บททั้งหมดของ บอสเหวินรีบตามเร็ว! คุณภรรยาค่าตัวสามหมื่นล้าน: บทที่ 131 - บทที่ 140

418

บทที่ 131

โหลวฉางเยว่ไม่ได้พยายามที่จะไกล่เกลี่ยเหมือนเมื่อก่อน ทำตัวเหมือนเป็นแค่แขกธรรมดาทั่วไป เมื่อเจ้าบ้านทะเลาะกัน ก็เลือกที่จะทำเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนและสงบปากสงบคำคุณผู้หญิงเหวินรีบลุกขึ้นมาขวางเหวินเหยียนโจวไว้ “ทำไมถึงเอะอะก็ทะเลาะกันอีกแล้ว เหยียนโจว ลูกยังไม่กินข้าวเลย กินสักหน่อยเถอะนะ ไม่อย่างนั้นตอนบ่ายเกิดลูกยุ่งขึ้นมาไม่มีเวลากินอะไร โรคกระเพาะจะกำเริบเอานะ”เหวินเหยียนโจวที่ถูกขวางทางไว้ สีหน้าของเขาเย็นชาคุณผู้หญิงเหวินทำได้แค่เรียกพ่อเหวิน “คุณเหวิน”พ่อเหวินหน้าบึ้งอยู่ไม่กี่วินาที ในที่สุดก็ยอมถอยไปก่อนหนึ่งก้าว “ฉันอยากจะถามแกว่า การเปลี่ยนสมัยผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทตอนสิ้นปี กรรมการฉีและกรรมการอัน แกไม่คิดที่จะเก็บเขาเอาไว้ใช่ไหม”เหวินเหยียนโจวนั่งลงอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้กินข้าวอีกแล้ว“ครับ”พ่อเหวินขมวดคิ้ว “พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้อาวุโสของบริษัท”เหวินเหยียนโจวเมินเฉย “ดังนั้นพวกเขาก็เลยอาศัยความเป็นผู้อาวุโสเที่ยวรังแกคนอื่นไปทั่วสินะครับ”“พวกเขาล้วนเสียหยาดเหงื่อแรงกายทำเพื่อปี๋้หยุน มันก็เป็นธรรมดาที่จะถือว่าตัวเองสูงส่ง”“ผมได้ส่งเหตุผลที่พวกเขาไม่เหมา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 132

โหลวฉางเยว่นึกขมวดคิ้วอยู่ในใจ ก็ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของเธอ หรือว่าความตั้งใจของพ่อเหวินกันแน่หัวข้อการสนทนานี้อันตรายเกินไป ดวงตาของโหลวฉางเยว่เปลี่ยนไป “คุณป้าคะ หนูไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณป้า แต่หนูรู้สึกว่าคนเราสามารถเปลี่ยนกันได้ค่ะ หนูก็อยากออกไปเผชิญโลกภายนอก คุณป้ากับคุณลุงปฏิบัติกับหนูเป็นลูกสาว เมื่อลูกนกได้โตขึ้น ก็ต้องจากพ่อแม่ไปสร้างรังของตัวเองข้างนอก คุณป้าว่าจริงไหมคะ”เธอแสดงอารมณ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และเธอก็ยังทำมันต่อไป เธอต้องเอาชนะในการผ่านหัวข้อการสนทนานี้ไปให้ได้ แม้จะด้วยความสามารถอันน้อยนิดก็ตามเมื่อเธอพูดมาขนาดนี้ คุณผู้หญิงเหวินที่เข้มงวดกวดขันจึงพูดออกมาแค่ประโยคเดียว “ดื่มชาเถอะ” และไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไปโหลวฉางเยว่รู้สึกว่าไม่ควรที่จะอยู่นานกว่านี้ เธอดื่มชาที่อยู่ในมือจนหมด แล้ววางแก้วลง “นี่ก็สายแล้ว คุณป้าต้องนอนพักกลางวัน หนูขอตัวก่อนนะคะ”คุณผู้หญิงเหวินเอ่ยขึ้น “คุณเหวินอยู่ห้องหนังสือชั้นสอง หนูขึ้นไปบอกลาเขาสิ ลูกนกน้อยตัวนี้ ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะบินกลับมาเยี่ยมเขาเมื่อไหร่”มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นโหลวฉางเยว่ถามขึ้น “ห้องหนังสือคือห้อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 133

โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปาก สุดท้ายจึงยกมือขึ้นช่วยเขาใส่กระดุมแขนเสื้อโทนสีแดงทับทิมเข้มนั้น ยิ่งเสริมเข้ากันกับเสื้อของเขาเหวินเหยียนโจวเหลือบมองเธอ เมื่อก่อนเธอช่วยเขาผูกเนกไท ติดกระดุมแขนเสื้อ ปรับสายรัดแขนเสื้อ ทำได้อย่างคุ้นเคยคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ แต่ตอนนี้กลับมีท่าทางกล้ำกลืนความอัปยศมุมปากของเขากระตุกกระดุมข้อมือค่อนข้างเล็ก ใส่ไม่ง่ายเลย โหลวฉางเยว่จึงพยายามทำให้เร็วที่สุด “ประธานเหวินพูดว่าอะไรนะคะ หัวใจเทียมเหรอคะ”เธอยังระมัดระวังว่าเขาจะหลอกเธอเหวินเหยียนโจวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “เทคโนโลยีนี้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมากในต่างประเทศ ภายในประเทศก็ได้มีการเริ่มลงทุนเกี่ยวกับการตรวจรักษาทางแพทย์มาได้ไม่กี่ปี เพียงแต่พูดกันตามตรง ก็ยังไม่ได้มีการขยายขนาดใหญ่ขึ้น”หัวใจนะไม่ใช่ลูกมะม่วง เป็นไปได้เหรอที่อยู่ดีๆ จะโตออกมาจากต้นได้เมื่อเทียบกับผู้บริจาค การค้นคว้าและวิจัยเครื่องจักรในลักษณะนี้เห็นได้ชัดว่าสะดวกและรวดเร็ว อย่างนั้นแล้วทำไมถึงไม่มีการขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นเมื่อโหลวฉางเยว่ถาม เหวินเหยียนโจวก็บอกเธอ “แพงมาก การติดเชื้อค่อนข้างสูง และด้วยอายุขัยของหัวใจเทียมน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 134

ตั้งแต่ที่ออกมาจากบ้านตระกูลเหวิน โหลวฉางเยว่ก็ได้เรียกรถไปที่มหาวิทยาลัยเซินเฉิง ในขณะเดียวกันเธอก็ค้นหาการทำหัวใจเทียมในอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์เมื่อถึงปลายทาง เธอก็เข้าใจก้าวแรกของการทำหัวใจเทียมเธอเก็บโทรศัพท์มือถือของเธอลงไป หยิบบัตรประจำตัวพนักงานออกมาเปิดประตูควบคุมโรงเรียน และก้าวเร็วๆ เข้าไปในตึกอาจารย์สองเดือนที่ผ่านมาโหลวฉางเยว่ไม่ได้ทำงานเลย แต่ว่าเธอทำงานพาร์ทไทม์กับเสิ่นซู่ชินที่นี่ เป็นผู้ช่วยของเขาตอนแรกเสิ่นซู่ชินขอให้เธอมาช่วยเขา และให้เงินเดือนกับเธอ โหลวฉางเยว่รู้สึกจริงๆ ว่า เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ทำงานแถมเครียดเพราะเงินขาดมือ เพื่อที่จะช่วยเธอ เลยหาเหตุผลที่จะให้เงินเธอแต่ว่าเสิ่นซู่ชินบอกว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น เป็นเพราะปลายเทอมแล้ว นอกจากเขาจะทำงานเป็นศาสตราจารย์แล้ว ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องทำ เจียดเวลาไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ เธอสามารถลองทำก่อนได้สองวันหลังจากที่โหลวฉางเยว่ได้มาลองทำดูสองวัน เธอก็เชื่อแล้ว ว่าเขาต้องการผู้ช่วยทำงานหนึ่งคนจริงๆเมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้เลยว่า งานของศาสตราจารย์จะเยอะขนาดนี้ด้วยเหตุนี้จึงได้ผ่านมาถึงสองเดือนแน่นอนว่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 135

