@บริษัทxxx“ทำไมมีใบลาออกของคุณล่ะ”“ฉันขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งตั้งแต่แรก พอดีเพิ่งจะได้ใบลาออกมาจากผู้จัดการค่ะ”“ผมถามว่าทำไมถึงมีใบลาออก” คุณคินถามน้ำเสียงออกเกรี้ยวกราด“ฉันจะลาออกล่ะ”“ผมขอเหตุผล” “ฉันจะเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ค่ะ”“นี่เหรอเหตุผลของคุณ?”“ค่ะ นี่แหละค่ะเหตุผล” “ผมไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเหตุผลที่คุณลาออก”“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ?” “ผมขอความจริง เหตุผลจริงๆ ของคุณ” “นี่ไงคะเหตุผล คุณคิดว่าจะมันเป็นเหตุผลแบบไหน?” “ผมไม่ได้โง่นะ ที่จะไม่รู้ว่าที่คุณลาออกมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องย้ายที่ทำงาน” “เรื่องนี้ฉันคุยกับผู้จัดการมาได้สักพักแล้วค่ะ ที่ทำงานที่นี่มันค่อนข้างไกลจากบ้านของฉันมากพอสมควรค่ะ” “….” “เหตุผลที่ฉันจะลาออกก็มีแค่นี้แหละค่ะ ขอตัวนะคะ”“ผมไม่อนุมัติ”“คะ?” “ผมไม่ให้คุณลาออกจากที่นี่”“แต่ฉันเขียนใบลาออกไปแล้วนะคะ อีกอย่างผู้จัดการก็จัดการเรื่องเงินเดือนให้แล้วด้วย ส่วนเรื่องเลขาคนใหม่ผู้จัดการก็เปิดรับสมัครแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ”“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น เป็นเพราะเรื่องนั้นเหรอที่คุณลาออก”“เรื่องอะไรคะ?”“เรื่องของเรา…”“ไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ อันที่จริงมันไม่
@บริษัทxxฉันกำลังเก็บของที่ไม่ได้ใช้ใส่กล่องเพื่อที่จะเอาไปทิ้ง เพราะถ้าเอากลับไปด้วยฉันก็ไม่รู้จะใช้งานอะไรเหมือนกัน หลังจากวันนั้นฉันกับคุณคินก็คุยกันนับครั้งได้ แทบจะไม่คุยกันเลยด้วยซ้ำ ส่วนผู้จัดการก็ไม่ค่อยอะไรกับฉันเหมือนแต่ก่อน เรื่องพนักงานฉันก็ยังได้ยินแว่วๆ มาอยู่แต่ก็พยายามที่จะไม่สนใจอะไร เพราะอีกไม่กี่วันฉันก็จะออกจากที่นี่แล้ว เรื่องนี้ฉันไม่โทษใครเลยทุกอย่างฉันเป็นคนผิดเอง ผิดที่เผลอตัวเผลอใจทำเรื่องที่ไม่ควรทำแบบนั้น แกร๊ง! "เอ้า!" ฉันอุทานออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปก้มเก็บเหรียญที่ตกแล้วกลิ้งไปตรงหน้าห้องทำงานของคุณคิน ทว่าคุณคินเปิดประตูออกมาพอดีแล้วหยิบเหรียญนั่นไปก่อน "ขอโทษค่ะ ฉันขอคืนด้วยค่ะ""คุณไปเอามาจากไหน?" ".....""ผมถามว่าคุณไปเอาเหรียญนี่มาจากไหน""ทำไมคะ ทำไมคุณต้องดู....""ผมถามคุณก็ตอบ""ไม่รู้ค่ะฉันเจอตกอยู่ที่หน้าบริษัทก็เลยเก็บมา ไม่เคยเห็นเหรียญแบบนี้ก็เลยแปลกใจ เป็นของคุณเหรอคะ?" "....." เหรียญนั่นมันเป็นเหรียญที่ติดกระเป๋าของฉันมาในตอนนั้นไง ฉันเก็บใส่กระเป๋าสตางค์ของตัวเองเอาไว้ ไม่รู้ว่ามันเป็นของใครและถ้าหาเจ้าของไม่ได้ฉันก็คงจะเอามันทิ้ง
