CRUSH ON YOU
CHAPTER 3
วันต่อมา
ฉันตื่นแต่เช้าเพราะต้องมาให้อาหารจัมโบ้ที่บ้านข้าง ๆ และดูเหมือนว่าคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์จะไม่อยู่กันอย่างที่ไทบอกจริง ๆ
ถุงกอล์ฟที่มักจะเห็นวางอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านเป็นประจำหายไป เดาว่าพวกท่านคงจะพากันไปเที่ยวสองคนเหมือนอย่างเคยระหว่างที่ฉันกำลังเก็บกวาดหน้าบ้านพวกท่านที่ตอนนี้มีใบไม้จากต้นมะม่วงร่วงกราวอยู่เต็มพื้นคอนกรีต ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน หันไปมองก็พบว่าตอนนี้ไทตื่นแล้ว สภาพหัวยุ่งนิด ๆ เรือนผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง นัยน์ตาหรี่มองมาเหมือนแสบตากับแสงสว่างจ้าในตอนเช้า
ร่างสูงเดินออกมาหาพร้อมทั้งขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าฉันกำลังกวาดใบไม้ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวแบบมีด้าม ฉันทำเป็นไม่สนใจเรือนร่างโตเต็มวัยของน้องที่ตอนนี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดดีไม่ได้ โอเค… ฉันเวอร์จิ้นก็จริง
แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาโนเนะไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงก็อายุตั้งยี่สิบหกเข้าไปแล้ว“นาไม่ไปแต่งตัวอะ? จะไปแล้วเนี่ย”
“ก็แต่งแล้วนี่ไง… ไทนั่นแหละทำไมไม่อาบน้ำอีก?”
ฉันหยุดกวาดพื้นแล้วหันกลับไปมองสภาพเจ้าตัวในกางเกงนอนขายาวตัวเดียว สภาพคนเพิ่งตื่นชัด ๆ แล้วยังมีหน้ามาบอกให้คนอื่นรีบไปแต่งตัวอีก
“จะไปชุดนี้?” คนตัวสูงกว่าชำเลืองมองมา จนฉันถึงขั้นต้องก้มลงมองสภาพตัวเองอีกครั้ง
“ก็ปกติ” ฉันขมวดคิ้วใส่เด็กบ้าที่มองว่าการใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเป็นเรื่องผิดปกติไปเสียแล้ว
“ก็นึกว่าต้องแต่งตัว…”
“จะไปไม่ไปอะ?” ฉันตัดบทขึ้นรู้สึกฉุนขึ้นมานิด ๆ ฉันรู้หรอกว่าไทหมายถึงอะไร
โอเค… เขาคงคิดว่าเป็นผู้หญิงก็คงต้องแต่งตัวให้สวย ๆ เวลาไปข้างนอก แต่ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรียบร้อยมาก ไอ้พวกชุดประเภทที่เขาเรียกกันว่า ‘แซ่บ’ ไม่มีหรอก ก็ดูเอาสิ… ชุดนอนฉันยังเหมือนเด็ก ๆ อยู่เลย แม้นจะทักมาแบบนั้น แต่ไทก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เดินกลับเข้าบ้านไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
และใช่แหละ… จริง ๆ ฉันควรจะแต่งตัว หรือแต่งหน้าทำผมสักหน่อย…
ก็ใครมันจะไปคิดว่าการออกมาข้างนอกกับไทแล้วจะตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้ แค่ไทเดินผ่านไปตรงไหนก็มีแต่สาว ๆ หันมามอง ถึงแม้เจ้าตัวจะใส่เพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนขนาดพอดีตัว แต่ก็หล่อจัด ออร่าพุ่งสุด ๆ ในขณะที่ตอนนี้ฉันกลายเป็นเด็กกะโปโลคนหนึ่งที่เหมือนมาช่วยถือของมากกว่า
“นาว่าสีไหนดี?”
