บทที่ 11 กำลังง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนให้ทันที
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองแล้วตอนนี้เธอไม่รู้จักใครที่นี้เลย ที่จะนำสินค้าของเธอไปขายได้ ดังนั้นเธอต้องวางแผนที่จะทำให้สินค้าของเธอเป็นสินค้าที่ขายส่งให้กับห้างร้านขนาดเล็กใหญ่และหาตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงได้ทำรายชื่อห้างร้านรวมถึงตลาดสดที่เธอต้องการที่จะส่งสินค้าให้พวกเขา โดยเท่าที่เธอหาข้อมูลมานั้น สินค้า ประเภท สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน เสื้อผ้า ของเล่น รวมถึงอาหารสดประเภทต่างๆ ยังคงเป็นสินค้าที่หายากในยุคนี้ แต่ด้วยความที่เธอตัวคนเดียวสินค้าที่เป็นประเภทอาหารสดเธอจะยังไม่นำออกมาขาย แต่จะเสนอขายสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวันให้กับทางห้างและตลาดสดดูก่อน โดยเธอได้นำตัวอย่างสินค้าที่จะเสนอขายไปด้วย อย่างละ 10 ชิ้น
เมื่อออกจากบ้านใหญ่เธอกลับมาที่บ้านตัวเองแล้วเตรียมอาหารเที่ยงสำหรับเด็กๆ และได้เตรียมเผื่อบ้านใหญ่ด้วยเลย โดยเธอได้เอาขาหมูพะโล้หม้อใหญ่ออกมาและอกไก่ชุบแป้งทอดออกมาใส่ตะกร้าแล้วเดินออกไปที่บ้านใหญ่พร้อมพวกเด็กๆ อีกครั้ง
ซึ่งเธอได้คุยกับเด็กๆ แล้วว่าวันนี้จะไปรับของที่คุณยายคุณตาส่งมาให้ ดังนั้นจึงให้พวกเขาไปอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่ารอเธอกลับมา ตอนแรกเด็กๆ งอแงอยากไปด้วยให้ได้แต่เธอไม่อนุญาตและได้สัญญาว่าคราวหน้าจะพาไปในเมืองด้วย และจะซื้อขนมมาฝากพวกเขาด้วย ดังนั้นเด็กๆ จึงได้ยินยอมไปอยู่บ้านใหญ่
เมื่อจัดการธุระกับเด็กๆ เรียบร้อยเธอจึงตรงไปที่บ้านผู้ใหญ่เพื่อดูว่ามีรถที่จะเข้าไปในเมืองหรือไม่ เนื่องจากหมู่บ้านหลีฮวาของเธอนั้นห่างจากตัวเมืองจู่ไห่เพียง20 กม.เท่านั้นซึ่งถ้าใครอยากจะเดินก็สามารถทำได้ แต่เธอไม่ต้องการที่เดินไกลขนาดนั้น เมื่อไปถึงหลีอันเล่อลูกชายของผู้ใหญ่กำลังจะขับรถแทรกเตอร์เข้าไปในเมืองพอดี เหลือที่ว่างอยู่ 2 ที่สุดท้ายเมื่อเธอขึ้นไปนั่งก็ได้เวลาออกเดินทางพอดี
“สะใภ้รองบ้านเฉินจะเข้าเมืองรึ”
ป้าหวังหัวหน้าสมาคมช่างเมาท์ประจำหมู่บ้านเริ่มชวนคนนั้นคนนี้คุยตามประสาคนชอบเมาท์มอย
หยางชิงโม่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชาวบ้านไม่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆบ้านเธอและครอบครัวถึงได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเร็วเช่นนี้รวมถึงหาคนที่จะมาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของเธอด้วย...
หยางชิงโม่หันไปยิ้มหวานหยดให้ป้าหวังแล้วเริ่มกระจายข่าวเกี่ยวกับ ‘ญาติที่อยู่เซียงไฮ้’ ของเธอทันที
“ใช่ค่ะป้าหวังพอดีญาติที่อยู่ทางใต้ เซียงไฮ้นะค่ะเขาทำโรงงานสินค้าพวก สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน อะไรพวกนี้ เขาเห็นว่าทางเราสินค้าพวกนี้ยังหายากอยู่ ญาติผู้พี่ของฉันก็เลยส่งมาให้ฉันไว้ใช้นะค่ะ วันนี้ก็เลยจะไปรับที่ไปรษณีย์ค่ะ เห็นบอกสินค้าที่ทางโรงงานเขาผลิตขายดีมากจริงๆ เพราะห้างใหญ่ๆ ทางเซียงไฮ้ให้โรงงานของญาติฉันส่งเข้าไปขายในห้างของพวกเขาด้วย ฉันเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยากไปรับเองที่ไปรษณีย์จะได้ลองใช้เร็วๆ นะค่ะ เดียวถ้าได้มาแล้วจะแบ่งให้ป้าหวังใช้ดูนะคะว่ามันจะดีหรือเปล่า"
"ไอหยา!!!...จะทำแบบนั้นได้อย่างไรสะใภ้รองบ้านเฉิน ของพวกนั้นเขาส่งมาให้เธอใช้มิใช่รึ? ป้าหวังปฎิเสธเล็กน้อยแต่สายตาของนางจับจ้องอยู่อย่างไม่วางตา เป็นการบอกทางสายตาว่านางรับของพวกนั้นแล้วนั้นเอง
