“ไปดื่มกัน! อยากเต้นอะ”“ไปดิ!”“ไปด้วย!”แล้วเพื่อนทั้งหกคนก็ลุกขึ้น เดินตามเราสองพี่น้องมา ไนท์ยกมือขึ้นโอบลำคอฉัน ดึงรั้งเบาๆพลางกระซิบข้างหู คำถามของเขามาพร้อมคำเตือน ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะให้คำตอบเขายังไม่ได้‘ชอบไลน์เนอร์เหรอ? อย่าชอบคนแบบมันเลยนะ’ฉันชอบไลน์เนอร์หรือเปล่า ฉันยังหาคำตอบที่ชัดเจนให้ตัวเองไม่ได้ แต่การใกล้ชิดของเราในช่วงเวลาสั้นๆ หัวใจของฉันสั่นเพราะเขาไปไม่น้อยเลย ไหนจะความรู้สึกอื่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนไหนนั่นอีก ฉันอาจจะชอบเขาจริงๆ แต่มันจะชอบได้เหรอ ในเมื่อเขามีผู้หญิงข้างกายอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้เกียรติของสถาบันเสื่อมเสีย และยังไม่มีผับที่ไหนเปิดก่อนหนึ่งทุ่ม พวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปดูหนังก่อน ดูหนังเสร็จแล้วก็หาซื้อชุดจากในห้างนั่นแหละเปลี่ยน จากนั้นค่อยไปดื่มฉลองกัน19 : 45 น.เพราะไม่ต้องปิดบังตัวตนแล้ว ฉันจึงแต่งตัวได้อย่างที่ต้องการ ผมสีดำยาวที่เคยเก็บซ่อนมันไว้ใต้วิกผม ปล่อยให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ชุดเปิดเผยเนื้อหนังซะจนเพื่อนๆมองตาค้าง ตอนเดินออกไปจากห้องลองชุด“ว้าว! โคตรเด็ดเลยไวท์”“อย่ามองเยอะสิวะ!”วาโยปรามเพื่อนคนนั้น ทำหน้าตาราวกับเป็
“ไม่ต้องแยกกันนั่งนะ กูให้ทางร้านเตรียมสถานที่ไว้ให้แล้ว”ไนท์พูด เหมือนเขารู้ว่าพวกเราจะไม่พอใจแน่ๆ จึงออกหน้าบริการเรื่องสถานที่ พวกเราไม่คุยกับเขา เดินตรงไปยังโซนที่มาบ่อยๆ ฉันมองหาที่นั่งที่ดีที่สุด เมื่อเจอก็เดินปรี่เข้าไปนั่ง มองหน้านักร้องสุดหล่อที่กำลังร้องเพลงอยู่ พรูลมหายใจออกเบาๆ เมื่อมันไม่ช่วยให้ความหงุดหงิดลดน้อยลงเลย“ไวท์จะดื่มอะไร?”วาโยนั่งลงข้างๆ ถามฉันพลางยกมือเรียกบริกร เมื่อบริกรชายวางแผ่นเมนูลง ฉันก็จับพลิกมันไปมาเพื่อเลือก เพราะยังเมาค้างอยู่ ถึงจะอยากเมาเพิ่มมากแค่ไหน ใจมันก็ไม่กล้าพอ สั่งเหล้าผสมมาดื่มพลางๆไปก่อนแล้วกัน“คอกเทลก่อนแล้วกัน”“เอา Pink lady ไหม?”วาโยหยิบเมนูที่ฉันเลือกบ่อยที่สุดขึ้นมาถาม ฉันจึงพยักหน้าตอบเขาไป เขาเงยหน้าสั่งเมนูนั้นกับพนักงานให้ ไม่วายหันมาถามเรื่องกับแก้มต่อ“ขอ Pink Lady ครับ แล้วกับแก้มล่ะไวท์?”“อะไรก็ได้”เพราะเน้นดื่มไม่เน้นเคี้ยว ฉันจึงไม่สนใจกับแก้มมากนัก วาโยสั่งของที่ฉันชอบกินมาสามอย่าง สั่งของตัวเองมาเพียงอย่างเดียว เสร็จแล้วก็ยื่นเมนูไปให้เพื่อนคนอื่นสั่งบ้าง จากนั้นก็ยกมือเท้าคางจ้องหน้าฉัน“ทำไมถึงลุกขึ้นมาแต่งตัว