“เจ๊ชอบสีน้ำตาล”
“อืม…”
ฉันยืนกอดอกมองคนตัวสูงเลื่อนสายตามองตัวอย่างลาย
วอลล์เปเปอร์ตรงหน้าอย่างใช้ความคิด มันมีทั้งลายหินอ่อน กระทั่งลายกราฟิกก็ยังมี แต่แค่คิดว่าเราโต ๆ กันแล้วน่าจะไม่มีใครเอาลายซูเปอร์ฮีโรไปติดเป็นวอลล์เปเปอร์หรอกมั้ง“อันนี้เหรอ?” ไทหันมาถามความเห็นกันอีกครั้ง พร้อมชี้นิ้วไปยังลายหินอ่อนสีน้ำตาลที่ว่า
“อือ สบายตาดีต่อสุขภาพ” ฉันพยักหน้ารับ “ห้องนอนก็ต้องดูโปร่ง ๆ
โล่ง ๆ เข้าไว้สิ จะได้พักผ่อน”“หืม…” ดวงหน้าหล่อชำเลืองมองมาแล้วยกยิ้ม “อายุเยอะขึ้นแล้วเป็นงี้กันทุกคนเหรอวะ…”
“เดี๋ยวเถอะ…”
“งั้นเอาอันนี้แหละ”
ไทไม่ได้สนใจกันแล้ว แต่หันไปก้ม ๆ เงย ๆ เลือกหาต่อ ฉันหมุนตัวดูรอบ ๆ ก็พบว่าใกล้กันมีเครื่องนวดวางขายอยู่ด้วย และเพราะว่าช่วงนี้มันเมื่อยขบเหลือเกิน เนื่องจากเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว บางครั้งก็จะมีอาการออฟฟิศซินโดรมเข้าเล่นงานอยู่บ้างเลยสนใจเป็นพิเศษ
เชื่อไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉันถึงขั้นเดินไปอ่านดูที่ฉลากสินค้าว่าไอ้เครื่องนี่มันทำอะไรได้บ้าง และแค่อ่านสรรพคุณดูก็รู้สึกปวดช่วงระหว่างคอกับไหล่ขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่นาทีก่อนยังไม่รู้สึกอะไรแท้ ๆ
“ไม่ต้องซื้อหรอก ไทนวดให้ได้นะ”
“…”
กล่องในมือฉันถูกดึงไปวางลงที่เดิมพร้อมกับร่างสูงที่หอบเอา
วอลล์เปเปอร์ที่ตั้งใจจะมาหาซื้อม้วนอยู่ในข้อแขนเรียกได้ว่าเกือบจะเหมามาทั้งแผง เรียวคิ้วเข้มยักขึ้นข้างหนึ่งอย่างกวน ๆ เมื่อเห็นว่าฉันกำลังสนอกสนใจเครื่องนวดเพื่อสุขภาพนั่นไม่น้อย และเพราะถูกสายตาล้อเลียนมองมาทำให้ฉันต้องเบนสายตาหนีด้วยความอายอย่างเสียไม่ได้“นาหิวข้าวไหม? กินข้าวกัน ไทเลี้ยงเอง”
“เจ๊จะให้น้องเลี้ยงได้ยังไง?”
ฉันเงยหน้ามองไทที่เดินนำหน้ากันอยู่ คนตัวโตเอี้ยวใบหน้ามามองกันเล็กน้อยแล้วผุดยิ้ม ทั้งชะลอฝีเท้ารอเดินไปพร้อมกัน
“น้องแล้วยังไง? ไทมีเงินน่า”
“ไม่ต้องหรอก เจ๊เลี้ยงเอง”
“ไม่ได้… อย่างน้อยก็ถือว่าเลี้ยงขอบคุณที่วันนี้นามาช่วยไง”
“…เอางั้นก็ได้”
สุดท้ายแล้วฉันก็จำใจต้องยอมรับข้อเสนอ ว่ากันตามจริงต่อให้ฉันจะทำงานแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีเงินใช้จ่ายเท่าคนข้าง ๆ อยู่ดี
และถึงแม้เราจะอยู่บ้านติดกัน แต่บ้านไทก็เรียกได้ว่ารวยกว่ากันมาก เพราะธุรกิจส่งออกของที่บ้านในช่วงหลังกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เห็นว่าคุณป้าสมรกำลังดีลซื้อบ้านเดี่ยวหลังละห้าสิบล้านเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วยซ้ำไทเองก็ได้อภิสิทธิ์เรื่องเงินไปเต็ม ๆ เพราะเป็นลูกชายแค่คนเดียว ไม่ต้องดูจากอะไรหรอก ในขณะที่บ้านฉันยังใช้รถญี่ปุ่นธรรมดา แต่ไทที่เป็นแค่นิสิตปีสี่ตอนนี้มีรถราคาสี่ห้าล้านเอาไว้ขับไปไหนต่อไหน เรื่องข้าวของเครื่องใช้เองก็เหมือนกัน ในขณะที่ตอนนี้ฉันยังใส่เสื้อผ้าธรรมดาราคาหลักร้อยหลักพัน แต่เสื้อยืดตัวเดียวของเจ้าตัวก็ปาไปครึ่งแสน
อืม… ก็เรียกได้ว่าขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกถ้าจะเลี้ยงข้าวกันสักมื้อ เพราะงั้นฉันไม่ต้องคิดอะไรให้มากความจะดีกว่า
เราเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าหนึ่ง โชคดีที่วันหยุดของฉันเป็นวันธรรมดาที่คนอื่นเขาทำงานกัน เลยไม่ค่อยมีคนเท่าไร เราเลือกนั่งกันด้านในสุด เพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นมองมาเท่าไร
“นากินอะไร?” คนตัวโตเปิดเมนูพร้อมทั้งเอ่ยถาม
“เอาข้าวหน้าปลาซาบะย่างเกลือค่ะ” ฉันหันไปบอกพนักงานพร้อมทั้งตอบไทไปในตัว เจ้าตัวยกยิ้มนิด ๆ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
“เอาเหมือนกันครับ” ว่าแล้วก็ปิดเมนูลงยื่นกลับไปส่งให้พนักงานที่ตอนนี้ดูเหมือนตาจะลอย ๆ เพราะเจอดาเมจคนหล่อยิ้มให้
หลังจากนั้นเราก็ได้แต่นั่งเงียบกันอยู่หลายอึดใจ ฉันพยายามจะไม่สนใจสายตาที่กำลังมองมาเงียบ ๆ กับรอยยิ้มที่ยังคงคลี่อยู่อย่างนั้น แต่เพราะไทเอาแต่มองกันอยู่ได้เลยจำต้องเงยหน้าขึ้นสบตา
“มีอะไร?”