"ออ…เรื่องนั้นเอง คือแบบนี้ค่ะป้าหวัง" หยางชิงโม่หันหน้าไปทางป้าหวังทำสีหน้าให้จริงจังที่สุดและเริ่มเมาท์กับนางทันทีอย่างจริงจัง
"ญาติของฉันทางเซียงไฮ้เขาเคยบอกอยากได้ตัวแทนขายของให้เขาทางเมืองเราเหมือนกันนะค่ะ แต่ฉันก็จนใจเพราะไม่รู้จักใครเลย ป้าก็รู้ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และอีกอย่างสามีของฉันก็ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลย ถ้าอย่างไร ถ้าพี่ชายหวังเยี่ยกับพี่เขยมู่ไป่สนใจอยากเป็นตัวแทนขายฉันก็จะได้แนะนำให้ค่ะ"
อย่าคิดว่า‘ป้าหวัง’ จะเป็นแค่หัวหน้าสมาคมเมาท์มอยในหมู่บ้านธรรมดาเท่านั้นนะ เพราะความจริงหวังเยี่ย ลูกชายและลูกเขยมู่ไป่ของป้าหวังเป็นถึงหัวหน้างานในโรงงานเหล็ก และรองผู้จัดการโรงงานผลิตเสื้อผ้าของรัฐเลยทีเดียว ดังนั้นฐานะของป้าหวังจึงมีแต่คนต้องการที่จะประจบเอาใจแกเพราะต้องการที่จะให้ลูกหลานของตัวเองได้เข้าทำงานในโรงงานของรัฐ เพราะคนที่ทำงานโรงงานได้นั้นเท่ากับมี ‘ชามข้าวเหล็ก’ เอาไว้ที่บ้านแล้ว
แน่นอนว่า เรื่องสินค้าหายากอย่างพวก สบู่ ยาสีฟ้า น้ำยาต่างๆ พวกนี้ไปถึงหูของลูกชายและลูกเขยของแกแน่นอน ซึ่งพวกเขาถือเป็นชนชั้นกลางของสังคมและพวกเขาก็ยอมต้องการสินค้าเหล่านี้ไม่เอาไปใช้เองก็ขายได้ทั้งขายให้กับพนักงานเองหรืออาจจะมีเส้นสายที่ใหญ่โตกว่านั้นก็ได้....
ระหว่างที่เธอเมาท์กับป้าหวังเธอได้ 'พูดเสียงดัง' นิดหน่อยทำให้อู่ชิงชิง สะใภ้ใหญ่ตระกูลอู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ หูกระดิกขึ้นมาทันที เพราะว่าสามีของเธอก็เป็นพนักงานในโรงงานยาสูบของรัฐด้วยนะสิ ถ้าลูกชายและลูกเขยป้าหวังเป็นตัวแทนได้ทำไมสามีเธอจะเป็นไม่ได้ล่ะจริงมั้ย!! คิดได้เช่นนั้น อู่ชิงชิงจึงได้หันหน้ามามองสบตากับหยางชิงโมและส่งยิ้มหวานหยดตามมาทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงหวานพร้อมเป็นมิตรทันทีว่า
“น้องสะใภ้สามบ้านหวัง…..”
หยางชิงโม่ถึงได้บอกงั้ยว่ากำลังง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนให้พอดี 55555....
--------------------------------------
บทที่ 12 ไม่มีใครสามารถโกงแก๊งมังกรดำได้ ขณะที่รถค่อยเคลื่อนเข้าสู่ตัวเมืองหยางชิงโม่สังเกตสภาพความเป็นอยู่มากมายระหว่างทาง ถนนหนทางในยุค 80 ยังเป็นถนนดินแดงสลับกับถนนลูกรังเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้จักรยานเป็นพาหนะ มีรถยนต์ผ่านไปมาน้อยมาก"ถ้าเทียบกับปี 2024 แล้ว ที่นี่เหมือนคนละโลกเลย" หยางชิงโม่พึมพำกับตัวเอง ขณะมองดูอาคารเก่าๆ ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา บริเวณที่ในอนาคตจะกลายเป็นตึกระฟ้าและศูนย์การค้าหรูหราเมื่อรถแทรกเตอร์ของหมู่บ้านเดินทางมาถึงตัวเมืองจู่ไห่ก็เป็นเวลา 9 โมงเช้าพอดี หลีอันเล่อบอกทุกคนว่าจะรอที่ทางเข้าหน้าตลาดสด และจะจอดรอจนถึงเวลา 12 นาฬิกาเท่านั้นถ้าใครอยากจะกลับด้วยก็ให้มาให้ตรงเวลาเมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุระของแต่ละคน หยางชิงโม่ก็เดินตรงไปที่ตลาดสดเพื่อดูว่าในร้านแต่ละร้านมีสินค้าแบบไหนบ้าง เธอเดินเข้าไปในตลาดกลางเมือง สังเกตราคาสินค้าต่างๆ อย่างละเอียด เห็นผู้คนกำลังต่อคิวซื้อของใช้จำเป็น บางร้านมีป้าย "ต้องใช้คูปองแลกซื้อเท่านั้น" ติดอยู่ เธอจดบันทึกราคาสินค้าพื้นฐานไว้ในใจ:ข้าวสาร 1 กิโลกรัม ราคา 2.14 หยวนเนื้อหมู 1 กิโลกรัม ราคา 2.20 หยวนน้ำตาลทร
