แชร์

บทที่ 2

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 23:52:28

“มาถึงแล้วก็นั่งสิ เจ้าจะยืนรอให้ข้าไปประคองมานั่งหรืออย่างไร คิดฝันเฟื่องเกินไปหน่อยหรือไม่”

หลี่เหวินหลาง แม่ทัพหนุ่มรูปงามว่าที่ผู้นำตระกูลหลี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก ซ้ำยังส่งสายตารังเกียจเดียดฉันท์ไปยังร่างของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาตนเองอย่างไม่คิดปิดบัง 

ใช่แล้ว บุรุษผู้นี้คือสามีของไป๋ฟางเซียนนั่นเอง สามีที่ไป๋ฟางเซียนรักจนกระทั่งตายไปก็ยังรัก

หลี่เหวินหลางคือบุตรชายคนเดียวของอดีตแม่ทัพใหญ่นาม หลี่

เหวินชิง และฮูหยินใหญ่นาม เหลียนฮวา ผู้เป็นบิดามารดาบุญธรรมของไป๋ฟางเซียน

ตระกูลหลี่เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ของเมืองหลวง ตระกูลหลี่ทุกรุ่นรับราชการดำรงตำแหน่งแม่ทัพปกป้องบ้านเมืองเรื่อยมา ไม่ฝักใฝ่อำนาจขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เพียงผู้เดียว จึงได้รับความไว้วางใจต่อราชวงศ์อย่างมาก คนทั่วไปมักเรียกตระกูลหลี่ว่าตระกูลแม่ทัพ ด้วยความที่บรรพบุรุษเป็นทหารสืบต่อกันเรื่อยมา และล้วนเป็นคนไม่ชอบการแก่งแย่งอำนาจ หลี่

เหวินหลางเองก็เลือกรับราชการตามบรรพบุรุษ จนในที่สุดก็ใช้ความสามารถของตนคว้าตำแหน่งแม่ทัพของแคว้นมาครอบครองได้

หลี่เหวินหลางเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม เป็นแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกล ก่อนหน้าที่เขาจะรู้ว่าตนกับไป๋ฟางเซียนเป็นคู่หมั้นกัน ชายหนุ่มก็ยังเอ็นดูและห่วงนางในฐานะน้องสาวอยู่บ้าง เนื่องจากคิดกับนางเป็นเพียงน้องสาวมาโดยตลอด ไม่มีจิตคิดเป็นอื่น

ครั้นมารู้ว่าตนและนางเป็นคู่หมั้นกัน ทั้งนางยังไม่ปฏิเสธการหมั้นหมาย รวมไปถึงรู้ว่านางไม่ได้คิดกับตนแค่พี่ชาย ด้วยความที่ไม่อยากทำร้ายนาง หลี่เหวินหลางจึงได้ตีตัวออกหาก แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าเขาไม่รักนาง หวังให้นางรู้ตัวและหักห้ามใจจะได้ไม่เจ็บปวด

ทว่าความหวังดีที่เขามีให้ ไป๋ฟางเซียนกลับมองข้าม ดื้อดึงคิดเอาชนะ ทำร้ายสตรีหลายนางที่มีใจต่อเขา ไป๋ฟางเซียนกลายเป็นสตรีร้ายกาจ การกระทำของนางทำให้เขารับไม่ได้และรังเกียจนางในที่สุด กระทั่งต้องแต่งกับนางเขายังไม่คิดร่วมหอ 

การที่นางทำร้ายสตรีอื่นเขายังพอทำใจได้อยู่บ้าง แต่การที่นางทำร้ายสหายสนิทที่นางมีอยู่เพียงหนึ่ง เพราะความหึงหวงเป็นเหตุเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เขารังเกียจนางมากกว่าสิ่งใด

หลี่เหวินหลางชมชอบสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีในห้องหอ ยึดถือหลัก 3 เชื่อฟัง 4 จรรยา ในเมื่อเขาชอบสตรีในลักษณะนิสัยเช่นนั้นแต่ไป๋ฟางเซียนกลับมีนิสัยตรงข้าม ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะร้ายกาจมากขึ้น จะให้เขาไม่รังเกียจนางได้อย่างไรไหว