“เปล่า… แค่รู้สึกว่านายังหน้าเหมือนเดิมเลย โกงอายุฉิบ”
“ไทต่างหากที่โตเกินอายุ”
“หืม? โตเกินยังไง? ยี่สิบสองนี่ไม่เด็กแล้วนะนา”
“…”
“โตเต็มที่แล้วด้วย”
“…”
คนตรงหน้ายิ้มกว้างจนเห็นไรฟันเรียงตัวสวยราวกับกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง และเป็นฉันเองที่ต้องหลบสายตาไทอีกรอบ ไอ้เด็กบ้า…
ไม่ต้องบอกก็รู้หรอกโตไปทั้งตัวขนาดนี้…“นา”
“อือ”
“ไนน์มันเป็นไงบ้าง?”
“…”
กระแสเสียงของไทเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้ปากจะยังยิ้ม แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง และก็อย่างที่รู้กันว่าทั้งสองคนคงจะมีปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่อยากบอกให้ที่บ้านรู้ ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จะถามยังไม่กล้าเลย
“ก็สบายดี… พักหลังไม่ค่อยกลับบ้านหรอก ติดเที่ยว”
“อืม… แล้วปล่อยพี่สาวอยู่บ้านคนเดียว?”
“เจ๊โตแล้วดูแลตัวเองได้”
“โตแล้วยังไง? ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่บ้านคนเดียวยังไงก็อันตรายอยู่ดี”
“ก็อยู่มาหลายปีแล้ว”
“ก็ถ้ามีอะไร… เรียกไทได้ตลอด ยังไงก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว”
“อือ”
บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้น ฉันไม่ต้องทนมองสายตาแปลก ๆ ของไทอีก เพราะพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ เราสองคนนั่งกินกันไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่เป็นเขามากกว่าที่ถามนั่นถามนี่ไม่หยุด ระยะเวลาสามสี่ปีที่ไม่ได้เจอกันก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ ต่อกันติดทีละน้อย
อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็เริ่มจะพูดคุยโต้ตอบได้แบบที่ไม่ต้องกระอักกระอ่วนเหมือนวันแรก แต่ก็ยังไม่ชินกับรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปของไทอยู่ดี
หลายชั่วโมงต่อมา
ตอนนี้ฉันรับบทเป็นนางติดวอลล์เปเปอร์ นั่งอยู่บนบันไดทรงเอคอยรับแผ่นวอลล์เปเปอร์มาจากไทที่กรีดตัวแผ่นเพื่อให้รับกับช่วงมุมผนังห้องมาส่งให้ แม้ว่าฉันจะนั่งอยู่ข้างบนแต่แค่ไทยืนเต็มความสูงก็หัวก็อยู่ระดับเอวฉันแล้ว นัยน์ตาคมกริบจ้องมองมาเงียบ ๆ ทุกครั้งที่ฉันตั้งอกตั้งใจติดแผ่นต่อไปให้เท่ากันกับแผ่นก่อนหน้า
“ตรงนี้จะเสร็จแล้ว ไทไปตัดแผ่นใหม่เลย” ฉันบอกพร้อมทั้งผุดตัวลุกขึ้นยืน เพราะเหลือแค่แปะมุมบนเสร็จก็จะเสร็จไปมุมหนึ่ง
ไทไม่ได้ตอบอะไร และฉันเองก็ไม่ได้หันไปมอง คงเป็นเพราะยืนบนบันไดแบบไม่มั่นคงพอทั้งยังไม่ได้ใส่รองเท้า สุดท้ายก็เหมือนเท้าฉันจะหลุดจากตีนบันไดข้างหนึ่ง
“ว้าย!”
“นา!”
