@บริษัทxx วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะต้องทำงานที่นี่ ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนที่ฉันเคยทำ ฉันไม่ได้สนใจไม่ได้สุงสิงกับใคร ฉันทำงานอยู่กับตัวเองไม่วุ่นวายกับใครเลยสักคน ฉันไม่รู้หรอกนะว่ายังมีคนพูดถึงฉันในทางที่ไม่ดีอีกหรือเปล่าแต่ฉันบอกได้เลยว่าฉันไม่สนใจ ฉันจะให้ความสำคัญกับคนที่ฉันรักและรักฉันแค่นั้นก็พอ ปึก!"อุ้ย! มีอะไรหรือเปล่าคะผู้จัดการ!?" ฉันสะดุ้งเพราะจู่ๆ ผู้จัดการก็วางเอกสารลงตรงหน้าของฉันอย่างแรง ราวกับว่าไปโมโหใครมาอย่างนั้นแหละ "ฝากเอกสารให้คุณคินด้วยนะ" "ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้าตอบรับก่อนจะเรียบเรียงเอกสารใหม่ แล้วเอาเดินเข้าไปให้คุณคินในห้องทำงาน น่าแปลกนะปกติผู้จัดการจะเอาเข้าไปให้เองนี่นา ทำไมครั้งนี้ถึงได้ใช้ให้ฉันเอาเข้าไปให้ล่ะ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า "ขออนุญาตค่ะ เอาเอกสารมาให้ค่ะ""เอกสารอะไร?""เป็นเอกสารที่ผู้จัดการเอามาให้ค่ะ""เอาวางไว้ก่อน ผมยังยุ่งอยู่""ค่ะ" "ทำไมผู้จัดการไม่เอาเข้ามาเอง""ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอดีผู้จัดการฝากเอามาให้" "ทะเลาะกันเหรอ?""คะ??""หมายถึงคุณกับผู้จัดการทะเลาะกันอีกเหรอ?""เปล่านะคะไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ผู้จัดกา
@ต่างจังหวัด “เย้ๆ ทะเลสวยมากเลยครับแม่ ผมลงไปเล่นได้หรือเปล่าครับ” “ยังไปเล่นไม่ได้นะครับ ต้องช่วยกันเอาของไปเก็บที่บ้านพักก่อนครับ” ฉันบอกกับลูกชาย แกร่ำว่าอยากลงเล่นน้ำทะเลตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว แต่ก็ต้องช่วยกันขนของไปไว้ในบ้านพักก่อน แกยังเด็กนะแต่ฉันก็อยากให้แกหัดช่วยเหลือตัวเองไว้ตั้งแต่ตอนนี้ โตขึ้นไปจะได้พึ่งพาตัวเองได้“ครับแม่” “แม่คะ แล้วเราจะมาอยู่กันกี่วัน”“เห็นลุงหมอกลางานมาอาทิตย์นึงนะ ก็น่าจะได้อยู่ที่นี่อาทิตย์นึงแหละ” “เย้ๆ หนูจะเล่นน้ำทะเลทุกวันเลยค่ะ”“….” ฉันขนของเอาเข้าไปเก็บไว้ในบ้านพัก ก่อนจะเดินออกมาด้านนอก ซึ่งสองแฝดก็กำลังเตรียมที่จะลงเล่นน้ำแล้ว “แม่ครับ ไปเล่นน้ำด้วยกันนะครับ”“ไปเล่นกับลุงหมอกเลยลูก” “ครับแม่” “แต่แม่มีเรื่องที่จะต้องตกลงกับเราสองคนนะ”“ครับ มีเรื่องอะไรเหรอครับ” “แม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้ แต่ถ้าถึงเวลากลับขึ้นมาแล้วก็ห้ามดื้อ และห้ามไปวิ่งเล่นที่ไหนไกลห้ามออกไปไหนโดยที่ไม่บอกลุงหรือแม่ เข้าใจมั้ยทั้งสองคน”“เข้าใจครับ\\ค่ะ” “โอเค ไปเล่นกันได้ค่ะ” ฉันยืนมองลูกฝาแฝดวิ่งลงไปในทะเลพร้อมกับลุงหมอก ฉันต้องทำเรื่องตกลงกันเอาไว้ก่อน ถึงตอ
