เกือบสองวันสองคืนที่หวังรุ่ยเซียงอยู่กับไต้เจิ้งซี พวกเขาพักตามถ้ำและกระโจมของชาวเผ่าหม่าซาง นั่นเป็นเพราะไต้เจิ้งซีอยากให้นางเห็นบางสิ่งในเขตพื้นที่ผู้ประสบภัยสงคราม ซึ่งยามนี้ทยอยเดินทางมาได้นับพันชีวิต โดยมีทหารคอยดูแล “สงคราม ทำให้คนอดยาก หลายชีวิตต้องจากไป ความสูญเสียนั้นมหาศาล อีกทั้งทำให้คนที่เหลืออยู่สิ้นหวัง บางคนป่วยใจ แล้วก็ตายไปในที่สุด” ซึ่งเหล่าราษฎรบริสุทธิ์ที่ประสบชะตากรรมโหดร้ายนี้ คือเหตุผลที่เขามีความกราดเกรี้ยวเมื่อรู้ว่าแคว้นเสอส่งสตรีสวมใส่ชุดบุรุษมาเชื่อมไมตรี เพราะมันคือการหยามหมิ่นเกียรติชาวเผ่าหม่าซาง กระทั่งได้เห็นด้วยตาตนว่า พี่ชายหวังรุ่ยเซียงมีแผนการชั่วช้าเช่นไร เขาก็นึกสงสาร ถึงอย่างนั้นนางเป็นคนของแคว้นเสอ ให้ดีคือมีรูปโฉมงดงามอย่างที่สุด กระทั่งรับรู้จากรายงานว่า ตลอดระยะทางที่นางเดินทางมาเผ่าหม่าซาง สตรีผู้นี้ได้แบ่งอาหาร และเงินให้กับคนยากไร้ ทั้งสั่งองครักษ์ช่วยชีวิตครอบครัวหนึ่งเอาไว้จากการถูกปล้น ไต้เจิ้งซีจึงเปลี่ยนมุมมองใหม่ เขาไม่ได้โทษนาง หากกำลังดูแคลนขุนนางเสอ และพี่ชายน้องชายของหญิงสาวมากกว่าที่ล้วนขี้ขลาดตา
หวังเฉินเฟยมาถึงตำหนักซอมซ่อของน้องสาว เห็นแล้วก็อดเดือดดาลไม่ได้ “พวกสุนัขหม่าซาง... เลี้ยงดูน้องสี่เช่นนี้หรือ” หญิงสาวตกใจกับท่าทางและน้ำเสียงพี่ชาย อีกฝ่ายแต่เดิมก็สุภาพ ทั้งให้เกียรติผู้อื่น อีกอย่างไต้เจิ้งซี แม้ภายนอกดูป่าเถื่อน ทั้งยังมักใช้ท่าทางข่มขวัญผู้คนไปทั่ว หากสุดท้ายหวังรั่วเซียงได้รับการดูแลอย่างดี ผิดกับพี่ชายนาง ที่ยามนี้ดูแล้วไม่น่าไว้ใจยิ่ง “พี่รอง อย่างไรเราก็อยู่ในบ้านเมืองผู้อื่น ข้าไม่อยากมีปัญหา” หวังเฉินเฟยถลึงตาใส่น้องสาว ก่อนจับข้อมืออีกฝ่ายแล้วบีบอย่างใช้กำลัง “น้องสี่กล่าวเช่นนี้ เจ้าคงไม่แคล้วหลงสุนัขหม่าซางจนโงหัวไม่ขึ้นหรอกนะ” หญิงสาวไม่อยากเชื่อหูตน ทั้งที่หวังเฉินเฟยได้รับการช่วยเหลือจากไต่เจิ้งซีแท้ๆ ยังพูดจาให้ร้ายฝ่ายนั้นไม่หยุด อีกทั้งนางถูกเขาต่อว่าอย่างด้อยค่า การช่วยเหลือคนผู้นี้ให้รอดพ้นจากศัตรู นับว่าเสียแรง และทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย “เสียดายที่ข้า ต้องเสียสละหลายสิ่งเพื่อช่วยเหลือท่าน เช่นนี้แต่แรก ขอให้หม่าอ๋องนำแค่ศีรษะท่านกลับแคว้นเสอก็คงเพียงพอแล้ว” หวังเฉินเฟยอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนเดือดด
ผู้อื่นย้อนเวลามาเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา หรือนางร้ายชั่วช้า ที่หมกมุ่นในการแก้แค้น แต่ตัวประกอบ ที่ชาติก่อน รับบทขย่มบุรุษไม่เลือกหน้าทั่วทุกพรมแดน ชาตินี้ ‘ระบบ’ ขีดเส้นชีวิตให้นาง บดๆ ยั่วๆ เพื่อหว่านเสน่ห์ให้ปั๋วอ๋อง ผู้เย็นชา และเผด็จการ ตายคาอ้อมแขน และสองเต้าตูมๆ และภารกิจสำเร็จเมื่อใด ก็รับโบนัส เป็นทองคำหนึ่งพันชั่ง พร้อมสามารถเลือกสามีใหม่ได้ด้วย เอ วัง อะไรจะประเสริฐเช่นนี้ !? ******************** “อ๊ะ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยถูกผู้ใดทำโทษเช่นนี้” นางไม่ได้พูดปด ด้วยร่างกายในโลกคู่ขนาน ยังเป็นสตรีที่มีปานแดงพรหมจรรย์ ทุกอณูเนื้อยังไม่ผ่านมือชายใดมาก่อน “หืม เหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าหรือจะทำโทษ คนงามที่หยาดเยิ้มเช่นเจ้าได้ลงคอ” “ก็ หม่อมฉัน เหมือนจะขาดใจตาย ละ แล้ว อี้ อ๊ะ ฝะ ฝ่าบาท!”**************************** คืนนี้นับว่าดึกอยู่สักหน่อย และหญิงสาวเพลียทั้งปวดเมื่อยร่างกาย จึงไม่ได้คิดจะแสดงท่าทางให้โลดโผนกว่านี้ การเป็นดาวจรัสแสงของเธอ นับว่าเชิดฉายพอแล้ว แต่ก็นั่นแหละ นอกจากมีอาชี
เมื่อลิ่วอี้ต้องเป็นหลิวลั่วอี้ในโลกคู่ขนาน หญิงสาวกลับไม่ได้แตกตื่น ประสาทเสีย แม้กระทั่งกรีดร้องด้วยความกลัว หรือทำสิ่งที่พิลึกพิลั่น อย่างตัวละครอื่นที่นางเคยอ่านผ่านตา หรือได้ดูผ่านสื่อต่างๆ มักจะเป็น นั่นเป็นเพราะแต่เดิม นางคือนักเขียน ใช้อาชีพนี้เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่อายุสิบสามสิบสี่ปี ซึ่งเขียนนิยายเกินวัยไปมากโข ใครๆ ต่างบอกว่าแก่แดดและแรด แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่ทำส่งผลให้ปากท้องไม่หิว ไม่ต้องแบมือขอเงินใคร กระทั่งหลิวลั่วอี้ พบแฟนคนแรก เขาบอกว่า นอกจากเป็นอัจฉริยะทางด้านตัวอักษร และสร้างสรรค์เรื่องราวได้ดี นางยังครบเครื่องเรื่องบนเตียง มีทรวดทรงแสนมหัศจรรย์ ให้เขาได้ลูบๆ คลำๆ เล่นอย่างไม่รู้เบื่อ “ความสาวไม่ได้อยู่กับเรานาน เธอต้องหัดใช้ให้มันเป็นประโยชน์” เสียงผู้ชายในอดีตบอก และเขายังอยู่ในความทรงจำตลอดมา เขามอบจูบแรกอันร้อนแรงให้ สอนหญิงสาวใช้ปาก ลิ้น และสองมือ ทั้งยังหมั่นกระแทกกระทั้นความใหญ่โต อัดใส่ร่างกายนุ่มนิ่มนี้ จนลิ่วอี้เป็นผู้หญิงที่หมกมุ่นกับความสัมพันธ์อันหวานล้ำระหว่างชายหญิง “แต่ ฉันไม่อยากทำตัว ร่านๆ ให้ใครเห็นนี่นา อยาก