สตรีเช่นนี้มีแต่ต้องหนีให้ห่าง มีไว้ใกล้ตัวก็รังแต่จะทำให้ร้อนรุ่ม คล้ายถือเผือกร้อนหาความสงบสุขไม่ได้

อีกอย่างที่เขาไม่คิดสนใจไป๋ฟางเซียนหรือสตรีอื่นใดนั่นก็เพราะว่า หลี่เหวินหลางมีสตรีที่สนใจอยู่แล้ว สตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน กิริยามารยาทเพียบพร้อม เพียงสบตาก็ยากจะหักห้ามความรู้สึก แสร้งทำตัวเย็นชาเฉกเช่นกับที่ทำต่อสตรีอื่นมิได้

คราแรกเขาก็มิได้คิดอะไรกับสตรีนางนั้น เพียงชมชอบที่นางงดงามอ่อนหวาน เพิ่งคิดอยากจะผูกสมัครรักใคร่ก็เมื่อสตรีใจร้ายด่าว่านางจนนึกสงสาร จากสงสารก็กลายเป็นความสนใจแต่ยังไม่ถึงขั้นรัก สำหรับตัวเขาแล้วเรื่องนี้ยังคงต้องดูต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถามว่าเขาสนใจสตรีอื่นมากไปกว่านางหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ ที่สำคัญที่เขาสนใจสตรีนางนี้มากกว่าผู้ใด มิใช่ว่ากระทำตามความรู้สึกของตนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเขามีเหตุจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับนาง เป็นเหตุจำเป็นที่บอกกล่าวใครไม่ได้ และสตรีนางนั้นก็คือผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ สตรีที่มีนามว่า โจวเฟิ่งจิ่ว

โจวเฟิ่งจิ่ว หญิงงามของตระกูลโจว นางเป็นบุตรสาวคนโปรดของเสนาบดีกรมคลังโจวเหลียงเกา เกิดจากฮูหยินเอกหลิวเฟิ่งหยา จึงเป็นบุตรีที่โจวเหลียงเการักและตามใจมาก

โจวเฟิ่งจิ่วเป็นสาวงามที่ครอบครองตำแหน่งสตรีงามอันดับสองของเมืองหลวง ผู้เป็นเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ดวงตากลมโตสดใสมุมปากแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจ กิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวานแลดูน่าทะนุถนอม ชอบสวมใส่อาภรณ์สีขาวหรือสีชมพูอ่อน นั่นช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความอ่อนโยนของนางยิ่ง ใครเห็นเป็นต้องหลงรักและเอ็นดู ซึ่งต่างกันกับไป๋ฟางเซียนลิบลับ  

ไป๋ฟางเซียนนิยมสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาด ยิ่งสีเข้มเท่าไรยิ่งดี ไม่ว่าจะไป๋ฟางเซียนคนเก่าหรือคนใหม่ ต่างมีรสนิยมคล้ายคลึงกันทั้งสิ้น หากจะมีอะไรต่างกันคงเป็นเรื่องของความรักกระมัง

ในขณะที่ไป๋ฟางเซียนคนเดิมหลงรักและบูชาบุรุษเจ้าของหัวใจ จนเรียกได้ว่าจมปลักเพียงคนเดียวไม่คิดเผื่อใจเวลาผิดหวัง ไป๋ฟางเซียนคนใหม่ที่มาจากยุคที่เจริญแล้วทุกด้านกลับต่างออกไป นางไม่คิดรักหรือบูชาผู้ใด หากนางจะรักใครสักคนบุรุษผู้นั้นย่อมต้องมีนางและรักนางคนเดียวเท่านั้น หากไม่มีใครตรงตามที่นางตั้งไว้ นางก็ไม่คิดมอบหัวใจให้ใคร  หัวใจของนางมีดวงเดียว ฉะนั้นนางดูแลเองได้!

“เมื่อไหร่เจ้าจะมานั่ง ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่คิดไปประคองจับจูงเจ้า ยังมัวรีรออะไรอยู่อีก ข้ามิได้ว่างคุยกับเจ้าทั้งวันนะ!”