อึก! อึก!ความหอมหวานของเหล้าผสมทำให้ฉันดื่มมันเกือบหมดแก้ว บาร์เทนเดอร์หนุ่มยิ้มมุมปาก วางแผ่นเมนูไว้ตรงหน้า ฉันหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าจะสั่งอะไรต่อ แต่ดูไปก็เท่านั้น ฉันเลือกถามมันกับเขา ว่าอะไรอร่อย และเหมาะกับฉันที่สุด“คุณคิดว่าอะไรอร่อย แล้วเหมาะกับฉัน?”คิ้วสีดำเข้มเลิกขึ้นสูง เขาไล่สายตาสำรวจฉันอย่างจริงจัง สายตาวาบหวามแบบนั้น ทำเอาหน้าร้อนวูบขึ้นมา คิดถึงสายตาของไลน์เนอร์ขึ้นมาเฉยเลย วันที่เขาลากฉันไปถ่ายแบบ เขาก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้เลย มันหมายความว่ายังไงนะ สนใจ หรือ …“มอง … มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง มือที่เห็นรอยสักโผล่พ้นจากร่มผ้า วางลงตรงหน้าฉัน เขายื่นหน้าเข้ามาเอียงไปด้านข้าง กระซิบข้างหูเสียงพร่า“เพราะสนใจไงครับ”“สนใจ … งั้นเหรอ”“อื้อ คุณสวยนี่นา ก็ต้องสนใจอยู่แล้วแหละ”เขาถอยออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ประโยคนั้นควรจะทำให้ฉันดีใจ แต่มันกลับทำให้รู้สึกแย่มากกว่า ไลน์เนอร์เองก็คิดแบบนี้หรือเปล่านะ เห้อ! ช่างเรื่องไลน์เนอร์ได้ไหม ไอ้สมองบ้าๆเนี่ย เลิกคิดเรื่องเขาสักทีพรึ่บ!“อันนี้ของคุณครับ”“ฉันไม่เหมาะกับอันนี้หรอกมั้ง?”เตกีลาเพร
“นั่นพี่ไนท์นี่นา กรี๊ดพี่ไนท์!”เสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เรียนอยู่ชั้นปีต่ำกว่า ดังไปทั่วบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเรียน ฉันก้มหน้าลงต่ำสาวเท้าเดินตามหลังผู้ชายรูปร่างสูงยาวเข่าดี ที่มีดีกรีเดือนบริหารประดับอยู่บนบ่า บ่นขมุบขมิบเมื่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น ชี้มือมาทางผู้ชายที่ชื่อไนท์“ฉันอยากเป็นของเขาจัง”“ฉันอยากนอนอยู่ใต้ร่างกำยำนั่นสักคืน”“ฉันอยากลองที่ระเบียงกับเขา”ผู้หญิงพวกนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน หรือแม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ ถ้าพวกเธอรับอารมณ์เถื่อนๆ ของไอ้ไนท์ได้ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลัวแต่ร่างกายของพวกเธอจะไม่ทน ให้ไอ้คนป่าเถื่อนอย่างไนท์ขย้ำนะสิ“เห้ย! นั่นพี่ไวท์นิ! ชิบหายล่ะ!”ปฏิกิริยาของผู้หญิงพวกนั้นต่างออกไปจากเดิม เมื่อมองเลยร่างของไนท์มาเจอฉัน ซึ่งสวมหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้า ที่สำคัญคือฉันใส่แมสอยู่ด้วย ปิดขนาดนี้แล้วยังรู้ว่าเป็นฉัน ฉันที่ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ รีบหลบเข้าไปอยู่หลังไนท์ที่รูปร่างใหญ่กว่า“ฉันอยากได้พี่ไวท์อะ!”ฉันขนลุก เมื่อรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าตาสวยหยด พูดขึ้นและส่งสายตาเหมือนอยากจะได้ฉันจ