หลิวลั่วอี้ต้องการให้ได้หนึ่งร้อยแต้มอย่างเร็วไว เพื่อที่นางจะไปจากโรงบุปผาทองคำ ซึ่งภารกิจของนางไม่มีสิ่งใดยุ่งยาก ก็แค่กระโดดขึ้นเตียงปั๋วอ๋องให้ได้เร็วที่สุด จากนั้นทำอย่างไรก็ได้ให้บุรุษผู้เย็นชา เผด็จการ บ้าอำนาจ เสียน้ำอุ่นขาวข้นให้หมดตัว กระทั่งจุดจบฉากสุดท้ายเขาก็คือตายคาอกตูมๆ ของนาง และเป็นตอนนั้น ที่เห็นว่ามีบุรุษห้าคนที่ผิวขาว เรือนร่างก็สะโอดสะองอยู่สักหน่อย ก้าวออกมา ยืนต่อหน้าพวกนาง ทุกคนมีหน้ากากปิดใบหน้าส่วนปกไว้ เห็นเพียงแค่ดวงตา ส่วนด้านล่างมีผ้าเตี่ยวปกปิดของสงวนไว้ กระนั้นด้วยความเป็นบุรุษทั้งยังมีเรือนกายแตกต่างจากสตรี พวกเขาจึงทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ และใช้กัวซาเล่นซุกซนกับตน ถึงขั้นร้อนอบอ้าวในจุดหวานฉ่ำมากกว่าเดิม แต่เมื่อพิศพวกเขาให้ดี ก็เกิดเสียงซุบซิบ “นั่นมันขันทีมิใช่หรือ” มามาโจวอมยิ้มในสีหน้า ตอบว่า “ถูกต้อง เพราะเป็นพวกที่ตอนแล้ว ถึงจะแก้ผ้าให้พวกเจ้าทุกคนยลโฉม และสำรวจเรือนร่างได้ พวกเขามีทุกอย่างเหมือนบุรุษ เพียงแต่บางส่วน อาจบกพร่องอยู่สักหน่อย” ดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้จ้องไปยังขันทีผู้หนึ่ง เขานับว
เมื่อหลิวลั่วอี้ลืมตาอีกครั้ง นางพบว่าตนอยู่ในรถม้าที่กำลังมุ่งตรงไปยังอารามนอกเมือง โดยเป็นคำสั่งฮองเฮา ที่ต้องการให้สตรีที่จะรับใช้ปั๋วอ๋องไปสถานที่ดังกล่าว ซึ่งไม่ชอบมาพากลอย่างที่สุด “เป็นแผนของนางแม่งป่องพิษที่ต้องการกำจัดพวกเรา” เสียงหนึ่งในสตรีที่ถูกคัดตัวมาดังขึ้น ยามนี้หญิงสาวที่ผ่านการคัดเลือก เหลืออยู่เพียงสี่คนรวมหลิวลั่วอี้ด้วย “เหตุใดถึงกล่าวเช่นนั้น” หลิวลั่วอี้ถาม “ฮองเฮา กลัวว่าหนึ่งในพวกเรา จะได้ก้าวขึ้นเป็นสนมคนโปรดของฝ่าบาท ดังนั้นจึงใช้แผนลวง หลอกให้พวกเรามาที่อารามเชิงเขา หวังฆ่าให้ตายเสีย ก่อนจะได้พบกับฮ่องเต้” “โอ้ มีเรื่องบัดซบเกิดขึ้นเช่นนี้!” หลิวลั่วอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มิผิด พวกเราต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ มิเช่นนั้น คงกลายเป็นศพ ก่อนจะได้รับใช้ฝ่าบาท” เมื่อคนหนึ่งเอ่ยจบ รถม้าก็หยุด และมีเสียงเรียกให้สตรีทุกคน ก้าวลงไป ‘โอกาสพบปั๋วอ๋อง 60% โอกาสเสียชีวิต เริ่มระบบใหม่ 80% ทางลัด สามารถเลือกใช้ 200 คะแนน เพื่อไปซื้อเกราะไหมทองคำ ป้องกันโจมตี และอาวุธลับ!’ หลิวลั่
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้ ‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’ แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง “หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่
ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จงใจทำให้ซย่าพ่านเอ๋อร์ขึ้นสวรรค์ให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเสร็จสมจากการเล้าโลมครั้งนี้ คงยากเหลือเกินที่จะมีแรงลงเหลือให้อู๋เหยากวนร่วมรักอย่างโลดโผน กัวซาหัวเห็ดที่ใหญ่กว่าในโรงฝึกบุปผาทองคำ ถูกนำออกมา จากนั้นหลิวลั่วอี้ จึงใช้มันแตะวนไปมาเหนือแอ่งเนื้อนูนของซย่าพ่านเอ๋อร์ “อี้ เอามันออกไป” ปากนางบอกเช่นนั้น แต่ซย่าพ่านเอ๋อร์ดูดนิ้วมือหลิวลั่วอี้แรงขึ้น ส่วนมือนางบีบยอดถันของตนอย่างกระสัน ราวกับปรารถนาที่จะเสร็จสมให้เร็วที่สุด หลิวลั่วอี้เลยไม่รอช้า นางส่งกัวซาหัวเห็ดแทรกลึกเข้าไปในเนื้อสาว ยามนั้นซย่าพ่านเอ๋อร์บิดกายไปมา ก่อนสั่งให้หญิงสาวทิ่มแทงตนเองแรงๆ ขณะเดียวกันหลิวลั่วอี้ ใช้สายตาเชิญชวนปั๋วอ๋อง และเขาลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ ค่อยๆ ก้าวมายังพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนรับรองนี้ “อื้อ... ฝ่าบาท ชอบเข้าข้างหลังเช่นนี้หรือเพคะ” “แล้วเจ้าเล่าคุณหนูหลิว ถูกฝึกให้รับรองข้า ทุกส่วนหรือไม่” หลิวลั่วอี้ครางเสียงหวานๆ และไม่ได้ตอบเขา หากยกบั้นท้ายของตนขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้มันสัมผัสกับแก่นกายของชายหนุ่มที่ยามนี้ผงกหัวไปมาอย่างกร
สามปีต่อมา โจวฟางจื่อรู้สึกว่าวันนี้เธอทำงานหนัก ลูกค้าแวะมาซื้อของไม่ขาดสาย กระนั้นกว่าจะได้พักก็เกือบสามทุ่มกว่าๆ ร่างกายอ่อนแรง และปวดขาไปหมด ใจคิดว่าอยากอาบน้ำแล้วงีบพักสักหน่อย ช่วงเช้ามืดต้องไปจ่ายตลาด แต่รู้ว่าน้องชายสามี กำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ จากจุดนี้เธอมองเห็นไฟในห้องเขา ซึ่งรอดออกมาจากช่องหน้าต่าง ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้านเปิดเอาไว้ เธอจึงรีบล้างเนื้อล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ หยิบถ้วยข้าวผัดไข่ที่ทำไว้ พร้อมน้ำแกงไก่ตุ๋นที่เหลือในชามใหญ่ เธอต้องการเอาไปให้อีกฝ่ายได้กินเพิ่มพลัง เด็กหนุ่มๆ ใช้พลังงานเยอะ ร่างกายหวังเสี่ยวเกอสูงใหญ่วัยเกินวัย เมื่อยืนแล้วเธอสูงเลยหัวไหล่เขาไปเล็กน้อย แน่นอนโจวฟางจื่อไม่ใช่สตรีร่างเล็ก เธอไม่ผอมแห้ง แต่ไม่ถึงกับอวบอัด ทรวดทรงจัดว่าดี ส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนบุรุษได้ไม่ยาก แต่พักหลังเธอระมัดระวังการกิน เนื่องจากชอบของหวาน และของมันๆ เป็นพิเศษ เธอไม่อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัว การเป็นคนสวย ย่อมสร้างความน่าสนใจให้ผู้พบเห็น และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เธอได้เสมอ สวยมีสมองที่ดี เช่นนี้เธอจึงอยู่รอดในโลกที่ท