‘ปากจัดมากพ่อ’ ไป๋ฟางเซียนคิดก่อนจะมองไปยังบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ลืมปรายสายตามองสตรีที่นั่งอยู่ข้างกัน มุมปากของนางกระตุกเหยียดยิ้ม ก่อนจะไปนั่งตรงข้ามกับโจวเฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่ด้านซ้าย ส่วนนางนั่งอยู่ด้านขวามือของหลี่เหวินหลาง ตรงกลางมีโต๊ะน้ำชาตั้งอยู่

“หึ กิริยาน่ารังเกียจนัก” ไป๋ฟางเซียนไม่สนใจ นางยกมือขึ้นมากรีดนิ้วของตนเล่น สายตาจับจ้องที่เล็บขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีพลางชื่นชมในใจ 

หลี่เหวินหลางเห็นว่านางไม่สนใจก็โมโห กำลังจะต่อว่านางอีกระลอก สตรีที่ตนให้ความสนใจก็จับที่ต้นแขนของเขาไว้ พลางเรียกเสียงอ่อนหวานทั้งยังส่งสายตาห้ามปรามมาที่เขาด้วย

“พี่เหวินเจ้าคะ” โจวเฟิ่งจิ่วปรามด้วยเสียงหวาน มองไปยังคนที่ตนรักด้วยสายตาหวานซึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองไป๋ฟางเซียนด้วยสายตาหวาดกลัวปะปนรู้สึกผิด

ไป๋ฟางเซียนที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะพูดหรือมีสายตาเช่นใดตั้งแต่แรกก็มองไปที่อดีตเพื่อนรักของไป๋ฟางเซียนคนเดิมด้วยสายตารู้ทัน

‘เอาสิเล่นละครมาสิ ข้ามาจากยุคสมัยที่เจริญแล้ว ทั้งยังเรียนเอกการแสดง จะไม่รู้ได้เช่นไรว่าที่เจ้ากำลังทำอยู่มันจริงหรือปลอม หากไม่เหนื่อยก็ทำมาเถอะ ข้าพร้อมดูมาก’ นางพูดในใจคนเดียว มุมปากก็ยังยกยิ้ม

“ฮึ่ม!” หลี่เหวินหลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เขาไม่แม้แต่จะปรายตามามองนางเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนางก็ไม่คิดจะใส่ใจ

ทำไมนางต้องใส่ใจคนที่รังเกียจ เกลียด และไม่รักนางด้วยเล่า นางไม่ใช่ไป๋ฟางเซียนคนโง่คนนั้นนะ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 3

    “เฟิ่งเอ๋อร์มีเรื่องพูดกับเจ้า”‘เฟิ่งเอ๋อร์... เรียกกันสนิทสนมยิ่ง’ นางได้แค่พูดในใจด้วยท่าทีเบื่อหน่ายก่อนหันไปมองคนที่ต้องการพูดกับตน“อันใด” น้ำเสียงราบเรียบเรียกความสนใจจากแม่ทัพหนุ่มไม่น้อย เขามองนางด้วยความฉงนเมื่อเห็นว่านางไม่มีอาการหึงหวงเหมือนอย่างเคย ซึ่งสายตาเช่นนั้นนางก็ได้รับจากโจวเฟิ่งจิ่วเช่นกัน“เซียนอะ...”“อย่าเรียกชื่อข้าเช่นนั้น ข้ากับเจ้าหาได้สนิทกันไม่” ไป๋ฟางเซียนพูดขัดขึ้นทันที ให้ถูกเรียกด้วยความสนิทสนมโดยคนที่ตนเองไม่ชอบนี่ไม่มีวันเสียหรอก เสนียดชื่อนางหมดพอดี อีกอย่างนางหวังดีนะ คนตรงข้ามจะได้ไม่ต้องอดทนเสแสร้งสนิทหวังดีกับนางให้เหนื่อย “แต่เราคือเพื่อนรักกันนะ”“หึ เพื่อนที่จ้องแย่งบุรุษของเพื่อนข้าไม่ต้องการ”“แต่ว่า”“หากเจ้ายังไม่เลิกเรียกข้าเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ไป๋ฟางเซียนพูดพร้อมมองไปที่อีกฝ่ายเขม็ง“ฮึ! นางไม่อยากให้เรียกก็ไม่ต้องเรียกหรอกเฟิ่งเอ๋อร์ สตรีเช่นนี้เจ้าไม่ต้องสนิทด้วยเป็นดี”“แต่ว่านางเป็นเพื่อนข้านะเจ้าคะพี่เหวิน” พูดจบแล้วก็รีบหลบสายตา คล้ายกลัวว่าแม่ทัพหนุ่มจะเห็นหยดน้ำตาสีใสที่พร้อมไหลทุกเมื่อ “แสดงเก่ง”“นี่เจ้า!” หลี่เห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 4

