แชร์

บทที่ 5  

ผู้เขียน: เสี่ยวสยงถังเจียง
ในอดีต คุณยายกลัวว่าแม่ต้องไปลำบากกับพ่อที่มีฐานะยากจน เลยไม่อนุญาตเรื่องการแต่งงานของพวกเขา

แม่เลยไปซื้อเหล้ากินตลอดทั้งคืน คิดไม่ถึงว่าจะถูกอันธพาลตัวเล็กๆ คนหนึ่งข่มขืนจนตั้งท้องขึ้นมา

ตอนนั้นแม่ยังเด็ก ทั้งที่มีทางเลือกที่ดีกว่า

แต่เพื่อจะลงโทษคุณยาย ทำให้ท่านรู้สึกผิด จึงได้ยืนกรานจะคลอดฉันออกมา

ตอนที่ฉันอายุได้สามปี แม่บังเอิญเห็นแววของพ่อบนตัวฉันเข้าโดยไม่ตั้งใจ เลยรีบพาฉันไปตรวจดีเอ็นเอ

ผลออกมาว่า ฉันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อจริงๆ ไม่ใช่ของอันธพาลคนนั้น

แม่ดีใจมาก และด้วยเหตุนี้เลยกลับมาคืนดีกับพ่อได้อีกครั้ง

ทว่าแต่ต้นจนจบ พวกเขาสองสามีภรรยารู้สึกว่าฉันเป็นเหมือนมลทินแต้มหนึ่งในความรักอันแสนบริสุทธิ์ของพวกเขา จึงโยนฉันที่อายุยังน้อยให้คุณยายดูแล จากนั้นทั้งสองคนก็ไปอยู่ที่เมืองอื่น

ในตอนนั้น พ่อเพิ่งจะหย่ากับภรรยาคนก่อนหน้าของเขา ฉินเฟิงก็เพิ่งอายุได้สองขวบ

แม่มอบความรักทั้งหมดของท่านให้กับลูกเลี้ยงคนนี้

จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าทั้งสองได้สูญเสียเวลาอย่างเสียเปล่าไปถึงสี่ปี เลยไปรับเด็กผู้หญิงจากบ้านเด็กกำพร้าคนหนึ่งมาเลี้ยงดู แล้วตั้งชื่อให้ว่า ‘ฉินซีซี’

เพราะเรื่องนี้มีความหมายไม่ธรรมดา พวกเขาเลยให้ความรักความเอ็นดูฉินซีซีลูกเลี้ยงคนนี้เข้ากระดูก แทบอยากจะเด็ดเดือนเด็ดดาวบนท้องฟ้ามาให้เธอ

ทั้งที่ฉันถึงจะเป็นผลแห่งความรักของพวกเขา แต่กลับมีตัวตนเป็นสิ่งที่ถูกลืมในครอบครัวนี้ไปเสียอย่างนั้น

แม่ไม่สามารถเรียกฉันที่หายตัวไปแล้วออกมาได้ เลยได้แต่พูดกับคุณยายว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็กินข้าวก่อนเถอะค่ะ”

คุณยายกวาดตามองในบ้านทีหนึ่ง จากนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์ลงครู่หนึ่ง “ซวงเอ๋อร์ไม่อยู่เหรอ?”

ความจนใจสายหนึ่งวาบผ่านไปบนหน้าของแม่ “หนูไม่ได้บอกแม่ไปแล้วหรือคะว่า ฉินซวงกำลังงอนอยู่ ยัยเด็กนั่นไม่ออกมาเองแล้วหนูจะทำยังไงได้?”

คุณยายขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกัน?”

แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เลี่ยงเรื่องหุบเขาร้างไปโดยอัตโนมัติ

พูดด้วยสีหน้าไม่ไยดีว่า “ยังไม่ใช่เพราะหนูกับพ่อมันไม่ได้ไปงานรับปริญญาของมันหรือคะ? ยัยเด็กนั่นเลยไม่พอใจมาตลอด ”

เมื่อคุณยายได้ยิน สีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที “เด็กคนนี้นี่ ฉันถามยัยหนูว่างานรับปริญญาจัดวันไหนนานแล้ว ยัยหนูก็ไม่ยอมบอกฉัน แล้วพวกแกที่เป็นพ่อแม่จะไม่ไปได้ยังไง? ใครๆ ก็พูดกันว่าพิธีจบการศึกษา ถือเป็นการแต่งงานน้อยๆ ของเด็กเลยนะ”

แม่อ้าปากคิดจะแก้ตัวสักสองสามประโยค แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน

คงไม่อาจพูดว่า เป็นเพราะฉินซีซีเท้าถลอก เลยดึงพวกเขาไว้ไม่ยอมให้ไปได้หรอกนะ?

แบบนั้นก็จะยิ่งทำให้คุณยายไม่ชอบลูกเลี้ยงสาวคนนี้ของพวกเขามากขึ้นไปอีก

ทุกคนต่างเงียบงันไม่กล่าววาจา มีเพียงไอร้อนของอาหารที่ค่อยๆ ลอยอย่างอ้อยอิ่งขึ้นมา

พ่อเลยพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “แม่ครับ อย่ายืนอยู่อีกเลย ไปกินข้าวก่อนเถอะครับ!”