แน่นอนว่าโหลวฉางเยว่ไม่ได้สังเกตเอกสารของเขาทั้งหมดเธอก็เป็นคนจัดการเธอเงยหน้าขึ้น “เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพราะว่าศาสตราจารย์ไม่ต้องการให้ฉันไปทำงานที่นั่น แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าฉันไม่อยากที่จะเจอกับคนของปี๋้หยุนใช่ไหมคะ”เสิ่นซู่ชินยิ้ม “คุณพูดแบบนี้เหมือนว่าผมทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลย”แล้วไม่ใช่เหรอโหลวฉางเยว่ยังไม่เคยเจอเจ้านายที่ใส่ใจความรู้สึกของพนักงานมาก่อน ยอมเพื่องานของตัวเอง“ศาสตราจารย์เสิ่นคิดมากไปแล้วค่ะ ฉันไม่มีอะไรเลยค่ะ รอให้คุณเสร็จงานตรงนี้ ฉันก็ยังต้องหางานทำ วงการใหญ่ขนาดนี้ ตอนทำงานก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงพบเจอคนของปี๋้หยุน หรือว่า ทุกครั้งที่ฉันเจอก็ต้องหลีกหนีอย่างนั้นเหรอคะ”โหลวฉางเยว่พูดขึ้นเบาๆ “สำหรับฉันตอนนี้ ปี๋้หยุนไม่มีความหมายอะไรเลยค่ะ”เห็นเธอดีใจขนาดนี้ เสิ่นซู่ชินเองก็ไม่กังวลแล้ว ตอนเย็นพวกเขาจึงไปทานอาหารเย็นด้วยกัน.ในสถานการณ์มีคนไม่น้อย ทั้งหมดล้วนเป็นคนในของเสิ่นซู่ชินกลุ่มการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ทั้งนำทางไปด้วยและพูดคุยเฮฮาไปด้วย ผลักประตูของที่นั่งพิเศษให้เปิดออก โหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้น เธอมองเห็นชายที่โดดเด่นเป็นที่สนใจกรูเข้ามา สีหน้า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 136

หลังเดินออกจากร้านอาหาร เสิ่นซู่ชินหันกลับไปมองที่โหลวฉางเยว่ สีหน้าของเธอยังคงอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรกินที่อื่นกันดีมั้ย? หม้อไฟล่ะเป็นไง?”เขาทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโหลวฉางเยว่ อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปว่า “พวกเราออกมากันดื้อๆแบบนี้ จะไม่เป็นไรจริงๆเหรอคะ?”เสิ่นซู่ชินขยับแว่นตาของเขาขึ้น “ได้สิ ทำไมจะทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะ?”“ฉันช่วยคุณเตรียมตัวสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์นี้มาตั้งสองเดือน เรื่องสำคัญขนาดนั้น แค่คุณพูดว่าไม่ก็ไม่อย่างงั้นเลยเหรอคะ คุณนี่มัน……”“ผมน่ารักเกินไปใช่มั้ยล่ะ?” เสิ่นซู่ชินพูดต่อประโยคของเธอพร้อมรอยยิ้มโหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากล่างของเธอและพูดออกไปตรงๆ “นับตั้งแต่ฉันรู้ว่าการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของคุณจะร่วมมือกับปี๋หยุน ฉันก็นึกเอาไว้แล้วล่ะค่ะ ว่าวันนี้จะต้องมาถึง เหวินเหยียนโจวเดิมทีก็ไม่คิดที่จะปล่อยฉันไปอยู่แล้ว อย่างไงก็ตาม ทุกอย่างก็เตรียมการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้ฉันช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นอีก ฉันจากออกมาตอนนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้วล่ะค่ะ”“คุณอย่าทิ้งสิ่งที่คุณและทีมของคุณเตรียมไว้มานานเพียงเพื่อฉันเลยค่ะ มันไม่คุ้มค
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 137