    เพล้ง! เพล้ง!กรี๊ดดดด!ภายในจวนตระกูลโจวเกิดเสียงกรีดร้องระคนเสียงข้าวของแตกกระจายดังไปทั่วเรือนของบุตรสาวคนโต เหล่าข้ารับใช้ต่างยืนก้มหน้าด้วยความเงียบและสงบนิ่งเพราะรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าตนเองจะต้องกลายเป็นกระโถนให้อีกฝ่ายระบายอารมณ์ ยามที่นางโกรธภายนอกคุณหนูใหญ่จวนตระกูลโจวมักได้รับสายตาชื่นชมอยู่เป็นนิจ ด้วยภาพลักษณ์ดอกบัวขาวที่สั่งสมมานานทำให้ผู้คนต่างลือกันหนาหูว่านางเป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน เหมาะเป็นสาวงามอันดับหนึ่งยิ่งกว่าไป๋ฟางเซียนทว่าสำหรับเหล่าบ่าวไพร่ข้ารับใช้ในจวนแล้ว นิสัยของคุณหนูใหญ่ต่างจากที่คนภายนอกร่ำลือไปกันลิบลับ ยามอารมณ์ดีนางมักมีรอยยิ้มไว้ล่อลวงผู้คน แต่เมื่อใดที่นางอารมณ์ไม่ดีนางจะกลายเป็นสตรีร้ายกาจทันควัน ทำร้ายบ่าวไพร่ คำผรุสวาทมักจะออกมาจากริมฝีปากเล็กอยู่เสมอ ที่สำคัญนางหาได้ใจดีและอ่อนโยนอย่างที่ผู้อื่นคิดไม่โจวเฟิ่งจิ่ว... เป็นสตรีร้ายกาจอย่างแท้จริง!นางต่อว่าเหยียดหยามบ่าวไพร่ ทำสิ่งใดไม่ถูกใจล้วนต้องถูกสั่งโบยหรือสั่งทำโทษทั้งสิ้น ซึ่งบทลงโทษแต่ละครั้งก็แล้วแต่นางจะคิดหาวิธีการได้ บ่าวคนไหนหน้าตาดีหน่อยนางก็ไม่คิดปล่อยเอาไว้ หากไม่ถูกทำร้ายจนเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 5

    จวนตระกูลหลี่“ท่านแม่! มายืนทำอันใดอยู่ที่หน้าประตูจวนหรือขอรับ” แม่ทัพหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเปิดประตูมาก็เห็นมารดาของตนยืนรอและมองมาที่เขาเขม็ง“ตามแม่มาคุยในเรือน” เหลียนฮวาเอ่ยบอกผู้เป็นบุตรชายก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่เรือนรับรองแขกแม่ทัพหนุ่มแม้จะไม่รู้ว่ามารดามีเรื่องอะไรคุยกับตน หากแต่เขาก็พอรับรู้ถึงบรรยากาศกราดเกรี้ยวจากร่างของมารดาได้ จึงได้เดินตามไปอย่างว่าง่ายเมื่อมาถึงเรือนรับรองแขกของจวนแล้ว แม่ทัพหนุ่มก็เห็นว่าบิดากำลังนั่งรออยู่ โดยมีสตรีที่เขารังเกียจยิ่งกว่าสิ่งใดคอยรินน้ำชาให้ด้วย หลี่เหวินหลางไม่สนใจ เขาหันหน้าไปหาผู้เป็นมารดาแทนด้วยความอยากรู้เต็มทนว่าท่านมีเรื่องอะไรจะพูดกันแน่“ไปไหนมา”“ไปส่งเฟิ่งเอ๋อร์มาขอรับ” หลี่เหวินหลางตอบรับอย่างตรงไปตรงมา ไม่นึกกลัวสายตาของมารดาที่มองมาอย่างต่อว่าเลยสักนิด“ดียิ่ง! ไปส่งสตรีอื่น ไม่สนใจภรรยาที่อยู่ในเรือน” เพียงแค่มารดาพูดออกมาแม่ทัพหนุ่มก็เข้าใจอะไร ๆ ได้ หลี่เหวินหลางหันหน้าส่งสายตาดุดันไปยังคนต้นเหตุที่ทำให้เขาถูกมารดาเรียกมาต่อว่าไป๋ฟางเซียนเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวจนแทบอยากจะฆ่านาง ก็รีบก้มหน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 6

    “ฮูหยินนะ...”“เรียกข้าว่าคุณหนู”“แต่ว่า”“ต่อหน้าข้าให้เรียกคุณหนู แต่ถ้าต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่เรียกตามปกติ”จื่อถิงแม้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ฟางเซียนจึงสั่งเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ถามอะไรให้มากความ ด้วยค่อนข้างรู้นิสัยของนายตัวเองดี หากคุณหนูของนางบอกว่าไม่ นางก็จะไม่ตาม นางมีวันนี้ได้ก็เพราะคุณหนูเมตตา หากวันนั้นคุณหนูไม่ยื่นมือช่วยเหลือ นางคงเป็นได้แค่เด็กข้างถนน หรือไม่ก็ถูกจับไปอยู่หอนางโลมแล้วยามเห็นผู้มีพระคุณ ผู้ที่ฉุดรั้งนางขึ้นมาจากความหนาวเหน็บ ต้องจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา จื่อถิงตกใจมาก และก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน หากวันนั้นนางห้ามไม่ให้คุณหนูมาตามคำนัดหมาย และไม่ปล่อยให้คุณหนูอยู่กับสตรีนางนั้นเพียงสองคน คุณหนูของนางก็คงไม่ต้องจมน้ำจนล้มป่วยนานหลายวันใบหน้าเศร้าสร้อยและสายตารู้สึกผิดของสาวใช้คนสนิท ทำไมไป๋ฟางเซียนจะไม่รับรู้ นางชอบสาวใช้คนนี้มาก เพราะเป็นคนรู้ความ ไม่จู้จี้จุกจิก บอกสิ่งใดก็ทำตามได้อย่างดี การรู้ความของจื่อถิงนี่แหละที่ทำให้ไป๋ฟางเซียนชื่นชอบในตัวสาวใช้คนนี้ที่สุด แม้นางฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ มีนิสัยและกิริยามารยาทรวมถึงวาจาผิดแปลกไป จื่อถิงก็ไม่เอ่ยถามให้นางรู้สึกอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 7

    ด้านแม่ทัพหนุ่มหลี่เหวินหลางที่เดินออกมาจากเรือนของไป๋ฟางเซียนด้วยความหงุดหงิด ก็ตรงไปที่ค่ายทหารที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลวงด้วยอารมณ์คุกรุ่น ไปถึงชายหนุ่มก็เรียกรวมพลทหารทั้งหลายแล้วทำการฝึกซ้อมอย่างหนักทันทีบรรยากาศรอบตัวแสนขมุกขมัวที่หลี่เหวินหลางตั้งใจปล่อยออกมานั้น ทำให้ไม่มีทหารคนใดกล้าเข้าไปใกล้หรือขัดคำสั่ง และคิดจะหยุดพักเลยสักนิด แม้ว่าตนเองจะเหนื่อยมากแล้วก็ตาม ทว่าก็มีอยู่หนึ่งคนที่กล้าเปิดปากถาม พร้อมไล่ทหารที่ถูกฝึกไปพักผ่อนทันที “หงุดหงิดอันใดของเจ้าอาเหวิน เหตุใดจึงต้องมาลงกับทหารชั้นผู้น้อย” ซูเฉิน สหายสนิทของหลี่เหวินหลางพ่วงตำแหน่งกุนซือหนุ่มมากความสามารถของกองทัพเอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัวหลี่เหวินหลางปรายสายตามองสหายตนเองเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับไปโดยไม่พูดอะไร ซูเฉินมองสหายตนอย่างจับผิด กุนซือหนุ่มหรี่สายตาลงพลางครุ่นคิด ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วพูดมันออกไป“อย่าบอกนะว่าเจ้าทะเลาะกับภรรยาของเจ้ามา”“นางหาใช่ภรรยาข้า!” หลี่เหวินหลางปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมมองไปยังสหายของตนด้วยสายตาไม่พอใจ เพียงแต่ว่ากุนซือหนุ่มหาได้เกรงกลัวสายตาของอีกฝ่ายไม่ เขายังคงแย้มยิ้มเต็มใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 8