@เช้าวันต่อมา #บริษัทxx "เรื่องกล้องวงจรปิดไปถึงไหนแล้วคุณมาย""เมื่อวานผู้จัดการไม่อยู่ค่ะ ก็เลยไม่ได้ขอดูกล้องวงจรปิด แต่เห็นว่ากล้องวงจรปิดตรงหน้าบริษัทพอดี แล้วกำลังรอให้ช่างมาซ่อมค่ะ""เสีย?""ค่ะ เห็นว่าเสียมาได้สักพักแล้ว แต่ช่างยังไม่มาซ่อมให้" เรื่องนี้ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างฉันหรือเปล่าที่กล้องวงจรปิดตรงนั้นเสียพอดีเลย และเสียมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ยังไม่มีช่างมาซ่อมให้ "อะไรกัน ดูแลกันยังไงทำไมถึงปล่อยให้กล้องวงจรปิดเสียนานขนาดนี้ นี่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่บริษัทก็คงจะไม่รู้เลยสินะ" "....." ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเรื่องนี้ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย อีกอย่างฉันก็พูดไปตามที่รู้มา พนักงานที่ดูแลส่วนนี้เป็นคนบอกกับฉันเอง "บ้าจริง!" คุณคินทิ้งแฟ้มเอกสารลงบนพื้นด้วยความหงุดหงิด แค่เรื่องกล้องวงจรปิดเสียเขาถึงกับเป็นแบบนี้เลยเหรอ "แต่เห็นว่ากำลังจะรีบแก้ไขให้เสร็จนะคะ" "อืม...คุณออกไปได้แล้วผมอยากอยู่คนเดียว" "ค่ะ" ฉันหยิบแฟ้มเอกสารมาแล้วเดินออกมาจากห้องทำงานของคุณคินทันที ก็นั่นแหละเขาชอบอารมณ์เสียแบบนี้ทุกครั้งเลยตั้งแต่วันนั้นที่เราคุยกัน
@ร้านอาหาร “มีอะไรวะ ถึงได้เรียกกูมาปรึกษาที่นี่”“….” เวคินไม่ได้ตอบอะไรคนตรงหน้า เขาหยิบเหรียญที่ได้คืนมาให้กับเพื่อนตรงหน้าแทน “เฮ้ยไอ้คิน ไปได้คืนมาจากไหนวะ?” “มีคนเก็บได้ที่หน้าบริษัทของกู”“ถามจริงไอ้คิน?”“อืม…” “มันหายไปตั้งนานพอจะได้คืนกลับมา ก็กลับมาดื้อๆ แบบนี้เหรอวะ?” “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน กูอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำหล่นไว้ แต่กล้องวงจรปิดที่หน้าบริษัทมันเสียพอดีเลยว่ะ ก็เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำหล่น”“แล้วใครเป็นคนเก็บได้วะ?”“เลขากู”“อ๋อ…” “…..”“ได้คืนมาแล้วก็ช่างเถอะไอ้คิน ยังดีที่มึงได้คืนมาไม่อย่างนั้นตระกูลของมึงคงได้ถูกตัดออกจากองค์กร”“…..”“ได้ข่าวว่าแอบกิ๊กกับเลขาเหรอวะ” คนตรงหน้าเอ่ยถามเขาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “มึงรู้ได้ไง?” “ได้ยินคนที่บริษัทกูเขาพูดกันน่ะ ตอนแรกกูก็ไม่ได้ชื่ออะไรหรอก แต่พอได้เห็นสีหน้าของมึงกูถึงรู้ว่ามันเป็นความจริง”“อืม…แบบนี้สินะเธอถึงอยากลาออก”“ว่าไงนะ”“เธอเขียนใบลาออกแล้วจะลาออกตอนสิ้นเดือนนี้ กูถามหาเหตุผลจากเธอแต่เธอก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย เหตุผลที่เธอบอกกับกูแค่เพราะที่ทำงานมันไกลจากบ้าน หึ! เหตุผลน่าตลกมั้ยล่ะ”“ไอ้คิน…”“
@วันต่อมา #โรงเรียนอนุบาล "น้องอัศวินครับ เพื่อนของน้องอัศวินไม่มาเรียนเหรอครับ""เพื่อนคนไหนครับคุณอา ที่นี่ผมมีเพื่อนเยอะแยะเลย ผมไม่รู้ว่าคุณอาหมายถึงเพื่อนคนไหน" "ก็เพื่อนคนที่ชื่อสกายไง" "อ๋อสกาย มาเรียนครับแต่ตอนนี้ยังไม่มา" "เหรอครับ""คุณอามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ""อามีเรื่องอยากจะถามเพื่อนของเราสักหน่อยนะ" "อ๋อ...