ตัวฉันเอียงไปด้านข้างเพราะไม่สามารถทรงตัวด้วยเท้าข้างเดียวได้ เท้าที่หลุดจากตีนบันไดทำให้หน้าแข้งกระแทกเข้ากับอะลูมิเนียมอย่างแรง และก่อนที่ร่างกายจะร่วงลงบนพื้นอ้อมแขนของคนที่ยืนอยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเอวไว้ได้อย่างทันท่วงที
ไทเซไปนิดหน่อยในขณะที่ฉันลืมตัวกอดบ่ากว้างเอาไว้ บันไดสั่นไหวเพียงแค่เล็กน้อยก่อนจะนิ่งสนิทเหมือนเดิม แต่เป็นเราสองคนที่ชะงักค้างแทน เท้าฉันถูกวางลงบนพื้นช้า ๆ ทั้งที่เรายังกอดกันอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ ใบหน้าห่างกันแค่ฝ่ามือเดียว
ลมหายใจเจือกลิ่นบุหรี่กำลังเป่ารดที่ข้างแก้ม นัยน์ตาสีอ่อนจ้องตากันเงียบ ๆ ฝ่ามือหนาอยู่ต่ำลงไปจากทรวงอกแค่นิดเดียวเท่านั้น ไทกลืนน้ำลายเล็กน้อยแล้วรีบปล่อยร่างฉันให้เป็นอิสระ
เราสองคนหันหน้ากันไปคนละทิศละทางเพราะความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมาแบบกะทันหัน ข้างแก้มฉันร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องหันหลังหนีหลบซ่อนดวงหน้าที่ตอนนี้คงจะแดงปลั่ง
“เดี๋ยวไทขึ้นไปติดเองก็ได้ นาก็ติดอันที่ติดถึงก็แล้วกัน” หลังจากกระอักกระอ่วนกันอยู่นาน ไทก็เริ่มเดินไปหยิบชิ้นใหม่มาส่งให้เพื่อทำลายสถานการณ์ตึงเครียด
“อือ เดี๋ยวเจ๊ติดตรงนั้นแล้วกัน”
“โอเค”
ฉันเองก็ไม่อยากจะทำให้บรรยากาศมันอึดอัดเลยทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น อุณหภูมิห้องเย็นฉ่ำแต่กลับมีเหงื่อเปียกชื้นผุดซึมตามกรอบหน้า เรื่องเมื่อครู่ยิ่งตอกย้ำว่าระหว่างเราไม่ใช่พี่สาวน้องชายกันอีกแล้ว มันมีเส้นบาง ๆ คาบเกี่ยวกันอยู่ในแง่ของชายหญิง
และฉันก็อดที่จะกลัวใจไทขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ…
แต่ไทเป็นหนุ่มแล้ว และโตเต็มที่แบบที่เจ้าตัวคุยโว นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าผ่านผู้หญิงมากี่คน… ในขณะที่ตัวฉันเองยังเป็นเด็กที่ก็คงโตแค่อายุอย่างที่น้องมันบอกที่สำคัญ… ไทเป็นผู้ชาย…
แต่เหตุการณ์ก็ดำเนินต่อไปไม่ได้มีการสัมผัสใกล้ชิดกันเกิดขึ้นอีก เว้นแค่สายตาเราทั้งคู่ที่เอาแต่สลับกันแอบมองอีกฝ่าย และก็มีหลายจังหวะที่ได้สบตากันจัง ๆ มันก็คงจะดีถ้าเกิดว่าเราไม่พากันหลบสายตาแล้วหันหน้าหนีไปคนละทิศละทาง
RRRR
เสียงเรียกเข้าจากวิดีโอคอลดังขึ้น ฉันยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองก็พบว่าเป็นบาสที่โทรเข้ามาเหมือนทุกวันที่ไม่ได้เจอกัน ไทไม่ได้หันมามองเจ้าตัวกำลังนั่งยอง ๆ กรีดวอลล์เปเปอร์แผ่นสุดท้ายอยู่ตรงกลางห้อง และเพราะไม่ได้คิดอะไรทำให้ฉันตัดสินใจกดรับสายแฟนตัวเอง
“อือ… ว่าไงบาส”
‘เจ๊ทำอะไรครับ? กินข้าวรึยัง?’
ใบหน้าหล่อยิ้มหวานส่งมาให้ผ่านหน้าจอ ในขณะที่ฉันพยายามไปยืนหลบมุมหันหลังให้ประตูห้องนอนเพื่อที่คนในสายจะได้มองไม่เห็นสภาพห้องนอนที่ไม่ใช่ของฉันอย่างที่เคย
“อีกสักพัก… บาสอยู่ไหน?” ฉันเลิกคิ้วถามบ้างเมื่อเห็นว่าด้านหลังของเจ้าตัวดูเหมือนจะเป็นเลาจน์โรงแรม
‘ผมมารับเพื่อนจะไปเที่ยวกัน’
“เที่ยวทุกวันเลย… พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเหรอ?”