ในใจของคุณยายก็ไม่อยากทะเลาะกับลูกสาวเพียงคนเดียวจนตึงเครียดเกินไปเช่นเดียวกัน จึงไม่ปฏิเสธอาหารมื้อนี้

ยากนักที่จะได้นั่งกินข้าวด้วยกัน แม่จึงอารมณ์ดีไม่เลว

แถมยังเอาเครื่องดื่มที่นำเข้าจากต่างประเทศ มารินให้ทุกคนเต็มแก้วด้วย

คุณยายเตือนแม่ด้วยสีหน้าจริงจังว่า ให้ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้น้อยลงหน่อย และดื่มน้ำให้มากแทน

“เคยเป็นโรคยูรีเมีย[1]มาแล้วแท้ๆ ยังจะกินเครื่องดื่มปรุงแต่งพวกนี้อีก ซวงเอ๋อร์เปลี่ยนไตให้แกไปข้างหนึ่งแล้ว แกคงไม่หวังให้ยัยหนูยกไตอีกข้างให้แกด้วยหรอกนะ?”

มือของแม่ที่ถือแก้วอยู่ชะงักลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

“แม่กำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่คะ? ตอนนั้นที่หนูเป็นโรคยูรีเมีย เป็นซีซีที่ยกไตของแกให้หนูต่างหาก การที่แม่มาพูดแบบนี้ต่อหน้าแก มันเห็นแก่ตัวเกินไปนะคะ?”

สีหน้าของแม่จริงจังอย่างมาก

คุณยายลุกพรวดขึ้นมาด้วยความโมโหทันที “แกมันโง่จริงๆ ฉันบอกแล้วว่าลูกเสือลูกตะเข้แบบนั้นเอามาเลี้ยงไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันก็ยังกล้าโกหก?”

ฉินซีซีตกใจจนน้ำตาไหลลงมาทันที “ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลยค่ะ แม่คะ คุณยายบอกว่าน้องสาวบริจาคก็ถือว่าเป็นน้องสาวเป็นคนบริจาค แม่อย่าโมโหอีกเลยนะคะ”

คำพูดนี้กลับยิ่งทำให้แม่เชื่อมั่นว่า คุณยายกำลังสร้างเรื่องอย่างไร้เหตุผล

แม่โมโหจนเอ่ยปากไล่ทันที “แม่คะ เดิมหนูก็ไม่อยากทะเลาะกับแม่จนรุนแรงแบบนี้ แต่ในเมื่อแม่เอาแต่เข้าข้างยัยเด็กน่าตายนั่น จนแม้แต่ความยุติธรรมขั้นพื้นฐานก็ไม่มีแล้ว อย่างนั้นแม่ก็กลับไปเถอะค่ะ”

เมื่อฉันได้ยินคำพูดนี้ น้ำตาก็ไหลออกมานองหน้า

ในปีนั้น ตอนที่แม่เป็นโรคยูรีเมีย เป็นฉันที่ปิดบังชื่อบริจาคไตให้เธอ

แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ต่อมาฉินซีซีถึงกลายเป็นผู้บริจาคได้

คุณยายเดาได้ว่า คนที่ปิดบังชื่อคนนั้นคือฉัน แต่ฉันไม่ให้ท่านพูด

เพราะฉันหวังว่าความรักที่แม่มีต่อฉันนั้น จะไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ มาปะปน

คุณยายก็เป็นเพราะเคยแยกคู่รักจนทำให้แม่ถูกอันธพาลล่วงเกิน ในใจรู้สึกผิด ตั้งแต่นั้นมา ที่ท่านปล่อยให้แม่ทำตามอำเภอใจ ล้วนเป็นเพราะความรู้สึกผิดในเรื่องนั้น

เมื่อเอาใจเขามาใส่ใจเรา คุณยายจึงได้รับปาก

เรื่องทั้งหมดนี้ แม่ไม่รู้ทั้งสิ้น

ดังนั้น เมื่อคุณยายพูดขึ้นมาในวันนี้ แม่ถึงไม่เต็มใจที่จะเชื่อ

อาหารมื้อนั้น ทะเลาะกันจนแยกจากอย่างไม่เป็นสุข

ทันทีที่คุณยายจากไป มือถือของแม่ก็ดังขึ้นมา

บนหน้าจอแสดงคำว่า ‘ฉินซวง’ ออกมาสองคำ

----------------------------------------------------

[1] ยูรีเมีย เกิดจากไตสูญเสียการทำงานจนทำให้มีของเสียสะสมอยู่ในเลือด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 6  

    ทันทีที่แม่รับสาย ก็ว่าออกมาเป็นชุด “ยัยเด็กน่าตายนี่ แกเลิกเอาแต่ยุแยงให้คุณยายของแกมายั่วโมโหฉันได้ไหม?” เสียงของอีกฝ่ายออกจะเคร่งขรึมอยู่บ้าง “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าทางนั้นใช่ครอบครัวของคุณฉินซวงไหมครับ?” เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงผู้ชาย แม่ก็ขมวดคิ้ว “มีอะไรคะ? ทำไมคุณถึงมีโทรศัพท์ของฉินซวงได้?” น้ำเสียงของแม่เย็นชา “พวกเราพบบัตรประจำตัวของคุณฉินซวงกับมือถือของเธอในห้องเช่าแห่งหนึ่งครับ รบกวนคุณช่วยมายืนยันสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเราที่สถานีตำรวจหน่อยครับ” เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวคิ้วของแม่ก็คลายลง กล่าวว่า “ยัยเด็กบ้านั่นย้ายบ้านแล้วจริงๆ ด้วย ช่างก่อเรื่องเก่งเหลือเกิน”  หลังแม่วางสาย ก็กินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แววตาของฉินซีซีสั่นไหว ถามว่า “แม่คะ ไม่ใช่น้องหรือคะ?” “ยัยเด็กนั่นทำมือถือหายน่ะ สถานีตำรวจให้คนในครอบครัวไปรับ ไม่ต้องรีบ รอกินเสร็จแล้วค่อยไป” ฉินซีซีฝืนแสดงสีหน้ากังวลน้อยๆ ออกมา ความเร็วในการพูดเร็วขึ้นเล็กน้อยว่า “แม่คะ ให้หนูไปเถอะค่ะ ถึงยังไงฉินซวงก็เป็นน้องสาวของหนู” แม่ชมเธอสองคำว่าเธอรู้ความ จากนั้นก็รับปากแล้ว ฉันที่ยืนอยู่ข้างกายแม่

