แอ๊ด~ในที่สุดประตูก็เปิดออก ผมมองเห็นฟ้ายืนอยู่ตรงหน้า“ไปกินข้าวกัน” ผมเอ่ยขึ้นทันที“ไม่ไป ฉันอิ่มแล้ว” เธอตอบกลับมาเสียงเบา รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเธอยังไม่ดีขึ้น“แต่ฉันยังไม่ได้กิน ไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อย”“นายก็ชวนน้องฟางข้าวมากินด้วยกันสิ” ฟ้าพูดพร้อมกับเหลือบตามองผ่านผมไปทางด้านหลัง ดูเหมือนเธอจะเห็นยัยฟางข้าวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น“ไม่ กินไม่ลงแล้ว มาเร็วๆ” ผมพยายามตัดบท ก่อนจะหันไปทางฟ้า“พี่เรย์คะ จะให้ฟางข้าวนอนไหนคะ” ฟางข้าวที่ยังไม่เลิกยุ่งถามขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมอดหงุดหงิดไม่ได้“แม่บอกให้เธอนอนในห้อง ไม่ได้ยินหรือไง”“ได้ยินค่ะ แต่คุณป้าบอกให้ฟางข้าวนอนกับพี่เรย์ และให้พี่เรย์พาไปทานข้าวด้วยนะคะ”“จะอะไรนักหนาว่ะ! มีมือมีเท้าก็ไปหากินเองสิ” ผมพูดออกมาอย่างเหลืออด แม้ว่าภายนอกฟางข้าวจะดูใสๆ เรียบร้อย แต่ผมรู้ดีว่าลึกๆ แล้วเธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่ผมเคยเจอมา แต่เสียใจด้วยนะ ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว คนที่ผมสนใจมีเพียงคนเดียว คือฟ้าตรงหน้านี่แหละ!“นาย ว่าน้องเขาแรงไปมั้ยอ่ะ” ฟ้าที่ดูเหมือนจะสงสารฟางข้าวถามผมขึ้นมาหลังจากที่เธอเดินเข้าห้องไป“เธอรู้จักยัยฟางข้าวนั้นน้อยไป” ผมตอบพลา
แอ๊ดดด~ผมเปิดประตูเข้าห้อง แต่กลับพบว่าทุกอย่างเงียบกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนไม่มีใครอยู่เลย“ฟ้า?” ผมเรียกเธอแต่ไม่มีเสียงตอบรับ“ฟ้า! เธออยู่ไหน ฟ้า!” ผมเดินตามหาเธอไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอ ฟ้าหายไปไหนโดยไม่บอกผมเลยไม่ใช่แค่ฟ้าที่หายไป ยัยฟางข้าวก็ไม่อยู่ด้วย มันเริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วสิครืด ครืดก่อนที่ความคิดจะวนเวียนไปไกล โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น“ครับแม่”“กลับจากที่ทำงานหรือยังลูก?” แม่ถามเสียงนุ่มนวล“ครับ เพิ่งกลับมาถึงคอนโด”“วันนี้กลับมาทานข้าวกับแม่ที่บ้านหน่อยนะ พ่อเราก็ไม่อยู่ บินไปดูงานที่ต่างประเทศ” พ่อก็ไปต่างประเทศบ่อย แต่ทำไมแม่ต้องโทรมาตอนนี้ด้วย จะเที่ยงคืนแล้ว แถมยังชวนไปกินข้าวที่บ้านอีก“ไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับแม่ วันนี้ผมเหนื่อยๆ”“วันนี้แหละลูก แม่ยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ มาทานข้าวกับแม่หน่อย แม่ทานคนเดียวไม่อร่อย” แม่พูดน้ำเสียงที่ผมปฏิเสธไม่ลง“เอ่อ...ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมรีบไป”“จ้าๆ ลูก รีบๆ มานะ”พอวางสายจากแม่ผมก็กดต่อสายหาฟ้าทันที...“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...” ปิดเครื่อง!?ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังไม่กลับห้อง! กลับ
ฉันเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นกองทัพ เพื่อนสนิทของฉันเอง“ทัพ!” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ"นี่ฟ้ามาทำอะไรแถวนี้เนี่ย?" กองทัพทักฉันอย่างแปลกใจเมื่อเราเจอกันโดยบังเอิญ"เรื่องมันยาวนะ ไว้เปิดเทอมจะเล่าให้ฟังนะ แล้วทัพล่ะ มาทำอะไรแถวนี้?""พอดีผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาหาเพื่อนหน่อยน่ะ" กองทัพตอบพร้อมรอยยิ้ม เขาดูเป็นมิตรและเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ แม้ว่าเขาจะเคยถูกมองว่าไม่น่าไว้ใจ แต่สำหรับฉัน กองทัพยังคงเป็นคนดีและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน"อ๋อ""แล้วนี่ฟ้าจะไปไหน ให้เราไปส่งมั้ย?" กองทัพเสนอความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้น"ไม่เป็นไรๆ เราไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันตอนเปิดเทอม" ฉันบอกเขาพร้อมกับยิ้มอีกครั้ง"โอเคๆ ไว้เจอกันนะ" กองทัพตอบรับและเราก็แยกย้ายกันไปคนละทางตอนแรกฉันตั้งใจจะหางานแถวๆ หอพัก แต่ดันไม่มีที่ไหนรับพนักงานพาร์ทไทม์เลย เดินหางานมาตลอดทั้งวันก็ยังไม่ได้ รู้สึกว่าช่วงนี้หางานยากจังเลย"สวัสดีค่ะ พอดีว่าฉันเห็นป้ายประกาศรับสมัครพนักงานเสิร์ฟ ไม่ทราบว่ายังรับอยู่มั้ยคะ?" ฉันถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ของร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง"อ๋อค่ะ ถ้าสนใจเชิญกรอกใบสมัครได
ฉันเอ่ยเสียงเบาไม่นึกว่าจะเจอกับเขา“มีเรื่องจะคุยด้วย” พูดจบ เขาก็เดินเข้ามาจับมือฉันและพาเดินไปที่ไหนสักแห่ง ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังพาไปไหน แต่เราก็เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงลานจอดรถของห้างนั่นเอง“เธอหายไปไหนตั้งอาทิตย์หนึ่ง? ฉันตามหาแทบแย่ แต่ก็ไม่เจอ!” เสียงเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ชัดเจน แต่ฉันเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี จะบอกเขายังไงละ… ฉันไม่ได้อยากหายไปแบบนี้เลย“…”“แล้วทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ด้วย? ฉันเคยบอกแล้วไงว่าไม่ให้ทำ” เขาถามเสียงเข้ม ฉันตอบกลับไปทันที เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าฉันไม่ได้รวยเหมือนเขา ที่จะมีเงินให้ใช้จ่ายได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องทำงาน“ถ้าฉันไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน จะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าเช่าห้อง!”“ฟ้า…” เขาดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยหลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น“นายกลับไปเถอะนะ” ฉันพูดขอร้องเขาเสียงเบา ดวงตาแสบร้อนไปหมดแล้วตอนนี้“ไม่! ถ้าฉันจะกลับ เธอก็ต้องกลับไปกับฉัน”“ขอร้องเถอะ ถ้าแม่นายรู้เข้า คนที่จะเดือดร้อนคือฉันนะ” ฉันพยายามอธิบายก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่กำลังจะไหลและพยายามแกะมือออกจากมือเขา“ถ้าเธอไม่กลับไปกับฉัน ฉันก็จะมาอยู่กับเธอเอง”“แต่…อื้อ!” ยังไม่ทันที่