@สามวันต่อมา "เด็กๆ ไปไหนกันหมดเหรอพี่ ทำไมบ้านเงียบจัง" ฉันถามพี่หมอก เพราะก้าวขาเดินเข้ามาในบ้านแล้วไม่ได้ยินเสียงเด็กๆ เลยแม้แต่คนเดียว หรือว่ายังเล่นน้ำกันยังไม่ยอมขึ้นมาก็ไม่รู้ "สองแฝดขอไปเล่นบ้านของน้องอัศวินน่ะ พี่ก็เลยอนุญาตให้ไปบ้านพักอยู่ถัดไปอีกไม่ไกลเอง" "แล้วใครเป็นคนพาไปพี่หมอก?""คุณคินนั่นแหละ" "....." ฉันไม่ได้ตอบอะไรพี่หมอก ถึงจะไม่อยากให้ไปอยู่ใกล้กับคุณคินแต่ฉันก็ห้ามไม่ให้เด็กๆ เล่นกันไม่ได้หรอก "พี่ถามอะไรหน่อยสิ""ค่ะ""เราจะปิดบังเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน?""เรื่องอะไรคะ?""พี่รู้นะ ว่าเรารู้ว่าพี่หมายถึงอะไร" ".....""มายไม่กลัวว่าเขาจะสงสัยเหรอ" "ทำไมต้องมาสงสัยอะไรด้วยล่ะพี่" "เราไม่ได้สังเกตุอะไรเลยเหรอ บนโต๊ะกินข้าวพี่เห็นคุณคินเขาเขี่ยผักออกไปไว้ข้างจานเหมือนกับสกายเลย มายคิดว่าสกายไม่กินผักเหมือนใครในเมื่อมายก็ชอบกินผักน้องสโนว์ก็ชอบกินผักเหมือนกับมาย" "คนไม่ชอบกินผักก็มีอยู่เยอะแยะนะพี่ ไม่เห็นต้องเจาะจงไปที่เขาเลย" "แต่เขาคือเจ้าของเหรียญ คือคนที่มายไปมีอะไรด้วยไม่ใช่เหรอ" "....." ตอนแรกก็ไม่ได้แน่ใจอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้ฉันกลับกลัวไปหมดกลัว
@โรงพยาบาล "มึงแน่ใจแล้วนะไอ้คินที่จะให้กูทำแบบนี้ ถ้าผอ.รู้เรื่องนี้กูเด้งออกจากอาชีพนี้แน่ หากินอาชีพนี้ไม่ได้อีกแล้ว" เพื่อนหมอของเวคินพูดออกมาด้วยความหนักใจ เพราะสิ่งที่เขาขอมันค่อนข้างเสี่ยงมากพอสมควร "เอาน่าไอ้หมอ ช่วยกูหน่อยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกูรับผิดชอบเอง" เวคินตบบ่าเพื่อนเบาๆ เด็กถ้ายังอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ การตรวจ DNA หรือการกระทำอะไรก็ตามต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ดูแลไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กที่เวคินต้องการให้ตรวจ DNA ก็เพิ่งจะ 6-7 ขวบเอง และก็ไม่ได้รับอนุญาตจากคนเป็นแม่ด้วย "ทำไมมึงต้องอยากรู้ด้วยวะไอ้คิน" "กูแค่สงสัยน่ะ จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ แต่ตรวจไปก็ไม่เสียหายอะไร" "มึงไม่เสียหายแต่กูนี่เสี่ยงแทบตายอะดิไอ้คิน" "ช่วยกูหน่อยนะไอ้เพื่อนรัก ถ้ามึงไม่ช่วยกู กูก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจริงๆ" "โห...มึงเล่นพูดขนาดนี้กะจะไม่ให้กูปฏิเสธเลยนี่หว่า" "นะๆ เพื่อนรัก""เออๆ เดี๋ยวกูจะจัดการเรื่องนี้ให้ก็แล้วกัน แต่เรื่องผลตรวจต้องรอสักระยะนะ ได้แล้วเดี๋ยวกูโทรไปบอก""โอเคๆ ฝากด้วยนะเพื่อน""เออ" เวคินเดินออกมาจากโรงพยาบาลที่เพื่อนสนิทข
@โรงพยาบาล "กูนึกว่ามึงลืมไปแล้วซะอีกว่ากูขอให้มึงทำอะไรให้" เวคินพูดขึ้นมา หลังจากที่ให้เพื่อนสนิทช่วยตรวจดีเอ็นเอให้ผ่านมาหลายอาทิตย์เขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบเลยจนกระทั่งวันนี้ "กูไม่ได้ลืม แต่กูบอกแล้วไงว่ามันต้องใช้เวลา" เพื่อนหมอของเวคินพูดขึ้น "ไหนล่ะผลตรวจ" "อยู่ในซอง" "แล้วมึงจะเอายังไงต่อไป" "....." เวคินยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะเขากำลังยุ่งอยู่กับการเปิดซองผลตรวจที่ได้มาจากเพื่อนหมอ "ไอ้คิน!""