“ไวท์! มึงหนีมาก่อนได้ไง! รู้ไหมว่าไอ้นั่นแม่งเกือบต่อยกู!”ไนท์พูดพลางใช้ร่างกายของเขาเบียดร่างผู้ชายคนนั้นกระเด็น ทิ้งตัวลงเมื่อเก้าอี้ตัวนั่นว่างเปล่า ฉันยกยิ้มที่เขาทำในสิ่งที่ฉันต้องการพอดี แต่ต้องหุบยิ้มฉับ เมื่อแฝดสยองของฉันจ้องมองนิ่งด้วยความที่เป็นแฝดกัน ฉันรู้ว่าการทำแบบนั้นของไนท์ มันหมายความว่าเขากำลังงอน“หน้าตาของแกยังดีอยู่นี่ไนท์ ไม่เห็นมีรอยหมัดเลย” ฉันยกมือขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลา พลิกไปทางซ้าย จากนั้นก็พลิกมาทางขวา ไม่มีรอยช้ำอย่างที่ควรจะเป็นเอ๊ะ! นี่ฉันกำลังสนับสนุนให้น้องชายตัวเองโดนต่อยใช่ไหม “ก็ … นั่นแหละไนท์ หน้าหล่อๆของแก ยังปกติดี”ไนท์ยังคงจ้องฉันไม่เลิก เหมือนพยายามเข้ามาให้ถึงสิ่งที่ฉันคิด ฉันถึงกับหน้าถอดสี มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ที่ไนท์อ่านความคิดฉันออกทั้งที่เขาเพียงแค่จ้องแบบนี้“เห้อ! เออ! หน้ากูยังปกติดี แต่มึงระวังตัวไว้เลยนะ อย่าให้ไลน์เนอร์เจอตัวเด็ดขาด”ไนท์ถอนหายใจยืดยาว เหมือนเขาจะพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด ฉันไม่ถือสาที่น้องชายขึ้นมึงกูใส่ เพราะเขาพูดจาหมาไม่รับประทานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มขึ้นมอปลาย แต่ไอ้เรื่องที่เขาเตือนให้ฉันระวังตัวจา
“เห้อ! ไม่ต้องบอกก็จะไป! จบนะ!” ฉันหมุนตัวกลับไป เดินหนีไลน์เนอร์ราวกับหนีเจ้าหนี้สุดโหด ยังเดินไม่ถึงไหนน้ำเสียงเยือกเย็นกว่าที่ได้ยิน ก็ดังอยู่ข้างหู“มึงไปกับกูหน่อยสิ ไวท์!”ข้อมือใหญ่เหมือนกรงเหล็ก รวบเอาข้อมือข้างซ้ายของฉันไปกำไว ร่างกำยำน่าอิจฉาลากฉันไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ ฉันขืนตัวไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่แรงผู้หญิงมันสู้แรงผู้ชายได้ที่ไหน เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะใช้ปากสู้ ไม่กลัวว่านั่นอาจจะทำให้เส้นด้ายชีวิตของตัวเองขาดสะบั้นลง“ปล่อยกูนะไอ้เหี้ย!”ฉันไม่สนว่ากำลังถูกใครลากไป ไม่สนแม้จะรู้ถึงความน่ากลัวของไลน์เนอร์ ผ่านทางข่าวลือที่ใครหลายๆคนพูดผ่านหู ในพื้นที่ที่มีคนอยู่เยอะแบบนี้ เขายังกล้าทำแบบนี้กับฉัน ถ้าหากปล่อยให้เขาลากไปในที่ลับตาคน ฉันอาจจะถูกเขากระทืบตาย เพราะคิดว่าฉันเป็นไนท์เดี๋ยวสิ ไม่นี่ เมื่อกี้เขาเรียกฉันไวท์นี่นา ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย“นี่! เดี๋ยวก่อน นายรู้ว่าฉันไม่ใช่ไนท์นี่ ปล่อยสิ ปล่อยสิเว้ย” ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับไลน์เนอร์ดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือแววตาที่ชวนให้หงุดหงิด และแรงลากที่มากกว่าเดิม ฉันแทบจะปลิวไปตามแรงของเขา
“สีหน้าแบบนั้นคืออะไร?”“หืม! เปล่านี่! ไม่ได้คิดอะไรเล้ย บอกได้ยังว่าลากฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”ฉันทำหน้ายียวนมากขึ้น ไม่ได้กลัวเขาเท่าตอนแรก เพราะมีคนอยู่รอบตัวเราเยอะ ถ้าฉันถูกเขาทำอะไร น่าจะพอร้องขอความช่วยเหลือได้แหละ“ถ่ายแบบ แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง”ดวงตาคู่นั้นของไลน์เนอร์ เหมือนกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่เลย