บทที่ 21
“คืนนี้เจ้าพักที่นี่ก่อน ข้าจะต้องเข้าไปตำหนักบูรพา” แน่นอนว่าวันนี้หยงอิ่งจงหายมาหลายชั่วยามไท่จื่อเฟยจะต้องตามหาไปทั่วแน่ ๆ แต่องครักษ์หนุ่มก็คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะจัดการอย่างไร เขาเตรียมคำแก้ตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
หยงอิ่งจงต้องการเก็บหมิ่งหุ้ยเอาไว้ ต้องการเก็บเอาไว้เหมือนความคิดแรกที่เขามี ปัญหาก็คือทำอย่างไรไม่ให้ไท่จื่อเฟยรู้อย่างไรเขาก็ยังรับความช่วยเหลือจากพระนางในหลาย ๆ เรื่อง ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่ไท่จื่อเฟยช่วยเหลือยังเป็นคนในครอบครัวเขาด้วยที่พระนางเผื่อแผ่ไป
หยงอิ่นจงรู้สึกหนักใจไม่น้อย
แต่เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เขาพาสตรีอื่นเข้าจวนมานั้นได้ถูกจับได้แล้วโดยคนของไท่จื่อเฟย เพราะระหว่างที่องครักษ์หนุ่มของไท่จื่อคนนี้คิดว่าตนอยู่เพียงลำพังแท้จริงแล้วยังมีคนคอยจับตามองการกระทำของเขาอยู่ตลอด เพียง
บทที่ 22“พวกหลักฐานที่เป็นการจดบันทึกหรือแม้แต่จดหมายของหยงอิ่งจงกับไท่จื่อเฟยก็ได้มาแล้ว แต่กลับไม่หมดทุกอย่างข้ารอไพ่ตายสุดท้ายที่เขาจะใช้กับข้า” หยางซวี่เหวินบอกกับคนที่ขี่ม้าอยู่ตัวเดียวกับเขา “ข้าจะพาเจ้าออกไปอยู่กระท่อมด้านนอกเมืองก่อนดีหรือไม่ เผื่อเกิดเหตุอะไรขึ้น” คำของอ๋องหนุ่มทำให้เหยาเหยาส่ายหน้า “หากจะไปก็ต้องไปด้วยกัน เหตุใดจะต้องส่งหม่อมฉันออกไปกัน หม่มฉันไม่กลัวหรอก” หยางซวี่เหวินกำลังจะซึ้งกับคำของนางอยู่แล้ว เพียงแค่นางไม่เอ่ยคำถัดมา“เพราะพระองค์มีบุญคุณ ช่วยแก้แค้นให้กับหม่อมฉันต่อให้จะเกิดเรื่องอะไรหม่อมฉันก็อยากที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับพระองค์” แม้จะใช่จริงตามว่า แต่อ๋องหนุ่มก็อยากหลอก
บทที่ 23การกวาดล้างเกิดขึ้นทั่วเมืองหลวงไปหมดแต่เพราะยังไม่มีใครมาจัดการกับตระกูลซ่งแม้กิจการค้าฝิ่นหรือสินค้าต้องห้ามจะถูกจับและยึดไปได้แต่กลับไม่มีคนจากทางการมาที่ตระกูลซ่งแม้เพียงสักคน ทำให้หัวหน้าตระกูลซ่งได้ใจและคิดว่าอาจจะรอดจากการเก็บกวาดครั้งใหญ่ครั้งนี้แต่ถึงกระนั้นซ่งหม่าก็อดคับแค้นใจไม่ได้ กิจการการค้าที่ทำให้ตระกูลเขายิ่งใหญ่ขึ้นมาได้กลับถูกจัดการทั้ง ๆ ที่ทำเช่นนี้มาเป็นสิบปีมิมีใครจับได้มาก่อน“ท่านพี่เรื่องครั้งนี้ข้ากับคนอื่น ๆ จะต้องหนีออกนอกเมืองไปก่อนหรือไม่ ขนาดอี้หลินก็ถูกให้อยู่แต่ในตำหนักบูรพา” คนเป็นภรรยาเอ่ยถามสามี“เจ้าก็อย่าคิดมากไปเลย ใช่ว่านางโดนสั่งให้อยู่ในตำหนักเพียงลำพัง องค์รัชทายาทก็ถูกสั่งเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ข้ากลับแปลกใจนัก เรื่องเหล่าน