เออ มีอะไรของมึง" "แล้วทำไมมึงถึงอยากตรวจล่ะ กูเคยถามมึงตั้งแต่คราวนั้นแล้ว แต่มึงก็ไม่ได้ตอบอะไร" "ทำไม?" "ทำไมถึงสงสัยว่ามึงมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น""กูก็แค่สงสัย" "แล้วมึงไม่กลัวพ่อของมึงรู้เหรอวะ ตอนนี้มึงก็แต่งงานไปแล้ว ถ้ามึงอยากมีลูกก็มีกับเมียแต่งของมึงก็ได้นี่หว่า" "หวังว่ามึงจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้นอกจากเรา มึงรู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น" "อืมรู้" เวคินก้มหน้าลงอ่านผลตรวจในกระดาษที่อยู่ในมือ ผลตรวจทำเอาเขาถึงกับนั่งนิ่งไม่ขยับเลย "เรื่องนี้แหละที่กูอยากรู้ว่ามึงจะเอายังไงต่อ""มึงรู้ผลแล้วเหรอวะ?" "กูเป็นคนตรวจเองกูก็ต้องรู้ผลก
@เวลาต่อมา "ทำไมเราต้องย้ายบ้านกันด้วยครับแม่" เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ขณะที่กำลังช่วยกันขนของขึ้นรถอยู่เพราะบ้านหลังนี้มีคนมาซื้อต่อแล้ว จึงต้องรีบเก็บข้าวของและย้ายออกไป "เก็บของกันก่อนเถอะลูกแล้วค่อยคุยกัน" มายบอกกับลูกชายของตัวเอง "แล้วเราจะได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่าครับ" "คงไม่ได้กลับมาแล้วล่ะ บ้านหลังนี้เราขายไปแล้วนี่นาจะกลับมาอยู่ได้ยังไง" เธอบอกกับลูกชายไปตามตรง เด็กน้อยฝาแฝดเติบโตมากับบ้านหลังเล็กๆ ที่แสนจะอบอุ่นหลังนี้ทั้งสอนกับบ้านหลังนี้มาก พอจะต้องย้ายออกไปก็เลยทำใจไม่ได้ "คุณลุงยังมาถามอยู่เลยครับว่าเราจะย้ายไปอยู่กันที่ไหน""ว่าไงนะ แล้วน้องสกายตอบไปว่ายังไง?" "ผมบอกไปว่าไม่รู้ครับ ผมบอกให้คุณลุงมาถามแม่แต่คุณลุงไม่ยอมมา""คราวหน้าถ้ามีใครมาถามอะไรอย่าไปตอบเขานะลูก ถ้าเป็นคนไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง""แต่คุณลุงเป็นคนดีนะครับ""แม่พูดถึงรวมๆ น่ะลูก ถ้ามีคนมาถามว่าบ้านอยู่ที่ไหนอยู่กับใครก็อย่าไปบอกเขานะลูก ยิ่งคนแปลกหน้าคนไม่รู้จักเราต้องยิ่งตีตัวออกห่าง" "ครับแม่ แต่ผมจะไม่ได้เจอกับอัศวินแล้วเหรอครับ""สักวันก็ต้องได้กลับมาเจอกันอยู่ดี ตอนนี้ทุกคนต่างก็แยกย้า
@เวลาต่อมา เอี๊ยด!!มีรถเก๋งขับมาจอดตรงหน้าของมาย ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย "ขึ้นมา!" ด้วยความอยากรู้ทำให้เธอโน้มตัวลงไปมองเจ้าของรถ เผื่อว่าเขาจำผิดคนเธอก็จะได้บอกให้รู้ ทว่า...น่าจะไม่จำผิดคนหรอก เพราะคนตรงหน้าของเธอก็คือเวคิน "คุณมาทำอะไรคะ?" "ผมบอกให้ขึ้นรถ" "ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณบอกด้วย" "จะขึ้นดีๆ หรือจะให้ผมไปอุ้มคุณ!?" "...." มายยืนชั่งใจอยู่ได้สักพักก่อนจะเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งอยู่ในรถกับเขา "คุณจะพาฉันไปไหนคะ" "....." เวคินไม่ได้ตอบอะไร เขาเลือกที่จะขับรถออกไปด้วยความเร็วจนกระทั่งรถจอดอยู่ตรงจุดอับที่ไม่มีใครมองเห็น "คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ!?" "ผมรู้แล้วนะ""รู้อะไรคะ?" "ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจความหมายของผมดีนะ" ".....""เด็กสองคนนั้นเป็นลูกของผม" "จะบ้าเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่า..." เธอเถียงกลับไปแต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เขาก็เถียงขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน "เมื่อไหร่คุณจะเลิกโกหก!" "ฉันไปโกหกคุณตอนไหน?" "ถ้าผมไม่แอบตรวจดีเอ็นเอ ผมก็จะไม่รู้เลยใช่ไหมว่าคุณกำลังปิดบังเรื่องนี้กับผมอยู่" "นี่คุณ...""ใช่! ผมแอบเอา DNA ของลูกไปตรวจเอง และผลก็บอกว่า