โจวฟางจื่อเชื่อฟังโดยง่าย เธอลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ย่อตัวลงแล้วเริ่มใช้ลิ้นเลียปลายหัวหยักของชายหนุ่ม ปลายลิ้นเล็กๆ สีชมพู แหย่เข้าไปที่ปลายหัวหยักตรงรูที่มีน้ำใสๆ ซึมเออ เธอเคอะเขินก็จริง แต่ดูเหมือนจะชอบที่ได้บริการเขาด้วย พอไล้เลียจนชอบใจ เขาก็ให้เธออ้าปากกว้างๆ แล้วครอบริมฝีปากลงไปจมมิดลำ จากนั้นมือใหญ่จับศีรษะหญิงสาวโยกเข้าโยกออก ด้วยความเสียวซ่านจับใจ “อาจื่อ เธอมันยอดเยี่ยมสมราคาที่อั๊วซื้อมาจริงๆ” เขาว่าและครางอย่างมีความสุข ส่วนโจงฟางจื่อได้แต่ทำตามที่ใจเขาต้องการ ขณะเดียวกันคนที่แอบดูอยู่ใจเตลิดไปไกล ร่างกายร้อนรุ่ม พี่ชายเขาเป็นพวกมากตัณหา ส่วนพี่สะใภ้คือคนที่ต้องรองรับอารมณ์หื่นโหดอย่างไม่อาจต่อต้าน ถึงอย่างนั้นหวังเสี่ยวเกอก็ชอบใจ เขาเห็นว่าเธอไม่ขัดขืน ทั้งตัวสั่นนิดๆ ผิวเนื้อขาวๆ เป็นรอยแดงระเรื่อ เขาก็อยากมีโอกาสปลดปล่อยความสุขเช่นนั้นกับโจวฟางจื่อบ้าง และจากห้องน้ำใหญ่ ทั้งคู่ล้างเนื้อล้างตัว แล้วกลับเข้าห้อง แต่แทนที่จะเตรียมตัวไปทำงาน หวังต้าเซียนซี ที่ยังมีอารมณ์อยู่ก็กระชากเสื้อผ้าโจวฟางจื่อออก แล้วจับเธอให้คว่ำห
แอคเค่อสาวฮอตปรอทแตกชื่อดัง ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายเรื่อง ‘ตำนานรักหม้ายสาวหัวใจแกร่ง’ ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยรับบท โจวฟางจื่อ ซึ่งสามีหายสาบสูญ ทิ้งให้เธอดูแลแม่ของเขาซึ่งป่วยเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เขามีน้องรองที่เอาแต่ใจใช้ชีวิตเหลวแหลก และช็อคยิ่งกว่าก็คือ อาตี๋เล็กสุดหล่อล่ำคลั่งรักเธอ และวันนี้ เธอพอแล้วสำหรับความเฮงซวย ที่ต้องเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตา จากนี้เธอจะเปลี่ยนบทและชีวิตอย่างคุ้มค่า พร้อมบริหารความสวยหมวยเอ็กซ์ให้ซู่ซ่า แบบที่โลกนี้ต้องจำ ฮึ ก็แค่ขึ้นควบขี่มังกรสองลำ ถ้าเพิ่มเป็นสามสี่ห้าลำอวบๆ เมื่อไหร่ ค่อยกล่าวหาเธอร่านสวาท แบบนั้นถึงจะยอมรับแต่โดยดี ตัวละครในเรื่องสะใภ้ใหญ่บ้านหวัง โจวฟางจื่อ อายุ 25 ตัวเอกของเรื่อง (ชื่อเดิมลู่หราน แอคเค่อสาวพราวเสน่ห์)หวังต้าเซียนซี (ต้าเกอ) สามีที่หายตัวไปอย่างเงียบๆหวังเจ๋อหยวน นักแสดงสมบท น้องรองบ้านหวังหวังเสี่ยวเกอ ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับใครในบ้านซ่งถิง แม่สามีป่วยความจำหลงๆ ลืมๆไป๋อี้ถง เด็กสาวข้างบ้าน ถงถง (ชื่อเล่น)เมิ่งเหยา มารดาถงถง*************************ทั้งที