บทที่ 24“ฝ่าบาทขอความเป็นธรรมให้ท่านพ่อของหม่อมฉันด้วยเพคะ ท่านพ่อไม่เคยทำผิดอะไร จะต้องเป็นคนที่ต้องการใส่ร้ายตระกูลซ่ง ต้องการที่จะลดทอนอำนาจของตระกูลซ่งเราลงด้วยเป็นแน่” ซ่งอี้หลินเมื่อได้ยินว่าในท้องพระโรงเกิดอะไรขึ้นก็ออกมาจากตำหนักบูรพาและตรงไปนั่งคุกเข่าพร้อมทั้งตะโกนเช่นนั้นอยู่ด้านนอกห้องโถงนางคงไม่ทันนึกเอะใจว่าทำไม คนที่ถูกส่งมาเฝ้าที่ตำหนักบูรพาช่วงนี้ยอมปล่อยนางออกมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมเลยแม้แต่นิด“บุตรสาวคนดีของเจ้ามาแล้ว” ด้วยความที่เคยตกลงกับบุตรสาวเอาไว้ว่าหากมีปัญหาก็จะไม่ลากกันและกัน ซ่งหม่าจึงตัดสินใจบอกให้ปล่อยบุตรสาวไปนางไม่รู้เรื่อง “หากจะหาเรื่องก็หาเรื่องข้าเพียงคนเดียว อย่าได้ทำร้ายบุ
บทที่ 25หยงอิ่งจงเห็นสายตาของท่านอ๋องหยางซวี่เหวินที่มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจและรังเกียจ เห็นสายตาของใต้เท้าซ่งหม่าที่มองราวกับจะฆ่าเขา และยังขุนนางที่มองเขาราวจะตัดสินความผิด ทั้ง ๆ ที่เขาถูกจับตัวมาโดยมิรู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร แต่เมื่อเห็นท่านอ๋องหยางซวี่เหวินยังคงมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นเรื่องนักฆ่าที่ส่งไปฝีมือไม่ได้เรื่องนั่นกระมังเขาคิดถูกจริง ๆ ที่หลายวันก่อนหลังจากนักฆ่าไม่กลับมาก็เร่งไปหาไท่จื่อเฟยเพื่อให้นางช่วยเหลือ เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการโดนกวาดล้างเขาเองทำเป็นบอกว่าเรื่องเดียวที่เขาทำผิดก็เรื่องที่ฆ่าตระกูลหมิ่งเพื่อพระนางที่เขาพยายามห้ามใจแล้วไม่ให้รักอย่างนาง ยอมลงมือกับหมิ่งหุ้ยเพื่อได้อยู่กับพระนาง และไท่จื่อเฟยก็เชื่อเขา“เป็นอะไรไป” ซ่งอี้หลินเอ่ยถามคนรักเมื่อเขาแอบบุกเข้ามาหานาง ทั้ง ๆ ที่ตำหนักบูรพาถูกคุ้มกันแน่นหนา เขาฝ่าอันตรายเข้ามาด้วยความคะนึงห
บทที่ 26“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ให้ประกาศออกไป เราเชื่อว่าอาจจะยังมีคนที่ต้องเดือนร้อนเพราะตระกูลซ่งอีกมาก ที่จริงความผิดที่พวกเขากระทำ ณ ตอนนี้ก็เพียงพอที่จะสั่งประหารทั้งตระกูลแล้ว แต่การใช้อำนาจอย่างที่มิถูกมิควรนั้นอาจจะสร้างปัญหาได้ คนมิได้ทำผิดมิควรถูกลงโทษดั่งเช่นของตระกูลหมิ่ง เราจะสั่งให้สืบสวนเรื่องราวของเจ้าใหม่หากยืนยันได้ว่าไม่ผิดเราจะขุดหลุมสร้างสุสานให้ใหม่ คืนฐานะให้กับเจ้า”ฮ่องเต้ประกาศออกมาเช่นนั้น หากสั่งลงโทษทั้งตระกูล แน่นอนว่าสตรีที่พระองค์รักจะต้องถูกลงโทษด้วย นางผิดที่หลับหูหลับตาเชื่อคำของหลานสาว แต่ในเรื่องอื่นเป็นพี่ชายของนางที่มักใหญ่ใฝ่สูงเสียเอง ทั้ง ๆ ที่อำนาจที่มือในมือก็มากมายแล้ว แต่ก็ยังอยากได้เพิ่ม คนเรามิรู้จักพอเสียจริง ส่วนซ่งอี้หลิน ฮ่องเต้ถึงกับส่ายพระพักตร์ นางกล้าสวมหมวกเขียวให้โอรสเขา “เสด็จพี่ข้าขอเป็นคนสืบสวนเองจะได้หรือไม่&rdq
