@กรุงเทพ
พอลงรถได้ ฉันก็นั่งแท็กซี่ต่อเพื่อไปที่บ้านของพี่เจ้าป่า ฉันรู้ว่าบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่ เพราะเจ้แอมบอกฉันว่าย้ายบ้านแล้ว และเคยชวนฉันไปเล่นที่บ้านใหม่ของเจ้ แต่ฉันไม่ได้ไป เรื่องแม่ ฉันไม่ได้บอกให้เจ้แอมรู้หน้าบ้าน....
ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้ารั้วประตูบ้าน ด้านในบ้านมีรถหรูจอดอยู่ พอเห็นแบบนั้นมันทำให้ใจฉันมันเต้นรัวขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าพี่ขุนเขากำลังรออยู่ภายในบ้าน กริ่ง~เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น คนที่โทรมาคือพี่ขุนเขา ฉัน " ฮะ...." ขุนเขา " ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ว่างมานั่งรอเธอทั้งวัน ถ้าภายใน10นาทีเธอยังไม่เข้ามา ฉันจะกลับ" น้ำเสียงที่ดูจะหงุดหงิดของคนที่พูดปลายสายเอ่ยขึ้น ฉัน "ยะ อยู่หน้าบ้านแล้ว" ขุนเขา " เออ ก็รีบเข้ามาดิวะแม่ง" ติด! สายถูกตัดไปทันทีที่เขาวีนใส่ฉันจบ ฉันมองรั้วบ้านแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ถ้าแม่ฉันไม่ป่วยฉันคงไม่ต้องเลือกทำแบบนี้ ขอโทษจริงๆนะพี่ขุนเขา หนูจำเป็นต้องโกหก พี่คือความหวังของหนูจริงๆ ฉันพูดในใจก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และเปิดประตูรั้วบ้านเดินเข้าไปภายในตัวบ้าน ภายในบ้านเงียบสนิท เงียบซะจนฉันแทบไม่อยากจะก้าวขาเดินต่อเลย "จะยืนทื่ออยู่ทำไม !!" เฮือก.... เสียงอันทรงพลังท้วงขึ้น เมื่อฉันเอาแต่ยืนแข็งทื่อไม่ขยับไปไหน จากนั้นร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่ฉันนัดให้เขามาเจอก็เดินผ่านหน้าฉันไม่ในห้องรับแขก โดยที่ไม่หันกลับมามองหน้าฉันเลย ตอนนี้ขนฉันมันลุกซู่ไปทั่วตัวแล้ว ฉันกลั้นใจเดินตามเขาเข้าไปในห้องรับแขกอย่างกล้าๆกลัวๆ @ห้องรับแขก ใบหน้าบึ้งตึงของคนตรงหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาดูจะไม่สบอารมณ์เอามากๆ "มีอะไรก็พูด จะเงียบเพื่อ ?" "เอ่อ...." ตึกตักตึกตัก ไอ้หัวใจบ้า จะเต้นรัวทำไมขนาดนี้ ไอ้พี่ขุนเขาก็เหมือนกัน ทำไมต้องทำท่าทางแบบนี้ด้วย ฉันกลัวนะ "อยากได้เงินหรอ จะเอาเท่าไหร่ว่ามา ?" เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ พอได้ยินแบบนี้ฉันก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที เพราะฉันว่ายังไงเขาก็คงต้องยอมจ่ายให้ฉันง่ายๆแน่ๆ "จะมานั่งเงียบหรือไงวะ !!" เขาพูดเสียงดังจนฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อย ใจหายใจคว่ำหมด "คะ คือว่า นะ นะ หนู หนู ทะ ท้อง...." พูดจบฉันก็ก้มหน้าลง มือประสานเข้าหากันพร้อมกับจิกเล็บลงบนฝ่ามือจนเกิดเป็นรอย "วะ ว่าไงนะ !!" ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้าก็พอจะรู้ว่าพี่ขุนเขา เขาตกใจขนาดไหน "หนูท้องค่ะ" ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนจะแสร้งทำสีหน้าจริงจัง ในใจตอนนี้ฉันได้แต่พูดคำว่าขอโทษ ขอโทษที่ต้องโกหก วนไปซ้ำๆเป็นสิบๆรอบ "เอาแค่ครั้งเดียวเธอท้อง ?" พี่ขุนเขาเลิกคิ้วขึ้นถามฉัน ฉันค่อยๆเม้มปากเข้าหากันแน่นก่อนจะพยักหน้าตอบเขา จากนั้นใบหน้าของพี่ขุนเขาที่มีเลือดฝาดอยู่ก็แปลเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ซีดเผือดทันที "ฉันมีคนรักอยู่แล้ว ฉันรับผิดชอบเธอไม่ได้" "....." เป็นไปตามที่ฉันคิดเอาไว้ไม่มีผิด เฮ้อ...โล่งอก "หนูรู้ค่ะว่าคืนนั้นพี่เมา ที่หนูมา หนูไม่ได้อยากให้พี่รับผิดชอบ..." "แล้วมาทำไม ?" "คือหนูอยากจะมาขอค่าเลี้ยงดูเด็กที่อยู่ในท้องของหนู" "เท่าไหร่ จะยังไงก็ได้แต่ห้ามให้ใครรู้ว่าเด็กนั่นคือลูกฉัน !!""....ตาขุนนี้แกทำผู้หญิงท้องงั้นหรอ !!"
