บนเกาะแห่งหนึ่งเราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเกาะที่เป็นแหล่งดำน้ำ ที่นี่สวยมาก แถมยังสงบอีกด้วย นักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะ มันให้บรรยากาศที่ดีที่สุดจริงๆ แต่ฉันนี่สิ ตั้งแต่มาถึงทะเลยังไม่ได้เหยียบน้ำทะเลเลยด้วยซ้ำ ฉันถอนหายใจเบาๆ แล้วมองไปที่ทะเลที่สวยงามตรงหน้า มันช่างน่าเย้ายวนใจจริงๆ“ไปดำน้ำกัน” เรย์ที่เดินมาจากไหนไม่รู้ก็มาชวนฉัน ขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเปลที่ผูกอยู่กับต้นไม้“นายก็เห็นมั้ย เท้าฉันยังไม่หายเลยด้วยซ้ำ” ฉันตอบพลางมองแผลที่เท้าตัวเอง ถึงจะอยากลงน้ำแค่ไหน แต่กลัวแผลจะติดเชื้อก็ไม่คุ้ม“ไม่เป็นไรหรอก ลงไปดำแป๊บเดียว” เรย์ยังคงโน้มน้าว“บนเรือมีหมอ ไม่ต้องกลัวหรอกไปเร็ว” เขาเสริมอีก ทำให้ฉันแปลกใจว่าบนเรือมีหมอมาด้วย“ถ้ามีหมอมาด้วย หมอก็ต้องด่าฉันสิ” ฉันตอบกลับอย่างลังเล คิดแล้วก็รู้สึกเหมือนจะโดนดุโตจนป่านนี้แล้ว ยังจะอยากลงน้ำทั้งๆ ที่มีแผลอยู่“ก็ลองด่าดูสิ ไปเถอะ ฉันจัดการเอง”“แต่…”“ไม่แต่..ถ้าไม่ไป ฉันไปพาสาวๆ พวกนั้นไปด้วยนะ” เขาขู่ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เหอะ!!“ไป!!” ฉันรีบตอบรับเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว“รีบเชียวนะ กลัวฉันไปหาสาวๆ พวกนั้นเหรอ”“ไม่ได้กลัว ฉันแค่อยากไปดำน้
Ray Partตั้งแต่กลับมาจากทะเล ผมก็จัดการขนย้ายข้าวของของฟ้ามาอยู่ที่คอนโดผม ถามว่าเธอยอมเหรอ? บอกเลยว่าไม่ครับเป็นผมบังคับมา ส่วนเรื่องไอ้เพื่อนตัวดีของผม ผมยังโมโหมันไม่หาย รู้ทั้งรู้ว่าปรางว่ายน้ำไม่เป็น แต่ดันผลักเขาตกน้ำแล้วยังยืนดูเฉยๆ มันเลวจริงๆ“กาแฟได้แล้วค่า~ เจ้านาย” เสียงเล็กๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ก่อนที่เธอจะวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ“ขอบใจ” ผมพูดพร้อมกับยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบแค่กๆ แหวะ! รสชาติหวานจนแทบสำลัก“นี่เธอใส่น้ำตาลทั้งโรงงานเลยหรือไง” กาแฟบ้าบออะไร หวานยิ่งกว่ากินน้ำตาลซะอีกกะจะให้ผมเป็นเบาหวานตายเลยหรือไง“ฉันเห็นว่ามันขมอยู่ เลยใส่ๆ ไป มันก็ไม่ได้แย่นะ” เธอพูดด้วยท่าทีที่เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมรู้ดีว่าเธอแกล้ง“เหรอ” ผมเดินถือถ้วยกาแฟบ้านั้นไปหาเธอที่นั่งเล่นเกมอยู่บนโซฟา“งั้นกินให้ดูหน่อย” หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง“มะ...ไม่เอา ฉันไม่ชอบกินกาแฟ” เธอรีบปฏิเสธแล้วเอามือปิดปากตัวเองทันที“กิน! เดี๋ยวนี้!” ผมสั่งอย่างจริงจัง พร้อมยื่นถ้วยกาแฟให้เธอคนตัวเล็กทำหน้าตาเลิ่กลั่กสายตาหลุกหลิกอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะยื่นมือมารับถ้วยกาแฟจากมือผมไปอย่างไม่เต็มใจ แล้วเธ
คอนโดฉันกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมของทำอาหาร ก็แต่ละเมนูที่เขาคิดมาให้ทำนี่เล่นเอาฉันปวดหัวไม่น้อย“ฉันช่วยไหม?” เขาถามด้วยท่าทางที่ดูอยากช่วยจริงๆ“งั้นเอานี่ไปล้าง แล้วก็อันนี้ด้วย” ฉันยื่นของให้เขาอย่างรวดเร็วเขารับไปล้างตามที่บอก แต่พอดูผลงานการล้างผักของเขาแล้ว ฉันก็อดถอนหายใจไม่ได้ มันช้ำจนฉันไม่คิดว่าจะเอามาทำกินได้“ไปนั่งเลยไป ฉันทำเองดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ” ฉันชี้ไปที่โซฟาหน้าทีวี บอกให้เขาไปนั่งรอ“ก็บอกแล้วว่าจะช่วยทำไง” เขายังยืนกรานอยู่“เอาเถอะ เอาที่นายสบายใจ”ฉันตั้งใจทำกับข้าวอย่างสุดฝีมือ คนเดียว! แต่ทุกอย่างก็เละเทะเพราะเขาคอยเข้ามายุ่งไม่หยุด“อันนี้ทำแบบนี้ใช่ไหม” นี่ทำมาแล้วสองสามอย่าง ไม่สำเร็จสักอย่าง แค่ให้ตอกไข่ไก่ยังทำไม่เป็น ฉันละปวดหัวจริงๆ“ฉันว่าสั่งอาหารดีกว่าไหม” ฉันเหนื่อยที่จะทำแล้วจริงๆ ส่วนผสมต่างๆ เขาทำเสียหายไปเกือบหมด หิวก็หิว ฉันไม่ไหวแล้ว“โอเค อยากกินอะไร สั่งเลย” เขายื่นโทรศัพท์ให้ฉันพร้อมกับยิ้มแห้งๆ“เป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันถามหลังจากจัดการสั่งอาหารเสร็จ แล้วเดินเข้าห้องเตรียมจะอาบน้ำ“เปล่า” เขาตอบ แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่“เปล่าที่ไหน เห็นชัดๆ
แอ๊ด~ในที่สุดประตูก็เปิดออก ผมมองเห็นฟ้ายืนอยู่ตรงหน้า“ไปกินข้าวกัน” ผมเอ่ยขึ้นทันที“ไม่ไป ฉันอิ่มแล้ว” เธอตอบกลับมาเสียงเบา รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเธอยังไม่ดีขึ้น“แต่ฉันยังไม่ได้กิน ไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อย”“นายก็ชวนน้องฟางข้าวมากินด้วยกันสิ” ฟ้าพูดพร้อมกับเหลือบตามองผ่านผมไปทางด้านหลัง ดูเหมือนเธอจะเห็นยัยฟางข้าวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น“ไม่ กินไม่ลงแล้ว มาเร็วๆ” ผมพยายามตัดบท ก่อนจะหันไปทางฟ้า“พี่เรย์คะ จะให้ฟางข้าวนอนไหนคะ” ฟางข้าวที่ยังไม่เลิกยุ่งถามขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมอดหงุดหงิดไม่ได้“แม่บอกให้เธอนอนในห้อง ไม่ได้ยินหรือไง”“ได้ยินค่ะ แต่คุณป้าบอกให้ฟางข้าวนอนกับพี่เรย์ และให้พี่เรย์พาไปทานข้าวด้วยนะคะ”“จะอะไรนักหนาว่ะ! มีมือมีเท้าก็ไปหากินเองสิ” ผมพูดออกมาอย่างเหลืออด แม้ว่าภายนอกฟางข้าวจะดูใสๆ เรียบร้อย แต่ผมรู้ดีว่าลึกๆ แล้วเธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่ผมเคยเจอมา แต่เสียใจด้วยนะ ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว คนที่ผมสนใจมีเพียงคนเดียว คือฟ้าตรงหน้านี่แหละ!“นาย ว่าน้องเขาแรงไปมั้ยอ่ะ” ฟ้าที่ดูเหมือนจะสงสารฟางข้าวถามผมขึ้นมาหลังจากที่เธอเดินเข้าห้องไป“เธอรู้จักยัยฟางข้าวนั้นน้อยไป” ผมตอบพลา
แอ๊ดดด~ผมเปิดประตูเข้าห้อง แต่กลับพบว่าทุกอย่างเงียบกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนไม่มีใครอยู่เลย“ฟ้า?” ผมเรียกเธอแต่ไม่มีเสียงตอบรับ“ฟ้า! เธออยู่ไหน ฟ้า!” ผมเดินตามหาเธอไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอ ฟ้าหายไปไหนโดยไม่บอกผมเลยไม่ใช่แค่ฟ้าที่หายไป ยัยฟางข้าวก็ไม่อยู่ด้วย มันเริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วสิครืด ครืดก่อนที่ความคิดจะวนเวียนไปไกล โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น“ครับแม่”“กลับจากที่ทำงานหรือยังลูก?” แม่ถามเสียงนุ่มนวล“ครับ เพิ่งกลับมาถึงคอนโด”“วันนี้กลับมาทานข้าวกับแม่ที่บ้านหน่อยนะ พ่อเราก็ไม่อยู่ บินไปดูงานที่ต่างประเทศ” พ่อก็ไปต่างประเทศบ่อย แต่ทำไมแม่ต้องโทรมาตอนนี้ด้วย จะเที่ยงคืนแล้ว แถมยังชวนไปกินข้าวที่บ้านอีก“ไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับแม่ วันนี้ผมเหนื่อยๆ”“วันนี้แหละลูก แม่ยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ มาทานข้าวกับแม่หน่อย แม่ทานคนเดียวไม่อร่อย” แม่พูดน้ำเสียงที่ผมปฏิเสธไม่ลง“เอ่อ...ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมรีบไป”“จ้าๆ ลูก รีบๆ มานะ”พอวางสายจากแม่ผมก็กดต่อสายหาฟ้าทันที...“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...” ปิดเครื่อง!?ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังไม่กลับห้อง! กลับ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นกองทัพ เพื่อนสนิทของฉันเอง“ทัพ!” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ"นี่ฟ้ามาทำอะไรแถวนี้เนี่ย?" กองทัพทักฉันอย่างแปลกใจเมื่อเราเจอกันโดยบังเอิญ"เรื่องมันยาวนะ ไว้เปิดเทอมจะเล่าให้ฟังนะ แล้วทัพล่ะ มาทำอะไรแถวนี้?""พอดีผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาหาเพื่อนหน่อยน่ะ" กองทัพตอบพร้อมรอยยิ้ม เขาดูเป็นมิตรและเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ แม้ว่าเขาจะเคยถูกมองว่าไม่น่าไว้ใจ แต่สำหรับฉัน กองทัพยังคงเป็นคนดีและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน"อ๋อ""แล้วนี่ฟ้าจะไปไหน ให้เราไปส่งมั้ย?" กองทัพเสนอความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้น"ไม่เป็นไรๆ เราไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันตอนเปิดเทอม" ฉันบอกเขาพร้อมกับยิ้มอีกครั้ง"โอเคๆ ไว้เจอกันนะ" กองทัพตอบรับและเราก็แยกย้ายกันไปคนละทางตอนแรกฉันตั้งใจจะหางานแถวๆ หอพัก แต่ดันไม่มีที่ไหนรับพนักงานพาร์ทไทม์เลย เดินหางานมาตลอดทั้งวันก็ยังไม่ได้ รู้สึกว่าช่วงนี้หางานยากจังเลย"สวัสดีค่ะ พอดีว่าฉันเห็นป้ายประกาศรับสมัครพนักงานเสิร์ฟ ไม่ทราบว่ายังรับอยู่มั้ยคะ?" ฉันถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ของร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง"อ๋อค่ะ ถ้าสนใจเชิญกรอกใบสมัครได
ฉันเอ่ยเสียงเบาไม่นึกว่าจะเจอกับเขา“มีเรื่องจะคุยด้วย” พูดจบ เขาก็เดินเข้ามาจับมือฉันและพาเดินไปที่ไหนสักแห่ง ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังพาไปไหน แต่เราก็เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงลานจอดรถของห้างนั่นเอง“เธอหายไปไหนตั้งอาทิตย์หนึ่ง? ฉันตามหาแทบแย่ แต่ก็ไม่เจอ!” เสียงเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ชัดเจน แต่ฉันเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี จะบอกเขายังไงละ… ฉันไม่ได้อยากหายไปแบบนี้เลย“…”“แล้วทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ด้วย? ฉันเคยบอกแล้วไงว่าไม่ให้ทำ” เขาถามเสียงเข้ม ฉันตอบกลับไปทันที เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าฉันไม่ได้รวยเหมือนเขา ที่จะมีเงินให้ใช้จ่ายได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องทำงาน“ถ้าฉันไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน จะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าเช่าห้อง!”“ฟ้า…” เขาดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยหลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น“นายกลับไปเถอะนะ” ฉันพูดขอร้องเขาเสียงเบา ดวงตาแสบร้อนไปหมดแล้วตอนนี้“ไม่! ถ้าฉันจะกลับ เธอก็ต้องกลับไปกับฉัน”“ขอร้องเถอะ ถ้าแม่นายรู้เข้า คนที่จะเดือดร้อนคือฉันนะ” ฉันพยายามอธิบายก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่กำลังจะไหลและพยายามแกะมือออกจากมือเขา“ถ้าเธอไม่กลับไปกับฉัน ฉันก็จะมาอยู่กับเธอเอง”“แต่…อื้อ!” ยังไม่ทันที่
เราต่างเงียบกันไปทั้งคู่ เขายังกอดฉันอยู่เหมือนเดิม ส่วนฉันก็นอนพิงอกเขา ฉันจับมือเขาขึ้นมาเล่น เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร“โอ๊ย!”“เจ็บเหรอ เอ่อ…ขอโทษนะ” แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ“เปล่า อ๊ะ ร้องเฉยๆ” ตอบได้กวนจริงๆ“ไอ้บ้า! ตกใจหมด” ฉันหันกลับไปพร้อมกับตีที่อกเขาแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้“แต่ครั้งนี้เจ็บจริงนะ มือเล็กๆ นี่ตีเจ็บเป็นบ้าเลย”“ใครบอกให้นายแกล้งฉันก่อนล่ะ” ฉันพูดพลางหันกลับไปสนใจมือเขาอีกครั้ง“ทำไมนายมือใหญ่จัง” ฉันถามพลางวางมือตัวเองทาบลงบนฝ่ามือของเขา มองด้วยความเหลือเชื่อ ขนาดของฝ่ามือเขาใหญ่เกือบสองเท่าของฉันเลย“ไม่ใช่แค่มือที่ใหญ่ อย่างอื่นก็ใหญ่ด้วย เธอก็เคยพิสูจน์มาแล้ว” เขากระซิบข้างหู ฉันรีบหดคอหนีเพราะรู้สึกสยิวขึ้นมา ก่อนจะดึงมือออกทันที“ทะลึ่ง!”“หึ ๆ”ฉันชอบจังเวลาที่ได้อยู่กับเขาแบบนี้ ฉันมีความสุขมาก แต่ความสุขที่เคยอบอวลอยู่รอบตัวฉันเหมือนถูกฉุดดึงหายไปในพริบตา เมื่อสายตาของฉันจ้องมองไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา ซึ่งมีแหวนวงเล็กๆ สวมอยู่ ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขาที่เคยทำให้หัวใจฉันเต้นแรง ตอนนี้กลับเย็นชาไปในทันทีหัวใจของฉันเห
“จะกลับบ้านไปอยู่กับแม่ปอง อึก!” เสียงสะอื้นของเธอทำเอาผมเจ็บในใจ“จะกลับได้ไง...”“กลับได้สิ ในเมื่อนายไม่ได้รักฉัน ที่นายอยู่กับฉันก็อาจจะเป็นเพราะแค่ความต้องการ นายคงไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันเจ็บ” เธอพูดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะแย่งพูด“ใครบอกว่าฉันไม่รู้สึก ใครบอกว่าฉันไม่รัก? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้ว่าผมผิดที่ทำให้เธอเข้าใจแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่ๆเธอมองหน้าผมนิ่งๆ ทั้งน้ำตา กัดริมฝีปากแน่น ความเจ็บปวดสะท้อนในดวงตาของเธอ“ฟ้า...