บทที่ 27ในที่สุดก็ถึงวันที่ประหารไท่จื่อเฟย องค์รัชทายาทไม่ได้รู้สึกกับนางดั่งเช่นคนรัก ที่จริงพระองค์ออกจะรังเกียจนางเสียด้วยซ้ำตำหนักบูรพาถึงจะไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่องค์รัชทายาทจะมิรู้ว่าพระชายาของตนกระทำการน่ารังเกียจ แต่เพราะยังเยาว์วัยนักจึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไรสุดท้ายก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะจัดการกับนาง ในวันที่ตัวเขานั้นมีอำนาจมากพอมินึกว่าจะมีคนจัดการเรื่องนี้ให้ ทั้งยังกระทำชัดเจนจนฉีกหน้ากากนางออกได้“เสด็จอามาจัดการนางหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยรีบวิ่งไปหาเสด็จอาของตน ผู้ที่มาช่วยปลดเปลื้องความอัปยศของเขา หยางซวี่เหวินพยักหน้าให้หลานชายคนเดียว
บทที่ 28กริ๊ก!เสียงตลับยาสีเงินใบเล็กเปิดออก นางพกมันซ่อนเอาไว้ในถุงหอม ตลับยาหล่นลงบนพื้นเมื่อนางเทของที่อยู่ในถุงหอมออกมา หมิ่งหุ้ยยกยิ้มเย็น นางบรรจงเปิดตลับยานั่น ภายในมีผงสีขาว นอกจากจะเก็บสมุนไพรมารักษาบาดแผลและหากเหลือจะให้ท่านพ่อจางหลงนำไปขายแล้ว สิ่งที่นางตามหาอีกอย่างคือ หญ้าเถา เดิมชาวบ้านจะนำมาบดหยาบแล้วจุ่มลงแม่น้ำเพื่อเบื่อปลา ทำให้ปลาในแม่น้ำหายใจไม่ออกและว่ายขึ้นเหนือน้ำ และแน่นอนว่าหากนำไปบดเป็นผงก็ยังสามารถใช้เบื่อหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ นางผสมตลับหนึ่งไว้ช่วยชีวิตคน อีกตลับเอาไว้… วันนี้นางค่อย ๆ บรรจงเทผงสีขาวลงในปากของซ่งอี้หลินอย่างใจเย็น ทำราวกับกำลังดื่มด่ำชาเลิศรส ชานั่นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า การแก้แค้นอันหอมหวาน“นี่ใ
บทที่ 29“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” หยางซวี่เหวินเอ่ยเช่นนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีใจให้เขาจึงอยากให้นางเป็นอิสระ แม้ภายในใจต้องเจ็บปวดที่วันข้างหน้าจะไร้หมิ่งหุ้ยเคียงข้าง แต่ก็อยากให้นางเป็นผู้เลือก“อย่างที่หม่อมฉันบอกคงกลับไปหาท่านพ่อและเมาเมา อยู่กับพวกเขาทำให้หม่อมฉันสงบใจไม่คิดเรื่องครอบครัวที่จากไปได้บ้าง” หยางซวี่เหวินอยากเอ่ยถามว่าเช่นนั้นไปอยู่กับข้าดีหรือไม่แต่ก็ไม่กล้า แม้จะอยากปล่อยนางไปแต่อีกใจก็อยากเก็บนางเอาไว้ข้างกายทางด้านหมิ่งหุ้ยที่เห็นบุรุษตรงหน้าไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใด ๆ ก็คิดว่าเขาคงมองเรื่องระหว่างเขากับนางว่าเป็นไปไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะเป็นบาปกรรมของหม่อมฉันด้วยที่ทำให้ต้องเดียวดายตลอดไป” นา
