ผมนั่งมองหน้าสวยๆ ของเธอแล้วพูดออกมาเบาๆ “อีกสักพักฉันจะเข้าร้านแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” พูดไปงั้นแหละ เผื่อเธอตื่นขึ้นมาจริงๆแต่เดี๋ยวนะ! ขอเคลียร์เรื่องเมื่อคืนก่อน ผมไม่ได้ขืนใจเธอนะ ผมบอกแล้วไงว่าถ้าผู้หญิงไม่เต็มใจ ผมก็จะไม่ทำ แต่ในกรณีของฟ้า...เธอสมยอม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกคนก็รู้เรื่องนี้ดี“อือ...” อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ครางออกมา“ฟ้า ฟ้า!” ผมรีบเรียกเธอทันที เธอคงเริ่มรู้สึกตัวแล้ว“นะ...นาย! นี่กี่โมงแล้วอ่ะ” พอเธอเห็นหน้าผมก็รีบลุกขึ้นมาอย่างเร็ว“บ่ายสาม” ผมตอบกลับเรียบๆ“ห๊ะ! แล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ ป่านนี้เพื่อนฉันคงเป็นห่วงแย่แล้ว” เธอดูร้อนรนทันทีที่ได้ยินเวลาที่ผมบอก ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทำไมตื่นมาถึงต้องนึกถึงไอ้กองทัพเป็นคนแรก ผัวก็นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน“เธอไม่สบาย ฉันปลุกแล้วแต่ไม่ตื่น ส่วนเรื่องเพื่อนเธอ ฉันบอกให้แล้ว...” ผมตอบกลับ“บอกให้แล้วเหรอ”“อืม บอกให้แล้ว” ผมยืนยันอีกครั้ง“ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปอาบอีกห้องจะได้ออกไปกินข้าว หิว!” ผมพูดอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง“ไหวมั้ย?” ดูจากสีหน้าเธอแล้วเหมือนจะทรมานอยู่นะ“ไหวๆ”แล้วผมก็เดินออกมาอาบน้ำยังห้อง
Fah Partหนึ่งเดือนผ่านไปเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน และเรื่องเพื่อนอย่างกองทัพ เราก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของเรย์ ทุกๆ วันก็ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน พอเลิกงานเขาก็มักจะมารับฉันไปนอนที่คอนโดของเขา และทุกเช้าเขาก็จะมาส่งฉันที่มหาวิทยาลัย แต่เรื่องที่เขาให้ออกแบบห้อง ฉันยังไม่ได้ร่างแบบอะไรเลย และเขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสแค่บอกว่ามีเวลาว่างค่อยทำ เพราะรู้ว่าตอนนี้ฉันเรียนหนักมาก“เป็นอะไรฟ้า แล้ววันนี้แฟนไม่มารับเหรอ?” กองทัพที่นั่งอยู่กับฉันใต้ต้นไม้โต๊ะหินอ่อนถามขึ้น“คงไม่มามั้ง เขาบอกว่ามีธุระที่ต่างจังหวัด” ฉันตอบไปอย่างสบายๆ เขาไลน์บอกฉันเองว่าเขาต้องไปต่างจังหวัดสองสามวันคงสงสัยละสิว่าฉันไปเป็นแฟนกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่จริงแล้วเราก็ไม่ได้คบกันอย่างจริงจัง เขาบอกว่าในเมื่อเราสองคนได้กันแล้ว เขาก็อยากรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ เขาชอบใช้คำว่า "ผัวเมีย" เวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่ฉันไม่ชินกับคำนั้น เลยขอใช้คำว่าแฟนแทน มันแปลกเนอะ…เราไม่ได้ขอคบกันเป็นแฟน แต่ดันมีแฟนซะงั้น“งั้นเย็นนี้เราไปเดินเล่นที่ห้างกันมั้ย?” กองทัพเสนอข