เราต่างเงียบกันไปทั้งคู่ เขายังกอดฉันอยู่เหมือนเดิม ส่วนฉันก็นอนพิงอกเขา ฉันจับมือเขาขึ้นมาเล่น เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร“โอ๊ย!”“เจ็บเหรอ เอ่อ…ขอโทษนะ” แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ“เปล่า อ๊ะ ร้องเฉยๆ” ตอบได้กวนจริงๆ“ไอ้บ้า! ตกใจหมด” ฉันหันกลับไปพร้อมกับตีที่อกเขาแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้“แต่ครั้งนี้เจ็บจริงนะ มือเล็กๆ นี่ตีเจ็บเป็นบ้าเลย”“ใครบอกให้นายแกล้งฉันก่อนล่ะ” ฉันพูดพลางหันกลับไปสนใจมือเขาอีกครั้ง“ทำไมนายมือใหญ่จัง” ฉันถามพลางวางมือตัวเองทาบลงบนฝ่ามือของเขา มองด้วยความเหลือเชื่อ ขนาดของฝ่ามือเขาใหญ่เกือบสองเท่าของฉันเลย“ไม่ใช่แค่มือที่ใหญ่ อย่างอื่นก็ใหญ่ด้วย เธอก็เคยพิสูจน์มาแล้ว” เขากระซิบข้างหู ฉันรีบหดคอหนีเพราะรู้สึกสยิวขึ้นมา ก่อนจะดึงมือออกทันที“ทะลึ่ง!”“หึ ๆ”ฉันชอบจังเวลาที่ได้อยู่กับเขาแบบนี้ ฉันมีความสุขมาก แต่ความสุขที่เคยอบอวลอยู่รอบตัวฉันเหมือนถูกฉุดดึงหายไปในพริบตา เมื่อสายตาของฉันจ้องมองไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา ซึ่งมีแหวนวงเล็กๆ สวมอยู่ ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขาที่เคยทำให้หัวใจฉันเต้นแรง ตอนนี้กลับเย็นชาไปในทันทีหัวใจของฉันเห
หลังจากที่พวกเขาวางแผนเรื่องจะไปฝรั่งเศสกันเสร็จ ก็พากันดื่มต่อยกเว้นพี่ธีโอที่ขอตัวกลับก่อน“เป็นอะไร?” เขาก้มลงมาถามฉันเบาๆ“นายก็ดื่มเพลิน ไม่คิดจะสั่งอะไรให้ฉันบ้างเหรอ?” แม้แต่น้ำเปล่ายังไม่สั่งมาเลยนะ นั่งมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว...ฟ้าก็คอแห้งเป็นนะคะ“โทษทีนะ” เขาบอกก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งขนมขบเคี้ยวและน้ำส้มให้ฉัน“หิวก็ไม่บอก”“ก็ปกตินายจะสั่งทันทีที่มาถึง ใครจะไปรู้ล่ะว่าวันนี้จะคุยกันเพลินขนาดนี้” ฉันพูดอย่างงอนๆ ชิ!!“ถ้าง่วงก็บอกนะ” หึ...เปลี่ยนเรื่องซะงั้น“ตอนนี้ก็ง่วงนะ แต่มันหิวไง”“งั้นกลับเลยมั้ยล่ะ ไปหาอะไรกินข้างนอกด้วย” เขาพูดพร้อมกับจับหัวฉันโยกไปมา ก่อนจะยีตบท้าย“อื้อ...ผมยุ่งหมด!”“นี่คู่นี้มันอะไรกันนักหนาวะ เล่นอะไรกัน เกรงใจคนโสดอย่างฉันด้วยค่ะ! มองบนแป๊บ” พี่วิวพูดขึ้น ทำฉันอายแทบอยากจะมุดโต๊ะไปเลย“อิจฉาก็ไปหาล่าเหยื่อของตัวเองไปสิ”“ฉันมองอยู่ค่ะ ยังไม่ถูกใจ ถ้าถูกใจเมื่อไหร่พร้อมอ่อยเต็มที่” นี่พวกเขาแค่พูดกันเล่นๆ ใช่ไหม?“เอาที่เพื่อนสบายใจ ตกลงจะกลับมั้ย?” เขาพูดกับเพื่อนเสร็จก็หันมาถามฉันต่อ“แล้วแต่นายสิ”“โอเค งั้นกลับเลยละกัน ฉันกลับก่อนนะ” เขาพูด
“เสือก! นั่งเงียบๆ แล้วเรียกแอร์มาบริการนวดให้สิ” นั่นแหละ เรย์ก็ตอบเพื่อนเขาด้วยน้ำเสียงขบขันราวกับจะตีกันเหมือนเดิม ฉันได้แต่ยิ้มๆ ให้กับบทสนทนาของพวกเขา“อีกนานแค่ไหนเหรอ?” ฉันถามอย่างไม่รู้จะทำอะไร“ก็อีกหลายชั่วโมงอยู่นะ นอนพักเถอะ ถึงแล้วจะได้มีแรงเดินเที่ยว” เขาย้ำอีกครั้ง ย้ำจังทำเอาฉันเริ่มหงุดหงิด“ก็ฉันบอกว่ายังไม่อยากนอนไง ถ้าง่วงเดี๋ยวนอนเองแหละน่า” ฉันตอบไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก อยากใช้เวลาตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้“ตามใจ งั้นฉันนอนละ” เขาตอบกลับอย่างง่ายๆ แล้วห่มผ้าคลุมโปงนอนทันที ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่คนเดียว งงๆ ว่าทำไมเขาถึงง่ายขนาดนี้“กูเริ่มจะลำไยอิสองคนนี่แล้วนะ บนรถก็ออกจะกว้าง ไม่จำเป็นต้องไปนั่งตักกันขนาดนั้นก็ได้” เสียงพี่วิวพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ ก็อาจจะจริงอย่างที่เขาพูดล่ะนะ“มันหนาว พวกมึงต้องเข้าใจ” พี่บิลที่เงียบไปนานก็โผล่ขึ้นมาพูดบ้าง ฉันแอบยิ้มเพราะคิดว่าเขาคงลืมเอาปากมาด้วยแล้ว“มึงพูดถูก ไม่มีเมียมีผัวให้กอด พวกมึงก็กอดกันเองสิวะ จะมานั่งอิจฉากูทำไม” เรย์พูดเสียงเข้มพร้อมกับดึงฉันมากอดแน่นกว่าเดิมพวกเขาก็ถกเถียงกันเรื่องกอดไม่กอด หนาวไม่หนาวอยู่อย่างนั
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ต้องแรงๆ สิถึงจะมันส์” เขามองฉันอย่างกับจะกลืนกินฉันไปทั้งตัว ตอนนี้เราต่างก็ร่วมรักรุนแรงภายในกระตุกเกร็งเพราะความเสียวที่ไม่อาจทัดทานได้ อารมณ์ราคะที่ครอบงำทำให้ฉันเร่งขย่มเองรัวเร็วไม่แพ้กัน“อ๊ะๆๆ อื้อ! เรย์ เบา..อ๊ะ” เขาเร่งจังหวะตอกสวนระรัว ไม่นานนักเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ดังลั่นห้องไปหมด ฉันร้องครางออกมาด้วยความเสียว สองมือจิกต้นขาแกร่งแน่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยาน“อ๊ะ!! สะ...เสียว”“อืม อ่า..สุดยอดเลยเบบี๋ จุ๊บ”“อื้อ มันเสียวอะ! ชะ...ช่วยเบา อื้อ..เสียว” ฉันบอกเขาพร้อมกับเปลี่ยนไปกอดคอเขา เสียงหวานหลุดออกมาทุกครั้งที่เขากระแทกดุดัน แม้พยายามกลั้นเสียงหวีดร้องแต่มันก็เผลอหลุดออกมาทุกครั้ง พอจะอ้าปากต่อว่ากลับกลายเป็นเสียงหอบกระเส่าน่าอาย"เรย์..ไม่ไหวแล้ว อื้อ.."ฉันร้องขอความเมตตาจนเสียงแหบแห้ง“แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ อ่าส์” เขาจับฉันให้นอนราบลงกับเตียงแทนแล้วก็โถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนตอนนี้ฉันเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า“อ่าส์…เรย์ ขยับแรงๆ กว่านี้หน่อย” ตับ ตับ ตับ!“อ๊ะๆ อื้อ”“อะ! เรย์ มะ...ไม่ไหวแล้ว” ด้วยความเสียวซ่าน ฉันจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อถูกกระทั้
“จะกลับบ้านไปอยู่กับแม่ปอง อึก!” เสียงสะอื้นของเธอทำเอาผมเจ็บในใจ“จะกลับได้ไง...”“กลับได้สิ ในเมื่อนายไม่ได้รักฉัน ที่นายอยู่กับฉันก็อาจจะเป็นเพราะแค่ความต้องการ นายคงไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันเจ็บ” เธอพูดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะแย่งพูด“ใครบอกว่าฉันไม่รู้สึก ใครบอกว่าฉันไม่รัก? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้ว่าผมผิดที่ทำให้เธอเข้าใจแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่ๆเธอมองหน้าผมนิ่งๆ ทั้งน้ำตา กัดริมฝีปากแน่น ความเจ็บปวดสะท้อนในดวงตาของเธอ“ฟ้า...