เสียงบุคคลที่สามอุทานขึ้นอย่างตกใจ ฉันกับพี่ขุนเขารีบหันขวับไปมองทางต้นเสียงทันที ใจฉันตอนนี้คือเต้นรัวกว่าเดิมมาก เพราะดันมีใครก็ไม่รู้เข้ามาได้ยินบทสนทนาของเรา "มะ แม่ใหญ่..." พี่ขุนเขาอุทานออกมาเบาๆ ใบหน้าที่ซีดเผือด มีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า เฮือก!! มะ แม่ แม่อย่างงั้นหรอ แล้วแบบนี้ฉันก็ซวยสิที่โกหกแบบนี้ "เรามีเรื่องต้องคุยกัน" ผู้หญิงสูงวัยที่พี่ขุนเขาเรียกว่าแม่ใหญ่หันมาทางฉัน "รวมทั้งเธอด้วย"บรรยากาศภายในห้องรับแขก เงียบสงัด ตอนนี้ฉันกับพี่ขุนเขาถูกสั่งให้มานั่งข้างๆกัน โดยมีคุณแม่ ที่พี่ขุนเขาเรียกว่าแม่ใหญ่นั่งอยู่ตรงหน้าเราสองคน และต้องมองเราทั้งคู่อย่างเอาผิดฉันอยากจะหายตัวได้จริงๆนะตอนนี้ ฉันอยากหนีไปจากตรงนี้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรก ฉันจะไม่คิดที่จะโกหกเลย ฉันพลาด...แล้วฉันจะทำยังไงต่อดีโอ้ย วีนัสเอ้ยย!!!"พี่ชายแกยังไม่ได้แต่ง แกจะเอาก่อนเลยใช่มั้ย ทำอะไรไม่รู้จักคิด!!""ไม่คิดว่าฉันกลับมาไทยอีกครั้ง จะมาได้ยินข่าวดีแบบนี้ ไหนเธอลองพูดมาสิ...""พะ พูดอะไรคะ""เธอบอกว่าเธอท้องกับตาขุน ?" คุณแม่ของพี่ขุนเขาพูดขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง"....." ฉันค่อยๆเม้มปากเข้าหากันแน่น มาถึงตอนนี้ฉันจะตอบไปว่ายังไงดีฉันต้องการเงินไปรักษาแม่ แต่ฉันไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้"แม่ใหญ่หูฟาดเปล่า เธอไม่ได้พูดแบบนั้น" พี่ขุนเขาพูดแก้ตัวขึ้นจบคำพูดของพี่ขุนเขา คุนแม่ท่านก็ถลึงตาใส่พี่ขุนเขาทันที"แกคิดว่าฉันจะเดินเข้ามาแล้วจะโพล่งถามแกเลยหรือไง ฉันยืนฟังสักพักแล้ว ฟังจนพอจะจับใจความได้ถึงเรื่องที่แกสองคนคุยกัน""ฉันได้ยินทุกอย่าง ได้ยินแม้กระทั้งคำพูดที่เห็นแก่
@โรงพยาบาลในตอนแรกที่ฉันคิดว่าฉันจะหนีเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบที่ฉันคิดเอาไว้ เพราะนอกจากคุณแม่กับพี่ขุนเขาจะมาด้วยแล้ว ยังมีลูกน้องตามประกบหลังมาด้วยในใจของฉันตอนนี้มันกลัวมาก กลัวทุกอย่าง จะบอกความจริงก็กลัว จะไปตรวจก็กลัว ยังไงฉันก็ต้องโดนจับติดคุกแน่ๆ แล้วถ้าฉันติดคุกป้านิ่มจะเอาเงินที่ไหนไปรักษาแม่ แม่ฉันจะเป็นยังไงถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่รีบตัดสินใจอะไรแบบนี้เลย ถอยก็ไม่ไดแล้วด้วยคลืด~ เสียงประตูห้องตรวจเลื่อนออก พร้อมกับพยาบาลที่เดินออกมายืนหน้าห้อง พยาบาลก้มลงอ่านเอกสารอะไรสักอย่าง“เชิญนางสาว วีนัส เข้ามาที่ห้องตรวจค่ะ “เฮือก!! ทะ ทำไมมันถึงคิวฉันเร็วขนาดนี้เนี่ย มานั่งยังหายใจหายคอไม่ทั่วท้องเลย“เธอไม่ได้ชื่อวีนัสรึไง !!” พี่ขุนเขาที่กำลังนั่งกอดอกอยู่หันหน้ามามองฉันตาเขม็ง“ค่ะ ค่ะ“ ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้างึกงึกตอบ“ถ้าใช่ชื่อเธอ แล้วเธอจะนั่งอยู่ทำซากอะไร” น้ำเสียงที่แสนจะหงุดหงิดพูดบอกฉันอย่างคนที่ไม่ชอบใจฉันค่อยๆเม้มปากเข้าหากันแน่น และลุกขึ้นเดินตามคุณพยาบาลเข้าไปในห้องตรวจด้วยใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ หวังว่าออกมาฉันจะไม่เจอตำรว