ฉันเลือกที่จะมองข้ามไป เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าแค่ถ่ายแบบเฉยๆ รีบถ่ายให้มันจบดีกว่า จะได้แยกย้ายกับเขาสักที“แค่ถ่ายแบบ บอกดีๆก็ได้นะ ไม่ต้องทำแบบนี้”ฉันขืนมือออกจากข้อมือของไลน์เนอร์ เขาปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็โน้มตัวลงมาใกล้ จนใบหน้าแทบจะชนกับหน้าของฉัน ซ้ำยังใช้มืออ้อมมาดันแผ่นหลัง ไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน“บอกดีๆแล้วจะยอมมา?”เออว่ะ! บอกดีๆฉันก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันไง“ไม่อะ!”“ก็นั่นแหละ! ไปเปลี่ยนชุดดิ!”ไลน์เนอร์หยัดตัวขึ้นตรง ไล่ให้ฉันไปเปลี่ยนชุด ฉันเดินหน้าตึงผ่านร่างของเขาไป หยุดยืนอยู่ข้างๆราวเสื้อผ้า หันกลับไปมองเขาอย่างสงสัย ว่าชุดที่ฉันต้องใส่ถ่ายแบบนั้น มันใช่ชุดที่แขวนอยู่ในราวนี้จริงเหรอ“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงห้วน ทำเอาใจฝ่
“เสร็จยัง!”“กระโปรงนี่ต้องถอดไหม?”มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันคิดว่ายอมทำตัวว่าง่าย น่าจะได้รับอิสระง่ายกว่า คนถูกถามลากสายตาลงต่ำ มองท่อนขาของฉันพลางทำหน้าครุ่นคิด“ขาใหญ่ปิดไว้เถอะ”“กรี๊ด! มันจะมากเกินไปแล้วนะไลน์เนอร์”ฉันเหลืออดเหลือทนกับคนอย่างเขา ที่บูลลี่ท่อนขาของฉันว่ามันใหญ่ เดินเข้าไปใกล้จนเขาแสดงสีหน้าตกใจให้เห็น ดวงตาคมกล้าเบิกกว้างขึ้น เมื่อฉันดึงกระโปรงที่ใส่อยู่ขึ้นจนเกือบถึงกางเกงชั้นใน“แหกตาดูซะ! มันใหญ่ตรงไหนก่อน!”“อะ อืม! ก็ใหญ่นะ โหนกนูนอีกต่างหาก!”“กรี๊ด! นี่นายหมายถึงตรงไหนเนี่ย!”“เธอให้ฉันดูอะไรอยู่ล่ะ?”เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นแววตาแปลกไปของไลน์เนอร์ มันอยู่เพียงแค่เวลาสั้นๆ แต่เล่นเอาหัวใจฉันเต้นรัว เลือดไหลผ่านร่างจนรู้สึกร้อนผ่าว ท้องน้อยเสียววาบลามไปจนถึงส่วนหวงแหน“ลามกที่สุด!”ฉันตราหน้าเขาพลางคลายมือออกจากกระโปรงแบบจับจีบ ถอยหลังหนีจากร่างสูงใหญ่ ที่ก้าวเข้าหาด้วยท่าทีคุกคาม ไลน์เนอร์เดินต้อนฉันไม่หยุด จนกระทั่งแผ่นหลังแนบผนังห้องไร้ทางหนี ฉันจึงใช้สายตาสู้“ละ ลองทำอะไรบ้าๆดูสิ ฉันกัดหูขาดนะ!”เหมือนการขู่ทางสายตาจะไม่ได้ผลกับคนตรงหน้า ฉันจึงขู่เขาด้วยการพ
อึก! อึก!ความหอมหวานของเหล้าผสมทำให้ฉันดื่มมันเกือบหมดแก้ว บาร์เทนเดอร์หนุ่มยิ้มมุมปาก วางแผ่นเมนูไว้ตรงหน้า ฉันหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าจะสั่งอะไรต่อ แต่ดูไปก็เท่านั้น ฉันเลือกถามมันกับเขา ว่าอะไรอร่อย และเหมาะกับฉันที่สุด“คุณคิดว่าอะไรอร่อย แล้วเหมาะกับฉัน?”