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 7  

    งานวันเกิดอายุครบหกสิบปีของคุณยาย เชิญเพียงญาติใกล้ชิดและเพื่อนที่สนิทสนมกันเท่านั้น ในงาน พ่อกับแม่คอยมองหาเงาร่างของฉันอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ฉินเฟิงก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง “พ่อครับ แม่ครับ ยัยฉินซวงไม่มาจริงๆ เหรอครับ? คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ใช่ไหม?” ฉินซีซีตบมือเขาทีหนึ่ง “เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ฉินซวงเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะเกิดเรื่องอะไรได้?” คำพูดนี้ เพียงครู่เดียวก็ช่วยคลายความกังวลของผู้อาวุโสทั้งสอง แม่พูดว่า “ยัยเด็กบ้านั่นไม่มา อีกเดี๋ยวพวกบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย ก็จะมาหาว่าฉันกับพ่อของมันไม่มีมนุษยธรรมอีกแล้ว” เมื่อฉันได้ยินแบบนั้น ก็อดยิ้มออกมาอย่างขมขื่นไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ฉันยังคิดว่าที่พวกเขาตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ก็เพราะเป็นห่วงฉันซะอีก แม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างไม่ใส่ใจ แล้วบอกฉินซีซีว่าให้เธอถือโอกาสนี้เอาของขวัญชิ้นใหญ่ไปมอบให้คุณยาย และอวยพรวันเกิดต่อหน้าทุกคน คุณยายจะต้องไว้หน้าเธอแน่ ฉินซีซีรับคำอย่างยินดี คุณยายเป็นนักธุรกิจหญิงผู้มีความสามารถโดดเด่นที่ก่อตั้งกิจการด้วยตัวเองของเมืองนี้ ท่านมีทรัพย์สินมากมาย ในอดีต ตอนที่พ่อแม

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 8  

    ในห้องสอบสวน แม่โอบฉินซีซีไว้ “ฉันเป็นผู้ปกครองของเด็ก มีคำถามอะไรคุณถามฉันก็พอ ซีซียังเด็ก ทนพวกคุณขู่แบบนี้ไม่ไหวหรอก” ฉินซีซีก็ซุกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ ตัวสั่นเบาๆ ดูไปแล้วทั้งน่าสงสารและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จริงๆ เมื่อตำรวจเห็นภาพนี้ ก็พูดอย่างเหน็บแนมเล็กน้อยว่า “ยี่สิบหก ไม่เด็กแล้วครับ!” แม่ตบหลังของฉินซีซีเบาๆ เพื่อปลอบโยนอารมณ์ของเธอ จากนั้นเงยหน้าขึ้นพูดกับตำรวจว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณกำลังทำหน้าที่ แต่ซีซีเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆ ถึงเธอกับฉินซวงจะเป็นพี่น้องกัน แต่ปกติแล้วต่างคนก็ต่างมีชีวิตของตัวเอง” พวกเราได้ข้อมูลมาว่า เมื่อวานมีคนถูกจับเพราะเล่นพนันในห้องเช่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตเอ ค้นเจอข้าวของของคุณฉินซวงในห้องเช่าของผู้ต้องหาคนนั้นจำนวนหนึ่ง เป็นคุณฉินซีซีที่ไปรับกลับมาใช่ไหมครับ? แม่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ใช่ค่ะ มือถือกับบัตรประชาชนของเธอก็เพิ่งมอบให้พวกคุณไปเมื่อครู่ แต่ไม่ใช่บอกว่า คนคนนั้นเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยหรือคะ… ” “ฉินซีซีบอกคุณว่า คนคนนั้นเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยหรือครับ?” เมื่อฉินซีซีได้ยินดังนั้น ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วทันที “คุณลุงตำรวจคะ ตอนที่หนู