@โรงเรียนccc “สวัสดีครับน้องสกายน้องสโนว์”“สวัสดีครับคุณลุง” พี่ชายฝาแฝดเอ่ยทักทายตามมารยาท แต่ถูกน้องสาวฝาแฝดดึงแขนเบาๆ แล้วกระซิบข้างๆ หู “แม่บอกว่าไม่ให้คุยกับคุณลุงนะ จำไม่ได้เหรอสกาย” เพราะไม่อยากให้แม่ไม่พอใจ และไม่อยากขัดคำสั่งของแม่สกายเลยต้องทำตาม “ขอโทษด้วยครับคุณลุง พวกเราต้องไปเรียนแล้ว”“นี่มันยังเที่ยงอยู่เลยนะ ทำไมรีบเข้าเรียนแล้วล่ะ?” “….” “ลุงรู้ว่าเราสองคนกลัวแม่ดุแต่ถ้าแม่เราไม่รู้เราก็จะไม่โดนดุนะ”“….”“ลุงมีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วยนะ”“เรื่องอะไรครับ?” “เราสองคนเคยคิดอยากมีพ่อมั้ย?”“ทำไมคุณลุงถึงถามแบบนั้นล่ะครับ แม่บอกว่าเราสองคนไม่มีพ่อนี่ครับ แล้วทำไมเราสองคนต้องอยากมีด้วย” “ลุงแค่อยากรู้น่ะ เพราะถ้าลุงบอกว่าลุงเป็นพ่อของเราสองคนจะเชื่อมั้ย”“….” สองแฝดทำหน้างง พร้อมกับหันหน้ามองกันด้วยความสงสัย “เป็นพ่อเหรอคะ?”“ใช่ครับ เป็นพ่อ”“แล้วทำไมคุณลุงถึงมาเป็นพ่อของเราได้ล่ะคะ คุณลุงเป็นคุณอาของอัศวินนะคะ”“เป็นคุณอาของอัศวินแต่เป็นพ่อของเราสองคนไง” “แล้วคุณลุงไปอยู่ไหนมาครับ ทำไมถึงปล่อยให้พวกเราสองคนอยู่กับแม่กับลุง ทำไมพ่อถึงไม่มาหาเราบ้าง” “นั่นน่ะสิค
6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้
@สามวันต่อมา "นี่เราจะไปไหนกันเหรอ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ" ฉันถามคุณเวคิน เพราะเขายังไม่ยอมบอกเลยว่าจะไปไหน เอาแต่รีบเก็บเสื้อผ้าอย่างกับว่ามีเรื่องด่วนอะไร "ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะถึงเดี๋ยวคุณก็รู้เอง" เขาหันมาตอบ จะไม่ให้ฉันอยากรู้ได้ยังไงในเมื่อเขาพูดกำกวมแบบนี้ จะบอกฉันให้มันจบไปตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะปิดบังไปทำไม "ถ้าคุณไม่ตอบฉันก็ไม่ไป" ฉันพูดเสียงแข็ง พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ถ้าเขาไม่ยอมบอกฉันก็ไม่ไปจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างลูกๆ ของฉันก็ยังไม่กลับมาเลย ถ้าฉันไปแล้วพวกแกกลับมาไม่เจอร้องไห้หาฉันขึ้นมาจะทำยังไง "พ่อของผมจองรีสอร์ทเอาไว้ ให้เราสองคนไปพักกัน จะพักกี่คืนก็ได้ตามใจ ส่วนเด็กๆ ก็รู้เรื่องนี้แล้ว พวกแกไปเที่ยวอยู่กับพ่อของผมอีกที่นึง คุณไม่ต้องกลัวหรอกเด็กๆ สนุกกันจะตาย น้องอัศวินก็อยู่ที่นั่นด้วย" "ห๊ะ!? นี่พ่อของคุณลงทุนจองรีสอร์ทให้เลยเหรอ?""อืม..ท่านบอกว่าเราจะได้มีลูกกันเร็วๆ" "มันบังคับกันได้ด้วยเหรอคุณ ตอนที่ฉันท้องสองแฝดก็กว่าจะรู้ตัวก็ร่วมสองเดือนเลย" นี่ก็เพิ่งจะมีอะไรกันแค่ 2-3 วันเอง จะให้ท้องเลยก็คงจะไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน "พ่อผมค