ฉันรักเธอนะ” ผมพูดออกไปในที่สุด ทั้งหมดที่อยู่ในใจมันถูกปลดปล่อยออกมาเสียที ผมยอมเธอมาตั้งนานแล้ว ยอมที่จะรักเธออย่างหมดหัวใจ และตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องพูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจน“ขอโทษ... ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโทษที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะทำผิด” คำขอโทษที่ผมไม่เคยคิดจะพูดกับเธอ มันออกมาจากปากผมแล้วตอนนี้ ด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ในใจมาตลอด ความรู้สึกผิดที่ก่อตัวอยู่ในใจผมมันหนักอึ้งมาตลอด ผมรู้ตัวว่าตัวเองพลาด ผิดที่ทำให้เธอเจ็บ ผิดที่ไม่เคยพูดสิ่งที่
“หนูฟ้า มาหาแม่สิลูก” ฟ้าที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่รอช้า เธอลุกจากที่นั่งแล้วเดินมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าแม่ของเรย์อย่างนอบน้อม“อุ๊ย! ขึ้นมานั่งข้างแม่มาสิลูก” แม่ของเรย์พูดด้วยความตกใจเมื่อเห็นฟ้านั่งบนพื้น ก่อนจะจับไหล่บางและพยุงเธอขึ้นมานั่งข้างๆ“แม่ขอโทษนะ ทั้งสองคนเลย” แม่ของเรย์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วหยุดเล็กน้อยเพื่อมองหน้าฟ้า“เอาเป็นว่า...หนูฟ้า มาเป็นลูกแม่อีกคนนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและใจดี ฟ้าที่นั่งเกร็งมาตลอดถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตัน“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฟ้าพูดพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะก้มลงกราบที่อกของแม่เรย์ จากนั้นเธอก็ได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนที่เคยเป็นแม่สามีในความคิด ร่างเล็กของฟ้าสั่นเล็กน้อยด้วยความดีใจ ที่ในที่สุดเธอก็ได้รับการยอมรับพ่อของเรย์และเรย์ที่นั่งมองอยู่ต่างก็โล่งใจ เรย์ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ฟ้ามีเรียน เดี๋ยวจะสาย”“ได้จ้ะลูก วันหลังมาหาแม่นะ มาค้างที่บ้าน เอ่อ...อันที่จริง กลับมาอยู่กันที่บ้านก็ดีนะ” แม่พูดด้วยความอ่อนโยน“เอาไว้ค่อยว่ากันครับแม่ ผมกับน้องขอตัวก่อนน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นมาในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคยของเขา ความสุขมากจนไม่อาจอธิบายได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคงถอนตัวจากเขาไม่ได้ ฉันรักเขาหมดหัวใจ ฉันเงยหน้ามองใบหน้าของเรย์ที่หลับสนิท ขนาดหลับเขายังดูหล่อเหลือเกิน“มองขนาดนั้น ไม่กินฉันเข้าไปเลยล่ะ” เสียงของเขาดังขึ้น ฉันตกใจไม่น้อย“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันถามด้วยความเขิน“ตื่นนานแล้ว ตื่นก่อนจะรู้ว่ามีคนแอบมองตั้งนาน”“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ วันนี้ฉันมีเรียน” ฉันรีบหาข้ออ้าง แอบเขินกับสายตาของเขา“ก็เห็นหลับอยู่เลยไม่อยากกวน”“ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ฉันรีบลุกขึ้น แต่เขากลับพลิกร่างฉันลงบนเตียงแล้วคร่อมไว้ รวบมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นเหนือศีรษะ นัยน์ตาสีดำขลับทอประกายร้อนแรงทำเอาฉันเขินอายไปกับสายตาของเขาจุ๊บ!