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 9  

    ฉินซีซีร้อนใจจนกำมือทั้งคู่แน่น แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งตำรวจไม่ให้พูดต่อไปได้ “เป็นข้อความสองสามข้อความที่ถูกลบไป” “ผลการชันสูตรของทางนิติเวชยืนยันว่า คุณฉินซวงเสียชีวิตจากการถูกฝังทั้งเป็น อย่างนั้นการโทรสองสามครั้งสุดท้าย ที่เธอโทรหาคุณในโทรศัพท์พวกนี้ ก็คือการโทรเพื่อขอให้ช่วยชีวิตแล้ว แต่คุณกลับไม่รับเลยสักครั้ง?” เมื่อแม่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ไร้สีเลือด “จะเป็นไปได้ยังไง? วันนั้นฉันยังรอให้เด็กนั่นโทรมายอมรับผิดอยู่เลย แต่เธอไม่ได้โทรมาเลยนี่!” แม่รีบเอามือถือของตัวเองออกมายืนยันกับตำรวจทันที สุดท้ายกลับเจอบันทึกการวางสายโทรเข้าของฉันในถังขยะ ตอนนั้น มือถือของแม่อยู่กับฉินซีซี เธอราวกับถูกดูดวิญญาณออกไปก็ไม่ปาน นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น ไม่ยอมขยับ ฉินซีซีร้อนตัวแล้ว รีบอธิบายว่า “หนู หนูแค่โมโหเธอเท่านั้น เพราะเธอผลักหนู หนูก็เลยไม่ให้แม่รับโทรศัพท์ของเธอ แต่หนูไม่ได้อยากให้เธอเกิดเรื่องนี่คะ!” “เธอโทรมาตั้งหลายครั้ง ในป่ารกร้างแบบนั้น คุณในฐานะครอบครัว กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?” “หนู…” ลมหายใจของฉินซีซีเร่งร้อนขึ้นมา แม่อดทนต่อความโศกเศร้า ยังคงช่วยพูดแทนฉินซีซีว่า “คุณ

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 10  

    เมื่อได้รู้ว่าฉันตายไปอย่างเศร้าสร้อยและสิ้นหวังถึงเพียงนั้น สติของแม่ก็ใกล้จะแตกสลายแล้ว แต่ละวัน เอาแต่กอดผ้าพันคอผ้าไหมที่ฉันให้เธอไว้ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด แม้พ่อจะเสียใจเหมือนกัน แต่สำหรับผู้ชายก็มักจะอดกลั้นไว้ได้มากกว่า พ่อดูแลแม่ที่สติเลื่อนลอย พยายามประคับประคองบ้านที่ใกล้แตกสลายเต็มทีหลังนี้ไว้ น้าหลูมาพูดคุยเปิดใจกับแม่ พูดหลายเรื่องที่เมื่อก่อนแม่ไม่มีความอดทนจะฟังเธอพูด “เธอยังจำตอนที่ซวงเอ๋อร์เพิ่งขึ้นชั้นประถมได้ไหม ยัยหนูไปร่วมการแข่งวาดภาพของโรงเรียน เพื่อที่จะวาดรูปสวยๆ ออกมาให้เธอสักรูป ทุกวันหลังทำการบ้านเสร็จก็วาดแล้ววาดอีกอย่างตั้งใจ วาดจนดึกดื่นก็ไม่รู้สึกเหนื่อย จนสุดท้ายได้รางวัลวิ่งดีใจกลับมา คนแรกที่ให้ดูก็คือเธอ ยัยหนูรักเธอขนาดนั้น ในใจมักจะคิดถึงแต่เธอ” “แต่บนกำแพงบ้านของเธอ กลับมีแต่ใบประกาศกับรูปวาดของเด็กสองคนนั้น ไม่มีที่สำหรับยัยหนูเลย” “มีครั้งหนึ่งที่เธอป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียง ตอนฉันมาเยี่ยมเธอ ซวงเอ๋อร์เด็กคนนั้นร้อนใจแทบตาย เดี๋ยวยกน้ำเดี๋ยวหยิบยาให้เธอ พักเดียวก็ใช้มือน้อยๆ นวดให้เธออีก แถมยังบอกว่าจะรีบโตมาดูแลเธอด้วย” 

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 1  

    เพราะติดต่อฉันไม่ได้ และถูกกดดันจากคุณยาย สุดท้ายคนทั้งบ้านถึงได้มายืนอยู่หน้าห้องเช่าที่ทั้งเก่าและทรุดโทรมหลังหนึ่งในหมู่บ้านกลางเมืองอย่างไม่เต็มใจ ฉินเฟิงอุดจมูก “ทำไมยัยดาวหายนะถึงมาอยู่แบบนี้ได้นะ พ่อครับ แม่ครับ ผมไม่อยากเข้าไป!” “ได้จ้ะๆ งั้นพวกลูกสองพี่น้องกลับไปก่อนเถอะ พ่อกับแม่เข้าไปเองก็พอแล้ว” ฉินซีซีกุมมือแม่อย่างออดอ้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ “น้องสาวก็เหลวไหลเกินไปแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ แถมยังทำให้พ่อกับแม่ต้องมาถึงที่นี่อีก” “รอแม่เจอมัน ต้องจัดการมันแน่!” ในดวงตาของแม่ มีความเกลียดชังวาบผ่านขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดตึกมาสี่ชั้น ในที่สุดพวกเขาก็มายืนหอบอยู่หน้าประตูห้องหมายเลข 401 หลังเคาะประตู ก็มีผู้ชายวัยกลางคนเปลือยท่อนบนคนหนึ่งมาเปิดประตู “มาหาใครครับ?” เมื่อพ่อเห็นเขา ความโมโหก็พุ่งขึ้นมาทันที “แกเป็นอะไรกับลูกสาวฉัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ส่วนแม่นั้น ด้านหนึ่งบุกเข้าไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง จากนั้นก็ตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียวว่า “ฉินซวง แกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม ถึงกล้าปิดบังพ่อแม่แล้วมาอยู่กับคนอื่นแบ