[ Talk ขุนเขา]ตอนนี้ผมกับแม่ใหญ่กำลังนั่งรอเด็กนั่นอยู่หน้าห้องตรวจ ไม่รู้ทำไมเธอเข้าไปนานขนาดนั้น ผมอยากจะกลับคอนโดไปหาเส้นด้ายใจจะขาดแล้ว ผมแทบไม่อยากจะทิ้งด้ายไว้คนเดียวนานๆเลยผมรู้ว่าเรื่องที่ผมถูกแม่ใหญ่บังคับให้รับผิดชอบเด็กนั่น ถ้าเส้นด้ายเธอรู้เธอคงจะไม่รู้สึกอะไร เพราะผมไม่ใช่ไอ้ป่า ผมไม่ใช่คนที่เธอรัก แต่ผมแม่งโครตรักด้ายเลย ไม่รู้ว่าคืนนั้นผมพลาดได้ไง เกลียดตัวเองฉิบหาย“พรุ่งนี้เดี๋ยวแม่กับพ่อจะกลับออสเตรเลีย แล้วจะรีบกลับมาไทย มาเตรียมงานแต่งให้แก”“ผมไม่อยากแต่ง แค่รับผิดชอบแล้วไม่ต้องแต่งไม่ได้หรอครับ”“อะ โอ้ยยย!!....”พอผมพูดจบ แม่ใหญ่ก็บิดแขนผมอย่างแรง จนผมแหกปากร้องลั่นหน้าห้องตรวจ ผมผิดขนาดนั้นเลยหรอวะ ก็ผมไม่อยากแต่ง ให้รับผิดชอบ ให้ส่งเสียดูแลพอได้ แต่ถ้าถึงขั้นแต่ง แล้วด้ายล่ะ ผมอยากแต่งงานกับเส้นด้ายแค่คนเดียวทั้งที่ผมมีอะไรกับเส้นด้ายออกจะบ่อย และที่สำคัญผมไม่เคยป้องกัน ทำไมเส้นด้ายไม่ท้อง แต่กลับยัยเด็กวีนัส พลาดไปเอาแค่ครั้งเดียว ตอนเมาด้วย ดันท้องเฉย“ถึงแกจะไม่ตั้งใจ ถึงจะพลาดยังไงแกต้องรับผมชอบขุนเขา”“ชีวิตแกเคยเจอหน้าแม่หรือเปล่า แกก็น่าจะรู้ดีกว่ากา
“....” ฉันค่อยๆเม้มปากเข้าหากันแน่น พลางก้มหลบสายตาคมกริบของคนตรงหน้า“จะเอาเท่าไหร่ !!” พี่ขุนเขาถามเสียงแข็ง“....”“บอกมาดิวะ จะเงียบทำซากอะไรหนักหนาเธอเป็นใบ้หรือไง !!” เขาตะคอกใส่หน้าฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้ง ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงอารมณ์ร้ายขนาดนี้นะ“ทะ ทำไมพี่ชอบต้องเสียงดังด้วย พูดเบาๆไม่ได้รึไงเล่า”“เอออ สรุปจะเอาเท่าไหร่ !!” พี่ขุนเขาถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงเรียบๆ“อะ เอาหนึ่งล้าน....”“หนึ่งล้าน!! นี่เธอคิดว่าค่าตัวเธอมันมากขนาดนั้นเลยรึไง”“ตะ แต่หนูเสียหายนะคะ หนูยังเรียน....”“แล้วใครใช้ให้เธอใจง่าย ยอมให้ฉันเอา”ฉันเม้มปากแน่น พอพูดถึงเรื่องนี้เหตุการณ์ในคืนนั้นมันก็ผุดเข้ามาในหัวทีละฉากๆ“หึ เธอก็แค่อยากจับผู้ชายรวยๆ ฉันกูเธอออก เลิกแสดงว่าตัวเองใสซื่อสักที !!”“....” ฉันไม่รู้จะโต้ตอบยังไง เขาอยากจะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ เพราะฉันมันเห็นแก่เงินจริงๆพี่ขุนเขาก้มกดอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันมองดูโทรศัพท์แล้วก็มองหน้าพี่ขุนเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาจะให้โทรศัพท์ฉันงั้นหรอ“อะ อะไรคะ ?”“เลขบัญชีมาสิ”“อ๋อ....” ฉันพยักหน้า พร้อมกับรับโทรศัพท์มา
วันงานแต่ง•••เป็นงานแต่งเล็กๆตามที่ฉันเคยขอแม่ของพี่ขุนเขาเอาไว้ งานแต่งก็เหมือนกับงานผูกข้อไม้ข้อมือสำหรับคนทางภาคอีสาน ไม่ได้ใส่ชุดที่มันหรูหรา ไม่เชิญคนมามากมาย ไม่จัดงานใหญ่โตงานแต่งของฉันกับพี่ขุนเขาจัดขึ้นที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อกับแม่ของพี่ขุนเขาซื้อไว้ให้เราสองคน ท่านใจดีมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆส่วนแขกที่มาในงาน เชื่อมั้ยว่ามีแค่คนในครอบครัว แต่ไม่มีคนใจครอบครัวฉันมาร่วม เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันขอคุณแม่ของพี่ขุนเขาเอาไว้ ท่านไม่ขัดอะไร เพราะท่านคิดว่าฉันท้องอยู่คงไม่อยากเจอผู้คนมากมาย ส่วนเรื่องคนในครอบครัวของฉัน ฉันบอกไปว่าทางบ้านรับไม่ได้ที่ฉันท้องก่อนแต่งและแน่นอนว่างานแต่ง หรืองานผูกข้อมือของฉันกับพี่ขุนเขาในครั้งนี้ ต้องมีเจ้แอมมาด้วยอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าสีหน้าของเจ้ตอนนี้คือมองฉันทั้งตกใจปนสงสัย สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยคำถามเต็มไปหมดหลังจากจบพิธีแต่งงานที่เรียบง่ายแล้ว ก็ต่างคุยกัน เรื่องลูก เรื่องเรียนของฉัน ฉันต้องย้ายมาเรียนที่นี่ ฉันยังคงรู้สึกละอ่ายแก่ใจตัวเองตลอดเวลา....