วันนี้โหลวฉางเยว่ตัดสินใจที่จะเอาชนะความกลัวนี้ให้ได้ เธอกัดฟันและเตรียมที่จะขี่ม้า  แต่ผลลัพธ์คือแค่ม้าเคลื่อนตัวไปเพียงเล็กน้อย ก็กลับทำให้เธอถอยร่นออกไปทันที  เสิ่นซู่ชินที่นั่งอยู่บนหลังม้าแล้ว เหลือบมองไปเห็นความรู้สึกนึกคิดที่มีชีวิตชีวาของเธอ เขาหัวเราะพลางโน้มตัวพิงหัวม้า “ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีสิ่งที่คุณกลัว ฉางเยว่” โหลวฉางเยว่ทำอะไรไม่ถูก “ในสายตาของศาสตราจารย์เสิ่น คุณคิดว่าฉันเป็นคนที่กลัวอะไรไม่เป็นอย่างนั้นเหรอคะ”เสิ่นซู่ชินเผยรอยยิ้ม “คงงั้นแหละมั้งครับ”  ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้รู้จักเธอ เธอเป็นคนคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดที่เธอจะจัดการไม่ได้โหลวฉางเยว่เข้มงวดกับตัวเองมาโดยตลอด เธอยอมที่จะเสี่ยงทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งปีนขึ้นไปบนหลังม้าม้าก้าวไปเพียงแค่สองก้าว โหลวฉางเยว่ตกใจมากจนเธอรีบโอบท้องม้าทันที พลางจับสายบังเหียน และตะโกนด้วยเสียงต่ำ “อย่าขยับ!” เสิ่นซู่ชินรู้สึกว่ามันตลกมาก จนเขายอมลงจากหลังม้าแล้วเดินไปสอนเธอ “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ม้าที่นี่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ค่อนข้างที่จะเชื่องพอสมควร ทันทีที่คุณดึงสายบังเหียน ม้าก็จะเริ่มวิ่งทันที”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 138

ในที่สุด โหลวฉางเยว่ก็ถูกเสิ่นซู่ชินพาตัวกลับมาได้ คนสี่คนและม้าสี่ตัวมองหน้ากัน  โหลวฉางเยว่ยังคงทักทายเสิ่นไหชิน “สวัสดีค่ะประธานเสิ่น”เสิ่นไหชินพยักหน้า“คุณโหลว ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ผมได้ยินมาว่าคุณทำงานเคียงข้างอาซู่ได้ดี เป็นคนที่มีความสามารถตามที่คาดไว้จริงๆ สามารถเปล่งประกายไปได้ทุกที่”  โหลวฉางเยว่พูดอย่างนอบน้อม “ศาสตราจารย์เสิ่นสอนฉันมาดีน่ะค่ะ”  เหวินเหยียนโจวหรี่ตาลงเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเย็นชา  เสิ่นไหชินเหลือบมองโหลวฉางเยว่อีกครั้ง แล้วพูดกับเสิ่นซู่ชิน “เมื่อกี้เราเพิ่งผ่านคอกม้ามา เห็นลูกม้าที่นายรับมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ผู้ดูแลม้าต่างก็ล้อมรอบมันไว้อยู่ นายอยากจะไปดูสักหน่อยมั้ย?”เสิ่นซู่ชินไม่ค่อยเต็มใจที่จะปล่อยให้โหลวฉางเยว่และเหวินเหยียนโจวอยู่กันตามลำพัง แม้จะอยู่ในที่สาธารณะก็ตาม  “ถ้าอย่างนั้นฉางเยว่ก็มากับผมด้วยสิครับ ผมเองก็ไม่อยากรบกวนการสนทนาระหว่างพี่ใหญ่กับประธานเหวิน” “พวกฉันเองก็มาถึงก่อนนานแล้ว เรื่องธุระเองก็คุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย งั้นฉันจะไปดูด้วยกันกับนายเอง”  เห็นได้ชัดว่า เสิ่นไหชินดูเฉยเมยต่อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 139