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 2  

    คุณยายถูกทำให้โมโหจนหายใจติดขัด “ทำไมฉันถึงได้คลอดตัวไร้หัวใจแบบแกออกมานะ” “ฉันไปเมืองนอกมาสองเดือนไม่ได้ข่าวจากยัยหนูสักครั้ง ตอนอยู่เมืองนอกเป็นห่วงทุกวัน กลับมาก็ติดต่อไม่ได้” “เพราะฉะนั้น ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นพวกแกที่ทำให้หลานฉันเสียใจแน่!” “ยัยหนูไม่ได้อาศัยอยู่กับพวกแกหรือไง? รีบให้เธอมารับโทรศัพท์สิ” แม่พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นเหลือบมองพ่อที่อยู่ด้านข้าง สองเดือนก่อน จู่ๆ ฉินเฟิงก็เกิดความอยากขึ้นมาชั่ววูบ บอกว่าจะไปตั้งแคมป์ในเขตหวงห้ามของหุบเขาร้าง แม้ฉันจะรู้ว่าอันตราย แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มความสัมพันธ์กับคนในบ้านระหว่างการไปแคมป์ปิ้งนี้ได้ เลยไปขอลากับบริษัทเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าฉินซีซีจะตกน้ำ ในตอนที่ถูกช่วยขึ้นมา เธออ้าปากได้ก็บอกว่าฉันเป็นคนผลักเธอ แม่ตบฉันหลายครั้งด้วยความโมโห ไม่ยอมฟังฉันอธิบายอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็ทิ้งฉันไว้ในป่า แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคืนนั้น ฉันไม่ได้เดินออกมาจากป่าผืนนั้น ไม่ถามไม่ไถ่มาสองเดือน ขนาดตอนนี้ติดต่อฉันไม่ได้ แม่ก็ยังคงฟ้องคุณยายอย่างไม่ลนลานสักนิดว่า “เป็นมันที่ไม่เชื่อฟังเอง ทั้งวันเอาแต่ทำตัวขี้อ

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 3  

    พิธีกรยังเตือนประชาชนทั่วไปด้วยว่า อย่าเข้าไปในเขตพื้นที่อันตราย เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ฉินเฟิงนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยความตกใจ “หุบเขาร้างถึงกับถูกปิดแล้ว?” ส่วนแม่ที่คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที กระทั่งฉินเฟิงคลานขึ้นมาจากโซฟา แล้วตบต้นขาอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย นี่ไม่เท่ากับว่าที่พวกเราไปตั้งแคมป์ในหุบเขาร้างครั้งก่อน กลายเป็นทริปสุดครีเอทไปแล้วเหรอ?” “คราวนี้ เพื่อนผมพวกนั้นต้องอิจฉาผมตายแน่ พวกมันยังไม่เคยไปก็ถูกปิดซะแล้ว” สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ถึงได้ค่อยๆ ผ่อนคลายลง “เอาเถอะ อายุเท่าไหร่แล้วยังกระโชกโฮกฮากไม่รู้จักสำรวมอีก ของขวัญวันเกิดของคุณยายลูกเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง?” พ่อที่เดิมมีสีหน้าเย็นเยียบก็คลายหัวคิ้วที่ขมวดอยู่ออกเช่นกัน “กลับไปครั้งนี้ พวกแกสองพี่น้องต้องรู้จักเลือกคำพูดที่น่าฟังไปเอาใจท่านหน่อยล่ะ” สีหน้าของฉินเฟิงเต็มไปด้วยความดูถูก “ยังไงซะ ทุกปียัยฉินซวงก็ต้องช่วยผมเลือกของขวัญไว้จนเรียบร้อยอยู่แล้ว คุณยายต้องชอบแน่ พ่อกับแม่ก็เลิกกังวลเถอะ” พูดจบ เขาก็ไปดูแข่งฟุตบอลของเขาต่อ เมื่อได้ยินชื่อของฉัน แววตาของแม่ก็กลับเป็นความรัง

บทล่าสุด

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 10  

    เมื่อได้รู้ว่าฉันตายไปอย่างเศร้าสร้อยและสิ้นหวังถึงเพียงนั้น สติของแม่ก็ใกล้จะแตกสลายแล้ว แต่ละวัน เอาแต่กอดผ้าพันคอผ้าไหมที่ฉันให้เธอไว้ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด แม้พ่อจะเสียใจเหมือนกัน แต่สำหรับผู้ชายก็มักจะอดกลั้นไว้ได้มากกว่า พ่อดูแลแม่ที่สติเลื่อนลอย พยายามประคับประคองบ้านที่ใกล้แตกสลายเต็มทีหลังนี้ไว้ น้าหลูมาพูดคุยเปิดใจกับแม่ พูดหลายเรื่องที่เมื่อก่อนแม่ไม่มีความอดทนจะฟังเธอพูด “เธอยังจำตอนที่ซวงเอ๋อร์เพิ่งขึ้นชั้นประถมได้ไหม ยัยหนูไปร่วมการแข่งวาดภาพของโรงเรียน เพื่อที่จะวาดรูปสวยๆ ออกมาให้เธอสักรูป ทุกวันหลังทำการบ้านเสร็จก็วาดแล้ววาดอีกอย่างตั้งใจ วาดจนดึกดื่นก็ไม่รู้สึกเหนื่อย จนสุดท้ายได้รางวัลวิ่งดีใจกลับมา คนแรกที่ให้ดูก็คือเธอ ยัยหนูรักเธอขนาดนั้น ในใจมักจะคิดถึงแต่เธอ” “แต่บนกำแพงบ้านของเธอ กลับมีแต่ใบประกาศกับรูปวาดของเด็กสองคนนั้น ไม่มีที่สำหรับยัยหนูเลย” “มีครั้งหนึ่งที่เธอป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียง ตอนฉันมาเยี่ยมเธอ ซวงเอ๋อร์เด็กคนนั้นร้อนใจแทบตาย เดี๋ยวยกน้ำเดี๋ยวหยิบยาให้เธอ พักเดียวก็ใช้มือน้อยๆ นวดให้เธออีก แถมยังบอกว่าจะรีบโตมาดูแลเธอด้วย” 