นั่นไงๆ สกายมาแล้วครับ" เวคินมองไปตามที่หลานชายบอก เขาเห็นสองฝาแฝดเดินจับมือกันมา เด็กสองคนนี้เหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เขาอยากจะมองหน้านานๆ "สวัสดีครับคุณลุง""สวัสดีค่ะคุณลุง" สองแฝดยกมือไหว้คนตรงหน้าเพราะจำได้ว่าเวคินคืออาของอัศวินเพื่อนของทั้งสองคน "สวัสดีครับ" "คุณลุงมาส่งอัศวินเหรอครับ""ครับ เดี๋ยวตอนพักกลางวันออกมาหาลุงที่หน้าโรงเรียนหน่อยนะลุงมีเรื่องจะคุยด้วย""เรื่องอะไรเหรอครับ?" น้องสกายขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเวคินด้วยความสงสัย "เอาเป็นว่าอย่าลืมออกมาเจอลุงด้วยนะครับ""ครับคุณลุง" แกพยักหน้าตอบรับก่อนจะพากันเดินเข้าไปด้านในโรงเรียน ตอนนี้ใกล้เวลาจะเข้าเรียนแล้วแน่นอนว่าไม่มีเวลามากพอที่จะคุยเรื่องที่เขาอยากรู้เลย @พักกลางวันสองฝาแฝดออกม
@บริษัทxx วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะต้องทำงานที่นี่ ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนที่ฉันเคยทำ ฉันไม่ได้สนใจไม่ได้สุงสิงกับใคร ฉันทำงานอยู่กับตัวเองไม่วุ่นวายกับใครเลยสักคน ฉันไม่รู้หรอกนะว่ายังมีคนพูดถึงฉันในทางที่ไม่ดีอีกหรือเปล่าแต่ฉันบอกได้เลยว่าฉันไม่สนใจ ฉันจะให้ความสำคัญกับคนที่ฉันรักและรักฉันแค่นั้นก็พอ ปึก!"อุ้ย! มีอะไรหรือเปล่าคะผู้จัดการ!?" ฉันสะดุ้งเพราะจู่ๆ ผู้จัดการก็วางเอกสารลงตรงหน้าของฉันอย่างแรง ราวกับว่าไปโมโหใครมาอย่างนั้นแหละ "ฝากเอกสารให้คุณคินด้วยนะ" "ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้าตอบรับก่อนจะเรียบเรียงเอกสารใหม่ แล้วเอาเดินเข้าไปให้คุณคินในห้องทำงาน น่าแปลกนะปกติผู้จัดการจะเอาเข้าไปให้เองนี่นา ทำไมครั้งนี้ถึงได้ใช้ให้ฉันเอาเข้าไปให้ล่ะ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า "ขออนุญาตค่ะ เอาเอกสารมาให้ค่ะ""เอกสารอะไร?""เป็นเอกสารที่ผู้จัดการเอามาให้ค่ะ""เอาวางไว้ก่อน ผมยังยุ่งอยู่""ค่ะ" "ทำไมผู้จัดการไม่เอาเข้ามาเอง""ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอดีผู้จัดการฝากเอามาให้" "ทะเลาะกันเหรอ?""คะ??""หมายถึงคุณกับผู้จัดการทะเลาะกันอีกเหรอ?""เปล่านะคะไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ผู้จัดกา
@ต่างจังหวัด “เย้ๆ ทะเลสวยมากเลยครับแม่ ผมลงไปเล่นได้หรือเปล่าครับ” “ยังไปเล่นไม่ได้นะครับ ต้องช่วยกันเอาของไปเก็บที่บ้านพักก่อนครับ” ฉันบอกกับลูกชาย แกร่ำว่าอยากลงเล่นน้ำทะเลตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว แต่ก็ต้องช่วยกันขนของไปไว้ในบ้านพักก่อน แกยังเด็กนะแต่ฉันก็อยากให้แกหัดช่วยเหลือตัวเองไว้ตั้งแต่ตอนนี้ โตขึ้นไปจะได้พึ่งพาตัวเองได้“ครับแม่” “แม่คะ แล้วเราจะมาอยู่กันกี่วัน”“เห็นลุงหมอกลางานมาอาทิตย์นึงนะ ก็น่าจะได้อยู่ที่นี่อาทิตย์นึงแหละ” “เย้ๆ หนูจะเล่นน้ำทะเลทุกวันเลยค่ะ”“….” ฉันขนของเอาเข้าไปเก็บไว้ในบ้านพัก ก่อนจะเดินออกมาด้านนอก ซึ่งสองแฝดก็กำลังเตรียมที่จะลงเล่นน้ำแล้ว “แม่ครับ ไปเล่นน้ำด้วยกันนะครับ”“ไปเล่นกับลุงหมอกเลยลูก” “ครับแม่” “แต่แม่มีเรื่องที่จะต้องตกลงกับเราสองคนนะ”“ครับ มีเรื่องอะไรเหรอครับ” “แม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้ แต่ถ้าถึงเวลากลับขึ้นมาแล้วก็ห้ามดื้อ และห้ามไปวิ่งเล่นที่ไหนไกลห้ามออกไปไหนโดยที่ไม่บอกลุงหรือแม่ เข้าใจมั้ยทั้งสองคน”“เข้าใจครับ\\ค่ะ” “โอเค ไปเล่นกันได้ค่ะ” ฉันยืนมองลูกฝาแฝดวิ่งลงไปในทะเลพร้อมกับลุงหมอก ฉันต้องทำเรื่องตกลงกันเอาไว้ก่อน ถึงตอ