โหลวฉางเยว่ต้องการตีตัวออกห่างจากเขา เธอรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่หน้าอกของเขาเมื่อเขาพูด แต่อานม้าก็เป็นอานสำหรับคนแค่คนเดียว อีกทั้งหลังม้าก็ใหญ่ซะขนาดนี้ ไม่ว่าอยากที่จะหลบยังไงก็หลบไม่พ้น “ฉันซาบซึ้งในความเมตตาของประธานเหวินมากค่ะ กรุณาปล่อยฉันลงไปเถอะค่ะ!” คำพูดสองสามคำสุดท้ายแทบจะพูดออกมาอย่างกัดฟัน  เหวินเหยียนโจวเมินเธอ และเตะไปที่ท้องม้าให้เคลื่อนที่ไปต่อ “ไป! ” โหลวฉางเยว่ “ ! ”ม้าที่ก่อนหน้านี้อยู่ในการควบคุมของโหลวฉางเยว่ที่พยายามดิ้นรน แต่กลับเดินไปได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อเปลี่ยนมาอยู่ในมือของเหวินเหยียนโจว มันกางกีบเท้าวิ่งอย่างดุเดือด  ใครก็ตามที่เคยขี่ม้าจะรู้ดีว่าการรักษาสมดุลบนหลังม้าเป็นเรื่องยาก ไม่ต้องพูดถึง โหลวฉางเยว่ ที่ยังเป็นมือใหม่โดยสมบูรณ์ เธอต้องจับราวจับเหล็กของอาน เพื่อให้ร่างกายที่สั่นไหวของเธอนั้นมั่นคงโหลวฉางเยว่หัวเสียมากจนแทบจะระเบิด ไอ้คนงี่เง่านั่นตั้งใจชัดๆ!  เดิมทีเหวินเหยียนโจวไม่ได้สนใจที่จะสอนเธอขี่ม้าตั้งแต่แรก แต่เขาแค่อยากจะให้บทเรียนบางอย่างแก่เธอ!  สนามแข่งม้ามีขนาดใหญ่มาก มีเนินเข
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 140

เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้ว “ผมไม่เชื่อ ดังนั้นผมจึงอยากจะสอบถามรายละเอียดจากคุณ ดูว่าคุณจะโกหกอะไรผมอีกหรือเปล่า”  “หากประธานเหวินอยากฟังนิทานก็ไปที่โรงละครเถอะค่ะ” โหลวฉางเยว่ เหลือทนที่จะไม่เป็นคนเริ่ม และผละตัวออกจากมือของเขาที่จับคางของเธออยู่ แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่อยากจะเอ่ยออกมาเหวินเหยียนโจวมองดูเธอสองวินาที คิ้วของเขาขมวด และไม่ได้ถามคำถามใดๆต่อ เขาจับมือเธอทั้งสองข้างเพื่อกุมสายบังเหียน พร้อมกับเสียงใสไร้ความอบอุ่น  “จับบังเหียนด้วยมือทั้งสองข้าง ซ้ายและขวากำหนดทิศทาง ให้ความแน่นกำหนดความเร็ว อย่าเตะท้องม้าบ่อยๆ จะทำให้ม้าไม่รู้สึกต่อการเคลื่อนไหวของขาเพราะความเคยชินจนเกินไป”“……”  หมายถึงอะไร? นี่เขากำลังสอนเธอขี่ม้าอย่างงั้นเหรอ?  เหวินเหยียนโจวเตะน่องของเธอ “ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าเหยียบโกลนมันไม่สามารถปกป้องคุณได้ หากคุณบังเอิญตกจากม้าและเท้าของคุณติดอยู่ในโกลน คุณจะถูกม้าลากและได้รับ บาดเจ็บเข้าใจไหม?” โหลวฉางเยว่ บอกว่าเข้าใจไม่ว่าเธอจะเข้าใจจริงๆหรือไม่ก็ตาม  เขาเริ่มแยกไม่ออกระหว่างอารมณ์ดีและความโกรธมากขึ้น บางครั้งเย็นและบางครั้งก็อบอุ่น เธอไม่ต้องการที่จะค
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
1213141516
...
42
DMCA.com Protection Status