@Night Clubเรย์พาฉันมาที่ผับเขาตามที่บอกจริง ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ให้ฉันขึ้นไปรอข้างบนเหมือนทุกที เขาพาฉันมานั่งที่โต๊ะที่มีเพื่อนของเขาอยู่ด้วยเลย“ดีครับน้องฟ้า” พี่เตอร์เป็นคนแรกที่ทักฉัน“สวัสดีค่ะพี่เตอร์ พี่บิล” ฉันยกมือไหว้พี่ ๆ ด้วยความเคารพ“สวัสดีครับ” พี่บิลตอบรับพร้อมรอยยิ้ม“ใครวะเรย์ กูไม่เคยรู้จักเลย” เสียงพี่ผู้หญิงที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยถามขึ้นอย่างสงสัย“นี่ฟ้า แฟนกูเอง ฟ้า...นั่นวิวเพื่อนฉัน” เรย์ตอบเพื่อนเขาแล้วหันมาบอกฉัน“สวัสดีค่ะพี่วิว” ฉันยกมือไหว้พี่วิวแล้วยิ้มให้“สวัสดีจ้ะน้องฟ้า แฟนสวยนะเนี่ย” พี่วิวแซวฉันกับเรย์ ทำเอาฉันอายจนหน้าแดง“ธรรมดา” เรย์ตอบอย่างมั่นใจสุด ๆ“ย่ะ!” พี่วิวทำเสียงเหมือนจะยอมรับแต่ก็แอบแซะเบา ๆ ทั้งโต๊ะหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ฉันรู้สึกว่าเพื่อน ๆ ของเรย์ดูสนิทสนมกันมาก ฉันเองก็ลดความประหม่าลงไปได้เยอะพวกเรานั่งดื่มกันไปได้สักพัก (ยกเว้นฉันที่กินแต่ขนมกับน้ำผลไม้อย่างเคย) ก็มีผู้หญิงสวยหุ่นเซ็กซี่เดินเข้ามาที่โต๊ะ“เรย์คะ” เสียงคุ้น ๆ นี่มันลูกสาวเพื่อนพ่อเขานี่นา“อ้าว แก้ว มาได้ไงเนี่ย” เรย์ทักเธอด้วยความตกใจเล็กน้อย“แก้วมากับเพื่อนค่ะ
"ฉันมันโง่เอง ที่คิดว่านายอาจจะเปลี่ยนไป ฉันมันโง่ที่ยังเชื่อใจนาย!" ฉันพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลเรย์ยังคงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ฉันเห็นว่าดวงตาของเขามีความรู้สึกบางอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ความรู้สึกที่ฉันไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าอะไร"ฟ้า...ฉัน.." เขาเรียกฉัน น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาราวกับลมกระซิบเขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันถอยหนี ไม่ต้องการให้เขาเข้ามาใกล้ฉันอีกแล้ว ไม่อยากรับฟังอะไรจากเขาอีกต่อไป"ต่อไปนี้เราสองคนถือว่าไม่เคยเจอกัน" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากล้ำกลืนน้ำตายกมือขึ้นปาดทิ้งลวกๆ"ฟ้า.."“พอเถอะ!! ฉันเหนื่อยแล้ว...ผู้ชายเฮงซวย เจ้าชู้เอาไม่เลือกอย่างนาย มันไม่ควรมีใครให้โอกาสซ้ำแล้วซ้ำเล่า นายมันก็แค่คนหลอกลวงที่ไม่เคยรู้จักพอ! ทำร้ายคนที่เชื่อใจนายได้หน้าตาเฉย ทำเหมือนทุกอย่างเป็นแค่เกม! ทุกคำพูด ทุกความรู้สึกของนายมันก็แค่การโกหก!” ฉันพูดด้วยความโกรธ ราวกับทุกคำที่ออกจากปากฉันคือมีดที่กรีดแทงจิตใจของเขา และที่เจ็บที่สุดคงเป็นตัวฉันเอง แต่ฉันยังพูดต่อ ทั้งหมดที่เป็นอัดอั้นถูกระบายออกมา“นายมันเห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจความรู้สึกขอ