เขาจูบลงมาที่หน้าผากฉันเบาๆ สัมผัสของเขาทำให้รู้สึกอุ่นซ่านเข้ามาในหัวใจ ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันเขินอายเกินกว่าจะสบตาเขา และเอียงหน้าหนีเขาขำเบาๆ แล้วกดจมูกโด่งลงมาบนแก้มใสหนักๆ แล้วขยี้อย่างมันเขี้ยวทำเอาฉันจั๊กจี้แล้วหัวเราะออกมาเพราะหนวดเคราที่เริ่มขึ้น ฉันยกมือขึ้นดันใบหน้าคมออกหัวเราะไม่หยุดจนน
“น้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน วันนี้คงค้างบ้านเพื่อนเลย” แม่ของพี่เรย์ตอบ แต่นัยน์ตายังคงจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง ยิ่งเห็นพี่เรย์จับมือฉันแน่นไม่ปล่อย สายตาของเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก“แม่ครับ ผมถามอะไรแม่อย่างได้ไหมครับ” พี่เรย์เอ่ยถามเสียงเรียบ“ได้จ้ะ ถามมาเลย” แม่พี่เรย์หันไปมองพี่เรย์แล้วยิ้มออกมา“ถ้าเกิดสมมติว่า...ลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ แอบทำเรื่องไม่ดีลับหลัง แถมยังไปนอนกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆ ที่หมั้นกับผมแล้ว แม่จะทำยังไงครับ?”“ขนาดแกยังนอนกับคนอื่นได้เลย” พอแม่เขาได้ยินสิ่งที่พี่เรย์ถามสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่บอกให้รู้เลยว่าไม่พอใจ พลางหันมามองฉันอย่างตำหนิ ฉันก้มลงมองมือตัวเองรู้สึกถึงความอึดอัดปะทะใบหน้าจนอยากจะลุกออกไปจากตรงนี้แต่พี่เรย์ก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ“มันไม่เกี่ยวกับฟ้า ผมบอกแล้วไงว่าเราเป็นแฟนกัน และผมก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรก แต่แม่ยังจะยอมรับอยู่ไหม ถ้ามันเป็นแบบที่ผมพูด?” เรย์ถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“หนูฟางข้าวไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ แม่รับรองได้ แม่เป็นแม่ แม่ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่แล้
“สวัสดีทุกคน”“อืม /ดีปราง” พี่เตอร์กับพี่เรย์เอ่ยทักทาย“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้และทักทายด้วยรอยยิ้ม พี่ปรางยิ้มตอบกลับอย่างเป็นมิตร แล้วหันไปมองพี่บิลด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก่อนจะพูดขึ้น“ยืมรถหน่อยดิ จะกลับบ้าน”“ไม่มีทาง!” พี่บิลตอบเสียงแข็ง หน้าตาดูไม่พอใจนัก“รถฉันเสีย...”“เรื่องของเธอสิ” พี่บิลยังไม่ทันให้พี่ปรางพูดจบก็สวนขึ้น“โอเค ได้..กลับก่อนนะทุกคน” พี่ปรางตัดบทแล้วเดินออกไปแบบไม่สนใจอะไรอีก“อะไรของพวกมึงนักหนาวะ” พี่เรย์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ฉันเองก็สับสนเหมือนกัน“จะไปไหน?” ฉันถามอย่างงงๆ เมื่อเห็นพี่เรย์ยืนขึ้น“กลับบ้านสิ ลุก!” เขาบอกพร้อมกับดึงให้ฉันลุกแล้วก็จับมือพาฉันออกมาบนรถ“พี่เรย์..จะไม่หายโกรธฉันจริงๆ เหรอ?” ฉันถามเขาขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ มันนานเกินไปแล้วที่เขาทำตัวเย็นชาแบบนี้ มันไม่โอเคเลย“ถ้าไม่หายโกรธ ฉันจะคอยพาไปนั่นไปนี่เหรอ?”“ไม่จริงหรอก การกระทำพี่อาจจะใช่ แต่มันไม่ทั้งหมดไงแล้วคำพูดที่พี่พูดก็ไม่เหมือนเดิม บอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไง” ฉันพูดด้วยความอัดอั้นมองพี่เรย์อย่างมีความหวัง แต่พี่เรย์ก็ยังเงียบพรึบ!ฉันตัดสินใจปืนข้ามไปนั่งบนตักเขา หั