@ตกดึกของอีกวัน “อื้อคุณ…ทำอะไรเนี่ย!?” เธอตะเบ็งเสียงถามขึ้น เมื่อกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่หน้ากระจก ก็ถูกเขาเข้ามานั่งซ้อนอยูู่ข้างหลังและเริ่มลูบไล้ขาอ่อนของเธอไปมา “ไม่น่าถามนะ ว่าจะทำอะไร” เวคินเอ่ยพูดพร้อมกับกวาดตามองเรือนร่างของเธอตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหน้าอกอวบอิ่ม “อือ อย่าสิคุณ” เธอร้้องปรามคนด้านหลัง เพราะไม่ชอบให้เขาเข้ามาจุกจิกกับเธอตอนที่ยังต้องทำอะไรอยู่่แบบนี้ “พ่อของผมอยากมีหลานนะ ลูกแค่สองคนจะพออะไร สมบัติของพ่อผมก็มีตั้งมากมาย”“ฉันไม่ได้หวังสมบัติจากพ่อของคุณเลยนะคะ”“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น หมายถึงถ้าเรามีลูกหลายคน สมบัติก็จะถูกแบ่งไปอีกไง”“แต่พ่อของคุณท่านก็มีลูกอีกไม่ใช่เหรอคะ” ลูกที่ว่าก็น่าจะหมายถึงพี่สาวของเวคิน ซึ่งเธอเองก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมเท่านั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ที่จะสามารถได้รับสมบัติทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมแบ่งอะไรให้เลย “ใช่ แต่นั่นก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมนะ ได้แค่ส่วนของพ่อผมเท่านั้น ส่วนสมบัติที่เป็นของแม่ผมพี่สาวของผมก็ไม่ได้หรอกเพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่”“อือ..แต่ฉันเหนื่อย” เธอพยายามหาข้ออ้าง กลัวว่าจะมีอะไรกันหนักหน่วงเหมือนกับวันก่อน แล้วลูก
@เช้าวันต่อมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง แกร้ก! ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่เด็กฝาแฝดสองคนจะจูงมือกันเดินเข้ามา และก็ได้พบว่าผู้เป็นพ่อและแม่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว "พ่อกับแม่ยังไม่ตื่นเลยสกาย" สโนว์เอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆ "ปลุกไหม?" สกายหันไปกระซิบถามน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง "ทำไมพ่อกับแม่ไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ?" สโนว์พูดขึ้นด้วยความสงสัย และก็อยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยนี้ "พ่อกับแม่ร้อนหรือเปล่า" สกายตอบ "ตอนนี้สายแล้วทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก" สโนว์พูด พลางมองไปที่ผู้เป็นพ่อกับแม่ "อื้ออ~~" เวคินบิดตัวไปมาเล็กน้อย เพราะได้ยินเสียงพูดอู้อี้อยู่ข้างๆ หู ก่อนจะปรือตาขึ้นแล้วกรอกตามองไปรอบๆ จนกระทั่งได้เห็นลูกๆ ยืนอยู่ข้างเตียง "อือ..มีอะไรหรือเปล่าลูก?" "ทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีกคะ แล้วทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า" "!!!" พอน้องสโนว์พูดจบเท่านั้นแหละ เวคินก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกของตัวเองทันที "มะ เมื่อคืนมันร้อนน่ะลูก พ่อก็เลยไม่ได