บทที่ 13 แก๊งมังกรดำณ แก๊งมังกรดำ ฉีฮ้าว พี่ใหญ่ของแก๊งกำลังนั่งหน้าโต๊ะ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แก๊งมังกรดำของเขานั้นก่อตั้งขึ้นมาได้เกือบ 8 ปีแล้ว เขาและท่านนายพลเซี่ย ได้ก่อตั้งตลาดมืดขึ้นเพราะจะได้เป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ต้องการจะซื้อสินค้า อาหาร ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น ท่านนายพลเซี่ยเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของเขามาก่อน และเมื่อ10 ปีก่อนนั้นเขาถือเป็นนายทหารหนุ่มที่มีฝีมือดีที่สุด และยังเป็นทหารคนสนิทของท่านนายพลเซี่ยแต่แล้วก็มีเหตุการณ์ลอบสังหารขึ้นในระหว่างทางที่ท่านนายพลกำลังจะกลับกองทัพที่ปักกิ่ง ในตอนนั้นเขาซึ่งอยู่ใกล้ได้เอาตัวเข้าขวางวิถีกระสุน ทำให้ท่านนายพลรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ตัวเขานั้นบาดเจ็บสาหัส ขา แขน ปอดเสียหายอย่างหนัก ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ขาของเขาไม่สามารถจะกลับมาเดินได้เหมือนปรกติอีกต่อไปเขาสลบไปถึง 2 สัปดาห์เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาขอย้ายมาอยู่ที่เมืองจู่ไห่ที่เป็นบ้านเกิดของเขาและตั้งใจจะลาออกเพื่อกลับมาทำนาที่บ้าน ซึ่งท่านนายพลก็อนุญาตให้เขาลาออก ระหว่างนั้นคุณหนูเซี่ยจางหยุนลูกสาวคนสุดท้องของท่านนายพลเซี่ยซึ่งกำลังคบกันกับเขาอยู่และทั้งสองว่างแผนจะแต่งงานกันใ
บทที่ 14 สินค้าจากเซียงไฮ้หายากและราคาแพงทั้งนั้น นาฬิกา จักรยาน ผ้า จักรเย็บผ้าหยางชิงโม่เดินออกจากตลาดสดด้วยรอยยิ้มบางๆ การเจรจากับเจียงไห่เป็นไปอย่างราบรื่น เธอไม่เคยคิดว่าการทำธุรกิจในยุค 80 จะง่ายขนาดนี้ แต่นั่นก็เพราะเธอมีความได้เปรียบ สินค้าในมิติของเธอล้วนเป็นของที่หายากในยุคนี้เธอเดินมาถึงโกดังที่เช่าไว้ เธอล้วงกุญแจออกมาไขประตูเหล็กบานใหญ่ที่มีสนิมเกาะ เสียงเหล็กเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด กลิ่นอับชื้นโชยออกมา"เอาละ ได้เวลาจัดการสินค้ากันแล้ว"เธอเริ่มนำจักรยานใหม่เอี่ยมออกมาเรียง แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างสะท้อนกับโครเมียมวาววับ ถัดมาคือจักรเย็บผ้าที่ในยุคนี้หาซื้อได้ยาก นาฬิกาข้อมือรุ่นคลาสสิกที่อีก 40 ปีจะกลายเป็นของสะสมราคาแพง และวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ยังใหม่กริบ จากนั้นก็เป็นพวกผ้าม้วนหลากสีสันที่เธอเตรียมมาสำหรับขาย และจัดทุกอย่างให้เป็นหมวดหมู่เมื่อเธอพาคนมารับสินค้าจะได้สะดวกไม่ต้องเสียเวลาเอาเข้าเอาออกบ่อยๆ เสร็จแล้วก็เอาแม่กุญแจขนาดใหญ่ 2 ตัวมาล็อคประตูและเดินออกมา ...โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่า ได้ทำธุรกิจกับเจ้าพ่อตัวจริงของเมืองจู่ไห่เรียบร้อยแล้วตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 11 โมงแล
บทที่ 15 ขยะราชวงค์ยังมีอยู่หรือเปล่านะ เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง หยางชิงโม่รีบเดินไปที่บ้านใหญ่เพื่อรับเด็กๆ กลับบ้านทันที เมื่อเธอไปถึงเห็นเจ้าเสี่ยวเป่าเอาเก้าอี้เล็กมานั่งรอเธอที่หน้าประตูบ้าน โดยมีพี่ๆ ยืนและนั่งอยู่ใกล้ๆ“แม่!!!!!! แม่กลับมาแล้ว” เสี่ยวเป่าลุกจากเก้าอี้และรีบวิ่งไปหาเธอที่กำลังเดินเข้ามาทันทีเธออุ้มเขาขึ้นมาแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างทันที เด็กน้อยแก้มแดงก่ำด้วยความอายแล้วซุกหน้าลงบนไหล่ของเธอ...กระซิบบอกเธอเบาๆ ว่า...“เสี่ยวเป่าคิดถึงคุณแม่มากเลย คุณแม่ไปนานจัง เสี่ยวเป่าร้องไห้ด้วย แต่ว่าพี่ใหญ่บอกว่าหากร้องไห้คุณแม่จะไม่กลับมาเสี่ยงเป่าก็เลยหยุดร้อง แล้วคุณแม่ก็กลับมาจริงๆ ”เด็กน้อยเอ่ยแล้วกอดคอเธอแน่นพลางเล่าเรื่องไปด้วย หยางชิงโม่ยิ้มเล็กน้อยกับเรื่องราวที่เจ้าต้องเล็กกระซิบข้างหูของเธอก่อนจะตอบว่า“แม่ก็คิดถึงเสี่ยวเป่าจ๊ะ แม่มีของเล่นกับขนมมาฝากเยอะเลย ต่อไปเสี่ยวเป่าไม่ต้องร้องไห้นะลูก แม่ไปไม่นาน และทุกครั้งจะกลับมาหาพวกลูกๆ แน่นอน” หยางชิงโม่อุ้มเด็กน้อยพลางบอกเขาให้มั่นใจไปด้วย พวกเด็กเมื่อได้ยินที่คุณแม่ของเขาสัญญาแบบนั้นพวกเขาก็พยักหน้า