    “คุณหนูกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ จื่อถิงเห็นคุณหนูคิดสิ่งใดไม่ตกมาได้สองสามวันแล้ว” จื่อถิงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายนิ่งคิดผิดปกติไป๋ฟางเซียนยังคงไม่ตอบ นางนิ่งคิดกับตนเอง ว่าควรจะเดินไปหนทางไหนดี ที่ตัวนางจะไม่ต้องเสี่ยงหรือเจ็บตัว และมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้หลี่เหวินหลางหย่าขาดจากนางโดยที่บิดามารดาบุญธรรมทั้งสองไม่เอ่ยแย้งใช่แล้ว สิ่งที่ไป๋ฟางเซียนคิดและต้องการมากที่สุดก็คือการหย่า นางต้องการเป็นอิสระ จะได้ทำในสิ่งที่ต้องการอย่างใจหวังได้ ไม่ใช่อย่างตอนนี้ ที่จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงหน้าคนผู้นั้นผู้นี้อยู่ตลอดการหย่าที่นางต้องการหากพูดก็เหมือนง่าย แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดและเข้าใจ การที่สตรีหย่าขาดสามีสำหรับยุคนี้ถือเป็นเรื่องต้องห้าม ดังนั้นนางต้องรอเวลาและคิดหาวิธีการอย่างแยบยล ถึงจะสามารถทำตามใจที่ต้องการได้ นอกจากนี้แล้ว ไป๋ฟางเซียนยังคิดถึงปัจจัยหลักด้วยว่า หากนางหย่าขาดจากบุรุษผู้นั้นจริง อนาคตข้างหน้านางจะกินอะไร จะอยู่เช่นไร ส่วนเรื่องที่ยุคนี้สตรีไม่นิยมหย่าขาดจากสามีเพราะความเชื่อที่มีมาแต่โบราณนางไม่ได้นึกกลัวเลยสักนิด ที่นางกลัวคือ การอดตายมากกว่าสิ่งแรกที่ไป๋ฟาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 9

    “ร้านผ้าของคุณหนูไม่ใหญ่มากเจ้าค่ะ เป็นร้านขนาดกลาง ส่วนกิจการก็ เอ่อ... ไม่ค่อยได้กำไรนักเจ้าค่ะ”“ว่าไงนะ! เหตุใดถึงไม่ได้กำไรเล่า” ไป๋ฟางเซียนถามตาโต เปิดร้านขายผ้าเหตุใดถึงจะไม่ได้กำไร จื่อถิงคิดหลอกนางใช่หรือไม่“โธ่คุณหนู... คุณหนูจะให้กิจการของร้านได้กำไรอย่างไรเล่าเจ้าคะ ในเมื่อคุณหนูไม่เคยไปดูที่ร้านเลย นายท่านทั้งสองก็ไม่มีเวลาไปดูให้คุณหนูเช่นกัน หลงจู๊ของร้านถึงจะมีแต่ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจได้นะเจ้าคะ... เอ่อ ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงร่ายยาวก่อนเอ่ยขอโทษไป๋ฟางเซียนไม่ได้ว่าอะไร เมื่อคิดตามคำพูดของสาวรับใช้แล้วก็เห็นจริงดังที่นางว่า กิจการเมื่อไม่ดูแลและปรับปรุงจะเจริญเติบโตสร้างผลกำไรให้นางได้อย่างไร“เอาเถอะ ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก ดังนั้นพรุ่งนี้เราไปที่ร้านดีหรือไม่ ข้าอยากเดินตลาดด้วย ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาข้าก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่กับท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม ข้าก็ไม่เคยออกนอกจวนเลยนี่นะ งั้นพรุ่งนี้เราไปดูร้านและเดินเที่ยวตลาดกันเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงรับคำด้วยความดีใจ“ว่าแต่นี่ยามใดแล้วจื่อถิง” ด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินกับวันเวลาของโลกนี้ ไป๋ฟางเซียนจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 10