‘ตื่นไปเรียนได้ไม่ต้องห่วง นี่ใคร?’ คนหล่อยิ้มกว้างจนฉันหลุดยิ้มตามไปด้วยกับนิสัยที่ก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าจริง ๆ ถึงบาสจะเที่ยวแทบทุกคืน แต่การเรียนก็ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“มีอะไรรึเปล่า…” ฉันเอ่ยถามเข้าประเด็น เพราะเห็นไทชำเลืองมองมาเงียบ ๆ
‘ไม่มีอะไรหรอก… คิดถึง…’
“…”
‘อยากกอด’
คนในสายกระซิบบอกพร้อมทั้งยิ้มกว้าง แต่เพราะฝั่งฉันมันเงียบมากทำให้อีกคนได้ยินคำที่บาสพูดไปด้วย ไทชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง แต่ฉันเองที่ลุกลี้ลุกลนจนพูดตะกุกตะกักออกไป
“จะ… เจ๊ก็คิดถึง แต่ไว้ค่อยคุยนะ จะไปอาบน้ำ”
‘อืม… งั้นฝันดีล่วงหน้านะครับเจ๊นา รักเจ๊นะ’
“อือ รักเหมือนกัน”
ปลายสายตัดไปแล้ว แต่ฉันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นที่มีคนอื่นได้ยินบทสนทนาแบบที่คู่รักเขาคุยกัน ไทผุดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมวอลล์เปเปอร์ชิ้นสุดท้ายที่ตัดเสร็จแล้วหันมาพยักหน้าเรียก
“นาติดตรงนี้ให้หน่อย มือนาเล็กกว่าน่าจะติดง่าย”
“อือ ๆ”
ฉันโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงเดินเข้าไปหาร่างสูงที่อยู่ตรงมุมสุดของห้อง เพราะชั้นวางของติดผนังมีช่องด้านหลังที่มีระยะห่างจากกำแพงแค่เล็กน้อยทำให้ฉันต้องไปช่วยติด ยังไงข้อแขนฉันก็น่าจะสอดเข้าไปได้ ในขณะที่แขนแบบผู้ชายซึ่งมีเส้นเลือดปูดโปนเต็มไปหมดแบบไทไม่น่าจะเหมาะเท่าไร
แต่เพราะต้องยื่นแขนเข้าไปด้านในทำให้ฉันต้องตะแคงตัวเข้าไปใช้ความรู้สึกสัมผัสเอา โดยที่หันหน้าออกมาลำตัวด้านหน้าแนบสนิทชิดกับผนัง
“ไทมองให้”
ร่างสูงของไทเดินมาเบียดยืนอยู่ข้างกัน ชะโงกข้ามหัวไปมองด้านหลังของชั้นวางของพร้อมทั้งกำกับว่าฉันจะต้องขยับมือขึ้นหรือลง
และตอนนี้… กลิ่นน้ำหอมของคนตรงหน้าทำให้ฉันถึงกับต้องกลั้นหายใจ แผงอกของไทเบียดมาที่ใบหน้าฉันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่ได้สนใจทำเพียงแค่อยากให้ไอ้
วอลล์เปเปอร์เฮงซวยนี่ติดให้ตรง แต่ฉันกลับรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทั้งอย่างนั้นรู้สึกว่ามันใกล้เกินไป…
“ได้แล้วนา”
“อือ”
เราสองคนสบตากันในจังหวะที่ไทขยับตัวออกเล็กน้อย สายตานิ่งสนิทก้มมามองกันโดยปราศจากคำพูด ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจรู้ได้ ลูกกระเดือกคนตรงหน้าขยับเล็กน้อยเหมือนกำลังกลืนน้ำลาย มือฉันเลื่อนออกมาจากหลังชั้นวางของช้า ๆ หลุบตาลงต่ำ ในขณะเดียวกันไทก็ถอยห่างออกไปเม้มริมฝีปากเบนสายตามองไปทางอื่น
ระยะห่างระหว่างเราแคบลงไปอีกขั้น… แต่แคบลงแบบนี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดีหรือมันไม่ดี…
CRUSH ON YOUCHAPTER 4 หลายวันต่อมา กิจวัตรประจำวันของฉันดำเนินไปอย่างปกติสุขที่สุด ช่วงนี้งานน้อยไม่ได้หนักหนาอะไรเหมือนเคย พอเลิกงานก็รอบาสมารับ ก็จะมีบ้างที่ไปกินข้าวดูหนังไม่ก็เดินเล่นกัน แต่ระยะหลังมานี้บาสก็ดูแปลกไปนิดหน่อย เจ้าตัวไม่ค่อยโทรมาตอนดึก ๆ ซึ่งปกติก็จะโทรมาบอกฝันดีบ้างอะไรบ้าง แต่หลายวันก็ไม่ได้โทรมา แต่เพราะฉันโตแล้วเลยไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไรให้มาก ก็แค่อยากทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่นั่นแหละจะได้ไม่น่ารำคาญ… แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันก็ตรงที่ฉันนั่งรอบาสมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มา โทรไปก็ไม่รับสาย ทักแชตไปก็ไม่ตอบ และเพราะเหตุการณ์นี้มันไม่เคยเกิดขึ้นทำให้ฉันเลือกที่จะนั่งรอ รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจว่าควรจะกลับเอง แต่ปัญหาก็คือออฟฟิศฉันมันอยู่ลึกเข้ามาในซอยเปลี่ยวเพราะทำเกี่ยวกับโลจิสติกส์ การมีรถคอนเทนเนอร์เลยต้องเลือกทำเลที่ห่างไกลจากผู้คนไม่น้อย และปกติฉันก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่จะกลับบ้านเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมี… อย่างที่ไทบอกนั่นแหละ ว่าแถวนี้กระทั่งดีลิเวอรียังแทบไม่รับงานเลยถ้ามัน