“แต่ข้าไม่ได้ทำสิ่งที่ฮองเฮาพูดแม้แต่น้อย” อวิ๋นตวน ไม่อาจทนให้หลิวลั่วอี้ขึ้นเสียงและต่อว่าตน นางปรี่เข้ามา หมายตบใบหน้างามหยาดเยิ้ม แต่เป็นยามนั้นที่หลิวลั่วอี้ปัดมืออีกฝ่ายออกได้ทัน “บัดซบ เหตุใดถึงกล้าขัดขืนข้า” “ข้ามิใช่เพียงหวงกุ้ยเฟย หากยังเป็นลูกสาวของแม่ทัพ และพี่ชายข้าดูแลเมืองใหญ่หลายเมืองให้แคว้นนี้” “จริงอย่างที่เจ้ากล่าว เช่นนี้เจ้าถึงกล้าคิดการณ์ใหญ่ หวังให้ฝ่าบาทยกเจ้าขึ้นมานั่งบัลลัก์แทนข้าเยี่ยงไรเล่า” หลิวลั่วอี้ยิ้ม พลางคิดแผนต่างๆ ในใจ และเอ่ยว่า “ฮองเฮาต้องการให้ข้าตาย และสารภาพในหนังสือยอมรับความผิด แล้วท่านจะมอบยาแก้พิษให้แก่ฝ่าบาท” “นั่นคือเจตนาของข้า เจ้าทำได้หรือไม่ และความผิดนี้ จะไม่สืบถึงสกุลหลิว หรือบ่าวรับใช้ที่ติดตามเจ้า” “ก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใด ขอให้ฮองเฮายืนยันเสียก่อนว่า ท่านคือผู้ตั้งใจวางยาหม่อมฉัน และเป็นเหตุให้ ฝ่าบาทรับพิษแทน” “ฮึ... ในวังหลังใครจะเกลียดเจ้าเท่าข้าได้อีกเล่า!” “ขอบพระทัยฮองเฮาที่แจ้งเจตนาตน เช่นนั้น ขอให้ท่านวางใจได้ ว่าแต่เดิมหม่อมฉันย่อ
หลังจากดื่มด่ำความสุขไปสามรอบๆ ติดกัน ท้องอู๋เหยากวนรู้สึกว่าหิว ยามนี้เขาอยากกินของหวานกับเครื่องดื่มดีๆ คงทำให้เป็นสุขยิ่งขึ้น ยามนั้นดวงตาคมกริบหันไปเห็นถังหูลู่ที่ห่างออกไป และมันช่างยั่วเย้าความยาก น้ำตาลเคลือบผลไม้คล้ายจะเย้ายั่วให้เขาต้องการเพิ่มความหวานเข้าสู่ร่างกาย “เสี่ยวอี้ เจ้าคิดจะเก็บของหวานไว้กินคนเดียวสินะ” เมื่อเขาเอ่ยจบจึงหยิบถังหูลู่ไม้หนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็กัดส่วนที่เป็นพุทราไปหนึ่งคำโตๆ สิ่งที่เขารู้สึกได้ คือความกรอบ หวาน และมีกลิ่นมึนเมาเล็กน้อย แต่นอกจากถังหูลู่พุทรา ยังมีฉาวเหมยสีสดที่มาจากภาคเหนือ และเขาเลือกหยิบขึ้นมา คราวนี้กัดไปหลายคำ ซึ่งหลังจากนั้น ราวๆ ชั่วเวลาน้ำชาพองตัว เขาปวดหัวอย่างรุนแรง ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้า ๆ หลิวลั่วอี้ ใช้แรงรับศึกหนักจากอู๋เหยากวนไปหลายกระบวนท่า นางจึงผล็อยหลับ แต่เมื่อลืมตาตื่น ก็เห็นชายหนุ่มนอนนิ่งๆ อยู่บนตั่งไม้กว้าง “ฝ่าบาท... เกิดสิ่งใดขึ้น” หญิงสาวร้องเสียงสั่น และเข้ามาจับเนื้อตัวเขา ก่อนพบว่าแม้ยังอุ่นอยู่ แต่การหายใจเบาจนน่าวิตก “ใครอยู่ที่นี่ ไปเรียกหมอหลวงที” หล