    ยามโหย่ว[1] หน้าจวนตระกูลหลี่มีบุรุษหนุ่มรูปงามร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนอาชาทมิฬสีดำอย่างองอาจ สายตาของเขาจับจ้องประตูจวนด้วยแววตาลึกล้ำ หลายวันก่อนเขาถูกบิดามารดาต่อว่าโดยมีต้นเหตุมาจากสตรีที่ตนรังเกียจ ทำให้เขาไม่กลับบ้านตนเองเป็นเวลาสามวัน ทว่าวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับมาด้วยใบหน้าไม่ใคร่จะแจ่มใสเท่าใดนัก บุรุษผู้นั้นคือ หลี่เหวินหลางสามวันที่ผ่านมาเขาต้องนอนที่ค่ายทหารทั้ง ๆ ที่สามารถกลับมานอนที่จวนได้ แต่เขาก็ไม่มา เพียงเพราะกลัวว่าตนจะพลั้งมือทำร้ายลูกรักของบิดามารดาเข้า แต่ว่าวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับเพราะทนฟังเสียงชื่นชมของสหายสนิทที่มีต่อไป๋ฟางเซียนไม่ได้คิดดูเถิด ขนาดนางไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับสหายของเขาเป็นการส่วนตัว ยังทำให้สหายหน้ามึนผู้นั้นพูดถึงนางแทบจะตลอดเวลา กล่าวชมนางไม่หยุดหย่อน จนเขามิสามารถทนฟังเสียงชื่นชมเหล่านั้นได้ จำต้องควบขี่ม้ากลับมาที่จวน นี่ขนาดยังไม่รู้จักกันสหายเขายังเป็นได้ถึงเพียงนี้ หากได้รู้จักและสนิทสนมกันมากเล่า เกรงว่าซูเฉินสหายของเขาคนนี้คงได้หลงใหลสตรีร้ายกาจยากถอนตัวแล้ว เพียงแค่คิดถึงชื่อของสตรีที่มีฐานะเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของตน ใบหน้าที่ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02

บทล่าสุด

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 128

    “เซียนเซียน! เซียนเซียน ฟื้นสิเซียนเซียน” หลี่เหวินหลางร้องเรียกชื่อภรรยาด้วยความกระวนกระวายใจ ภายในอกของเขาร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวเหลือเกินว่านางจะเป็นอันใดไป กลัวสูญเสียนางอย่างไม่มีวันหวนกลับ ความกังวลฉายชัดทั้งสีหน้าและแววตา โชคยังดีที่เขามาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเขาคงเป็นกังวลมากกว่านี้“พาคุณหนุกลับจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ จะได้รีบตามท่านหมอมาดูอาการ” จื่อถิงบอกอย่างร้อนรนและกระวนกระวายใจไม่แพ้กัน พลางมองเจ้านายสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างถึงที่สุด น้ำตาเอ่อคลอไปทั่วดวงตาสวย เหตุใดจึงเกิดเรื่องกับคุณหนูทุกครั้งที่นางไม่ได้อยู่ด้วยก็ไม่รู้ โชคดีที่ทั้งนางและท่านแม่ทัพมาได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าคุณหนูของนางจะเป็นเช่นไร“รีบกลับจวนให้เร็วที่สุด!” หลี่เหวินหลางบอกคนขับรถม้าพร้อมทั้งอุ้มนางเข้าไปนั่งภายใน โอบกอดนางไว้อย่างหวงแหน มองดวงหน้าหวานด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยอย่างถึงที่สุดก่อนหน้านี้หลี่เหวินหลางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว และได้เข้าไปรายงานทุกอย่างให้องค์ฮ่องเต้รับรู้เรียบร้อยถึงการปราบโจรของตน หลังจากนั้นก็รีบพาตนเองออกจากวังหลวงอย่างรวดเร็ว ด้วยคิดถ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 127