CRUSH ON YOUCHAPTER 5 ตกเย็น หลังจากเมื่อเช้าทำอาหารให้ไทกินเสร็จ เด็กนั่นก็ไม่ได้มาก่อกวนอะไรกลับเข้าบ้านไปเงียบเชียบเหมือนว่าจะไปนอน เพราะคืนนี้จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนฉันเองก็ทำกิจกรรมที่ตัวเองตั้งใจไว้จนเสร็จ แต่พอจะอาบน้ำเตรียมตัวนอนก็มีสายเรียกเข้าหน้าจอโชว์เบอร์ที่ระบุว่าเป็นแฟนของฉันเอง “อือ” ‘วันนี้เจ๊ว่างไหม?’ “ก็ว่างจนจะหมดวันแล้วเนี่ย” ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ ปลายสายเองก็หัวเราะเหมือนกัน ‘เพื่อนผมอยากเจอ ออกมาเที่ยวได้ไหม?’ “…” ฉันเม้มริมฝีปากคิดหนัก เพื่อนเขาก็คือแก๊งที่เที่ยว ๆ กันอยู่ทุกคืนนั่นไง ‘เจ๊ไม่เคยออกมาเที่ยวกับผมเลย ลองมาไหม?’ “แต่ว่าเจ๊…” ‘มาเถอะน่า… เปิดหูเปิดตา’ “พรุ่งนี้เจ๊ทำงานนะ” ‘อืม… เที่ยงคืนกลับก็ได้’ “เอาจริงเหรอ? เจ๊ไม่มีชุดแบบนั้นเลย” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าการไปเที่ยวกลางคืนจะให้ใส่เสื้อผ้าเป็นแม่ชีแบบที่ฉันมีก็กระไรอยู่ ‘ไม่เป็นไรหรอกมาเถอะ ผมอยากเจอด้วย’ “…” ‘นะ ๆ ๆ ๆ ๆ’ “อือ จะ
CRUSH ON YOUCHAPTER 123.30 น. “พรุ่งนี้ผมไปรับเจ๊ที่ออฟฟิศนะ” “อือ” “แล้วเรา… ไปต่อกันดีไหม?” “…” ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่โดนสายตาคาดหวังมองกันมาเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พูดเรื่องทำนองนี้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดไปทุกส่วนมองกันอยู่อึดใจก็หันกลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ เครื่องปรับอากาศบนรถเย็นฉ่ำแต่ฉันกลับมีเหงื่อผุดซึมที่กรอบหน้าเพราะความประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากไปกว่านี้ ฉันเลยจำใจต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป “เจ๊ว่าเราไปดูหนังต่อก็ได้…” “อืม… โอเค…” คนข้าง ๆ หันมาฝืนยิ้มให้กันอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางรั้วบ้านที่ปิดสนิทอยู่ ถึงแม้ว่าบทสนทนาในวันนี้จะจบลงด้วยบรรยากาศอึมครึมเหมือนเคย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องที่อีกคนคาดหวัง และเจ้าตัวเองก็คงจะไม่อยากพูดเหมือนกัน “เข้าบ้านเถอะเจ๊” “อือ กลับบ้านดี ๆ นะ” “ครับผม” คนเป็นแฟนคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่ราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนระหว่างเร
CRUSH ON YOUCHAPTER 2วันต่อมา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฉันต้องเรียกช่างมาเปลี่ยนผ้าม่านแทบจะในทันทีที่สามารถเรียกได้ และในช่วงเที่ยงของวันผ้าม่านเก่าก็ถูกพับเก็บเรียบร้อย ห้องนอนฉันกลายเป็นผ้าม่านแบบทึบแสงแทน เมื่อก่อนเราสนิทกันก็จริง แต่ตอนนี้เรามีระยะห่างพอสมควร ทั้งฉันเองก็โตขึ้น ส่วนไทเองไม่ต้องพูดถึง เขาอยู่ในวัยที่กำลังกลัดมัน เรื่องผู้หญิงคงจะแพรวพราวน่าดู และยิ่งสายตารวมถึงรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปทำให้ฉันต้องคิดใหม่ว่าไท… ไม่ใช่แค่น้องชายข้างบ้านอีกต่อไป เขาหล่อ สูง ดูดี