“ไปทำงานกันดีกว่า เดี๋ยวไม่มีเงินไปเที่ยว” ฉันพูดขัดจังหวะความฝันหวานของพี่เจนอย่างมีความสุข“ฟ้านะฟ้า ให้พี่ฝันกลางวันหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ!” พี่เจนทำหน้าทำตาเหมือนงอน ก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปหลังร้าน“ระวังคอหักนะคะพี่เจน อดเล่นน้ำทะเลไม่รู้ด้วยน้า” ฉันตะโกนตามหลังไป ไม่ต้องตกใจนะ ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดเลยตะโกนได้เต็มที่ถ้าไม่นึกถึงใครบางคน ชีวิตฉันก็มีความสุขดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่นึกถึงเขา… ไม่มีอันทำงานเลยทีเดียว เหม่อลอยทั้งวันก็ว่าได้ คิดๆ แล้วก็ตลกดี ทำไมคนแบบนั้นถึงทำให้ฉันตกหลุมรักเขาได้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นแค่ผู้ชายเจ้าชู้คนนึง... จะว่าไป เขาก็หายไปตั้งแต่วันนั้น สองเดือนแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเขาและเพื่อนๆ ของเขา เหมือนทุกอย่างถูกตัดขาดไปหมดจริงๆแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกผูกพันมากมาย ราวกับเรารู้จักกันมานาน แต่จริงๆ แล้วกลับไม่ใช่ คนที่ไม่เคยมีความรักอย่างฉัน พอได้รักแล้วกลับถอนตัวถอนใจออกมาไม่ได้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม“คิดอะไรอยู่จ๊ะ? พี่เปิดร้านแล้วนะ” ฉันสะดุ้งจากความคิด เมื่อพี่เจนเดินเข้ามาพูดใกล้ๆ“ขอโทษค่ะๆ พี่เจน พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย แฮร่ๆ” ฉันรีบขอโทษพี่เจนและทำท่า
ผมเดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยความรู้สึกหนักอึ้งหลังจากที่เจอฟ้าเข้าโดยบังเอิญ ในหัวผมยังคงมีภาพของเธอวนเวียนอยู่ตลอดเวลา เธอดูเหมือนคนที่พยายามลบทุกอย่างเกี่ยวกับผมไปแล้ว และนั่นมันเจ็บ...เจ็บยิ่งกว่าที่ผมเคยคาดคิดไว้“ช้าจังว่ะ!” ไอ้เตอร์บ่นขึ้นมาทันทีที่ผมนั่งลง“โทษที” ผมตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ได้บอกมันว่าผมเจออะไรมาเมื่อครู่“แค่เนี่ย!!” ไอ้เตอร์ยังคงบ่นต่อ“เออ…แค่นี้แหละ! สั่งสิกูหิวแล้ว” ผมตัดบทและรีบก้มหน้าก้มตาดูเมนูอาหาร จากนั้นก็สั่งอาหารกับพนักงานที่ยืนรอรับ จริงๆ แล้วผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยากกินอะไร ความคิดยังคงจมอยู่กับภาพที่เห็นฟ้าเดินผ่านผมไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ ความรู้สึกที่ได้เห็นเธออีกครั้งมันทำให้ใจผมสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมพยายามคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ในความจริงแล้ว...มันกลับยิ่งแย่ลง“พวกมึงไม่สั่งกันเหรอ?” ผมถามพวกมันหลังจากที่ผมสั่งเมนูไปจนหมดทั้งโต๊ะ“มึงเล่นสั่งมาขนาดนั้น เหลืออะไรให้พวกกูสั่งอีกล่ะ?” ไอ้บิลพูดประชด น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความขบขัน แถมยังส่ายหัวน้อยๆ เหมือนจะด่าผมที่เล่นสั่งอาหารเยอะจนเหมือนจะเลี้ยงคนทั้งโรงแรม“อ้าวเหรอ? โท
“หนีผัวมาอยู่กับชู้ คงจะมีความสุขน่าดู หึ!!” เสียงที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้ยินทำให้ฉันชะงักทันที หันไปมองก็เห็นเขายืนสูบบุหรี่ มองมาทางพวกเราหัวใจฉันเต้นแรง รู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด แต่ฉันเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ ไม่ตอบโต้คำพูดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขา ฉันเดินต่อไปเรื่อยๆ ข้างๆ มีกองทัพ ส่วนพี่เจนก็เดินนำไปก่อนแล้ว“ทำเป็นไม่ได้ยินซะด้วยสิ ว่าแย่จังเนอะ! ว่าจะมาคุยเรื่องคลิปซะหน่อย” คำว่า "คลิป" ทำให้ฉันชะงัก รีบหันไปมองเขาทันที แต่เขากลับเดินออกไปอย่างไม่สนใจ“นี่นาย หยุดนะ! คุยอะไร แล้วคลิปอะไรของนาย!” ฉันตะโกนถาม พยายามเร่งฝีเท้าเพื่อไล่ตามเขา“หยุดนะ! ไม่ได้ยินหรือไงเนี่ย เรย์!” ในที่สุดเขาก็หยุด หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก ซึ่งฉันเกลียดที่สุด“อยากรู้เหรอ?” เขายังทำท่ากวนประสาทใส่ฉัน ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ“คลิปอะไร”“อยากรู้ก็ไปหาฉันที่สระว่ายน้ำสิ แต่...ไม่ไปก็ได้นะ ฉันไม่ได้ว่าอะไร” เขาพูดจบก็หันหลังเดินไปทางสระว่ายน้ำของโรงแรมที่ฉันพักอยู่ นี่อย่าบอกนะว่าเขาเองก็พักที่นี่ด้วย?ฉันไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงคลิปอะไร แต่ถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ ละก็... ถ้าไม่ไปดูใ
จนกระทั่ง...“อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะรู้สึกเหมือนเท้าพลิกและเหยียบโดนอะไรบางอย่าง“เป็นอะไร” เรย์ถามขึ้นอย่างกะทันหัน ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเดินตามมาด้วย“ไม่รู้สิ เหมือนโดนอะไรบาด” ฉันก้มมองเท้าตัวเองในความมืด พยายามเพ่งดูว่ามีอะไรผิดปกติเขาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องไฟฉาย“เธอเดินยังไงของเธอ..เลือดออกเลย โดนอะไรเข้าเนี่ย” เสียงเขาฟังดูดุ ราวกับฉันตั้งใจให้ตัวเองเจ็บตัว“ก็รองเท้ามันพลิก ฉันตั้งใจหรือไงเล่า!” ฉันตอบกลับด้วยความหงุดหงิด พยายามจะดึงเท้ากลับ แต่เขาก็จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“อยู่นิ่งๆ สิ จะดูให้ว่ามีเปลือกหอยยังติดอยู่มั้ย” เขาพูดเสียงเข้ม พร้อมกับจับขาฉันพลิกไปมาเพื่อตรวจดูอาการฉันรู้สึกไม่สบายใจที่เขาทำแบบนี้ มือเขาจับขาฉันแน่น รู้สึกเหมือนมันใกล้ชิดเกินไป “นี่ปล่อย! มันไม่มีอะไรแล้วละ พอแล้ว” ฉันรีบพูด หวังให้เขาหยุด ก่อนที่ความรู้สึกวุ่นวายใจจะทวีคูณไปมากกว่านี้“ทำไม?”“ฉันเมื่อยขา” ฉันพูดเบี่ยงประเด็น แต่อันที่จริงฉันก็เมื่อยจริง ก็ให้ยืนขาเดียวมานานแล้ว ขาอีกข้างก็วางพาดอยู่บนตักเขาแบบนี้มันไม่ค่อยถนัดเลย“ก็ไม่บอก” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้
“จะกลับบ้านไปอยู่กับแม่ปอง อึก!” เสียงสะอื้นของเธอทำเอาผมเจ็บในใจ“จะกลับได้ไง...”“กลับได้สิ ในเมื่อนายไม่ได้รักฉัน ที่นายอยู่กับฉันก็อาจจะเป็นเพราะแค่ความต้องการ นายคงไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันเจ็บ” เธอพูดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะแย่งพูด“ใครบอกว่าฉันไม่รู้สึก ใครบอกว่าฉันไม่รัก? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้ว่าผมผิดที่ทำให้เธอเข้าใจแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่ๆเธอมองหน้าผมนิ่งๆ ทั้งน้ำตา กัดริมฝีปากแน่น ความเจ็บปวดสะท้อนในดวงตาของเธอ“ฟ้า...