Ray Partหงุดหงิด!! โกรธทั้งโมโห ผมอยากจะฆ่าไอ้บ้านั่นให้ตายตรงนั้นเลย กว่าผมจะรู้ที่อยู่ของมันก็เกือบจะสายเกินไป ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครร่วมมือกับมัน!ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ หวังว่าจะดับไฟความโกรธในใจได้บ้าง ถามว่าผมโกรธมั้ยที่ฟ้าโกหก บอกเลยว่าโกรธมาก แต่ก็ห่วงมากฉิบหายเหมือนกัน ก็แค่บอกผมสักคำว่าจะไปกับมัน ไปงานวันเกิดบ้าๆ อะไรก็ช่าง! แค่บอกให้ผมรับรู้บ้าง ถ้าไม่ได้ไอ้เตอร์ช่วย เธอคงไม่รอดแน่ๆ ผมให้ไอ้เตอร์ไปเค้นถามที่อยู่ของไอ้กองทัพจากเพื่อนมันที่อยู่ในผับของไอ้เตอร์'ถ้ามันไม่บอกก็ฆ่ามันซะ!' นั่นคือสิ่งที่ผมพูดกับไอ้เตอร์ก่อนจะได้ที่อยู่ของกองทัพมา ผมนอนมองฟ้าที่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เดินก้มหน้าไปห้องน้ำ เอ่อ ดี! ไม่คิดจะเล่าอะไรหรือแก้ตัวเลยใช่ไหม?“พี่เรย์ หลับแล้วเหรอคะ” คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้นหลังจากคลานขึ้นมานอนข้างผม หึ! ตั้งแต่ตอนที่ทำผมโกรธก็พูดเพราะขึ้นมาเชียว พี่เรย์เหรอ..น่ารักชะมัด แต่ผมไม่ยอมหายโกรธเธอง่ายๆ แน่ หายโกรธไวเดี๋ยวก็ดื้ออีก อย่างน้อยต้องให้เธอสำนึกก่อน"พี่เรย์.." เพราะเสียงที่ดังคล้ายจะร้องทำให้ใจแข็งไม
แควก!เสียงเสื้อของฉันถูกฉีกขาด ความกลัวเข้ามาแทนที่ กองทัพไม่สนใจคำอ้อนวอนจากปากของฉันเลย กลับทำตัวป่าเถื่อนยิ่งขึ้น ชุดที่ฉันสวมอยู่ถูกฉีกขาดออกจากร่างอย่างไม่ปรานี“ไม่เอาน่า ร้องไห้ทำไม ไหนๆ ก็เคยมาแล้วนี่” กองทัพพูดด้วยน้ำเสียงหืดหาดในลำคอ เขาดูบ้าไปแล้ว“เธอสวยมากเลยนะฟ้า ไม่เสียดายเลยว่ะที่เลี้ยงเธอไว้ ถึงไม่ซิงก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” เขาพูดพร้อมกับก้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอฉัน สัมผัสนั้นทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงจนแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? เขายังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม? ฉันไม่น่าหลงเชื่อคนอย่างเขาเลย สุดท้ายเขาก็เห็นฉันไม่ต่างจากผู้หญิงที่เขาเก็บไว้เล่นสนุก“ไม่! นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! เรย์! เรย์ช่วยฉันด้วย ฮือ... เรย์ นายอยู่ไหน ช่วยด้วย!”ฉันร้องเรียกเรย์ด้วยความสิ้นหวัง ถ้าฉันเชื่อเขาตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ฉันขอโทษที่ไม่ฟังคำเตือนของเขา"กองทัพ… ฮึก! ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกันนะทัพ" ฉันอ้อนวอนพร้อมหันหน้าหนีจากริมฝีปากที่กำลังซุกไซ้ฉัน“เพื่อน? เพื่อนบ้าบออะไร เธอก็แค่คนที่ฉันเก็บไว้เล่นสนุกๆ เท่านั้นแหละ คิดเหรอว่าฉันจะคบผู้หญิงจนๆ