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 9  

    ฉินซีซีร้อนใจจนกำมือทั้งคู่แน่น แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งตำรวจไม่ให้พูดต่อไปได้ “เป็นข้อความสองสามข้อความที่ถูกลบไป” “ผลการชันสูตรของทางนิติเวชยืนยันว่า คุณฉินซวงเสียชีวิตจากการถูกฝังทั้งเป็น อย่างนั้นการโทรสองสามครั้งสุดท้าย ที่เธอโทรหาคุณในโทรศัพท์พวกนี้ ก็คือการโทรเพื่อขอให้ช่วยชีวิตแล้ว แต่คุณกลับไม่รับเลยสักครั้ง?” เมื่อแม่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ไร้สีเลือด “จะเป็นไปได้ยังไง? วันนั้นฉันยังรอให้เด็กนั่นโทรมายอมรับผิดอยู่เลย แต่เธอไม่ได้โทรมาเลยนี่!” แม่รีบเอามือถือของตัวเองออกมายืนยันกับตำรวจทันที สุดท้ายกลับเจอบันทึกการวางสายโทรเข้าของฉันในถังขยะ ตอนนั้น มือถือของแม่อยู่กับฉินซีซี เธอราวกับถูกดูดวิญญาณออกไปก็ไม่ปาน นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น ไม่ยอมขยับ ฉินซีซีร้อนตัวแล้ว รีบอธิบายว่า “หนู หนูแค่โมโหเธอเท่านั้น เพราะเธอผลักหนู หนูก็เลยไม่ให้แม่รับโทรศัพท์ของเธอ แต่หนูไม่ได้อยากให้เธอเกิดเรื่องนี่คะ!” “เธอโทรมาตั้งหลายครั้ง ในป่ารกร้างแบบนั้น คุณในฐานะครอบครัว กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?” “หนู…” ลมหายใจของฉินซีซีเร่งร้อนขึ้นมา แม่อดทนต่อความโศกเศร้า ยังคงช่วยพูดแทนฉินซีซีว่า “คุณ

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 8  

    ในห้องสอบสวน แม่โอบฉินซีซีไว้ “ฉันเป็นผู้ปกครองของเด็ก มีคำถามอะไรคุณถามฉันก็พอ ซีซียังเด็ก ทนพวกคุณขู่แบบนี้ไม่ไหวหรอก” ฉินซีซีก็ซุกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ ตัวสั่นเบาๆ ดูไปแล้วทั้งน่าสงสารและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จริงๆ เมื่อตำรวจเห็นภาพนี้ ก็พูดอย่างเหน็บแนมเล็กน้อยว่า “ยี่สิบหก ไม่เด็กแล้วครับ!” แม่ตบหลังของฉินซีซีเบาๆ เพื่อปลอบโยนอารมณ์ของเธอ จากนั้นเงยหน้าขึ้นพูดกับตำรวจว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณกำลังทำหน้าที่ แต่ซีซีเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆ ถึงเธอกับฉินซวงจะเป็นพี่น้องกัน แต่ปกติแล้วต่างคนก็ต่างมีชีวิตของตัวเอง” พวกเราได้ข้อมูลมาว่า เมื่อวานมีคนถูกจับเพราะเล่นพนันในห้องเช่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตเอ ค้นเจอข้าวของของคุณฉินซวงในห้องเช่าของผู้ต้องหาคนนั้นจำนวนหนึ่ง เป็นคุณฉินซีซีที่ไปรับกลับมาใช่ไหมครับ? แม่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ใช่ค่ะ มือถือกับบัตรประชาชนของเธอก็เพิ่งมอบให้พวกคุณไปเมื่อครู่ แต่ไม่ใช่บอกว่า คนคนนั้นเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยหรือคะ… ” “ฉินซีซีบอกคุณว่า คนคนนั้นเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อยหรือครับ?” เมื่อฉินซีซีได้ยินดังนั้น ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วทันที “คุณลุงตำรวจคะ ตอนที่หนู

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 7  

    งานวันเกิดอายุครบหกสิบปีของคุณยาย เชิญเพียงญาติใกล้ชิดและเพื่อนที่สนิทสนมกันเท่านั้น ในงาน พ่อกับแม่คอยมองหาเงาร่างของฉันอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ฉินเฟิงก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง “พ่อครับ แม่ครับ ยัยฉินซวงไม่มาจริงๆ เหรอครับ? คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ใช่ไหม?” ฉินซีซีตบมือเขาทีหนึ่ง “เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ฉินซวงเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะเกิดเรื่องอะไรได้?” คำพูดนี้ เพียงครู่เดียวก็ช่วยคลายความกังวลของผู้อาวุโสทั้งสอง แม่พูดว่า “ยัยเด็กบ้านั่นไม่มา อีกเดี๋ยวพวกบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย ก็จะมาหาว่าฉันกับพ่อของมันไม่มีมนุษยธรรมอีกแล้ว” เมื่อฉันได้ยินแบบนั้น ก็อดยิ้มออกมาอย่างขมขื่นไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ฉันยังคิดว่าที่พวกเขาตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ก็เพราะเป็นห่วงฉันซะอีก แม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างไม่ใส่ใจ แล้วบอกฉินซีซีว่าให้เธอถือโอกาสนี้เอาของขวัญชิ้นใหญ่ไปมอบให้คุณยาย และอวยพรวันเกิดต่อหน้าทุกคน คุณยายจะต้องไว้หน้าเธอแน่ ฉินซีซีรับคำอย่างยินดี คุณยายเป็นนักธุรกิจหญิงผู้มีความสามารถโดดเด่นที่ก่อตั้งกิจการด้วยตัวเองของเมืองนี้ ท่านมีทรัพย์สินมากมาย ในอดีต ตอนที่พ่อแม