ฉันรักเธอนะ” ผมพูดออกไปในที่สุด ทั้งหมดที่อยู่ในใจมันถูกปลดปล่อยออกมาเสียที ผมยอมเธอมาตั้งนานแล้ว ยอมที่จะรักเธออย่างหมดหัวใจ และตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องพูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจน“ขอโทษ... ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโทษที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะทำผิด” คำขอโทษที่ผมไม่เคยคิดจะพูดกับเธอ มันออกมาจากปากผมแล้วตอนนี้ ด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ในใจมาตลอด ความรู้สึกผิดที่ก่อตัวอยู่ในใจผมมันหนักอึ้งมาตลอด ผมรู้ตัวว่าตัวเองพลาด ผิดที่ทำให้เธอเจ็บ ผิดที่ไม่เคยพูดสิ่งที่
“หนูฟ้า มาหาแม่สิลูก” ฟ้าที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่รอช้า เธอลุกจากที่นั่งแล้วเดินมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าแม่ของเรย์อย่างนอบน้อม“อุ๊ย! ขึ้นมานั่งข้างแม่มาสิลูก” แม่ของเรย์พูดด้วยความตกใจเมื่อเห็นฟ้านั่งบนพื้น ก่อนจะจับไหล่บางและพยุงเธอขึ้นมานั่งข้างๆ“แม่ขอโทษนะ ทั้งสองคนเลย” แม่ของเรย์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วหยุดเล็กน้อยเพื่อมองหน้าฟ้า“เอาเป็นว่า...หนูฟ้า มาเป็นลูกแม่อีกคนนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและใจดี ฟ้าที่นั่งเกร็งมาตลอดถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื้นตัน“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฟ้าพูดพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะก้มลงกราบที่อกของแม่เรย์ จากนั้นเธอก็ได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนที่เคยเป็นแม่สามีในความคิด ร่างเล็กของฟ้าสั่นเล็กน้อยด้วยความดีใจ ที่ในที่สุดเธอก็ได้รับการยอมรับพ่อของเรย์และเรย์ที่นั่งมองอยู่ต่างก็โล่งใจ เรย์ยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ฟ้ามีเรียน เดี๋ยวจะสาย”“ได้จ้ะลูก วันหลังมาหาแม่นะ มาค้างที่บ้าน เอ่อ...อันที่จริง กลับมาอยู่กันที่บ้านก็ดีนะ” แม่พูดด้วยความอ่อนโยน“เอาไว้ค่อยว่ากันครับแม่ ผมกับน้องขอตัวก่อนน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นมาในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและคุ้นเคยของเขา ความสุขมากจนไม่อาจอธิบายได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคงถอนตัวจากเขาไม่ได้ ฉันรักเขาหมดหัวใจ ฉันเงยหน้ามองใบหน้าของเรย์ที่หลับสนิท ขนาดหลับเขายังดูหล่อเหลือเกิน“มองขนาดนั้น ไม่กินฉันเข้าไปเลยล่ะ” เสียงของเขาดังขึ้น ฉันตกใจไม่น้อย“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันถามด้วยความเขิน“ตื่นนานแล้ว ตื่นก่อนจะรู้ว่ามีคนแอบมองตั้งนาน”“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ วันนี้ฉันมีเรียน” ฉันรีบหาข้ออ้าง แอบเขินกับสายตาของเขา“ก็เห็นหลับอยู่เลยไม่อยากกวน”“ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ฉันรีบลุกขึ้น แต่เขากลับพลิกร่างฉันลงบนเตียงแล้วคร่อมไว้ รวบมือทั้งสองข้างของฉันขึ้นเหนือศีรษะ นัยน์ตาสีดำขลับทอประกายร้อนแรงทำเอาฉันเขินอายไปกับสายตาของเขาจุ๊บ!