด้วย หรืออาคิดว่าฉันกำลังพูดกับหมา!แต่แถวนี้ก็ไม่มีหมานะนอกจากอา?”เคอร์วินไม่เกรงกลัวแม้คนตรงหน้าจะมีศักดิ์เป็นอา“มึง คิดว่าท่านพ่อจะยกทุกอย่างให้พวกแกหรอ! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”“พอ! ท่านปู่นอนป่วยอยู่ยังจะมาหาเรื่องไอ้เคลว์อยู่ได้ ถ้าอามีวุฒิภาวะมาพอก็ควรหยุดได้แล้ว”คาร์ลเตอร์กล่าวเสียงเรียบแต่ดุดัน ทำเอาดักซ์นิ่งสงบปากไปได้แป๊บนึงก่อนจะเอ่ยออกมาอีก“เห็นว่าพ่อฉันอยากเ
French in Paris 🇫🇷 คฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์🕍“ไม่ได้กลับมานานแค่ไหนแล้วนะ”น้ำเสียงผู้เป็นน้องชายเอ่ยออกมาขณะรถหรูยี่ห้อโรลส์รอยซ์ขับผ่านรูปปั้นนกฟีนิกซ์เพลิงที่ตั้งเด่นสง่าประดับอยู่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์ สไตล์ของคฤหาสน์คือกรีกโรมินผสมกลิ่นอายของปรารีสร่วมสมัยใหม่ แน่นอนว่า คฤหาสน์ใหญ่โตที่คนนอกอยากเข้า คนในอยากออก…ที่กล่าวมาไม่ได้เกินจริง คนในที่พูดถึงคือพวกเขาเองสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์เพลิงแสดงอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วไปและยังเป็นหนึ่งในห้าตระกูลของตราประจำสัญลักษณ์สัตว์เทพในตำนาน สืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่ปี1951 แน่นอนว่าที่กล่าวถึงนั้นยังมีอีกห้าตระกูล ก็คือกลุ่มเพื่อนสนิทของสองแฝด พวกเขามีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณตา พวกท่านเองก็ต่างเป็นเพื่อนกันมาก่อนเหมือนกับพวกเขาในตอนนี้“ห้าปี ห้าปีนับตั้งแต่เราก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ของท่านปู่ เราไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งแต่ตอนนั้น”คาร์ลเตอร์หันไปตอบน้องชายฝาแฝด ความคิดที่จะโบยบินด้วยปีกของตัวเองนั้น เคยคิดว่าจะไม่กลับมาในกรงทองนี้อีก แต่สุดท้ายก็เดินกลับมาด้วยตัวเอง ยังไงสายเลือดเดียวกันก็ตัดกันไม่ขา