บทที่ 16 ลิปสติกสีแดง super red ของ CHANEL ก็ได้มาเยือนยุค 80’ s ด้วยเช่นกันเมื่อตกลงกันได้แล้ว ป้าหวังจะขอทำความสะอาดโต๊ะก่อน แล้วจะให้พ่อเฒ่าหวังยกไปให้ตอนเย็น ซึ่งตอนเย็นนี้นางได้บอกให้ลูกเขยกับลูกชายมาหาที่บ้านเพื่อปรึกษาเรื่องการเป็นตัวแทนขายสินค้าให้กับหยางชิงโม่เมื่อมีขนมเปี๊ยะหล่นจากฟ้าลงมา จะไม่ให้รีบร้อนจัดการได้อย่างไร ...ส่วนสะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิง จะให้สามีมาปรึกษาในอีก 2 วันข้างหน้าเพราะสามีเธอลางานได้วันนั้น ซึ่งหยางชิงโม่ก็ตกลง และพวกเธอสองคนยังนัดหมายกันที่จะไปดูกองขยะของราชวงค์ ในวันพรุ่งนี้ซึ่งห่างจากหมู่บ้านหลี่ฮวาเพียง 10 กิโมเมตรเท่านั้นป้าหวังอยากไปด้วยแต่พรุ่งนี้บ้านดองของลูกสาวจะมาเยี่ยมจึงจำเป็นต้องอยู่รอต้อนรับ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านทันที .ด้านป้าหวังนั้นเอาของที่หยางชิงโมให้มา เข้ามาเก็บที่ห้องนอนนางเปิดดูสบู่ที่ได้มา มันทั้งก้อนใหญ่และกลิ่นหอมมากนางยกขึ้นมาดมแล้วยิ้มกว้าง หอมเหมือนกลิ่นเงินหยวนเลย.นอกจากนี้ยังหยิบกล่องขนาดเล็กๆ ขึ้นมาอีก 1 กล่อง อันนี้หยางชิงโม่เพิ่งจะแอบยื่นให้เธอตอนจะกลับไป บอกว่าเป็นลิปสติกสีสวยที่กำลังเป็น
บทที่ 17 แจกันเก่าๆ แตกๆ กับภาพวาดเก่าๆพวกนี้จะเอาไปทำไม? เย็นวันนั้น ทั้งบ้านใหญ่และบ้านรองบ้านสะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิงรวมทั้งบ้านป้าหวังได้ทดลองใช้สบู่ แชมพู่ ครีมนวดผม ที่หยางชิงโม่ให้ไป ทุกคนต่างชื่นชอบมาก ดมผม ดมแขนตัวเองอยู่ตลอด โดยเฉพาะป้าหวังนั้น ตอนนี้พ่อเฒ่าหวังซึ่งวนเวียนมาขอดมกลิ่นสบู่ในซอกคอของเธออยู่ร่ำไป รู้สึกว่าพ่อเฒ่าจะชอบกลิ่นกุหลาบสีแดงมากเป็นพิเศษเช้าวันรุ่งขึ้น หยางชิงโม่ก็พาเด็กๆ ไปหาแม่สามีอีกครั้งและยังได้บอกเผื่อไว้เลยว่าช่วงนี้ เธออาจจะยุ่งนิดหน่อยเพราะต้องรับของที่ญาติฝากมาและหาสถานที่ขายและจัดการธุระต่างๆ ด้วย ซึ่งแม่สามีนั้นเข้าใจและดีใจที่อย่างน้อยสะใภ้ของเธอจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาบ้าง ลำพังเงินเดือนจากหวังตงนั้นก็ไม่ได้มากอะไรสำหรับแม่ลูกสาม ถ้าได้มาเพิ่มจะได้อยู่สบายขึ้นหน่อย เธอยินดีดูแลเด็กๆ ให้ในช่วงนี้(เอะรู้สึกบางสิ่งบางอย่างหายไปนะ ...อะไรนะ..ต้องมีพระเอกด้วยรึ...เอ้า ลืมบทพระเอกซะงั้น 5555 เอาเป็นตอนหน้าพระเอกมาแน่...)หยางชิงโม่นัดหมายเวลากับสะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิงที่จะไปที่กองขยะของราชวงค์เก่ากันตอน 9 นาฬิกา เธอเดินออกมารอที่ถนนหน้าแล้ว วันนี้หยางชิง
บทที่ 18 เฉินหวังตงกลับบ้าน... บาดเจ็บถูกส่งตัวกลับบ้านถึงจะถูก หลีอันเล่อกำลังเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านจากหน้าหมู่บ้าน ระหว่างทางนั้นหยางชิงโม่มองเห็นความวุ่นวายสับสนบางอย่างและมันก็เริ่มใกล้บ้านเธอขึ้นเรื่อย ๆที่หน้าบ้านของเธอ มีรถทหารจอดอยู่หน้าบ้าน คุณพ่อคุณแม่เฉินและพี่น้องของสามีทุกคนยืนกันเต็มหน้าบ้านเธอ สีหน้าของแต่ละคนนั้นซีดเซียวมาก คุณแม่เฉินและน้องห้าเฉินหรงหรง ร้องไห้จนตาบวม โดยคุณแม่นั้นมีสะใภ้ใหญ่ยืนประคองอยู่ท่าทางเหมือนจะล้มได้ตลอด และเธอยังได้ยินเสียงร้องไห้หลายเสียงประสานกันด้วย แน่นอนว่านั้นจะต้องเป็นเสียงของพวกเจ้าเด็กแฝดของเธอแน่ คงจะตกใจที่มีคนมาที่บ้านเยอะแยะไปหมดและอาจจะมีบางสิงบางอย่างเกิดขึ้นด้วย...