เขาจูบลงมาที่หน้าผากฉันเบาๆ สัมผัสของเขาทำให้รู้สึกอุ่นซ่านเข้ามาในหัวใจ ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉันเขินอายเกินกว่าจะสบตาเขา และเอียงหน้าหนีเขาขำเบาๆ แล้วกดจมูกโด่งลงมาบนแก้มใสหนักๆ แล้วขยี้อย่างมันเขี้ยวทำเอาฉันจั๊กจี้แล้วหัวเราะออกมาเพราะหนวดเคราที่เริ่มขึ้น ฉันยกมือขึ้นดันใบหน้าคมออกหัวเราะไม่หยุดจนน
“น้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน วันนี้คงค้างบ้านเพื่อนเลย” แม่ของพี่เรย์ตอบ แต่นัยน์ตายังคงจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง ยิ่งเห็นพี่เรย์จับมือฉันแน่นไม่ปล่อย สายตาของเธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก“แม่ครับ ผมถามอะไรแม่อย่างได้ไหมครับ” พี่เรย์เอ่ยถามเสียงเรียบ“ได้จ้ะ ถามมาเลย” แม่พี่เรย์หันไปมองพี่เรย์แล้วยิ้มออกมา“ถ้าเกิดสมมติว่า...ลูกสะใภ้คนโปรดของแม่ แอบทำเรื่องไม่ดีลับหลัง แถมยังไปนอนกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆ ที่หมั้นกับผมแล้ว แม่จะทำยังไงครับ?”“ขนาดแกยังนอนกับคนอื่นได้เลย” พอแม่เขาได้ยินสิ่งที่พี่เรย์ถามสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่บอกให้รู้เลยว่าไม่พอใจ พลางหันมามองฉันอย่างตำหนิ ฉันก้มลงมองมือตัวเองรู้สึกถึงความอึดอัดปะทะใบหน้าจนอยากจะลุกออกไปจากตรงนี้แต่พี่เรย์ก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ“มันไม่เกี่ยวกับฟ้า ผมบอกแล้วไงว่าเราเป็นแฟนกัน และผมก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรก แต่แม่ยังจะยอมรับอยู่ไหม ถ้ามันเป็นแบบที่ผมพูด?” เรย์ถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง“หนูฟางข้าวไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ แม่รับรองได้ แม่เป็นแม่ แม่ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกอยู่แล้
“สวัสดีทุกคน”“อืม /ดีปราง” พี่เตอร์กับพี่เรย์เอ่ยทักทาย“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้และทักทายด้วยรอยยิ้ม พี่ปรางยิ้มตอบกลับอย่างเป็นมิตร แล้วหันไปมองพี่บิลด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก่อนจะพูดขึ้น“ยืมรถหน่อยดิ จะกลับบ้าน”“ไม่มีทาง!” พี่บิลตอบเสียงแข็ง หน้าตาดูไม่พอใจนัก“รถฉันเสีย...”“เรื่องของเธอสิ” พี่บิลยังไม่ทันให้พี่ปรางพูดจบก็สวนขึ้น“โอเค ได้..กลับก่อนนะทุกคน” พี่ปรางตัดบทแล้วเดินออกไปแบบไม่สนใจอะไรอีก“อะไรของพวกมึงนักหนาวะ” พี่เรย์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ฉันเองก็สับสนเหมือนกัน“จะไปไหน?” ฉันถามอย่างงงๆ เมื่อเห็นพี่เรย์ยืนขึ้น“กลับบ้านสิ ลุก!” เขาบอกพร้อมกับดึงให้ฉันลุกแล้วก็จับมือพาฉันออกมาบนรถ“พี่เรย์..จะไม่หายโกรธฉันจริงๆ เหรอ?” ฉันถามเขาขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ มันนานเกินไปแล้วที่เขาทำตัวเย็นชาแบบนี้ มันไม่โอเคเลย“ถ้าไม่หายโกรธ ฉันจะคอยพาไปนั่นไปนี่เหรอ?”“ไม่จริงหรอก การกระทำพี่อาจจะใช่ แต่มันไม่ทั้งหมดไงแล้วคำพูดที่พี่พูดก็ไม่เหมือนเดิม บอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไง” ฉันพูดด้วยความอัดอั้นมองพี่เรย์อย่างมีความหวัง แต่พี่เรย์ก็ยังเงียบพรึบ!ฉันตัดสินใจปืนข้ามไปนั่งบนตักเขา หั