เซ็กซ์แอปเพียลสูงขนาดนั้น… เทียบกับฉันที่แม้จะอายุมากกว่าแล้วมันคนละเรื่องกันเลย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยมีแฟนแค่คนเดียว ซ้ำยังไม่เคยไปถึงขั้นนั้น แต่คงไม่ใช่กับไทหรอก… แค่มองก็รู้แล้วว่าน้องมันเป็นเสือผู้หญิง ไทดูแพรวพราวมากจริง ๆ วันนี้ก็เหมือนทุกวันฉันทำงานเสร็จก็นั่งรอบาสมารับหลังเลิกงาน เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งเท่าไรฉันเลยได้งานง่าย ๆ ที่แม่กับพ่อฝากฝังกับคุณลุงไกรสรเพื่อนของพวกท่านเอาไว้ เรื่องงานเลยไม่ใช่อะไรที่น่าปวดหัวสักเท่าไรสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเก่งแบบฉ
CRUSH ON YOUCHAPTER 5 ตกเย็น หลังจากเมื่อเช้าทำอาหารให้ไทกินเสร็จ เด็กนั่นก็ไม่ได้มาก่อกวนอะไรกลับเข้าบ้านไปเงียบเชียบเหมือนว่าจะไปนอน เพราะคืนนี้จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนฉันเองก็ทำกิจกรรมที่ตัวเองตั้งใจไว้จนเสร็จ แต่พอจะอาบน้ำเตรียมตัวนอนก็มีสายเรียกเข้าหน้าจอโชว์เบอร์ที่ระบุว่าเป็นแฟนของฉันเอง “อือ” ‘วันนี้เจ๊ว่างไหม?’ “ก็ว่างจนจะหมดวันแล้วเนี่ย” ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ ปลายสายเองก็หัวเราะเหมือนกัน ‘เพื่อนผมอยากเจอ ออกมาเที่ยวได้ไหม?’ “…” ฉันเม้มริมฝีปากคิดหนัก เพื่อนเขาก็คือแก๊งที่เที่ยว ๆ กันอยู่ทุกคืนนั่นไง ‘เจ๊ไม่เคยออกมาเที่ยวกับผมเลย ลองมาไหม?’ “แต่ว่าเจ๊…” ‘มาเถอะน่า… เปิดหูเปิดตา’ “พรุ่งนี้เจ๊ทำงานนะ” ‘อืม… เที่ยงคืนกลับก็ได้’ “เอาจริงเหรอ? เจ๊ไม่มีชุดแบบนั้นเลย” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าการไปเที่ยวกลางคืนจะให้ใส่เสื้อผ้าเป็นแม่ชีแบบที่ฉันมีก็กระไรอยู่ ‘ไม่เป็นไรหรอกมาเถอะ ผมอยากเจอด้วย’ “…” ‘นะ ๆ ๆ ๆ ๆ’ “อือ จะ
CRUSH ON YOUCHAPTER 4 หลายวันต่อมา กิจวัตรประจำวันของฉันดำเนินไปอย่างปกติสุขที่สุด ช่วงนี้งานน้อยไม่ได้หนักหนาอะไรเหมือนเคย พอเลิกงานก็รอบาสมารับ ก็จะมีบ้างที่ไปกินข้าวดูหนังไม่ก็เดินเล่นกัน แต่ระยะหลังมานี้บาสก็ดูแปลกไปนิดหน่อย เจ้าตัวไม่ค่อยโทรมาตอนดึก ๆ ซึ่งปกติก็จะโทรมาบอกฝันดีบ้างอะไรบ้าง แต่หลายวันก็ไม่ได้โทรมา แต่เพราะฉันโตแล้วเลยไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไรให้มาก ก็แค่อยากทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่นั่นแหละจะได้ไม่น่ารำคาญ… แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันก็ตรงที่ฉันนั่งรอบาสมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มา โทรไปก็ไม่รับสาย ทักแชตไปก็ไม่ตอบ และเพราะเหตุการณ์นี้มันไม่เคยเกิดขึ้นทำให้ฉันเลือกที่จะนั่งรอ รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจว่าควรจะกลับเอง แต่ปัญหาก็คือออฟฟิศฉันมันอยู่ลึกเข้ามาในซอยเปลี่ยวเพราะทำเกี่ยวกับโลจิสติกส์ การมีรถคอนเทนเนอร์เลยต้องเลือกทำเลที่ห่างไกลจากผู้คนไม่น้อย และปกติฉันก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่จะกลับบ้านเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมี… อย่างที่ไทบอกนั่นแหละ ว่าแถวนี้กระทั่งดีลิเวอรียังแทบไม่รับงานเลยถ้ามัน
CRUSH ON YOUCHAPTER 3วันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้าเพราะต้องมาให้อาหารจัมโบ้ที่บ้านข้าง ๆ และดูเหมือนว่าคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์จะไม่อยู่กันอย่างที่ไทบอกจริง ๆ ถุงกอล์ฟที่มักจะเห็นวางอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านเป็นประจำหายไป เดาว่าพวกท่านคงจะพากันไปเที่ยวสองคนเหมือนอย่างเคย ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บกวาดหน้าบ้านพวกท่านที่ตอนนี้มีใบไม้จากต้นมะม่วงร่วงกราวอยู่เต็มพื้นคอนกรีต ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน หันไปมองก็พบว่าตอนนี้ไทตื่นแล้ว สภาพหัวยุ่งนิด ๆ เรือนผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง นัยน์ตาหรี่มองมาเหมือนแสบตากับแสงสว่างจ้าในตอนเช้า ร่างสูงเดินออกมาหาพร้อมทั้งขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าฉันกำลังกวาดใบไม้ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวแบบมีด้าม ฉันทำเป็นไม่สนใจเรือนร่างโตเต็มวัยของน้องที่ตอนนี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดดีไม่ได้ โอเค… ฉันเวอร์จิ้นก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาโนเนะไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงก็อายุตั้งยี่สิบหกเข้าไปแล้ว “นาไม่ไปแต่งตัวอะ? จะไปแล้วเนี่ย” “ก็แต่งแล้วนี่ไง… ไทนั่นแหละทำไมไม่อาบน้ำอีก?” ฉันหยุดกวาดพื้นแล้วหันกลับไปมองสภาพเจ้าตัวในก
CRUSH ON YOUCHAPTER 2วันต่อมา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฉันต้องเรียกช่างมาเปลี่ยนผ้าม่านแทบจะในทันทีที่สามารถเรียกได้ และในช่วงเที่ยงของวันผ้าม่านเก่าก็ถูกพับเก็บเรียบร้อย ห้องนอนฉันกลายเป็นผ้าม่านแบบทึบแสงแทน เมื่อก่อนเราสนิทกันก็จริง แต่ตอนนี้เรามีระยะห่างพอสมควร ทั้งฉันเองก็โตขึ้น ส่วนไทเองไม่ต้องพูดถึง เขาอยู่ในวัยที่กำลังกลัดมัน เรื่องผู้หญิงคงจะแพรวพราวน่าดู และยิ่งสายตารวมถึงรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปทำให้ฉันต้องคิดใหม่ว่าไท… ไม่ใช่แค่น้องชายข้างบ้านอีกต่อไป เขาหล่อ สูง ดูดี เซ็กซ์แอปเพียลสูงขนาดนั้น… เทียบกับฉันที่แม้จะอายุมากกว่าแล้วมันคนละเรื่องกันเลย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยมีแฟนแค่คนเดียว ซ้ำยังไม่เคยไปถึงขั้นนั้น แต่คงไม่ใช่กับไทหรอก… แค่มองก็รู้แล้วว่าน้องมันเป็นเสือผู้หญิง ไทดูแพรวพราวมากจริง ๆ วันนี้ก็เหมือนทุกวันฉันทำงานเสร็จก็นั่งรอบาสมารับหลังเลิกงาน เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งเท่าไรฉันเลยได้งานง่าย ๆ ที่แม่กับพ่อฝากฝังกับคุณลุงไกรสรเพื่อนของพวกท่านเอาไว้ เรื่องงานเลยไม่ใช่อะไรที่น่าปวดหัวสักเท่าไรสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเก่งแบบฉ
CRUSH ON YOUCHAPTER 123.30 น. “พรุ่งนี้ผมไปรับเจ๊ที่ออฟฟิศนะ” “อือ” “แล้วเรา… ไปต่อกันดีไหม?” “…” ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่โดนสายตาคาดหวังมองกันมาเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พูดเรื่องทำนองนี้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดไปทุกส่วนมองกันอยู่อึดใจก็หันกลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ เครื่องปรับอากาศบนรถเย็นฉ่ำแต่ฉันกลับมีเหงื่อผุดซึมที่กรอบหน้าเพราะความประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากไปกว่านี้ ฉันเลยจำใจต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป “เจ๊ว่าเราไปดูหนังต่อก็ได้…” “อืม… โอเค…” คนข้าง ๆ หันมาฝืนยิ้มให้กันอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางรั้วบ้านที่ปิดสนิทอยู่ ถึงแม้ว่าบทสนทนาในวันนี้จะจบลงด้วยบรรยากาศอึมครึมเหมือนเคย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องที่อีกคนคาดหวัง และเจ้าตัวเองก็คงจะไม่อยากพูดเหมือนกัน “เข้าบ้านเถอะเจ๊” “อือ กลับบ้านดี ๆ นะ” “ครับผม” คนเป็นแฟนคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่ราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนระหว่างเร