คิ้วสีดำเข้มเลิกขึ้นสูง เขาไล่สายตาสำรวจฉันอย่างจริงจัง สายตาวาบหวามแบบนั้น ทำเอาหน้าร้อนวูบขึ้นมา คิดถึงสายตาของไลน์เนอร์ขึ้นมาเฉยเลย วันที่เขาลากฉันไปถ่ายแบบ เขาก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้เลย มันหมายความว่ายังไงนะ สนใจ หรือ …“มอง … มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง มือที่เห็นรอยสักโผล่พ้นจากร่มผ้า วางลงตรงหน้าฉัน เขายื่นหน้าเข้ามาเอียงไปด้านข้าง กระซิบข้างหูเสียงพร่า“เพราะสนใจไงครับ”“สนใจ … งั้นเหรอ”“อื้อ คุณสวยนี่นา ก็ต้องสนใจอยู่แล้วแหละ”เขาถอยออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ประโยคนั้นควรจะทำให้ฉันดีใจ แต่มันกลับทำให้รู้สึกแย่มากกว่า ไลน์เนอร์เองก็คิดแบบนี้หรือเปล่านะ เห้อ! ช่างเรื่องไลน์เนอร์ได้ไหม ไอ้สมองบ้าๆเนี่ย เลิกคิดเรื่องเขาสักทีพรึ่บ!“อันนี้ของคุณครับ”“ฉันไม่เหมาะกับอันนี้หรอกมั้ง?”เตกีลาเพร
“ไม่ต้องแยกกันนั่งนะ กูให้ทางร้านเตรียมสถานที่ไว้ให้แล้ว”ไนท์พูด เหมือนเขารู้ว่าพวกเราจะไม่พอใจแน่ๆ จึงออกหน้าบริการเรื่องสถานที่ พวกเราไม่คุยกับเขา เดินตรงไปยังโซนที่มาบ่อยๆ ฉันมองหาที่นั่งที่ดีที่สุด เมื่อเจอก็เดินปรี่เข้าไปนั่ง มองหน้านักร้องสุดหล่อที่กำลังร้องเพลงอยู่ พรูลมหายใจออกเบาๆ เมื่อมันไม่ช่วยให้ความหงุดหงิดลดน้อยลงเลย“ไวท์จะดื่มอะไร?”วาโยนั่งลงข้างๆ ถามฉันพลางยกมือเรียกบริกร เมื่อบริกรชายวางแผ่นเมนูลง ฉันก็จับพลิกมันไปมาเพื่อเลือก เพราะยังเมาค้างอยู่ ถึงจะอยากเมาเพิ่มมากแค่ไหน ใจมันก็ไม่กล้าพอ สั่งเหล้าผสมมาดื่มพลางๆไปก่อนแล้วกัน“คอกเทลก่อนแล้วกัน”“เอา Pink lady ไหม?”วาโยหยิบเมนูที่ฉันเลือกบ่อยที่สุดขึ้นมาถาม ฉันจึงพยักหน้าตอบเขาไป เขาเงยหน้าสั่งเมนูนั้นกับพนักงานให้ ไม่วายหันมาถามเรื่องกับแก้มต่อ“ขอ Pink Lady ครับ แล้วกับแก้มล่ะไวท์?”“อะไรก็ได้”เพราะเน้นดื่มไม่เน้นเคี้ยว ฉันจึงไม่สนใจกับแก้มมากนัก วาโยสั่งของที่ฉันชอบกินมาสามอย่าง สั่งของตัวเองมาเพียงอย่างเดียว เสร็จแล้วก็ยื่นเมนูไปให้เพื่อนคนอื่นสั่งบ้าง จากนั้นก็ยกมือเท้าคางจ้องหน้าฉัน“ทำไมถึงลุกขึ้นมาแต่งตัว
“ไปดื่มกัน! อยากเต้นอะ”“ไปดิ!”“ไปด้วย!”แล้วเพื่อนทั้งหกคนก็ลุกขึ้น เดินตามเราสองพี่น้องมา ไนท์ยกมือขึ้นโอบลำคอฉัน ดึงรั้งเบาๆพลางกระซิบข้างหู คำถามของเขามาพร้อมคำเตือน ฉันเลือกที่จะเงียบ เพราะให้คำตอบเขายังไม่ได้‘ชอบไลน์เนอร์เหรอ? อย่าชอบคนแบบมันเลยนะ’ฉันชอบไลน์เนอร์หรือเปล่า ฉันยังหาคำตอบที่ชัดเจนให้ตัวเองไม่ได้ แต่การใกล้ชิดของเราในช่วงเวลาสั้นๆ หัวใจของฉันสั่นเพราะเขาไปไม่น้อยเลย ไหนจะความรู้สึกอื่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนไหนนั่นอีก ฉันอาจจะชอบเขาจริงๆ แต่มันจะชอบได้เหรอ ในเมื่อเขามีผู้หญิงข้างกายอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้เกียรติของสถาบันเสื่อมเสีย และยังไม่มีผับที่ไหนเปิดก่อนหนึ่งทุ่ม พวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปดูหนังก่อน ดูหนังเสร็จแล้วก็หาซื้อชุดจากในห้างนั่นแหละเปลี่ยน จากนั้นค่อยไปดื่มฉลองกัน19 : 45 น.เพราะไม่ต้องปิดบังตัวตนแล้ว ฉันจึงแต่งตัวได้อย่างที่ต้องการ ผมสีดำยาวที่เคยเก็บซ่อนมันไว้ใต้วิกผม ปล่อยให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ชุดเปิดเผยเนื้อหนังซะจนเพื่อนๆมองตาค้าง ตอนเดินออกไปจากห้องลองชุด“ว้าว! โคตรเด็ดเลยไวท์”“อย่ามองเยอะสิวะ!”วาโยปรามเพื่อนคนนั้น ทำหน้าตาราวกับเป็