ฉันรักเธอนะ” ผมพูดออกไปในที่สุด ทั้งหมดที่อยู่ในใจมันถูกปลดปล่อยออกมาเสียที ผมยอมเธอมาตั้งนานแล้ว ยอมที่จะรักเธออย่างหมดหัวใจ และตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องพูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจน“ขอโทษ... ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโทษที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะทำผิด” คำขอโทษที่ผมไม่เคยคิดจะพูดกับเธอ มันออกมาจากปากผมแล้วตอนนี้ ด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ในใจมาตลอด ความรู้สึกผิดที่ก่อตัวอยู่ในใจผมมันหนักอึ้งมาตลอด ผมรู้ตัวว่าตัวเองพลาด ผิดที่ทำให้เธอเจ็บ ผิดที่ไม่เคยพูดสิ่งที่
“หนูฟ้า มาหาแม่สิลูก” ฟ้าที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่รอช้า เธอลุกจากที่นั่งแล้วเดินมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าแม่ของเรย์อย่างนอบน้อม“อุ๊ย! ขึ้นมานั่งข้างแม่มาสิลูก” แม่ของเรย์พูดด้วยความตกใจเมื่อเห็นฟ้านั่งบนพื้น ก่อนจะจับไหล่บางและพยุงเธอขึ้นมานั่งข้างๆ“แม่ขอโทษนะ ทั้งสองคนเลย” แม่ของเรย์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วหยุดเล็กน้อยเพื่อมองหน้าฟ้า“เอาเป็นว่า...หนูฟ้า มาเป็นลูกแม่อีกคนนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและใจดี ฟ้าที่นั่งเกร็งมาตลอดถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตัน“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฟ้าพูดพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะก้มลงกราบที่อกของแม่เรย์ จากนั้นเธอก็ได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนที่เคยเป็นแม่สามีในความคิด ร่างเล็กของฟ้าสั่นเล็กน้อยด้วยความดีใจ ที่ในที่สุดเธอก็ได้รับการยอมรับพ่อของเรย์และเรย์ที่นั่งมองอยู่ต่างก็โล่งใจ เรย์ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ฟ้ามีเรียน เดี๋ยวจะสาย”“ได้จ้ะลูก วันหลังมาหาแม่นะ มาค้างที่บ้าน เอ่อ...อันที่จริง กลับมาอยู่กันที่บ้านก็ดีนะ” แม่พูดด้วยความอ่อนโยน“เอาไว้ค่อยว่ากันครับแม่ ผมกับน้องขอตัวก่อนน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นมาในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคยของเขา ความสุขมากจนไม่อาจอธิบายได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคงถอนตัวจากเขาไม่ได้ ฉันรักเขาหมดหัวใจ ฉันเงยหน้ามองใบหน้าของเรย์ที่หลับสนิท ขนาดหลับเขายังดูหล่อเหลือเกิน“มองขนาดนั้น ไม่กินฉันเข้าไปเลยล่ะ” เสียงของเขาดังขึ้น ฉันตกใจไม่น้อย“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันถามด้วยความเขิน“ตื่นนานแล้ว ตื่นก่อนจะรู้ว่ามีคนแอบมองตั้งนาน”“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ วันนี้ฉันมีเรียน” ฉันรีบหาข้ออ้าง แอบเขินกับสายตาของเขา“ก็เห็นหลับอยู่เลยไม่อยากกวน”“ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ฉันรีบลุกขึ้น แต่เขากลับพลิกร่างฉันลงบนเตียงแล้วคร่อมไว้ รวบมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นเหนือศีรษะ นัยน์ตาสีดำขลับทอประกายร้อนแรงทำเอาฉันเขินอายไปกับสายตาของเขาจุ๊บ!