หยางชิงโม่ใช้มือตบหน้าผากเบาๆ ....มันคงไม่ใช่อยากที่คิดใช่มั้ย?? พล็อตนิยายย้อนเวลาลอยขึ้นมาทันที..…แน่นอน….เฉินหวังตงต้องบาดเจ็บและถูกส่งกลับมาบ้าน….เมื่อรถจอดเธอกระโดดลงจากรถแล้วรีบเดินอย่างรวดเร็วเข้าบ้านไปทันที ลืมแม้กระทั้งของที่เอามาจากกองขยะวันนี้ สะใภ้ใหญ่อู่ชิงชิงรีบเก็บของทุกอย่างแล้วรีบเดินตามเธอเข้าไปในบ้านทันที..ภายในบ้านมีแต่ความสับสนวุ่นวายมาก มีนา
บทที่ 19 เฉินหวังตงคือใครกันแน่ (พระเอกออกมาช้าต้องมีเงื่อนงำแน่นอน)หยางชิงโม่ค่อยๆ ยื่นมือออกไปรับกระดาษสีทองจากเจ้าเสี่ยวเฮย ข้อความสีทองบนนั้นส่องประกายระยิบระยับ สะท้อนให้เห็นถึงความลึกลับและอำนาจบางอย่างที่แฝงอยู่"ช่วยเฉินหวังตงให้ได้ แล้วคุณจะมีสิทธิที่จะเลือกว่าจะอยู่ในยุคนี้ต่อไปหรือกลับไปในยุคที่คุณจากมา"...ชิงโม่อ่านข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามวิเคราะห์และแยกแยะถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในข้อความนั้น แต่ทุกครั้งที่เธอคิด เธอกลับพบว่าคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเธอเฉินหวังตงคนนั้นเป็นใครกันแน่?เขาไม่ใช่แค่นายทหารธรรมดาคนหนึ่งหรอกหรือ?เขามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเธอและเจ้าเสี่ยวเฮย?ทำไมเธอถึงถูกเลือกให้ย้อนเวลากลับมาช่วยเขา?โลกนี้มีผู้คนมากมายเป็นล้านๆ คน ทำไมเธอถึงเป็นผู้ถูกเลือก?ทันใดนั้น ภาพความฝันซ้ำๆ ที่เธอเคยเห็นก่อนจะข้ามเวลาก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ผู้หญิงคนนั้นที่หน้าตาคล้ายเธอ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเธอถึงได้มาเข้าฝันของเธอ? พวกเขาเกี่ยวพันกันอย่างไร?คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวของเธอ จนเธอรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ หยางชิงโม่เพียงคิดว่
บทส่งท้าย ส่งต่อแหวนมิติ2 วันต่อมาคู่สามีภรรยาหลังจากที่พากันไปจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงขับรถไปที่บริเวณที่เป็นเรือนสี่ประสานที่พวกเขาเคยอยู่ตั้งแต่ในยุค 70 เมื่อขับรถผ่านและจอดมอง พวกเขาเห็นเรือนสี่ประสานที่ยังคงงดงามและมีมนต์เสน่ห์เช่นเดิม นั้นสามารถบอกได้ว่าลูกๆ หลานๆ ของพวกเขานั้นดูแลเรือนหลังนี้เอาไว้อย่างดี พวกเขาจอดรถและเฝ้ามองอยู่ที่ประตูตั้งแต่เช้าไม่นานก็เห็นรถโรลส-รอยซ์สีขาวคันใหญ่ค่อยๆ ขับออกมาขณะที่รถคันนั้นกำลังจะขับผ่านพวกเขาไป รถโรลส-รอยซ์คันนั้นก็หยุดกะทันหันเพียงไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่ออกมาจากประตูรถเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่แต่งกายเหมือนชุดอนุบาลเรียบร้อย เธอเปิดประตูออกมาแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ประตูบ้านทันที ประตูเรือนสี่ประสานยังไม่ทันได้ปิดก็มีร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งมาในมือของเขานั้นมีกล่องเล็กอยู่ 2 สอง ดูเหมือนว่าจะเป็นกล่องข้าว เขายื่นกล่องข้าวใบเล็กนั้นให้กับเจ้าเด็กน้อยจากนั้นก็เดินจูงเธอมาและเปิดประตูรถให้เธอเมื่อเสร็จก็ยกมือขึ้นบ๊ายบาย 2-3 ครั้งก่อนจะปิดประตู และยืนมองจนกระทั่งรถคนนั้นหายไปจากสายตา เขากำลังจะกลับเข้าไปที่บ้านแต่เหมือนว่าเขา