12 : 45 น.เพราะมีเรียนบ่าย และฉันขาดเรียนติดต่อกันหลายวัน ถึงจะรู้สึกปวดหัวเพราะอาการเมาค้าง และเรื่องตำแหน่งงานที่สูงขึ้นของพ่อ ฉันก็ต้องแบกสังขารมามหาวิทยาลัย วันนี้เดินทางมาด้วยรถโดยสารเหมือนเดิม ส่วนคันที่ถูกทิ้งไว้ร้านเหล้า มันถูกคนของพ่อนำกลับมาเมื่อเช้า ตอนที่กำลังจะออกมาจากบ้าน คนงานทำการติดแผ่นป้ายทะเบียนให้อยู่จึงไม่ได้ใช้งานมันปึ่ก!“อ๊ะ! โทษที! ไม่เห็นว่ามีคนอยู่”เป็นเสียงของลูกหนู และเป็นเธอที่ใช้ร่างกายชนฉันจากด้านหลัง ฉันหันกลับไปมอง ยัยนั่นตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงทำหน้ายิ้มเยาะอยู่เหมือนเดิม‘ผู้หญิงของฉัน’ฉันชะงักเพราะเสียงของไลน์เนอร์ที่ดังอยู่ในหัว มันคล้ายกับความฝันเมื่อคืนเลย แล้วผู้หญิงของฉันที่เขาพูดถึง มันคือลูกหนู ผู้หญิงที่กำลังทำหน้าวอนโดนตบอยู่ตรงนี้“อยากมีเรื่องมากหรือไง?”“ก็ไม่นี่! แค่มองไม่เห็นปะ! แต่ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าคนอย่างเธอจะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนี้”เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีค่าเทอมแพงที่สุด และยัยลูกหนูที่เรียนมนุษยศาสตร์เอกการแสดงคนนี้ ไม่เคยเห็นฉันตอนที่ยังเป็นแค่ไวท์มาก่อน เธอไม่รู้ว่าฉันเรียนอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปล
“นายอยากให้ฉันทำมากกว่านี้หรือเปล่า?”แอลกอฮอล์ในร่างกายแสนร้ายกาจ ฉายภาพความเร่าร้อนของบุคคลปริศนาสองคน ที่กำลังร่วมรักกันอย่างดุเดือน คลิปวีดีโอที่เผลอเห็นน้องชายฝาแฝดเปิดดู สร้างความอยากรู้อยากเห็น และความวูบวาบตามร่างกาย“ไวท์! ถ้าไม่อยากเดือดร้อน! เลิกทำซะ! ฉันไม่อยากลากเธอมาเกี่ยวด้วย”เหมือนนั่นจะเป็นคำเตือนด้วยความปรารถนาดี แต่ฉันกลับฟังแล้วรู้สึกเสียใจ เขาปฏิเสธฉันอยู่ใช่ไหม ฉันไม่มีค่าพอให้เขาอยากเกี่ยวข้องด้วยเหรอ“ถ้าเป็นลูกหนู … นายจะปฎิเสธไหม?”“ไม่! ทำไมฉันต้องปฎิเสธผู้หญิงของฉันด้วย”“อ่า! งั้นเหรอ? นายกับลูกหนู เป็นแบบนั้นสินะ นายไม่ต้องไปส่งฉัน ฉัน ฉันกลับเอง”พลั่ก!รู้สึกเหมือนท้ายทอยโดนตีด้วยไม้หนักๆ ฉันใช้แรงที่มีทั้งหมดในร่างกาย ผลักร่างสูงใหญ่ของไลน์เนอร์ออกห่าง เขาเสียการทรงตัวจนเกือบล้ม ฉันใช้จังหวะนั้นวิ่งฝ่าความมืดออกมา สติสัมปชัญญะมีขึ้นมาจากเดิมแค่นิดหน่อย คงเป็นเพราะหัวใจที่ถูกบีบรัดอย่างรวดเร็ว บีบอัดจนรู้สึกเจ็บแปลบเพราะคำพูดของไลน์เนอร์ลูกหนูคือผู้หญิงของเขา ฉันเมานั่นแหละ ฉันคงเมามากๆ ถึงได้รู้สึกเสียใจมากมายขนาดนี้วันต่อมา10 : 45 น.ฉันลืมตามองเ