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 6  

    ทันทีที่แม่รับสาย ก็ว่าออกมาเป็นชุด “ยัยเด็กน่าตายนี่ แกเลิกเอาแต่ยุแยงให้คุณยายของแกมายั่วโมโหฉันได้ไหม?” เสียงของอีกฝ่ายออกจะเคร่งขรึมอยู่บ้าง “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าทางนั้นใช่ครอบครัวของคุณฉินซวงไหมครับ?” เมื่อได้ยินว่าเป็นเสียงผู้ชาย แม่ก็ขมวดคิ้ว “มีอะไรคะ? ทำไมคุณถึงมีโทรศัพท์ของฉินซวงได้?” น้ำเสียงของแม่เย็นชา “พวกเราพบบัตรประจำตัวของคุณฉินซวงกับมือถือของเธอในห้องเช่าแห่งหนึ่งครับ รบกวนคุณช่วยมายืนยันสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเราที่สถานีตำรวจหน่อยครับ” เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวคิ้วของแม่ก็คลายลง กล่าวว่า “ยัยเด็กบ้านั่นย้ายบ้านแล้วจริงๆ ด้วย ช่างก่อเรื่องเก่งเหลือเกิน”  หลังแม่วางสาย ก็กินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แววตาของฉินซีซีสั่นไหว ถามว่า “แม่คะ ไม่ใช่น้องหรือคะ?” “ยัยเด็กนั่นทำมือถือหายน่ะ สถานีตำรวจให้คนในครอบครัวไปรับ ไม่ต้องรีบ รอกินเสร็จแล้วค่อยไป” ฉินซีซีฝืนแสดงสีหน้ากังวลน้อยๆ ออกมา ความเร็วในการพูดเร็วขึ้นเล็กน้อยว่า “แม่คะ ให้หนูไปเถอะค่ะ ถึงยังไงฉินซวงก็เป็นน้องสาวของหนู” แม่ชมเธอสองคำว่าเธอรู้ความ จากนั้นก็รับปากแล้ว ฉันที่ยืนอยู่ข้างกายแม่

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 5  

    ในอดีต คุณยายกลัวว่าแม่ต้องไปลำบากกับพ่อที่มีฐานะยากจน เลยไม่อนุญาตเรื่องการแต่งงานของพวกเขา แม่เลยไปซื้อเหล้ากินตลอดทั้งคืน คิดไม่ถึงว่าจะถูกอันธพาลตัวเล็กๆ คนหนึ่งข่มขืนจนตั้งท้องขึ้นมา ตอนนั้นแม่ยังเด็ก ทั้งที่มีทางเลือกที่ดีกว่า แต่เพื่อจะลงโทษคุณยาย ทำให้ท่านรู้สึกผิด จึงได้ยืนกรานจะคลอดฉันออกมา ตอนที่ฉันอายุได้สามปี แม่บังเอิญเห็นแววของพ่อบนตัวฉันเข้าโดยไม่ตั้งใจ เลยรีบพาฉันไปตรวจดีเอ็นเอ ผลออกมาว่า ฉันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อจริงๆ ไม่ใช่ของอันธพาลคนนั้น แม่ดีใจมาก และด้วยเหตุนี้เลยกลับมาคืนดีกับพ่อได้อีกครั้ง ทว่าแต่ต้นจนจบ พวกเขาสองสามีภรรยารู้สึกว่าฉันเป็นเหมือนมลทินแต้มหนึ่งในความรักอันแสนบริสุทธิ์ของพวกเขา จึงโยนฉันที่อายุยังน้อยให้คุณยายดูแล จากนั้นทั้งสองคนก็ไปอยู่ที่เมืองอื่น ในตอนนั้น พ่อเพิ่งจะหย่ากับภรรยาคนก่อนหน้าของเขา ฉินเฟิงก็เพิ่งอายุได้สองขวบ แม่มอบความรักทั้งหมดของท่านให้กับลูกเลี้ยงคนนี้ จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าทั้งสองได้สูญเสียเวลาอย่างเสียเปล่าไปถึงสี่ปี เลยไปรับเด็กผู้หญิงจากบ้านเด็กกำพร้าคนหนึ่งมาเลี้ยงดู แล้วตั้งชื่อให้ว่า ‘ฉินซีซี’