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน การอยู่ที่ตำหนักจันทร์ฉายที่อู๋เหยากวนมอบให้ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทว่าเมื่อหลิวลั่วอี้โดดเด่นขึ้นเหนือสตรีคนอื่น ย่อมมีผู้คิดร้าย ซึ่งแน่นอนฝ่ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าทำเรื่องชั่วช้า ย่อมไม่พ้นนางแมงป่องพิษอวิ๋นตวน สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้ หลิวลั่วอี้ประเมินแล้วเข้าใจได้ว่า ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตตน กระนั้นนางอยู่ที่นี่ ในโลกซึ่งต้องสะสมคะแนน เพื่อให้ตนทำภารกิจต่างๆ สำเร็จ สุดท้ายนางจะได้กลับคืนโลกที่จากมา แม้เสี่ยงภัย แต่เมื่อชีวิตในโลกคู่ขนานนานวันเข้า หญิงสาวรู้สึกชอบ อีกทั้งได้โบนัสมากมาย ฝ่ายอู๋เหยากวนหลังจากฟังรายงานน่าเบื่อหน่ายจากเหล่าขุนนางเรียบร้อย เขามักมาขลุกอยู่กับหลิวลั่วอี้ “เสี่ยวอี้ของข้า มีสิ่งใดให้ขบคิดเยี่ยงนั้นหรือ” อู๋เหยากวนถาม และดึงมือเรียวสลวยไปจูบหลังมือ แม้ไม่ได้มากด้วยแรงปรารถนา กระนั้นก็ทำให้นางหลับตาพริ้ม ยามนี้หัวใจหลิวลั่วอี้ไหวโอน และยอมรับอย่างลึกๆ ว่า ห่วงหาห่วงใยบุรุษผู้นี้ เขามีอำนาจล้นเหลือ หล่อเหลา และทรงพลังในยามอุ่นเตียง ผิดกับผู้ชายทุกคนที่นางเคยรู้จัก หลิวลั่วอี้มองอู๋เหยากวน พลางคิดถึง
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่หลิวลั่วอี้ ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพระสนมคนโปรด (ในที่นี่กำหนดให้เป็น หวงกุ้ยเฟย) ซึ่งมีฐานะเป็นรองก็แค่ฮองเฮาหนึ่งขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของผู้คนยิ่งนัก แต่สำหรับหลิวลั่วอี้ ย่อมทราบดีว่า ทุกอย่างก็แค่ฉากหนึ่งในระบบที่นางโผล่เข้ามา เหนืออื่นใด ยามนี้นอกจากจะต้องทำให้ตนกุมหัวใจอู๋เหยากวนให้ได้ โดยที่เขายกนางขึ้งเป็นสตรีที่ควบคุมวังหลัง นอกจากมีตราหงส์ในมือ นางยังต้อง ทำให้ตนเป็นผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง จากนั้นระบบจะส่งตัวนางกลับโลกปัจจุบัน ทุกอย่างดูเหมือนจะง่าย และยามนี้ผู้อื่นที่อยู่รอบกายนาง ก็เป็นเพียงตัวละครที่สติปัญญาตื้นเขิน บางครานางต้องแปลกใจ เพราะพวกเขาโผล่ไปโผล่มา บ้างก็หายไปเสียดื้อๆ ส่วนคนที่นางพบหน้ามากที่สุด ย่อมเป็นอู๋เหยากวน และยามนี้ เขามีความเครียด นั่นเป็นเพราะขุนนางฝั่งหนึ่ง ยื่นฎีกาให้ถอดหลิวลั่วอี้จากตำแหน่งหวงกุ้ยเฟย “หากสิ่งที่พระองค์ไม่สบายใจเกี่ยวกับหม่อมฉัน เรื่องนี้นับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง” “เฮ้อ ทุกอย่างล้วนเป็นเราที่ไม่เด็ดขาดกับคนพวกนั้น ทั้งที่เจ้าก็คือคนโปรด เป็นสตรีที่มีจิตใจเมตตา
ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จงใจทำให้ซย่าพ่านเอ๋อร์ขึ้นสวรรค์ให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเสร็จสมจากการเล้าโลมครั้งนี้ คงยากเหลือเกินที่จะมีแรงลงเหลือให้อู๋เหยากวนร่วมรักอย่างโลดโผน กัวซาหัวเห็ดที่ใหญ่กว่าในโรงฝึกบุปผาทองคำ ถูกนำออกมา จากนั้นหลิวลั่วอี้ จึงใช้มันแตะวนไปมาเหนือแอ่งเนื้อนูนของซย่าพ่านเอ๋อร์ “อี้ เอามันออกไป” ปากนางบอกเช่นนั้น แต่ซย่าพ่านเอ๋อร์ดูดนิ้วมือหลิวลั่วอี้แรงขึ้น ส่วนมือนางบีบยอดถันของตนอย่างกระสัน ราวกับปรารถนาที่จะเสร็จสมให้เร็วที่สุด หลิวลั่วอี้เลยไม่รอช้า นางส่งกัวซาหัวเห็ดแทรกลึกเข้าไปในเนื้อสาว ยามนั้นซย่าพ่านเอ๋อร์บิดกายไปมา ก่อนสั่งให้หญิงสาวทิ่มแทงตนเองแรงๆ ขณะเดียวกันหลิวลั่วอี้ ใช้สายตาเชิญชวนปั๋วอ๋อง และเขาลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุ ค่อยๆ ก้าวมายังพื้นที่ซึ่งเป็นส่วนรับรองนี้ “อื้อ... ฝ่าบาท ชอบเข้าข้างหลังเช่นนี้หรือเพคะ” “แล้วเจ้าเล่าคุณหนูหลิว ถูกฝึกให้รับรองข้า ทุกส่วนหรือไม่” หลิวลั่วอี้ครางเสียงหวานๆ และไม่ได้ตอบเขา หากยกบั้นท้ายของตนขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้มันสัมผัสกับแก่นกายของชายหนุ่มที่ยามนี้ผงกหัวไปมาอย่างกร
เมื่อซย่าพ่านเอ๋อร์กล่าวจบ ภาพจึงตัดมายังบ่อน้ำพุร้อนในทันที ดวงตากลมโตมองไปยังร่างงามสง่า ที่มีกล้ามเนื้อแต่พอดี ทั้งใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาใครเทียบได้ หากจอนห์ดาราหนุ่มที่กระแทกหลิวลั่วอี้จนนางทะลุมิติเข้ามาในโลกคู่ขนานนี้ คือเทพบุตรแห่งชาติ ฮ่องเต้ก็คือเทพเซียนที่สวรรค์ประทานลงมาให้ ทุกชีวิตสยบแทบเท้าเขา และจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิวลั่วอี้ ‘500 คะแนน หากทำให้ปั๋วอ๋อง เลือกร่วมรักกับเจ้าเป็นคนแรก!’ แต่เพื่อดูเชิงซย่าพ่านเอ๋อร์ ยามนั้นหลิวลั่วอี้ จึงให้นางเริ่มก่อน และไม่ได้มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นสำหรับหลิวลั่วอี้สักนิด สิ่งที่ซย่าพ่านเอ๋อร์กระทำ เรียกว่าตื้นเขิน และแน่นอน บุรุษที่เย็นชา ทั้งยังเมินเฉยต่อสตรีที่เขาไม่อยากสนใจ ยังหลับตาพริ้ม ปล่อยใจไปกลับน้ำพุ ทั้งเสียงนักร้องอย่างเป็นธรรมชาติ ซย่าพ่านเอ๋อร์ ใจกล้าอยู่สักหน่อย นางเปลื้องผ้าทั้งหมด และก้าวไปหาอู๋เหยากวน หรือก็คือปั๋วอ๋อง ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไร้อาภรณ์ในปกปิดกายแกร่ง “หากฝ่าบาท ไม่พอใจ เจ้าระวังหัวจะหลุดจากบ่า” เสียงกงกงชราเอ่ยขึ้น และดวงตากลมโตของหลิวลั่วอี้สอดส่ายมองหา กระทั่