เขาจูบลงมาที่หน้าผากฉันเบาๆ สัมผัสของเขาทำให้รู้สึกอุ่นซ่านเข้ามาในหัวใจ ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันเขินอายเกินกว่าจะสบตาเขา และเอียงหน้าหนีเขาขำเบาๆ แล้วกดจมูกโด่งลงมาบนแก้มใสหนักๆ แล้วขยี้อย่างมันเขี้ยวทำเอาฉันจั๊กจี้แล้วหัวเราะออกมาเพราะหนวดเคราที่เริ่มขึ้น ฉันยกมือขึ้นดันใบหน้าคมออกหัวเราะไม่หยุดจนน
“น้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน วันนี้คงค้างบ้านเพื่อนเลย” แม่ของพี่เรย์ตอบ แต่นัยน์ตายังคงจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง ยิ่งเห็นพี่เรย์จับมือฉันแน่นไม่ปล่อย สายตาของเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก“แม่ครับ ผมถามอะไรแม่อย่างได้ไหมครับ” พี่เรย์เอ่ยถามเสียงเรียบ“ได้จ้ะ ถามมาเลย” แม่พี่เรย์หันไปมองพี่เรย์แล้วยิ้มออกมา“ถ้าเกิดสมมติว่า...ลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ แอบทำเรื่องไม่ดีลับหลัง แถมยังไปนอนกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆ ที่หมั้นกับผมแล้ว แม่จะทำยังไงครับ?”“ขนาดแกยังนอนกับคนอื่นได้เลย” พอแม่เขาได้ยินสิ่งที่พี่เรย์ถามสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่บอกให้รู้เลยว่าไม่พอใจ พลางหันมามองฉันอย่างตำหนิ ฉันก้มลงมองมือตัวเองรู้สึกถึงความอึดอัดปะทะใบหน้าจนอยากจะลุกออกไปจากตรงนี้แต่พี่เรย์ก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ“มันไม่เกี่ยวกับฟ้า ผมบอกแล้วไงว่าเราเป็นแฟนกัน และผมก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรก แต่แม่ยังจะยอมรับอยู่ไหม ถ้ามันเป็นแบบที่ผมพูด?” เรย์ถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“หนูฟางข้าวไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ แม่รับรองได้ แม่เป็นแม่ แม่ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่แล้
“สวัสดีทุกคน”“อืม /ดีปราง” พี่เตอร์กับพี่เรย์เอ่ยทักทาย“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้และทักทายด้วยรอยยิ้ม พี่ปรางยิ้มตอบกลับอย่างเป็นมิตร แล้วหันไปมองพี่บิลด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก่อนจะพูดขึ้น“ยืมรถหน่อยดิ จะกลับบ้าน”“ไม่มีทาง!” พี่บิลตอบเสียงแข็ง หน้าตาดูไม่พอใจนัก“รถฉันเสีย...”“เรื่องของเธอสิ” พี่บิลยังไม่ทันให้พี่ปรางพูดจบก็สวนขึ้น“โอเค ได้..กลับก่อนนะทุกคน” พี่ปรางตัดบทแล้วเดินออกไปแบบไม่สนใจอะไรอีก“อะไรของพวกมึงนักหนาวะ” พี่เรย์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ฉันเองก็สับสนเหมือนกัน“จะไปไหน?” ฉันถามอย่างงงๆ เมื่อเห็นพี่เรย์ยืนขึ้น“กลับบ้านสิ ลุก!” เขาบอกพร้อมกับดึงให้ฉันลุกแล้วก็จับมือพาฉันออกมาบนรถ“พี่เรย์..จะไม่หายโกรธฉันจริงๆ เหรอ?” ฉันถามเขาขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ มันนานเกินไปแล้วที่เขาทำตัวเย็นชาแบบนี้ มันไม่โอเคเลย“ถ้าไม่หายโกรธ ฉันจะคอยพาไปนั่นไปนี่เหรอ?”“ไม่จริงหรอก การกระทำพี่อาจจะใช่ แต่มันไม่ทั้งหมดไงแล้วคำพูดที่พี่พูดก็ไม่เหมือนเดิม บอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไง” ฉันพูดด้วยความอัดอั้นมองพี่เรย์อย่างมีความหวัง แต่พี่เรย์ก็ยังเงียบพรึบ!ฉันตัดสินใจปืนข้ามไปนั่งบนตักเขา หั