@สามวันต่อมา "เด็กๆ ไปไหนกันหมดเหรอพี่ ทำไมบ้านเงียบจัง" ฉันถามพี่หมอก เพราะก้าวขาเดินเข้ามาในบ้านแล้วไม่ได้ยินเสียงเด็กๆ เลยแม้แต่คนเดียว หรือว่ายังเล่นน้ำกันยังไม่ยอมขึ้นมาก็ไม่รู้ "สองแฝดขอไปเล่นบ้านของน้องอัศวินน่ะ พี่ก็เลยอนุญาตให้ไปบ้านพักอยู่ถัดไปอีกไม่ไกลเอง" "แล้วใครเป็นคนพาไปพี่หมอก?""คุณคินนั่นแหละ" "....." ฉันไม่ได้ตอบอะไรพี่หมอก ถึงจะไม่อยากให้ไปอยู่ใกล้กับคุณคินแต่ฉันก็ห้ามไม่ให้เด็กๆ เล่นกันไม่ได้หรอก "พี่ถามอะไรหน่อยสิ""ค่ะ""เราจะปิดบังเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน?""เรื่องอะไรคะ?""พี่รู้นะ ว่าเรารู้ว่าพี่หมายถึงอะไร" ".....""มายไม่กลัวว่าเขาจะสงสัยเหรอ" "ทำไมต้องมาสงสัยอะไรด้วยล่ะพี่" "เราไม่ได้สังเกตุอะไรเลยเหรอ บนโต๊ะกินข้าวพี่เห็นคุณคินเขาเขี่ยผักออกไปไว้ข้างจานเหมือนกับสกายเลย มายคิดว่าสกายไม่กินผักเหมือนใครในเมื่อมายก็ชอบกินผักน้องสโนว์ก็ชอบกินผักเหมือนกับมาย" "คนไม่ชอบกินผักก็มีอยู่เยอะแยะนะพี่ ไม่เห็นต้องเจาะจงไปที่เขาเลย" "แต่เขาคือเจ้าของเหรียญ คือคนที่มายไปมีอะไรด้วยไม่ใช่เหรอ" "....." ตอนแรกก็ไม่ได้แน่ใจอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้ฉันกลับกลัวไปหมดกลัว
6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้
@สามวันต่อมา "นี่เราจะไปไหนกันเหรอ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ" ฉันถามคุณเวคิน เพราะเขายังไม่ยอมบอกเลยว่าจะไปไหน เอาแต่รีบเก็บเสื้อผ้าอย่างกับว่ามีเรื่องด่วนอะไร "ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะถึงเดี๋ยวคุณก็รู้เอง" เขาหันมาตอบ จะไม่ให้ฉันอยากรู้ได้ยังไงในเมื่อเขาพูดกำกวมแบบนี้ จะบอกฉันให้มันจบไปตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะปิดบังไปทำไม "ถ้าคุณไม่ตอบฉันก็ไม่ไป" ฉันพูดเสียงแข็ง พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ถ้าเขาไม่ยอมบอกฉันก็ไม่ไปจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างลูกๆ ของฉันก็ยังไม่กลับมาเลย ถ้าฉันไปแล้วพวกแกกลับมาไม่เจอร้องไห้หาฉันขึ้นมาจะทำยังไง "พ่อของผมจองรีสอร์ทเอาไว้ ให้เราสองคนไปพักกัน จะพักกี่คืนก็ได้ตามใจ ส่วนเด็กๆ ก็รู้เรื่องนี้แล้ว พวกแกไปเที่ยวอยู่กับพ่อของผมอีกที่นึง คุณไม่ต้องกลัวหรอกเด็กๆ สนุกกันจะตาย น้องอัศวินก็อยู่ที่นั่นด้วย" "ห๊ะ!? นี่พ่อของคุณลงทุนจองรีสอร์ทให้เลยเหรอ?""อืม..ท่านบอกว่าเราจะได้มีลูกกันเร็วๆ" "มันบังคับกันได้ด้วยเหรอคุณ ตอนที่ฉันท้องสองแฝดก็กว่าจะรู้ตัวก็ร่วมสองเดือนเลย" นี่ก็เพิ่งจะมีอะไรกันแค่ 2-3 วันเอง จะให้ท้องเลยก็คงจะไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน "พ่อผมค