บทที่ 103 จากฮีโร่สู้ผู้ร้ายเช้าวันต่อต่อมาเกิดข่าวใหญ่ที่สะเทือนเมืองหลวงปักกิ่งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหยวนเปียวน้องของภรรยารองของท่านผู้นำ จากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาคือฮีโร่ที่เข้าช่วยเหลือท่านผู้นำจนตัวเองได้รับบาดเจ็บอาการเป็นตายเท่ากัน มาวันนี้อาการของเขากลับมาดีขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย และที่ทำให้ตกใจมากกว่าเดิมนั้นก็คือ เขาขอให้ทางหมอและพยาบาลช่วยอัดคลิปให้ ตอนแรกพวกหมอและพยาบาลนึกว่าเขาจะอัดคลิปเพื่อบอกให้คนที่เป็นห่วงเขาไม่ต้องห่วงเขาสบายดี แต่ที่ไหนได้คลิปที่เขาอัดกลับกลายเป็นการสารภาพความผิดทั้งหมดที่เขาเคยทำมา รวมทั้งการวางแผนกับพี่สาวของตัวเองซึ่งก็คือภรรยารองของท่านผู้นำเพื่อที่จะสังหารเขานั้นเอง และยังได้บอกอีกว่าพวกเขาคือ ผู้ร้ายข้ามชาติที่แฝงตัวอยู่ในประเทศนานแล้ว และรอเพียงเวลาที่จะลงมือสังหารท่านผู้นำนั้นเองเมื่อคลิปการสารภาพของเขากระจายออกไป ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ขึ้นในสังคมทันที เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยต่างก็รีบเข้าเพื่ออารักขาท่านผู้นำและพวกเขาได้รวบตัวของภรรยารองของท่านผู้นำเอาไว้เพื่อสอบสวนต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะปฎิเสธทุกข้อหาที่น้องชายของเธอพูดก็ตาม ตอ
บทที่ 102ความทรงจำที่หวนคืนเมื่อหยางชิงโม่ออกจากห้องของเฉินหวังตงได้ เธอก็รีบยกหูโทรหาน้องสาวจางหมี่ของเธอทันที“พี่หมอให้หยดน้ำทิพย์ไปเขากินหรือคะ” จางหมี่เอ่ยถามมาตามสาย“ใช่แล้วน้องหมี่ พี่ก็เลยจะถามน้องว่าน้ำทิพย์จะมีผลต่อความทรงจำของเขาหรือไม่นะสิ”หยางชิงโม่เอ่ยออกมาเธอออกจะเป็นกังวลเล็กน้อย“มีผลค่ะ นั้นคือหากว่าเขาสูญเสียความทรงจำไปจริงๆ เขาก็จะกลับมาจำได้อย่างแน่นอน แต่หากว่าเขาไม่มีความทรงจำนั้นอยู่แล้ว น้ำทิพย์ก็เพียงจะทำให้เขาเฉลียวฉลาดมากขึ้นเท่านั้นเอง”จางหมี่บอกคุณสมบัติของน้ำทิพย์สวรรค์ของเธอให้กับพี่หมอหยางชิงโม่ไป ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องใช้น้ำทิพย์เพื่อกระตุ้นความทรงจำเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะอีกไม่นานเขาก็จะจำเธอได้แล้ว แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พวกเขาจะได้ไม่เสียเวลาดีๆ ในชีวิตไป จางหมี่คิด“เช่นนั้นแสดงว่าหากเขาเป็นเฉินหวังตงของพี่จริงๆ เขาก็จะจำพี่ได้แล้วใช่หรือไม่?"หยางชิงโม่ยังต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจ“ใช่แล้วค่ะ เขาจะจำพี่ได้แน่นอน ที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับพี่หมอแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่ฉันก็อยากจะบอกพี่หมอเหมือนกันว่า คู่ชีวิตที่ดีนั้นหาไม่ได้ง่ายน
บทที่ 101 เป็นแฟนกันเถอะนะครับหยางชิงโม่ที่อยู่ในชุดกาวน์ของแพทย์ยืนมองดูร่างของคนไข้ที่ตอนนี้มีสายระโยงระยางเพื่อพยุงชีวิตเขาเต็มไปหมด หมอที่มาตรวจดูอาการของเขาต่างก็ตกอยู่ในอาการงวยงง กันมาก เพราะว่าแผลของเขาที่รับนั้นมันเล็กมาก ไม่ถึง10 เซนติเมตรด้วยซ้ำแต่ว่าอาการของเขานั้นมีหลายครั้งที่ถึงกลับมีอาการหัวใจล้มเหลว พวกเขาต่างพยายามเต็มที่ที่จะช่วยชีวิตของคนไข้รายสำคัญคนนี้ของท่านผู้นำเอาไว้ เพราะแน่นอนว่าพวกเขาทุกคนต่างก็ได้รับข่าวสารเรื่องการที่เขาเป็นผู้ช่วยเหลือท่านผู้นำเอาไว้จากผู้ร้ายหยางชิงโม่นั้นก่อนที่จะมาที่นี่เธอได้โทรหาน้องสาวจางหมี่แล้ว โดยถามว่ายาที่เธอให้มานั้นจะเกิดอาการอย่างไรกับคนที่โดนซึ่งจางหมี่ก็ได้บอกรายละเอียดมาจนครบและเด็กสาวคนนั้นยังบอกอีกว่าหากจะรักษาให้หายเพียงให้หยดน้ำทิพย์เข้าปากเพียง1หยดเท่านั้นเอง และหากว่าอยากจะให้คนร้ายสารภาพและซัดทอดไปถึงผู้บงการจำเป็นต้องมียาอีกตัวที่จะทำให้ประสาทของคนไข้หลอนและสารภาพออกมาเอง โดยการที่เขาจะสารภาพนั้นอาจจะใช้เวลา 1 หรือ 2 วันหลังจากที่เขาอาการดีขึ้น โดยที่พวกเธอไม่ต้องทำอะไร และแน่นอนว่าตอนนี้ยาเม็ดนั้นอยู่ในมือของเ