Ray Partหงุดหงิด!! โกรธทั้งโมโห ผมอยากจะฆ่าไอ้บ้านั่นให้ตายตรงนั้นเลย กว่าผมจะรู้ที่อยู่ของมันก็เกือบจะสายเกินไป ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครร่วมมือกับมัน!ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ หวังว่าจะดับไฟความโกรธในใจได้บ้าง ถามว่าผมโกรธมั้ยที่ฟ้าโกหก บอกเลยว่าโกรธมาก แต่ก็ห่วงมากฉิบหายเหมือนกัน ก็แค่บอกผมสักคำว่าจะไปกับมัน ไปงานวันเกิดบ้าๆ อะไรก็ช่าง! แค่บอกให้ผมรับรู้บ้าง ถ้าไม่ได้ไอ้เตอร์ช่วย เธอคงไม่รอดแน่ๆ ผมให้ไอ้เตอร์ไปเค้นถามที่อยู่ของไอ้กองทัพจากเพื่อนมันที่อยู่ในผับของไอ้เตอร์'ถ้ามันไม่บอกก็ฆ่ามันซะ!' นั่นคือสิ่งที่ผมพูดกับไอ้เตอร์ก่อนจะได้ที่อยู่ของกองทัพมา ผมนอนมองฟ้าที่เดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เดินก้มหน้าไปห้องน้ำ เอ่อ ดี! ไม่คิดจะเล่าอะไรหรือแก้ตัวเลยใช่ไหม?“พี่เรย์ หลับแล้วเหรอคะ” คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้นหลังจากคลานขึ้นมานอนข้างผม หึ! ตั้งแต่ตอนที่ทำผมโกรธก็พูดเพราะขึ้นมาเชียว พี่เรย์เหรอ..น่ารักชะมัด แต่ผมไม่ยอมหายโกรธเธอง่ายๆ แน่ หายโกรธไวเดี๋ยวก็ดื้ออีก อย่างน้อยต้องให้เธอสำนึกก่อน"พี่เรย์.." เพราะเสียงที่ดังคล้ายจะร้องทำให้ใจแข็งไม
แควก!เสียงเสื้อของฉันถูกฉีกขาด ความกลัวเข้ามาแทนที่ กองทัพไม่สนใจคำอ้อนวอนจากปากของฉันเลย กลับทำตัวป่าเถื่อนยิ่งขึ้น ชุดที่ฉันสวมอยู่ถูกฉีกขาดออกจากร่างอย่างไม่ปรานี“ไม่เอาน่า ร้องไห้ทำไม ไหนๆ ก็เคยมาแล้วนี่” กองทัพพูดด้วยน้ำเสียงหืดหาดในลำคอ เขาดูบ้าไปแล้ว“เธอสวยมากเลยนะฟ้า ไม่เสียดายเลยว่ะที่เลี้ยงเธอไว้ ถึงไม่ซิงก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” เขาพูดพร้อมกับก้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอฉัน สัมผัสนั้นทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงจนแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? เขายังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม? ฉันไม่น่าหลงเชื่อคนอย่างเขาเลย สุดท้ายเขาก็เห็นฉันไม่ต่างจากผู้หญิงที่เขาเก็บไว้เล่นสนุก“ไม่! นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! เรย์! เรย์ช่วยฉันด้วย ฮือ... เรย์ นายอยู่ไหน ช่วยด้วย!”ฉันร้องเรียกเรย์ด้วยความสิ้นหวัง ถ้าฉันเชื่อเขาตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ฉันขอโทษที่ไม่ฟังคำเตือนของเขา"กองทัพ… ฮึก! ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกันนะทัพ" ฉันอ้อนวอนพร้อมหันหน้าหนีจากริมฝีปากที่กำลังซุกไซ้ฉัน“เพื่อน? เพื่อนบ้าบออะไร เธอก็แค่คนที่ฉันเก็บไว้เล่นสนุกๆ เท่านั้นแหละ คิดเหรอว่าฉันจะคบผู้หญิงจนๆ