พอได้จังหวะ ไม่มีใครอยู่ เจ้แอมก็รีบดึงฉันเข้ามุมๆที่ลับตาคน แล้วก็ยิงคำถามๆฉันทันที
"อะ อ้อ ค่ะๆ" ฉันพยักหน้าตอบเขาดูเหมาะสมกันมากเลยนะ แต่ผู้หญิงคนนี้เลิกตามพี่เจ้าป่าแล้วงั้นหรอเเต่ว่าเธอยอมรับได้หรอที่ฉันแต่งงานกับพี่ขุนเขา เฮ้อ...ฉันรู้สึกผิดจัง เพราะความเห็นแก่เงินของฉัน มันเลยทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมด"เธอจะไปไหน ?" พี่ขุนเขาเลิกคิ้วถามฉันก่อนที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม"ปะ ไปโรงพยาบาลค่ะ""ไปโรงพยาบาล ไปทำไม ?"ฉันเม้มปากแน่น จะบอกว่าไงทำไม่ดีนะ ถ้าบอกว่าไปหาหมอเรื่องท้อง หมอนัดตรวจเขาจะไปด้วยมั้ย"ด้ายง่วงขอตัวไปนอนก่อนนะขุน""ด้าย ด้าย..."ผู้หญิงคนสวยที่ชื่อเส้นด้าย เธอเดินเข้าบ้านไปโดยที่ไม่ฟังคำเรียกท้วงจากพี่ขุนเขาเลยฉันสังเกตุเห็นพี่ขุนเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าล้วงหยิบกระเป๋าเงินในกางเกงออกมา ก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉัน"อะไรหรอคะ ?" ฉันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ"บัตรเครดิต วงเงินไม่อั้น อยากจะรูดเท่าไหร่ก็รูดไป""อ้อ ขอบคุณค่ะ" ฉันรับบัตรเครดิตมาจากมือพี่ขุนเขา แล้วเอาเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไว้จากนั้นพี่ขุนเขาก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน โดยไม่ถามอะไรฉันอีกหลังจากพี่ขุนเขาเดินผ่านฉันไป ฉันก็ถอนหายใจออกมาแบบโล่งอก พลางก้มหน้าหยิบบั
"ขอตัวนะคะ"พูดจบฉันก็เปิดประตูเข้าห้องของตัวเองทันที เพราะไม่ยากจะพูดหรือเถียงอะไร เพราะฉันรู้แค่มองผ่านๆก็รู้ว่าเธอคงไม่ใช่คนที่น่าคุยด้วยสักเท่าไหร่ ฉันไม่ต้องการจะมีปัญหา เพราะอีกไม่นานฉันก็จะไปจากชีวิตของเขาสองคนวันนี้ทั้งวันหลังจากที่ฉันมีปากเสียงกับผู้หญิงที่ชื่อเส้นด้าย ฉันก็ไม่ออกไปจากห้องอีกเลยจนกลางดึก จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนของฉันมันก็ดังขึ้นถี่ๆ ตามมาด้วยเสียงเรียกชื่อฉัน ราวกับว่าบ้านไฟไหม้ต้องรีบขนของออกจากบ้านอย่างงั้นแหละปัง ปัง ปัง!"เปิดประตู วีนัส!!"ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินสะลึมสะลือไปเปิดประตูให้กับคนที่เคาะห้องแกร็ก~ ประตูห้องถูกฉันเปิดออก พร้อมกับไฟภายในห้องที่เปิดสว่าง แต่ไม่ใช่ฉันที่เปิดไฟ เป็นคนที่เคาะห้องต่างหากที่กดเปิดสวิตช์ไฟสายตาฉันค่อยๆปรับโฟกัสกับแสงไฟจ้าที่มันกระทบตาอยู่ตอนนี้ หลังจากที่สายตาเริ่มชินกับแสงไฟภายในห้องแล้ว ฉันก็เพ่งมองคนตรงหน้า"มะ มีอะไรรึเปล่าคะ ?" ฉันขมวดคิ้วมองพี่เส้นด้าย กับพี่ขุนเขาอย่างแปลกใจไม่รู้จะมาเคาะห้องฉันทำไม ดึกดื่นป่านนี้ พี่ขุนเขามองหน้าฉันเหมือนว่าฉันทำอะไรผิดมาอย่างงั้นแหละ"ขุนเขาด้ายว่า...."