บทที่ 100 ข่าวเด่นประเด็นร้อนเมื่อเหตุการณ์สงบลงเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาจับกุมตัวของคนร้ายและรถพยาบาลได้นำตัวของหยวนเปียวผู้ที่ได้เข้ามาช่วยท่านผู้นำไปส่งโรงพยาบาล ทุกอย่างก็เริ่มคลี่คลาย ท่านผู้นำเดินมาหาหมอหยางชิงโม่ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่และมือของเธอข้างหนึ่งก็ถูกเฉินหวังตรงจับเอาไว้แน่น“ผมต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะครับที่การมาทานอาหารครั้งนี้ทำให้คุณหมอตกอกตกใจขนาดนี้ ไม่นึกจริงๆ การรักษาความปลอดภัยของผมจะหละหลวมขนาดนี้ ผมคงต้องกลับไปจัดการใหม่อีกครั้งแล้วล่ะ” ท่านผู้นำกล่าวขึ้นมา“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นเหตุสุดวิสัย พวกเราไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” หยางชิงโม่พูดขึ้นมา“คุณหมอหยางคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ ฉันกลัวมากเลยค่ะ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาและร่างของเธอก็ถูกกอดเอาไว้จากด้านหลัง และมือที่ถูกเฉินหวังตงจับเอาไว้แน่นนั้นก็ถูกดึงออก จากมือใหญ่แข็งแรงและมีมือเล็กขาวนวลนั้นก็มาจับเอาไว้แทนเฉินหวังตงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เจ้าบ้าหรูอี้มาแย่ง ‘แฟน’ ของเขาไปและมันยังพัฒนาถึงขั้นกอด ‘แฟน’ ของเขาอีกหยางชิงโม่ที่ถูกกอดจากด้านหลังก็ตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้เธอก็ยกมือขึ้นมาลูบมือของจ้าวหรูอี้แล้วปล
บทที่ 99 ดินเนอร์กับท่านผู้นำประเทศ ep 2 เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟบนโต๊ะ หยางชิงโม่และท่านผู้นำและไม้ประดับคู่นั้นก็เริ่มทานอาหาร บรรยากาศระหว่างมื้ออาหารเต็มไปด้วยความอบอุ่น ท่านผู้นำเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง หยางชิงโม่รู้สึกประทับใจกับความรู้และประสบการณ์ของเขามากจ้าวชุนหยางนั่งทานอาหารมื้อค่ำอย่างเอร็ดอร่อย รอบตัวเขามีเพียงองครักษ์ 2 นาย ยืนประจำการอยู่ห่างๆ บรรยากาศภายในห้องอาหารเงียบสงบ แสงไฟสีนวลสาดส่องลงมาสร้างบรรยากาศอบอุ่นทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของเขาแต่เมื่อมองไปเห็นเขาเพียงพนักงานที่กำลังถือถาดเพื่อจะนำไวน์มาเสิร์ฟให้พวกเขาเท่านั้น พนักงานชายคนนั้นเดินมาทางด้านหลังและก่อนที่ทุกคนจะทันตั้งตัวเขาก็ชักมีดเล่มเล็กออกมาและจ่อไปที่คอของท่านผู้นำประเทศทันที“อย่าขยับไม่อย่างนั้นฉันจะเชือดคอผู้นำของพวกแกแน่นอน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นภาษาจีนแต่ว่าสำเนียงนั้นไม่ชัดเจนเหมือนว่าคนที่พูดเป็นชาวต่างประเทศอย่างไรอย่างนั้นตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น มันเป็นไปได้อย่างไรกับการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขนาดนี้แต่ยังมีคนร้ายสามารถเล็ดลอด