บทที่ 33ตำหนักบูรพาในวันนี้ไม่เหมือนวันเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของตำหนักก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม“ไท่จื่อ ฮองเฮาส่งเทียบของคุณหนูตระกูลต่าง ๆ มาให้อีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อที่เคยถูกหลอกเมื่อก่อน ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ เขาฝึกยุทธ์เหมือนเสด็จอาของเขา และยังคิดทำอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนเสด็จอาของตนด้วยที่เห็นกันชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องพระชายา เพราะครั้งหนึ่งเคยได้แต่งไปกับคนที่มีนิสัยเช่นซ่งอี้หลิน จึงทำให้มีปัญหาเรื่องความไว้ใจสตรีหากพูดคุยแล้วพึงใจแต่ดันไปทำอะไรให้พระองค์ตะขิดตะขวงใจแม้เพียงนิด ความพึงพอใจที่ผ่านมาอาจจะกลายเป็นศูนย์ไปเลยก็เป็นได้“แต่ว่า...”“เจ้าไม่ต้องมาพูดม
บทที่ 32ในทุก ๆ ปี ท่านอ๋องหยางซวี่เหวินและพระชายาร่วมถึงบรรดาพระโอรสและพระธิดาจะเสด็จมาเมืองหลวงเป็นประจำทุกปีนั่นก็เพราะพระชายาจะพาหลาน ๆ มาเคารพสุสานบรรพชนและก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงองค์รัชทายาทที่ยามนี้โตเป็นชายหนุ่มแล้ว“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีคนอยู่หรือเสด็จแม่” พระโอรสคนที่สี่ซึ่งเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาได้มาที่นี่เป็นปีที่สองแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวอายุได้ สี่ชันษาจึงกำลังพูดมากพอสมควร“เสด็จแม่ลูกอธิบายน้องเองพ่ะย่ะค่ะ” ทั้ง ๆ ที่หมิ่งหุ้ยอยากจะเลี้ยงพระโอรสและพระธิดาทุกคนอย่างคนธรรมดาสามัญแต่เพราะศักดินาที่มี อย่างไรหนึ่งในทั้งหมดนี่ก็ต้องดูแลที่ดินและชาวบ้านแถว ๆ นั้น จึงทำให้สุดท้ายทุกคนจึงเป็นท่านหญิงและท่านชายที่น่าเคาร
บทที่ 31“เป็นข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ พระชายาของท่านอ๋องทรงพระครรภ์แล้ว” หลังจากเงียบเชียบนานนับปี ในที่สุดก็มีข่าวดีจากทั้งสอง“ท่านอ๋องเป็นอะไรเพคะ” หยางซวี่เหวินได้ฟังก็ตื้นตันจนร้องไห้ เรื่องนี้ทำให้มู่เฉิงที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายตกใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเย้า “กระหม่อมคงต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคนแล้ว”หยางซวี่เหวินคิดว่ามู่เฉิงหมายถึงเรื่องข่าวการตั้งครรภ์ แต่เปล่า เจ้าตัวกลับส่งข่าวให้ทุกคนว่าเขาร้องไห้เพราะรู้ว่าพระชายาของตนตั้งครรภ์ “มู่เฉิงหากไม่ใช่เจ้าข้าจะสั่งโบยให้ดู” แม้จะโดนขู่เช่นนั้นแต่มู่เฉิงก็มิได้สะทกสะท้าน นั่นก็เพราะยามนี้ท่านอ๋องทรงประชวร“ทรงรักษาพระวรกายเถอะพ่ะย่ะค่ะ หายแล้วค่อยม