พี่ขุนเขาไม่ตอบอะไร แต่กลับออกแรงกระชากแขนฉันให้เดินตามเขาขึ้นไปบนชั้นสอง ร่างฉันโซซันโซเซเดินตามแผ่นหลังของพี่ขุนเขา ฉันพยายามจะดิ้นหนียังไงก็ดิ้นไม่หลุด."พะ พี่ขุนเขา อย่านะคะ พี่มีเมียแล้ว ถ้าเมียพี่รู้...""เมียฉันกินยานอนหลับไปแล้ว ตอนนี้หลับไปแล้วอยู่"พี่ขุนเขาตอบเสียงเรียบ เขาพยายามดึงฉันขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเล ฉันทั้งดิ้น ทั้งพยายามแกะมือใหญ่ของพี่ขุนเขาออก แต่ยิ่งฉันพยายามแกะเขาก็ยิ่งกำมือฉันแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว“ทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะคะ”“อย่ามาสอนฉัน !!”@ภายในห้องนอน...ร่างฉันถูกพี่ขุนเขาผลักลงเตียง"ยะ อย่านะคะ" ฉันถอยรูดหนีพี่ขุนเขาไปจนสุดขอบเตียง"กลัวทำไม ทำเหมือนเธอกับฉันไม่เคยมีอะไรกันกัน ?" พี่ขุนเขาเลิกคิ้วถาม ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วโยนไปอีกมุมของห้องฉันสะอึกกับคำถามคำนี้ไปเลย คืนนั้นมันก็แค่เกือบ แต่ครั้งนี้มัน...อ่า! ฉันมันหาเรื่องใส่ตัวเองจริงๆ ฉันโกหกทุกเรื่องเองทำไมต้องทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ด้วยนะ"กะ ก็ คือ คือ หนูท้องอยู่ !!" ฉันก้มหน้าตอบ บอกไปแบบนี้มันอาจจะทำให้พี่ขุนเขาคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ควรล่วงเกินฉัน"หึ!! แล้วไง ถ้าแท้งเดี๋ยวทำให้ใหม่ ยังไงก็จ
ทะเล...วันนี้คือวันแรงที่ฉันกับพี่ขุนเขามาฮันนีมูนกัน เราเลือกมาที่ทะเล ไม่อยากไปต่างประเทศ เพราะเป็นห่วงลูกๆ เรามาฮันนีมูนกันแค่สามวันและสำหรับวันแรกของการมาทะเล มันก็ตรงกับวันครบรอบแต่งงานสิบปีของฉันกับพี่ขุนเขาพอดี ไม่รู้ว่าบังเอิญ หรือ พี่ขุนเขาตั้งใจ ให้ตรงกับวันสำคัญของเรา“ไปเดินเล่นกันมั้ย”“ค่ะ ^_^”เราจูงมือกันเดินออกจากบังกะโล และพากันเดินไปที่ริมหาด ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว แสงแดดอ่อนๆ กระทบกับผิวน้ำทะเลมันชั่งสวยจริงๆเชื่อมั้ยว่านี่คือครั้งแรกที่ฉันเคยมาทะเล ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยไปไหนไกลนอกจากบ้านและโรงเรียนเลยที่นี่เงียบสงบดีจริงๆเลยนะ อาจเป็นเพราะเราเลือกมาวันที่คนอื่นเขาทำงานกัน เลยไม่ค่อยมีคน“เล่นน้ำมั้ย”“ไม่เล่....อร้ายยย” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเมื่อ จู่ๆ พี่ขุนเขาก็ช้อนตัวฉันขึ้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ทะเลสีฟ้าคราม“พี่ขุนเขาหนูบอกว่าไม่เล่นไง”ตู้มม!!เมื่อฉันพูดจบร่างของฉันก็ถูกพี่ขุนเขาโยนลงน้ำทันที นี่เขาได้ยินที่ฉันร้องบอกบ้างมั้ยเนี่ย“ไอ้พี่ขุนเขาบ้า หนูบอกว่าไม่เล่นไง!!” เมื่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำได้ ฉันก็ตวาดใส่พี่ขุนเขาทันที“เวลาเปียก หนูเซ็กซี่มากเล
ภายในบ้าน“หนูชื่ออะไร” ฉันก้มลงถามเด็กน้อย เฮ้อ ดูแววตาของเธอที่มองฉันสิ ทำไมถึงเศร้าแบบนี้นะ“หนูชื่อ เหมือนฝันค่ะ น้องชื่อ ข้าวหอม” เด็กน้อยตอบฉันเสียงใส ถ้าจับอาบน้ำแต่งตัว หนูเหมือนฝัน นี่น่าตาน่ารักน่าชังมากๆเลยนะ ส่วนทารกน้อยก็น่ารักน่าชังไม่แพ้กัน ใครหน้อชั่งใจร้ายพามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของฉันฉันจัดการให้ป้าช้อยพาหนูเหมือนฝันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนข้าวหอม ฉันจะจัดการอาบน้ำให้เอง เด็กอะไรก็ไม่รู้ เลี้ยงง่ายมาก ไม่ร้องไม่งอแงในเวลาอาบน้ำเลย พออาบน้ำเสร็จฉันเอานมให้กินแล้วก็พาไปนอนในเปลของขุนแผน