Ray Partหงุดหงิด!! โกรธทั้งโมโห ผมอยากจะฆ่าไอ้บ้านั่นให้ตายตรงนั้นเลย กว่าผมจะรู้ที่อยู่ของมันก็เกือบจะสายเกินไป ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครร่วมมือกับมัน!ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ หวังว่าจะดับไฟความโกรธในใจได้บ้าง ถามว่าผมโกรธมั้ยที่ฟ้าโกหก บอกเลยว่าโกรธมาก แต่ก็ห่วงมากฉิบหายเหมือนกัน ก็แค่บอกผมสักคำว่าจะไปกับมัน ไปงานวันเกิดบ้าๆ อะไรก็ช่าง! แค่บอกให้ผมรับรู้บ้าง ถ้าไม่ได้ไอ้เตอร์ช่วย เธอคงไม่รอดแน่ๆ ผมให้ไอ้เตอร์ไปเค้นถามที่อยู่ของไอ้กองทัพจากเพื่อนมันที่อยู่ในผับของไอ้เตอร์'ถ้ามันไม่บอกก็ฆ่ามันซะ!' นั่นคือสิ่งที่ผมพูดกับไอ้เตอร์ก่อนจะได้ที่อยู่ของกองทัพมา ผมนอนมองฟ้าที่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เดินก้มหน้าไปห้องน้ำ เอ่อ ดี! ไม่คิดจะเล่าอะไรหรือแก้ตัวเลยใช่ไหม?“พี่เรย์ หลับแล้วเหรอคะ” คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้นหลังจากคลานขึ้นมานอนข้างผม หึ! ตั้งแต่ตอนที่ทำผมโกรธก็พูดเพราะขึ้นมาเชียว พี่เรย์เหรอ..น่ารักชะมัด แต่ผมไม่ยอมหายโกรธเธอง่ายๆ แน่ หายโกรธไวเดี๋ยวก็ดื้ออีก อย่างน้อยต้องให้เธอสำนึกก่อน"พี่เรย์.." เพราะเสียงที่ดังคล้ายจะร้องทำให้ใจแข็งไม
แควก!เสียงเสื้อของฉันถูกฉีกขาด ความกลัวเข้ามาแทนที่ กองทัพไม่สนใจคำอ้อนวอนจากปากของฉันเลย กลับทำตัวป่าเถื่อนยิ่งขึ้น ชุดที่ฉันสวมอยู่ถูกฉีกขาดออกจากร่างอย่างไม่ปรานี“ไม่เอาน่า ร้องไห้ทำไม ไหนๆ ก็เคยมาแล้วนี่” กองทัพพูดด้วยน้ำเสียงหืดหาดในลำคอ เขาดูบ้าไปแล้ว“เธอสวยมากเลยนะฟ้า ไม่เสียดายเลยว่ะที่เลี้ยงเธอไว้ ถึงไม่ซิงก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” เขาพูดพร้อมกับก้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอฉัน สัมผัสนั้นทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงจนแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? เขายังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม? ฉันไม่น่าหลงเชื่อคนอย่างเขาเลย สุดท้ายเขาก็เห็นฉันไม่ต่างจากผู้หญิงที่เขาเก็บไว้เล่นสนุก“ไม่! นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! เรย์! เรย์ช่วยฉันด้วย ฮือ... เรย์ นายอยู่ไหน ช่วยด้วย!”ฉันร้องเรียกเรย์ด้วยความสิ้นหวัง ถ้าฉันเชื่อเขาตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ฉันขอโทษที่ไม่ฟังคำเตือนของเขา"กองทัพ… ฮึก! ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกันนะทัพ" ฉันอ้อนวอนพร้อมหันหน้าหนีจากริมฝีปากที่กำลังซุกไซ้ฉัน“เพื่อน? เพื่อนบ้าบออะไร เธอก็แค่คนที่ฉันเก็บไว้เล่นสนุกๆ เท่านั้นแหละ คิดเหรอว่าฉันจะคบผู้หญิงจนๆ