    “ไม่จริง! ข้าไม่เชื่อ เจ้าอย่ามาโกหกข้า ข้าไม่สนว่าใครจะเป็นคนคิด ในเมื่อพี่เหวินเป็นคนทำเขาก็ต้องรับผิดชอบ เจ้าก็ด้วย ในเมื่อวันนี้ข้าสูญสิ้นไม่เหลืออะไร พวกเจ้าก็ต้องสูญสิ้นไม่เหลือสิ่งใดเช่นเดียวกัน อย่างไรวันนี้ทุกอย่างก็ต้องจบลง ไม่ข้าและเจ้าก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ครั้งที่แล้วข้าหวังให้เจ้าจมน้ำตายที่นี่ เพราะต้องการให้เจ้าทรมานถึงที่สุด กระทั่งหลังความตายก็ยังคงทุกข์ทรมานเพราะความเย็นของกระแสน้ำ ได้แต่เหน็บหนาวแต่เพียงผู้เดียวไร้ซึ่งคนเหลียวแล ครั้งที่แล้วเป็นโชคดีของเจ้าที่ข้าทำไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิม เจ้าต้องตาย ตายเพราะข้า!” โจวเฟิ่งจิ่วตวาดกร้าว ไป๋ฟางเซียนได้ฟังแล้วรู้ว่าถึงเจรจาต่อไปย่อมไม่เป็นผล ดังนั้นจึงโพล่งไปอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน เช่นไรนางก็เคยตายมาแล้ว ตายอีกสักครั้งจะเป็นไรไป ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเลยสักนิด ห่วงก็แต่หลี่เหวินหลาง หากนางจากไปเขาจะรู้สึกเช่นไร จะเสียใจหรือคิดถึงนางบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง “ตายก็ตายสิ คนอย่างไป๋ฟางเซียนไม่เคยกลัวตายอยู่แล้ว หากข้าตาย เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน” จบคำพูดของไป๋ฟางเซียนร่างของโจวเฟิ่วจิ่วก็พุ่งตรงเข้ามาหวังจะกร

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 126

    “ข้าไปทำอะไรให้เจ้านักหนาจึงได้คิดทำร้ายข้า”“ฮ่าฮ่า เพราะเจ้ามาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไปไงเล่า! คนไม่มีบิดามารดาเป็นกำพร้าเช่นเจ้า กล้าดีอย่างไรลงประกวดสาวงาม แย่งชิงตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจากข้าไป เท่านั้นยังไม่พอเจ้ายังเป็นคู่หมั้นของพี่เหวิน คิดอยากได้และครอบครองเขา เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงคิดว่าตนเองเหมาะสมกับบุรุษเก่งกล้าและรูปงามเช่นเขา แทนที่เจ้าจะสำนึกในบุญคุณของบิดามารดาของพี่เหวิน กล่าวยกเลิกงานหมั้นนั่นเสีย เจ้ากลับเร่งรัดให้ทุกอย่างเร็วขึ้นกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็รู้ตนเองดี ว่าพี่เหวินมิได้รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย แล้วข้าจะให้คนหน้าด้านเช่นเจ้าเชิดหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับข้าได้เช่นไร คิดว่าข้าไม่รู้รึว่าเจ้าคิดเทียบเคียงข้ามาโดยตลอด หวังใช้ฐานะฮูหยินแม่ทัพตีเสมอข้าน่ะสิ หึ ไม่เจียมตน”“เจ้าบ้าไปแล้วโจวเฟิ่งจิ่ว ข้าไม่เคยคิดตีตนเสมอเจ้า ข้ารู้ตนเองดี เจ้าเอาแต่ว่าข้าแล้วเจ้าเล่าดีตรงไหน วัน ๆ ตามแต่คู่หมั้นของสหาย นอกจากไม่รู้สึกผิดแล้ว ยังคิดทำร้ายผู้อื่น นี่มันไม่น่ารังเกียจกว่าข้ารึ” ไป๋ฟางเซียนย้อนกลับทันควัน เพราะนางไม่ชอบให้ใครมาว่านางเช่นกัน แม้ว่าคนที่ถูก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status