@ตกดึกของอีกวัน “อื้อคุณ…ทำอะไรเนี่ย!?” เธอตะเบ็งเสียงถามขึ้น เมื่อกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่หน้ากระจก ก็ถูกเขาเข้ามานั่งซ้อนอยูู่ข้างหลังและเริ่มลูบไล้ขาอ่อนของเธอไปมา “ไม่น่าถามนะ ว่าจะทำอะไร” เวคินเอ่ยพูดพร้อมกับกวาดตามองเรือนร่างของเธอตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหน้าอกอวบอิ่ม “อือ อย่าสิคุณ” เธอร้้องปรามคนด้านหลัง เพราะไม่ชอบให้เขาเข้ามาจุกจิกกับเธอตอนที่ยังต้องทำอะไรอยู่่แบบนี้ “พ่อของผมอยากมีหลานนะ ลูกแค่สองคนจะพออะไร สมบัติของพ่อผมก็มีตั้งมากมาย”“ฉันไม่ได้หวังสมบัติจากพ่อของคุณเลยนะคะ”“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น หมายถึงถ้าเรามีลูกหลายคน สมบัติก็จะถูกแบ่งไปอีกไง”“แต่พ่อของคุณท่านก็มีลูกอีกไม่ใช่เหรอคะ” ลูกที่ว่าก็น่าจะหมายถึงพี่สาวของเวคิน ซึ่งเธอเองก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมเท่านั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ที่จะสามารถได้รับสมบัติทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมแบ่งอะไรให้เลย “ใช่ แต่นั่นก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมนะ ได้แค่ส่วนของพ่อผมเท่านั้น ส่วนสมบัติที่เป็นของแม่ผมพี่สาวของผมก็ไม่ได้หรอกเพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่”“อือ..แต่ฉันเหนื่อย” เธอพยายามหาข้ออ้าง กลัวว่าจะมีอะไรกันหนักหน่วงเหมือนกับวันก่อน แล้วลูก
@เช้าวันต่อมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง แกร้ก! ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่เด็กฝาแฝดสองคนจะจูงมือกันเดินเข้ามา และก็ได้พบว่าผู้เป็นพ่อและแม่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว "พ่อกับแม่ยังไม่ตื่นเลยสกาย" สโนว์เอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆ "ปลุกไหม?" สกายหันไปกระซิบถามน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง "ทำไมพ่อกับแม่ไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ?" สโนว์พูดขึ้นด้วยความสงสัย และก็อยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยนี้ "พ่อกับแม่ร้อนหรือเปล่า" สกายตอบ "ตอนนี้สายแล้วทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก" สโนว์พูด พลางมองไปที่ผู้เป็นพ่อกับแม่ "อื้ออ~~" เวคินบิดตัวไปมาเล็กน้อย เพราะได้ยินเสียงพูดอู้อี้อยู่ข้างๆ หู ก่อนจะปรือตาขึ้นแล้วกรอกตามองไปรอบๆ จนกระทั่งได้เห็นลูกๆ ยืนอยู่ข้างเตียง "อือ..มีอะไรหรือเปล่าลูก?" "ทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีกคะ แล้วทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า" "!!!" พอน้องสโนว์พูดจบเท่านั้นแหละ เวคินก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกของตัวเองทันที "มะ เมื่อคืนมันร้อนน่ะลูก พ่อก็เลยไม่ได