“เดินไหวหรือเปล่า?”“ไหว! เดินไหว”“หึ! อวดเก่ง!”เอ้าไอ้นี่! ฉันเดินไหวจริงๆ ถ้าเขาปล่อยฉัน ฉันจะเดินให้ดู แต่ไลน์เนอร์ไม่ปล่อย เขายังคงใช้ร่างกำยำนั้นเป็นหลักให้ฉันเดิน แขนข้างขวาที่เห็นรอยสักโผล่พ้นออกมารำไร โอบอยู่รอบเอวของฉัน สีหน้าเขายังคงเหมือนเดิม มันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แม้จะเห็นในมุมที่ต่ำกว่าปกติ“นี่! ทำหน้าดีๆหน่อย เสียดายของ”“หน้าฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ชิ! ก็เห็นยิ้มออกบ่อย”ฉันก้มหน้าลงมองทางเดิน เหมือนรอยยิ้มมุมปากของไลน์เนอร์จะติดอยู่ในใจของฉัน เขาเป็นคนที่ยิ้มได้เท่มาก สีเสน่ห์จนอยากให้เขายิ้มแบบนั้นบ่อยๆโอ้ย! ฉันเมาหนักจนเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย คนป่าเถื่อนอย่างไลน์เนอร์เนี่ยนะ เขาไม่เหมาะกับรอยยิ้มหรอก อย่าคิดบ้าๆแบบนั้นอีกเชียวนะ“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นายจะพาฉันไปไหน?”ฉันร้องลั่น เมื่อทางเดินที่ควรมุ่งสู่ลานจอดรถ มืดสลัวไร้แสงไฟสาดส่อง คนข้างๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มใบหน้าลงมาใกล้จนได้กลิ่นของบุหรี่จางๆ“ฉันบอกว่าจะไปส่งใช่ไหม รถฉันจอดอยู่ทางนั้น” ปลายนิ้วมือของไลน์เนอร์ พุ่งตรงไปทางที่ไร้แสงไฟ บริเวณที่เราอยู่มืดสลัวพอๆกัน แต่มันดีกว่าทางนั้นแน่นอน“อ่า! งั้นเหรอ”
‘เหมือน ฉันจะชอบ เธอเลย เสียดายชีวิต ขึ้นมา เลยแฮะ’‘นี่! พูดอะไรของนาย’ปึ่ง!ฉันกับเขาสะดุ้ง มองไปที่ประตูห้องด้วยความหวาดกลัว ชายชุดดำเดินมากระชากแขนฉัน ใบหน้าของเขาดูดีมาก แล้วก็น่ากลัวมากๆเหมือนกัน‘ใครส่งหนูมาที่นี่?’‘หนู! หนูแค่หลงทาง’‘ช่างโชคร้ายเหลือเกินนะ เสียดายที่เด็กหน้าตาสวยอย่างหนู จะหยุดโตแต่แค่เพียงเท่านี้ เอาไปจัดการซะ! อย่าให้ศพโผล่มาแฉตัวพวกมึงได้ล่ะ!’‘ไม่นะ! ปล่อย!’‘ไม่นะ! ปล่อยเธอ’เสียงของฉันกับเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉันถูกชายตัวโตลากออกจากห้อง ดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็เหนื่อยเปล่า เขาลากฉันด้วยการดึงเส้นผม ลากไปตามทางเดินทอดยาวที่ฉันเคยชื่นชมว่าหรูหรา เมื่อลากมาถึงส่วนหลังของบ้าน ตรงหน้าฉันก็ปรากฏร่างเด็กผู้ชายคนหนึ่ง‘ปล่อยเธอ!’น้ำเสียงทรงอำนาจ และคนที่จับฉันอยู่ปล่อยมือทันที เด็กที่ดูโตกว่าฉันนิดหน่อยเดินมาจับมือฉัน เขาออกแรงดึงเพียงนิดเดียว ฉันก็ก้าวเดินตาม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาไปไหน ไม่รู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกมา พอจะเชื่อถือได้หรือเปล่า‘ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แล้วหลบซ่อนตัวดีๆนะ’เขาบอกเมื่อพาฉันเดินมาจนถึงประตูหลังเล็กๆ ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