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 4  

    วันถัดมา คนทั้งบ้านยังคงไม่ได้ข่าวของฉัน คุณยายมาถึงบ้านด้วยตัวเองแต่เช้า“คุณยาย!” ฉันลอยเข้าไปอย่างยินดี! หลังจากที่ตาย มีครั้งหนึ่งที่ฉันอยากไปหาคุณยายอีกครั้ง แต่วิญญาณของฉันถูกผูกไว้กับแม่ ทำให้ไปไม่ได้ ยังดีที่คุณยายเป็นฝ่ายมาแล้ว สามารถพบท่านอีกครั้งได้ ก็ถือว่าฉันตายตาหลับแล้ว ฉันยังไม่ทันได้สัมผัสคุณยาย ฉินเฟิงก็พุ่งเข้ามา ตะโกนเรียก “คุณยาย!” อย่างสนิทสนม หลายปีมานี้ ฉินเฟิงอาศัยความสัมพันธ์ของฉันประจบคุณยายมาโดยตลอด รวมกับที่มีฉันคอยสนับสนุน คุณยายจึงยอมรับหลานชายสายนอกที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับท่านนานแล้ว ท่านก็ไม่ได้คิดจะวางมาดกับเด็ก เลยจูงมือฉินเฟิงอย่างเอ็นดูไปนั่งลง “โตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังกระโดกกระเดกแบบนี้อีก? พี่สาวของหลานล่ะ” “พี่!” ฉินเฟิงตะโกนเสียงดังทีหนึ่ง ฉินซีซีรีบวิ่งออกมาทันที “คุณยาย คุณยายมาแล้ว!” เมื่อคุณยายเห็นเธอ แววตาที่เดิมมีความวาดหวังอยู่เล็กน้อยก็เยียบเย็นลงทันที เพียงส่งเสียงอืมครั้งหนึ่ง ในน้ำเสียงนั้นไม่มีความกระตือรือร้นแม้แต่น้อย เมื่อแม่เห็นแบบนั้น ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “แม่คะ ซีซีกำลังทักทายแม่อยู่นะคะ แม่

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 3  

    พิธีกรยังเตือนประชาชนทั่วไปด้วยว่า อย่าเข้าไปในเขตพื้นที่อันตราย เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ฉินเฟิงนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยความตกใจ “หุบเขาร้างถึงกับถูกปิดแล้ว?” ส่วนแม่ที่คล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ขมวดคิ้วแน่นทันที กระทั่งฉินเฟิงคลานขึ้นมาจากโซฟา แล้วตบต้นขาอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย นี่ไม่เท่ากับว่าที่พวกเราไปตั้งแคมป์ในหุบเขาร้างครั้งก่อน กลายเป็นทริปสุดครีเอทไปแล้วเหรอ?” “คราวนี้ เพื่อนผมพวกนั้นต้องอิจฉาผมตายแน่ พวกมันยังไม่เคยไปก็ถูกปิดซะแล้ว” สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ถึงได้ค่อยๆ ผ่อนคลายลง “เอาเถอะ อายุเท่าไหร่แล้วยังกระโชกโฮกฮากไม่รู้จักสำรวมอีก ของขวัญวันเกิดของคุณยายลูกเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง?” พ่อที่เดิมมีสีหน้าเย็นเยียบก็คลายหัวคิ้วที่ขมวดอยู่ออกเช่นกัน “กลับไปครั้งนี้ พวกแกสองพี่น้องต้องรู้จักเลือกคำพูดที่น่าฟังไปเอาใจท่านหน่อยล่ะ” สีหน้าของฉินเฟิงเต็มไปด้วยความดูถูก “ยังไงซะ ทุกปียัยฉินซวงก็ต้องช่วยผมเลือกของขวัญไว้จนเรียบร้อยอยู่แล้ว คุณยายต้องชอบแน่ พ่อกับแม่ก็เลิกกังวลเถอะ” พูดจบ เขาก็ไปดูแข่งฟุตบอลของเขาต่อ เมื่อได้ยินชื่อของฉัน แววตาของแม่ก็กลับเป็นความรัง

  • ดุจกรงจักรเป็นดอกบัว   บทที่ 2  

    คุณยายถูกทำให้โมโหจนหายใจติดขัด “ทำไมฉันถึงได้คลอดตัวไร้หัวใจแบบแกออกมานะ” “ฉันไปเมืองนอกมาสองเดือนไม่ได้ข่าวจากยัยหนูสักครั้ง ตอนอยู่เมืองนอกเป็นห่วงทุกวัน กลับมาก็ติดต่อไม่ได้” “เพราะฉะนั้น ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นพวกแกที่ทำให้หลานฉันเสียใจแน่!” “ยัยหนูไม่ได้อาศัยอยู่กับพวกแกหรือไง? รีบให้เธอมารับโทรศัพท์สิ” แม่พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นเหลือบมองพ่อที่อยู่ด้านข้าง สองเดือนก่อน จู่ๆ ฉินเฟิงก็เกิดความอยากขึ้นมาชั่ววูบ บอกว่าจะไปตั้งแคมป์ในเขตหวงห้ามของหุบเขาร้าง แม้ฉันจะรู้ว่าอันตราย แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มความสัมพันธ์กับคนในบ้านระหว่างการไปแคมป์ปิ้งนี้ได้ เลยไปขอลากับบริษัทเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าฉินซีซีจะตกน้ำ ในตอนที่ถูกช่วยขึ้นมา เธออ้าปากได้ก็บอกว่าฉันเป็นคนผลักเธอ แม่ตบฉันหลายครั้งด้วยความโมโห ไม่ยอมฟังฉันอธิบายอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็ทิ้งฉันไว้ในป่า แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคืนนั้น ฉันไม่ได้เดินออกมาจากป่าผืนนั้น ไม่ถามไม่ไถ่มาสองเดือน ขนาดตอนนี้ติดต่อฉันไม่ได้ แม่ก็ยังคงฟ้องคุณยายอย่างไม่ลนลานสักนิดว่า “เป็นมันที่ไม่เชื่อฟังเอง ทั้งวันเอาแต่ทำตัวขี้อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status