บทที่ 30หลังจากงานมงคลหมิ่งหุ้ยก็ได้เข้าไปยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้ ในวังเพราะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของทั้งสองจากไปแล้ว พี่ชายอย่างฮ่องเต้จึงถือเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหมิ่งหุ้ยแต่งเข้าตระกูลหยางก็ต้องเคารพบรรพบุรุษ“อภัยให้กับอี้หลินด้วยนะหุ้ยเอ๋อร์” เสียงของฮองเฮาเอ่ยกับน้องสะใภ้ของตน“ข้าเองก็อโหสิกรรมให้นางแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวถึงได้” ฮ่องเต้หันไปประคองฮองเฮาเอาไว้“เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะรื้อฟื้นก็คงจะทำไม่ได้ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย แม้จะมีความสูญเสียแต่ก็มีเรื่องดี ๆ อย่างการที่เจ้าทั้งสองได้มาเจอกัน คนเป็นพี่อย่างข้าเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจที่ซวี่เหวินจะมีคนรักสักที เจ้ารู้ไหมหุ้ยเอ๋อร์ เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน&rd
บทที่ 29“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” หยางซวี่เหวินเอ่ยเช่นนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีใจให้เขาจึงอยากให้นางเป็นอิสระ แม้ภายในใจต้องเจ็บปวดที่วันข้างหน้าจะไร้หมิ่งหุ้ยเคียงข้าง แต่ก็อยากให้นางเป็นผู้เลือก“อย่างที่หม่อมฉันบอกคงกลับไปหาท่านพ่อและเมาเมา อยู่กับพวกเขาทำให้หม่อมฉันสงบใจไม่คิดเรื่องครอบครัวที่จากไปได้บ้าง” หยางซวี่เหวินอยากเอ่ยถามว่าเช่นนั้นไปอยู่กับข้าดีหรือไม่แต่ก็ไม่กล้า แม้จะอยากปล่อยนางไปแต่อีกใจก็อยากเก็บนางเอาไว้ข้างกายทางด้านหมิ่งหุ้ยที่เห็นบุรุษตรงหน้าไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใด ๆ ก็คิดว่าเขาคงมองเรื่องระหว่างเขากับนางว่าเป็นไปไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะเป็นบาปกรรมของหม่อมฉันด้วยที่ทำให้ต้องเดียวดายตลอดไป” นา
บทที่ 28กริ๊ก!เสียงตลับยาสีเงินใบเล็กเปิดออก นางพกมันซ่อนเอาไว้ในถุงหอม ตลับยาหล่นลงบนพื้นเมื่อนางเทของที่อยู่ในถุงหอมออกมา หมิ่งหุ้ยยกยิ้มเย็น นางบรรจงเปิดตลับยานั่น ภายในมีผงสีขาว นอกจากจะเก็บสมุนไพรมารักษาบาดแผลและหากเหลือจะให้ท่านพ่อจางหลงนำไปขายแล้ว สิ่งที่นางตามหาอีกอย่างคือ หญ้าเถา เดิมชาวบ้านจะนำมาบดหยาบแล้วจุ่มลงแม่น้ำเพื่อเบื่อปลา ทำให้ปลาในแม่น้ำหายใจไม่ออกและว่ายขึ้นเหนือน้ำ และแน่นอนว่าหากนำไปบดเป็นผงก็ยังสามารถใช้เบื่อหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ นางผสมตลับหนึ่งไว้ช่วยชีวิตคน อีกตลับเอาไว้… วันนี้นางค่อย ๆ บรรจงเทผงสีขาวลงในปากของซ่งอี้หลินอย่างใจเย็น ทำราวกับกำลังดื่มด่ำชาเลิศรส ชานั่นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า การแก้แค้นอันหอมหวาน“นี่ใ