ตอนนี้หลับปุ๋ยไปแล้ว เลี้ยงง่ายจริงๆผ่านไปพักใหญ่ ป้าช้อยพาหนูเหมือนฝันลงมาจากชั้นสอง พออาบน้ำขัดผิวแล้วน่ารักน่าชังมากกว่าที่ฉันคิดไว้สะอีกฉันเอาข้าวให้หนูเหมือนฝันกิน เด็กน้อยกินใหญ่เลย ท่าทางเหมือนจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน“หนู นั่นลูกใคร” เสียงพี่ขุนเขาถามฉัน พี่ขุนเขาเดินมาพร้อมกับ ขุนราม เจ้าคุณ แล้วก็อุ้มขุนแผนมาด้วย“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ นั่งอยู่หน้าบ้าน ถามอะไรก็ไม่รู้ หนูก็ได้ให้เขามาในบ้านก่อน พี่ขุนเขาให้ลูกน้องตามหาพ่อแม่ให้ทีนะคะ” พี่ขุนเขาเพ่งมองไปที่เหมือนฝัน เธอกำลังน
หลายปีผ่านไปไวเหมือนโกหก...“ขุนรามลูก อย่าแกล้งน้อง”“เจ้าคุณเลิกเล่นเกมส์ได้แล้วลูก”ตอนนี้ฉันกำลังเก็บของเล่นที่มันกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด คงไม่ต้องบอกว่าฝีมือใครหรอกนะ จะมีใครสะอีก ก็เจ้าสองแฝด ขุนรามกับเจ้าคุณ ของฉันไงล่ะตอนนี้ทั้งสองอายุ8ขวบแล้ว แถมยังดื้อเอามากๆ ให้ช่วยดูน้องก็เอาแต่เล่นเกม อีกคนให้ดูน้องก็แกล้งน้องฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันมีลูกเล็กเพิ่มมาอีกคน แถมเป็นผู้ชายด้วย ชื่อ ขุนแผน จริงๆพี่ขุนเขาอยากจะได้แฝดอีก แต่ได้แค่คนเดียว แถมเขายังจะเอาอีกคน ฉันเบรคไว้แทบไม่ทัน ปิดอู่แล้วตอนนี้ เพราะแค่เจ้าสองแสบก็วุ่นแล้ว ไม่รู้ขุนแผนโตขึ้นกว่านี้หน่อยจะดื้อเหมือนพวกพี่ๆมั้ยเจ้าคุณ กับ ขุนราม เป็นแฝดก็จริง แต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิด เป็นแฝดคนละฝา แต่ถ้าพูดถึงความดื้อแล้วละก็ กินกันไม่ลงเลยจริงๆ ขุนรามเป็นพี่ก็จะดื้อเอามากๆ ชอบโวยวาย ส่วนเจ้าคุณ แฝดน้อง ร้ายนี้เงียบๆ แต่ดื้อไม่เบาเหมือนกัน เอาแต่ใจตัวเองมากๆอีกด้วยวันนี้พี่ขุนเขาไปที่บริษัท บริษัทของพี่เจ้าป่ากับพี่ขุนเขาหุ้นกันเปิด เปิดมาได้5ปีแล้ว ธุรกิจกำลังรุ่งเลยตอนนี้“แง๊ แง๊~” เสียงขุนแผนร้องดังลั่นบ้านฉันถึงกับถ
——วันแห่งความสุข—-ขอตัดมาวันแต่งงานเลยแล้วกัน เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่พี่ขุนเขาขอฉันแต่งงานเราก็วุ่นๆกันทั้งคู่ ทั้งหาฤกษ์แต่งงาน จัดเตรียมสถานที่ การ์ด อะไรอีกหลายๆอย่างเราสองคนจัดพิธีแต่งงานแบบไทยๆ ชุดแต่งงานก็เหมือนกัน ฉันใส่ชุดแบบไทยๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายพิธีแต่งงานจัดขึ้นที่บ้านของฉัน ไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร เป็นงานเล็กๆ และก็เชิญแค่ญาติที่สนิทเท่านั้นตอนนี้แม่กำลังตอนรับแขกอยู่ข้างนอกกับป้านิ่มวันนี้ฉันคุยกับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องแล้ว บอกว่าห้ามกวนแม่นะวันนี้ และดูเหมือนว่าลูกน้องของฉันจะเชื่อฟังซะด้วย เพราะตั้งแต่ตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัว จนถึงตอนนี้ ฉันไม่มีอาการพะอืดพะอมอยากจะอ้วกเลย“ตื่นเต้นหรอเรา” เจ้แอมเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถาม เจ้แอมเป็นเพื่อนเจ้าสาว แล้วก็มีกรีน มีนัตตี้ แต่สองคนนั้นยังแต่งตัวกันอยู่ คงจะเอาให้สวยกว่าฉันเลยละมั้ง“ตื่นเต้นสิเจ้” บอกตามตรงว่าตอนนี้มือไม้ฉันสั่นไปหมดทั้งที่เคยแต่งงานกับเขามาแล้วครั้งหนึ่งแท้ๆ แต่ความรู้สึกของฉันราวกับว่านี่คือครั้งแรกที่ฉันกำลังจะได้แต่งงาน“เจ้าบ่าวใกล้จะมาถึงแล้วนะ” ยิ่งเจ้แอมพูดแบบนี้ฉันยิ่งตื่นเต้นไปกันใ