Ray Partจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้อยากทิ้งยัยตัวแสบของผมไว้ที่ห้องคนเดียวเลยนะ แต่ก็พาไปด้วยไม่ได้ เพราะผมต้องกลับไปทานข้าวกับแม่ที่บ้าน และว่าจะเข้าผับต่อ หวังว่าปล่อยให้อยู่คนเดียวคงไม่เป็นไร“มาแล้วเหรอลูก? มาๆ เข้าบ้านก่อน” แม่รีบออกมาต้อนรับทันทีที่ผมลงจากรถ“ครับแม่ วันนี้พ่ออยู่บ้านด้วยใช่มั้ยครับ?”“ใช่จ้ะ”“พี่เรย์ สวัสดีค่ะ! มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนนะคะ” ...ยัยนี้อีกแล้ว! นี่แหละเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน เพราะยัยต้นหญ้านี่ไง!“พ่อครับ สวัสดีครับ” ผมไม่สนใจยัยนั้น แต่หันไปหาพ่อที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขกแทน“สบายดีนะ ไอ้เสือ?”“สบายดีครับ แล้วพ่อช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ” ผมกับพ่อไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรนัก ส่วนมากพ่อจะชอบออกไปกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตีกอล์ฟกันบ้างตามประสา“ก็เรื่อยๆ นะ คนแก่แล้วก็เป็นแบบนี้แหละ” พ่อหัวเราะเบาๆ“ฟางข้าว หนูไปช่วยแม่จัดโต๊ะดีกว่า ให้สองหนุ่มเขาคุยกัน” แม่พูดพร้อมโอบไหล่ฟางข้าว ว่าที่ลูกสะใภ้ที่แม่รักนักหนา“ค่ะ คุณแม่” ฟางข้าวตอบอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเดินตามแม่ไป“แล้วกับหนูฟ้าเป็นไงบ้าง?” พ่อถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่ารู้เรื่องผมทุกอย่าง“ก็ดีครับ แต่จ
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ต้องแรงๆ สิถึงจะมันส์” เขามองฉันอย่างกับจะกลืนกินฉันไปทั้งตัว ตอนนี้เราต่างก็ร่วมรักรุนแรงภายในกระตุกเกร็งเพราะความเสียวที่ไม่อาจทัดทานได้ อารมณ์ราคะที่ครอบงำทำให้ฉันเร่งขย่มเองรัวเร็วไม่แพ้กัน“อ๊ะๆๆ อื้อ! เรย์ เบา..อ๊ะ” เขาเร่งจังหวะตอกสวนระรัว ไม่นานนักเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ดังลั่นห้องไปหมด ฉันร้องครางออกมาด้วยความเสียว สองมือจิกต้นขาแกร่งแน่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยาน“อ๊ะ!! สะ...เสียว”“อืม อ่า..สุดยอดเลยเบบี๋ จุ๊บ”“อื้อ มันเสียวอะ! ชะ...ช่วยเบา อื้อ..เสียว” ฉันบอกเขาพร้อมกับเปลี่ยนไปกอดคอเขา เสียงหวานหลุดออกมาทุกครั้งที่เขากระแทกดุดัน แม้พยายามกลั้นเสียงหวีดร้องแต่มันก็เผลอหลุดออกมาทุกครั้ง พอจะอ้าปากต่อว่ากลับกลายเป็นเสียงหอบกระเส่าน่าอาย"เรย์..ไม่ไหวแล้ว อื้อ.."ฉันร้องขอความเมตตาจนเสียงแหบแห้ง“แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ อ่าส์” เขาจับฉันให้นอนราบลงกับเตียงแทนแล้วก็โถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนตอนนี้ฉันเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า“อ่าส์…เรย์ ขยับแรงๆ กว่านี้หน่อย” ตับ ตับ ตับ!“อ๊ะๆ อื้อ”“อะ! เรย์ มะ...ไม่ไหวแล้ว” ด้วยความเสียวซ่าน ฉันจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อถูกกระทั้