“นี่! ทำ! ทำอะไรเนี่ย!”“หึ! เธอไม่ได้ชอบพี่อาเธอร์ใช่ไหม?”“ถะ ถามทำไม?”“ถ้าเธอชอบเขา เตรียมตัวชิบหายได้เลย”ดวงตาคนพูดน่ากลัวมาก เป็นครั้งแรกที่เห็นความน่ากลัวขนาดนี้ในดวงตาเขา ไลน์เนอร์ปล่อยมือออกจากผมของฉัน ใบหน้ากวนๆที่เห็นก่อนหน้านั้น รู้สึกว่ามันดูดีกว่าใบหน้าตอนนี้เยอะเลยนี่สินะความน่ากลัวของจริง“อย่าเข้าไปยุ่งกับพี่อาเธอร์อีก ฉันเตือนเพราะหวังดีนะไวท์”เหมือนเขาจะหวังดีจริงๆ เพราะแววตาห่วงใยที่เหลือบมามอง ฉันยังคงยืนนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเตือนฉัน เขากับพี่อาเธอร์มีปัญหาอะไรกัน แล้วมันร้ายแรงถึงขั้นไหน“ทำไม?”ต่อมเผือกทำงานแบบไม่รู้เวล่ำเวลา และไม่ดูสีหน้าคู่สนทนาด้วย คิ้วเรียงสวยมุ่นเข้ามาใกล้กัน คนตัวสูงกว่าร้อยเก้าสิบขยับก้าวเข้ามา ฉันถอยหลังช้าๆ ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด“ไม่ต้องเสือกเลย ฟังที่เตือนก็พอ”“อะ! ไอ้นี่!”“ฟังนะไวท์ เธอต้องฟังนะ”ดวงตาของไลน์เนอร์ดูแปลกไป จากที่อ่านความรู้สึกยากอยู่แล้ว ตอนนี้ยากกว่าเดินมาก เดี๋ยวก็ดูโกรธ แป๊บๆก็ฉายความใจดี บางทีก็รู้สึกอบอุ่น หลายอารมณ์จนเลือกไม่ถูกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่“อือ”“ดีมาก”มือใหญ่วางลงบนศรีษะของฉัน ขย
พรึ่บ!“!…?”“?”“ที่นั่งมีตั้งเยอะ ทำไมไม่ไปนั่งที่อื่น?”“ตรงนี้ใกล้ลูกหนูดี”“เก้าอี้ข้างนั้นก็ว่างป่ะ ไปนั่งสิ!”“อยากนั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรไหม?”คิ้วข้างขวายกขึ้นสูง ทำหน้ากวนส้นแบบนี้คิดว่าหล่อมากหรือไงเออ! หล่อค่ะ ใบหน้ายียวนของไลน์เนอร์ดูดีมาก ยิ่งติดรอยยิ้มนิดๆข้างมุมปากแบบนั้น ยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน ยัยลูกหนูจ้องเขาตาขวาง เผื่อแผ่มาทางฉันด้วย เพิ่มเติมคือสายตาอาฆาต“ไม่มี!”ฉันตอบเสียงกระชาก ยกแก้วเหล้าขึ้นดับอาการแปลกๆที่เพิ่งจะเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันไม่เคยรู้สึกอิจฉา หรืออยากเอาชนะผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากเอาชนะยัยลูกหนู และเป็นครั้งแรกที่อยากจะเอาชนะไลน์เนอร์ด้วย อยากทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั่นเหยเกดูสักครั้ง“พี่! เดี๋ยวฉันมานะคะ”ข้าวหอมคุยกับฉันเสร็จก็รีบร้อนลุกขึ้นยืน เดินออกไปทางสนามแข่ง ที่เริ่มมีรถขับมาจอดเรียงราย ฉันมองตามเธอไปอย่างอยากรู้ ว่าทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น เมื่อเห็นผู้หญิงตัวเล็กน่าทะนุถนอม หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าพี่อาเธอร์ มุมปากฉันก็ยกขึ้นสูงสู้เขานะข้าวหอม!“ไม่ไปเหรอ?”คนข้างๆพูดขึ้น เสียงดังอยู่ใกล้ๆหูจนไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่เอียง