พอได้ยินพี่เส้นด้ายพูดออกมาแบบนี้ ฉันก็หันขวับไปมองหน้าของพี่ขุนเขาทันที เพราะอยากจะรู้ว่าตอนนี้อาการของพี่ขุนเขาเป็นยังไงตอนนี้พี่ขุนเขามองพี่เส้นด้าย แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร“ถ้างั้นก็คุยกันไปแล้วกันค่ะ เดี๋ยวหนูไปรอที่รถ” ฉันบอกพี่ขุนเขาออกไป ถามว่าประชดมั้ย ใช่!! ฉันประชด แต่ถ้าเขาจะคุยกัน จริงๆ ฉันก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอก“หนู...” พี่ขุนเขารั้งแขนฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะเดินไป“ก็คุยไปสิ” ฉันพูดกระแทกเสียงใส่พี่ขุนเขา เขากำลังทำให้ฉันหงุดหงิด“ขุนเขา...” พี่เส้นด้ายเรียกพี่ขุนเขาอีกครั้ง“ด้าย คุณก็มากับแฟนคุณไม่ใช่รึไง คนที่คุณควรให้ความสนใจคือแฟนคุณนะ”“แต่...”“ตอนมีเขาอยู่ ไม่เห็นจะอาลัยอาวรณ์ ตอนนี้เป็นบ้ารึไง” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด เพราะฉันก็ทนมามากแล้วเหมือนกัน“นี่แก หุบปากไป ฉันจะคุยกับขุนเขาไม่ใช่แก”“ด้าย!! เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว” พี่ขุนเขาพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะพูด“ขอคุยแค่แปปเดียวก็ไม่ได้หรอ”“หน้าด้าน มาขอคุยกับผัวคนอื่น”“นี่ก็ผัวฉันเหมือนกัน !!”“แต่ตอนนี้เขาเป็นผัวหนู เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน พี่มายุ่งอะไรด้วย!!”“หนู พอแล้วคนอื่นมองเยอะแล้ว” พี่ขุนเขาร้องห้ามฉัน ทำไมไ
“พี่นั่นแหละ จะเป็นใครได้ล่ะ”พี่ขุนเขายิ้มออกมาอย่างพึ่งพอใจในคำตอบของฉันหลังจากที่เราทั้งคู่ต่างจ้องตากันนานพอสมควร พี่ขุนเขา ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของเราทั้งคู่แตะโดนกันก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตูห้อง)จู่ๆ เสียงเคาะห้องก็ดังขึ้น ฉันรีบผลักพี่ขุนเขาออกทันที“ใครวะ !!” พี่ขุนเขานั่งบนปลายเตียงเขายกมือขึ้นมายีผมตัวเองแรงๆ ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียก๊อก ก๊อกๆ“วีนัสลูก อยู่ในห้องรึเปล่า” คนที่เคาะห้องคือแม่นี่เอง“ยะ อยู่จ้ะแม่”ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปเปิดประตูให้แม่ เมื่อเปิดประตูออก แม่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แม่หยุดชะงัก แล้วก็มองผ่านตัวฉันเข้ามาด้านในห้อง ก่อนที่แม่จะมองหน้าฉันแล้วก็ยิ่มน้อยยิ้มใหญ่“ใจอ่อนเเล้วใช่มั้ย” แม่ถามฉันฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น มันอายที่จะตอบนะ เพราะก่อนหน้านี้ฉันยังบอกแม่ว่าจะไม่ให้อภัยพี่ขุนเขาอยู่เลย“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว ทำต่อเถอะ”“แม่!!” ฉันทำหน้างอใส่แม่ ก็แม่นะสิ คงคิดว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับพี่ขุนเขาอยู่แน่ๆเลย ถึงเราสองคนกำลังจะทำแบบนั้น จริงๆ ก็เถอะ“แม่พูดผิดรึไง แต่ เบาๆ หน่อยนะ เดี๋ยวจะกระทบถึงลูกเอา” เเม่เอ
พูดจบฉันก็เดินไปหยิบเค้กขึ้นมา ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้พี่ขุนเขา แต่ดูท่าเขาจะไม่เข้าใจในการกระทำของฉันสักเท่าไหร่พี่ขุนเขายังคงร้องไห้อยู่ แล้วก็มองหน้าฉันด้วยอาการมึนงง“เทียนละคะ”เมื่อฉันถามหาเทียน พี่ขุนเขาก็รีบหมุนตัวกลับไปก้มหยิบถุงที่เอาใส่เค้กมา ข้างในนั้นมีกล่องเทียนอยู่ เมื่อได้เทียนแล้ว พี่ขุนเขาก็จัดการปักเทียนลงเค้ก เขาทำไปร้องไห้ไปเหมือนเด็กเลย“ถ้าร้องไห้แบบนี้ หนูจะไม่เป่าเค้กแล้วนะ” ฉันทำตาดุใส่พี่ขุนเขา เมื่อพี่ขุนเขาเห็นว่าฉันพูดขู่ไปแบบนั้น เขาก็รีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองทันที และพยายามที่จะหยุดร้องพี่ขุนเขาล้วงเมื่อเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง หยิบไฟแช็กออกมาจุดเทียนวันเกิด“เอ้า เงียบทำไม จุดเทียนเสร็จแล้วก็ร้องเพลงวันเกิดสิคะ” ฉันบอกพี่ขุนเขา เมื่อเขาเอาแต่ก้มหน้าเงียบ“อ้อ อื้อ..” พี่ขุนเขาพยักหน้าตอบหงึกๆ“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู....~” 🎵เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังขึ้นจากต้นจนจบ เมื่อจบเสียงเพลง ฉันก็จัดการเป่าเค้กวันเกิด ก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้พี่ขุนเขาอีกครั้ง แต่ดูท่าพี่ขุนเขายังคง งง กับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นี่เขาดูไม่ออ
พี่ขุนเขาทำท่าเหมือนกำลังขุ่นคิดอะไรอยู่สักพัก จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อออก จากนั้นก็ถอดกางเกง“จะทำอะไร !!” ฉันถามไปเมื่อพี่ขุนเขากำลังจะถอดบล็อกเซอร์ของตัวเองออก นี่อย่าบอกนะว่าจะแก้ผ้าวิ่งรอบหมู่บ้าน จริงๆ เป็นบ้าไปแล้วรึไง“ก็หนูบอกว่าถ้าพี่ยอมแก้ผ้าวิ่งรอบหมู่บ้าน หนูจะให้อภัยพี่“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!” ฉันร้องห้าม เพราะพี่ขุนเขากำลังจะถอดบล็อกเซอร์ออกจากตัว“ทำไม”“ไม่ต้องทำ แล้วก็ออกไปจากห้อง”“หนู...พี่ยอมทำทุกอย่าง แค่หนูบอกมา”“ออกไป หนูบอกให้ออกไป”“หนู....”“ได้ ถ้าไม่ไปหนูไปเอง!!”พูดจบฉันก็ลุกขึ้นเดินนออกมาจากห้องของตัวเองทันที ขืนอยู่ต่อฉันคงต้องใจอ่อนให้พี่ขุนเขาจริงๆแน่“พี่หมอ !!” ฉันอุทานออกมา เมื่อเดินออกมานอกบ้านแล้วเจอกับพี่หมอที่กำลังเดินมาทางฉัน ในมือพี่หมอถือของเต็มไม้เต็มมือไปหมด“ทำไมทำหน้าเหมือนเจอผีแบบนั้น”“ปะ เปล่าสะหน่อย”“แล้วนี่แม่ตัวเล็กล่ะ พี่ซื้อของมาให้เยอะแยะเลย”“แม่ไป....”“แม่ไม่อยู่ อยู่แต่ผัว”ฉันกำลังจะตอบพี่หมอ แต่ไม่ทันที่จะได้พูดจบ เสียงของพี่ขุนเขาก็พูดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของฉันพี่หมอมองหน้าพี่ขุนเขา แต่ดูท่าพี่หมอจะไม่แปลกใจเ
เช้าวันใหม่...เฮือก....ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนจะมองไป ข้างๆ กายปรากฎร่างของพี่ขุนเขานอนอยู่ ข้างๆ กับตัวฉัน แถมตอนนี้เขาลืมตาทำตาใสส่งมาให้ฉันอีกต่างหาก“ออกไปเลยนะ” ฉันพูดเสียงแข็ง เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไป เผลอตัวไปแบบนั้นได้ยังไงกัน“ขอนอนอยู่แบบนี้อีกหน่อยไม่ได้หรอ” พี่ขุนเขาพูดเสียงออดอ้อนใส่ฉัน ดูเขาทำหน้าสิ อย่างกับเด็กสามขวบ“อย่าเยอะได้มั้ย”“เมื่อคืนหนูเร้าร้อนมากเลยนะ ^_^”“พี่ขุนเขา หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!!” ฉันตวาดใส่หน้าเขา คนบ้า ทำไมต้องมาพูดเรื่องแบบนั้นด้วย หน้าอายที่สุดจู่ๆ ใบหน้าของฉันมันก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่สิ สาเหตุก็เรื่องอย่างว่าที่พี่ขุนเขาพึ่งพูดออกมาไงล่ะ“พี่พูดผิดตรงไหน ก็เมื่อคืนเรามีอะไรกัน ตัวเล็กครางเสียงดังลั่นบ้าน จำไม่ได้หรอ หื้ม^_^” ไม่พูดเปล่า พี่ขุนเขาถือวิสาสะเอามือขึ้นมากดร่างฉันให้นอนราบไปกับที่นอนเหมือนเดิม ก่อนจะกอดฉันเอาไว้แน่น“บอกให้ออกไปไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง !!” ฉันตวาดเสียงดังอีกครั้ง“อยากให้ฝนตก บ่อยๆ จัง หนูจะได้ให้พี่เข้ามาอยู่ในห้องด้วย บ่อยๆ ^_^” พี่ขุนเขาพูดพร้อมกับกำชับกอดแน่นกว่าเดิม แค่นั้นยังไม่พอ เขายังขโมยห