Ray Partจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้อยากทิ้งยัยตัวแสบของผมไว้ที่ห้องคนเดียวเลยนะ แต่ก็พาไปด้วยไม่ได้ เพราะผมต้องกลับไปทานข้าวกับแม่ที่บ้าน และว่าจะเข้าผับต่อ หวังว่าปล่อยให้อยู่คนเดียวคงไม่เป็นไร“มาแล้วเหรอลูก? มาๆ เข้าบ้านก่อน” แม่รีบออกมาต้อนรับทันทีที่ผมลงจากรถ“ครับแม่ วันนี้พ่ออยู่บ้านด้วยใช่มั้ยครับ?”“ใช่จ้ะ”“พี่เรย์ สวัสดีค่ะ! มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำก่อนนะคะ” ...ยัยนี้อีกแล้ว! นี่แหละเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน เพราะยัยต้นหญ้านี่ไง!“พ่อครับ สวัสดีครับ” ผมไม่สนใจยัยนั้น แต่หันไปหาพ่อที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขกแทน“สบายดีนะ ไอ้เสือ?”“สบายดีครับ แล้วพ่อช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ” ผมกับพ่อไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรนัก ส่วนมากพ่อจะชอบออกไปกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตีกอล์ฟกันบ้างตามประสา“ก็เรื่อยๆ นะ คนแก่แล้วก็เป็นแบบนี้แหละ” พ่อหัวเราะเบาๆ“ฟางข้าว หนูไปช่วยแม่จัดโต๊ะดีกว่า ให้สองหนุ่มเขาคุยกัน” แม่พูดพร้อมโอบไหล่ฟางข้าว ว่าที่ลูกสะใภ้ที่แม่รักนักหนา“ค่ะ คุณแม่” ฟางข้าวตอบอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเดินตามแม่ไป“แล้วกับหนูฟ้าเป็นไงบ้าง?” พ่อถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่ารู้เรื่องผมทุกอย่าง“ก็ดีครับ แต่จ
“ยังไม่ชินอีกเหรอ ต้องแรงๆ สิถึงจะมันส์” เขามองฉันอย่างกับจะกลืนกินฉันไปทั้งตัว ตอนนี้เราต่างก็ร่วมรักรุนแรงภายในกระตุกเกร็งเพราะความเสียวที่ไม่อาจทัดทานได้ อารมณ์ราคะที่ครอบงำทำให้ฉันเร่งขย่มเองรัวเร็วไม่แพ้กัน“อ๊ะๆๆ อื้อ! เรย์ เบา..อ๊ะ” เขาเร่งจังหวะตอกสวนระรัว ไม่นานนักเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ดังลั่นห้องไปหมด ฉันร้องครางออกมาด้วยความเสียว สองมือจิกต้นขาแกร่งแน่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยาน“อ๊ะ!! สะ...เสียว”“อืม อ่า..สุดยอดเลยเบบี๋ จุ๊บ”“อื้อ มันเสียวอะ! ชะ...ช่วยเบา อื้อ..เสียว” ฉันบอกเขาพร้อมกับเปลี่ยนไปกอดคอเขา เสียงหวานหลุดออกมาทุกครั้งที่เขากระแทกดุดัน แม้พยายามกลั้นเสียงหวีดร้องแต่มันก็เผลอหลุดออกมาทุกครั้ง พอจะอ้าปากต่อว่ากลับกลายเป็นเสียงหอบกระเส่าน่าอาย"เรย์..ไม่ไหวแล้ว อื้อ.."ฉันร้องขอความเมตตาจนเสียงแหบแห้ง“แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ อ่าส์” เขาจับฉันให้นอนราบลงกับเตียงแทนแล้วก็โถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนตอนนี้ฉันเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า“อ่าส์…เรย์ ขยับแรงๆ กว่านี้หน่อย” ตับ ตับ ตับ!“อ๊ะๆ อื้อ”“อะ! เรย์ มะ...ไม่ไหวแล้ว” ด้วยความเสียวซ่าน ฉันจิกผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อถูกกระทั้