บทที่ 98 ดินเนอร์กับท่านผู้นำประเทศ ep 1 “ผมยังไม่มีแฟนครับ”เฉินหวังตงตอบอย่างภาคภูมิใจ และหันไปมองหน้าของหมอหยางที่ทำสีหน้าประมาณ ‘ฉันนึกแล้ว’ ใส่เขาและเธอก็หันไปขับรถต่อไป ทิ้งให้ภายในรถมีแต่ความเงียบ....เมื่อบอกไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปมองหน้าคุณหมอคนสวยพลางรออีก เขารอให้เธอถามต่อหรือแสดงอาการดีใจ อะไรก็ได้ แต่สิ่งที่เขาได้รับคือ ความเงียบและสีหน้านิ่งเฉยและตั้งหน้าตั้งตาเหยียบคันเร่งรถเหมือนจะพยายามขับให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด เฉินหวังตงแสดงอาการผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ถามต่อ เขาก็เลยจะเฉลยให้เธอฟังซะเลยดีกว่าเพราะตัวเขาเองก็อึดอัดใจเหมือนกัน คือ อยากบอกอยากเล่าอะนะ (55555 สงสาร)“คือว่าผมกับจ้าวหรูอี้เป็นเพียงเพื่อ.....“ถึงคอนโดของคุณเฉินแล้วค่ะ” หยางชิงโม่ที่เหยียบรถห้อมาเต็มที่ในที่สุดก็ถึงคอนโดของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียที เฮ้ออึดอัดเป็นบ้าเลย ทำไมตอนที่เธออยู่ที่ยุค 80 กับเขาตอนนั้นไม่เป็นแบบนี้นะ ตอนนั้นทั้งสองออกจะหวานแหววกันตลอดด้วยและดูเหมือนว่าเขากำลังจะเล่าอะไรอีกแล้วละ ...ขณะที่เฉินหวังตงกำลังจะบอกเงื่อนไขที่เขากับเจ้าจ้าวหรูอี้คุยกันกับเธอ หยางชิงโม่ก็พูดแทรก
บทที่ 97 ผมยังไม่มีแฟน“น้องจะบอกว่ามีคนปองร้ายท่านผู้นำหรือ” หยางชิงโม่ก้มหน้าลงและพูดกระซิบกับจางหมี่ทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีใครแต่ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณการระวังตัวนั้นเอง“ทั้งใช่และไม่ใช่ค่ะ” จางหมี่บอกแบบคลุ่มเครือ เธอไม่อยากจะฟันธงไปเลยการมีคนต้องการที่จะปองร้ายท่านผู้ เพราะว่าคนที่ทำนั้นมันอยู่ใกล้ตัวของท่านผู้นำมากนั้นเอง เฮ้อ ปัญหาครอบครัวแม้ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็หนีไม่พ้นจริงๆ จางหมี่คิดหยางชิงโม่หยิบขวดน้ำทิพย์ที่จางหมี่ให้มาแล้วเก็บเอาไว้อย่างดีภายในแหวนมิติของเธอ“แล้วท่านผู้นำจะเชื่อพี่หรือ ถ้าพี่บอกว่าแม่บ้านของเขาน่าสงสัย” หยางชิงโม่กังวลเล็กน้อยเพราะต้องทราบว่าเธอก็แค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือเขาเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดใดๆ กับพวกเขาเลย“เขาจะเชื่อค่ะ อย่าลืมว่ากว่าเขาจะขึ้นมาเป็นผู้นำคนทั้งประเทศได้ไม่ใช่เรื่องง่ายและเขาจะต้องระมัดระวังเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ยิ่งพี่หมอเอายาไปให้และบอกว่ามาจากฉันเขาจะยิ่งตรวจเช็คเรื่องพวกนี้อย่างถี่ถ้วนแน่นอน” จางหมี่บอกออกไป“ได้งั้นพี่จะทำตามที่น้องจางหมี่บอกก็แล้วกัน”"อีกอย่างตอนที่พี่
บทที่ 96 ฉันเลือกที่จะลืมเขาหยางชิงโม่นั่งรอเพียงไม่นาน ร่างแสนสวยของจางหมี่ก็เดินเหมือนลอยมาหาเธอแล้ว สองสาวทักทายกันนิดหน่อยและจางหมี่ก็เชิญเธอเข้าไปด้านในร้าน เพราะว่าภายในร้านชานั้นพวกเธอไม่ได้ขายอาหารเต็มรูปแบบ มีเพียงขนมและของกินเล่นที่ใช้กินคู่กับชาเท่านั้น ส่วนวันนี้นั้นเธอได้นัดที่จะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่พี่หมอ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเข้าไปทานกันด้านใน ในขณะที่พวกเธอสองคนเดินนั้น ได้มีสายตาของหมาป่าต่างเพศสองตัวจ้องอยู่และพวกเขามองส่งนางฟ้าไปจนลับตาพลางถอนหายใจด้วยความเสียดายเฉินหวังตงและจ้าวหรูอี้ที่มองนางฟ้า 2คนเดินเข้าไปข้างในต่างก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายเมื่อไม่มีอาหารตาที่แสนสวยแล้ว พวกเขาสองคนก็หันหน้ามาหากันแทน แม้จะเบื่อหน่ายแค่ไหนก็ตาม“งั้นเอาแบบนี้ไหม อีก 2-3 วันนี้คุณปู่ของคุณจะเชิญหมอหยางของผมไปทานอาหารเพื่อเป็นการขอบคุณที่หมอหยางของผมช่วยชีวิตน้องชายของคุณเอาไว้ วันนั้นผมจะถือโอกาสบอกท่านผู้นำเลยว่าเราสองคนตัดสินใจเลิกกัน ส่วนคุณจะไปหาแฟนของคุณก็ไปผมจะเป็นคนบอกเอง”เฉินหวังตงหันมาปรึกษาหาทางออกให้กับทั้งสองฝ่าย“ถ้าแบบนั้นฉันก็คงจะโดนคุณปู่ยำแน่นอน นายมีทางอื่นอีกไห