บทที่ 27ในที่สุดก็ถึงวันที่ประหารไท่จื่อเฟย องค์รัชทายาทไม่ได้รู้สึกกับนางดั่งเช่นคนรัก ที่จริงพระองค์ออกจะรังเกียจนางเสียด้วยซ้ำตำหนักบูรพาถึงจะไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่องค์รัชทายาทจะมิรู้ว่าพระชายาของตนกระทำการน่ารังเกียจ แต่เพราะยังเยาว์วัยนักจึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไรสุดท้ายก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะจัดการกับนาง ในวันที่ตัวเขานั้นมีอำนาจมากพอมินึกว่าจะมีคนจัดการเรื่องนี้ให้ ทั้งยังกระทำชัดเจนจนฉีกหน้ากากนางออกได้“เสด็จอามาจัดการนางหรือพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยรีบวิ่งไปหาเสด็จอาของตน ผู้ที่มาช่วยปลดเปลื้องความอัปยศของเขา หยางซวี่เหวินพยักหน้าให้หลานชายคนเดียว
บทที่ 26“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ให้ประกาศออกไป เราเชื่อว่าอาจจะยังมีคนที่ต้องเดือนร้อนเพราะตระกูลซ่งอีกมาก ที่จริงความผิดที่พวกเขากระทำ ณ ตอนนี้ก็เพียงพอที่จะสั่งประหารทั้งตระกูลแล้ว แต่การใช้อำนาจอย่างที่มิถูกมิควรนั้นอาจจะสร้างปัญหาได้ คนมิได้ทำผิดมิควรถูกลงโทษดั่งเช่นของตระกูลหมิ่ง เราจะสั่งให้สืบสวนเรื่องราวของเจ้าใหม่หากยืนยันได้ว่าไม่ผิดเราจะขุดหลุมสร้างสุสานให้ใหม่ คืนฐานะให้กับเจ้า”ฮ่องเต้ประกาศออกมาเช่นนั้น หากสั่งลงโทษทั้งตระกูล แน่นอนว่าสตรีที่พระองค์รักจะต้องถูกลงโทษด้วย นางผิดที่หลับหูหลับตาเชื่อคำของหลานสาว แต่ในเรื่องอื่นเป็นพี่ชายของนางที่มักใหญ่ใฝ่สูงเสียเอง ทั้ง ๆ ที่อำนาจที่มือในมือก็มากมายแล้ว แต่ก็ยังอยากได้เพิ่ม คนเรามิรู้จักพอเสียจริง ส่วนซ่งอี้หลิน ฮ่องเต้ถึงกับส่ายพระพักตร์ นางกล้าสวมหมวกเขียวให้โอรสเขา “เสด็จพี่ข้าขอเป็นคนสืบสวนเองจะได้หรือไม่&rdq
บทที่ 25หยงอิ่งจงเห็นสายตาของท่านอ๋องหยางซวี่เหวินที่มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจและรังเกียจ เห็นสายตาของใต้เท้าซ่งหม่าที่มองราวกับจะฆ่าเขา และยังขุนนางที่มองเขาราวจะตัดสินความผิด ทั้ง ๆ ที่เขาถูกจับตัวมาโดยมิรู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร แต่เมื่อเห็นท่านอ๋องหยางซวี่เหวินยังคงมีชีวิตอยู่ก็คงเป็นเรื่องนักฆ่าที่ส่งไปฝีมือไม่ได้เรื่องนั่นกระมังเขาคิดถูกจริง ๆ ที่หลายวันก่อนหลังจากนักฆ่าไม่กลับมาก็เร่งไปหาไท่จื่อเฟยเพื่อให้นางช่วยเหลือ เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกี่ยวกับการโดนกวาดล้างเขาเองทำเป็นบอกว่าเรื่องเดียวที่เขาทำผิดก็เรื่องที่ฆ่าตระกูลหมิ่งเพื่อพระนางที่เขาพยายามห้ามใจแล้วไม่ให้รักอย่างนาง ยอมลงมือกับหมิ่งหุ้ยเพื่อได้อยู่กับพระนาง และไท่จื่อเฟยก็เชื่อเขา“เป็นอะไรไป” ซ่งอี้หลินเอ่ยถามคนรักเมื่อเขาแอบบุกเข้ามาหานาง ทั้ง ๆ ที่ตำหนักบูรพาถูกคุ้มกันแน่นหนา เขาฝ่าอันตรายเข้ามาด้วยความคะนึงห