Ray Partจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้อยากทิ้งยัยตัวแสบของผมไว้ที่ห้องคนเดียวเลยนะ แต่ก็พาไปด้วยไม่ได้ เพราะผมต้องกลับไปทานข้าวกับแม่ที่บ้าน และว่าจะเข้าผับต่อ หวังว่าปล่อยให้อยู่คนเดียวคงไม่เป็นไร“มาแล้วเหรอลูก? มาๆ เข้าบ้านก่อน” แม่รีบออกมาต้อนรับทันทีที่ผมลงจากรถ“ครับแม่ วันนี้พ่ออยู่บ้านด้วยใช่มั้ยครับ?”“ใช่จ้ะ”“พี่เรย์ สวัสดีค่ะ! มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนนะคะ” ...ยัยนี้อีกแล้ว! นี่แหละเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน เพราะยัยต้นหญ้านี่ไง!“พ่อครับ สวัสดีครับ” ผมไม่สนใจยัยนั้น แต่หันไปหาพ่อที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขกแทน“สบายดีนะ ไอ้เสือ?”“สบายดีครับ แล้วพ่อช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ” ผมกับพ่อไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรนัก ส่วนมากพ่อจะชอบออกไปกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตีกอล์ฟกันบ้างตามประสา“ก็เรื่อยๆ นะ คนแก่แล้วก็เป็นแบบนี้แหละ” พ่อหัวเราะเบาๆ“ฟางข้าว หนูไปช่วยแม่จัดโต๊ะดีกว่า ให้สองหนุ่มเขาคุยกัน” แม่พูดพร้อมโอบไหล่ฟางข้าว ว่าที่ลูกสะใภ้ที่แม่รักนักหนา“ค่ะ คุณแม่” ฟางข้าวตอบอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเดินตามแม่ไป“แล้วกับหนูฟ้าเป็นไงบ้าง?” พ่อถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่ารู้เรื่องผมทุกอย่าง“ก็ดีครับ แต่จ
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ต้องแรงๆ สิถึงจะมันส์” เขามองฉันอย่างกับจะกลืนกินฉันไปทั้งตัว ตอนนี้เราต่างก็ร่วมรักรุนแรงภายในกระตุกเกร็งเพราะความเสียวที่ไม่อาจทัดทานได้ อารมณ์ราคะที่ครอบงำทำให้ฉันเร่งขย่มเองรัวเร็วไม่แพ้กัน“อ๊ะๆๆ อื้อ! เรย์ เบา..อ๊ะ” เขาเร่งจังหวะตอกสวนระรัว ไม่นานนักเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ดังลั่นห้องไปหมด ฉันร้องครางออกมาด้วยความเสียว สองมือจิกต้นขาแกร่งแน่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยาน“อ๊ะ!! สะ...เสียว”“อืม อ่า..สุดยอดเลยเบบี๋ จุ๊บ”“อื้อ มันเสียวอะ! ชะ...ช่วยเบา อื้อ..เสียว” ฉันบอกเขาพร้อมกับเปลี่ยนไปกอดคอเขา เสียงหวานหลุดออกมาทุกครั้งที่เขากระแทกดุดัน แม้พยายามกลั้นเสียงหวีดร้องแต่มันก็เผลอหลุดออกมาทุกครั้ง พอจะอ้าปากต่อว่ากลับกลายเป็นเสียงหอบกระเส่าน่าอาย"เรย์..ไม่ไหวแล้ว อื้อ.."ฉันร้องขอความเมตตาจนเสียงแหบแห้ง“แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ อ่าส์” เขาจับฉันให้นอนราบลงกับเตียงแทนแล้วก็โถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนตอนนี้ฉันเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า“อ่าส์…เรย์ ขยับแรงๆ กว่านี้หน่อย” ตับ ตับ ตับ!“อ๊ะๆ อื้อ”“อะ! เรย์ มะ...ไม่ไหวแล้ว” ด้วยความเสียวซ่าน ฉันจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อถูกกระทั้