เขาไม่ได้ส่งเธอกลับไปที่บ้านของตระกูลลินน์นั่นหมายความว่าในที่สุดเธอก็สามารถอยู่ในห้องเดียวกับเซบาสเตียนและเริ่มเป็นคู่รักที่แท้จริงได้ใช่ไหม?ฮิ ฮิ!เมื่อปล่อยให้จินตนาการโลดแล่นไป เซลีนก็ขึ้นรถของคิงส์ตันอย่างมีความสุขและออกจากร้านอาหารในทางกลับกัน เซบาสเตียนกำลังขับรถช้า ๆ บนถนนสายหลัก โดยไร้ซึ่งจุดหมายในขณะเดียวกัน ซาบริน่าก็มาถึงบริษัทแล้ว ขณะที่เธอกำลังจะโทรหาไนเจล เขาก็โทรเข้ามาก่อน “ซาบริน่า ที่นี่ฉันค่อนข้างยุ่ง เลยไปรับเธอไม่ได้ เธอมาเองได้รึเปล่า?”ซาบริน่าตอบอย่างเชื่อฟังไปว่า “แน่นอนค่ะ ฉันไปเองได้ค่ะ นายน้อยไนเจล”ไนเจลได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของซาบริน่าและถามเธออย่างมีเลศนัยไปว่า “เธอยินดีที่จะปฏิบัติต่อฉันอย่างดีแล้วใช่ไหม แล้วเธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อฉันใช่ไหม?”รอยยิ้มของซาบริน่าดูเหมือนจะอ่อนโยนยิ่งขึ้น “นายน้อยไนเจล คุณสงสัยในความจริงใจของฉันเหรอคะ? ให้ฉันพูดอีกครั้งก็ได้ค่ะ ฉันยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ฉันจะทำทุกอย่างตามที่คุณขอให้ฉันทำ ฉันเต็มใจที่จะมอบชีวิตของฉันให้กับคุณด้วยค่ะ”ไนเจลหัวเราะ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในตอนแรกเธอที่ดูไร้อารมณ์ เย็นชา และเ
มีผู้ชายประมาณยี่สิบถึงสามสิบคนอยู่ในห้อง แต่ซาบริน่ารู้จักเพียงไนเจลกับเซย์นเท่านั้นคนที่เหลือต่างก็ย้อมผมด้วยสีจัดจ้านจนแสบตา มีรอยแผลทั่วร่างกาย หรือยืนสูบบุหรี่กันอย่างเป็นปกติ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนเข้ามาในห้อง พวกเขาก็จ้องไปที่ซาบริน่าอย่างจงใจ ไม่ต่างจากนักล่าที่สังเกตเห็นเหยื่อของมันซาบริน่าพยายามเพ่งมองใบหน้าที่เธอรู้จักจากคนทั้งหมดในห้องเดียวกันนั้น ตรงข้ามกับผู้ชายสามคนที่นั่งอยู่คือผู้หญิงอีกสามคนผู้หญิงสามคนนี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เผยให้เห็นเนื้อหนังและร้อนแรง พวกเธอทุกคนสวมแค่เสื้อปาดหัวไหล่และกระโปรงที่สั้นเป็นพิเศษขณะที่ซาบริน่ามองไปรอบ ๆ และตรวจดูผู้คนในห้องนั้น เธอรู้สึกว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นบนเรือสำราญมากเธอหันหลังเดินจากไปโดยไม่ลังเล ในตอนที่เธอพยายามที่จะก้าวเท้า หนึ่งในผู้หญิงสามนั้นก็เรียกเธอไว้ “นี่ หล่อนก็เป็นเพื่อนร่วมอาชีพกับพวกเราใช่ไหม? เข้ามาเร็วสิยะ ดูสิ แต่งตัวเรียบร้อยเกินไปป่ะเนี้ย? ในสถานที่แบบนี้ หล่อนใส่เสื้อผ้ามากชิ้นไม่ได้นะยะ "ซาบริน่าหน้าแดงขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ฉันไม่ใช่เพื่อนร่วมงานของพวกเธอนะ!”
เขาไม่สามารถทนต่อสิ่งนั้นได้!ไนเจลอยากให้ซาบริน่าได้เห็นด้วยตัวเองว่าเขาโหดร้ายแค่ไหน เพราะเขาจะโหดร้ายไม่แพ้ลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างแน่นอน!เขามองดูซาบริน่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเสียงของซาบริน่าดูลังเล แต่เธอก็พยายามพูดอย่างสั่นเทาว่า “ฉันขอโทษ นายน้อยไนเจล แต่งานแบบนี้ไม่เหมาะกับฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรสารภาพกับคุณ ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากอีกต่อไป ลาก่อน!”เมื่อพูดจบ ซาบริน่าก็หันหลังเดินจากไปเธอเดินเพียง 2 ก้าว ก็ไปถึงประตูที่จะพาเธอออกไปจากห้อง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรประตูก็เปิดไม่ออก ซาบริน่าหันกลับมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว มองทุกคนในห้องที่มีใบหน้าที่ชั่วร้ายและเยาะเย้ยมาที่เธออย่างชัดเจนไนเจลยังคงมีรอยยิ้มอันโหดร้าย “เข้ามานั้นง่ายดาย แต่จะออกไปคงยากหน่อยแหละ”“อย่างนั้นเหรอคะ?” น้ำเสียงและท่าทางของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ขณะที่เธอมองไปที่ไนเจลอย่างสงบและเดินตรงไปหาเขาอย่างรวดเร็ว“อ้าว เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?” ไนเจลยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ซาบริน่าหยุดอยู่ตรงหน้าไนเจล และดึงเข็มฉีดยาที่เธอกำแน่นในมือออกมาภายในเข็มฉีดยาสามารถมองเห็นสีแดงเข้มของเลือดไ
เมื่อก้าวออกจากห้องแล้ว ซาบริน่าก็เดินเข้าไปในลิฟต์ที่ซึ่งเธอทรุดตัวลงขณะที่ลิฟท์เคลื่อนตัวลงมาน้ำตาไหลอาบใบหน้าของเธอไม่หยุดไนเจลเป็นเศษเสี้ยวของความอบอุ่นเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของเธอ แม้แต่ในจินตนาการที่โลดโผนที่สุดของเธอ ซาบรินาก็ไม่เคยคิดเลยว่าไนเจลจะทำกับเธอเช่นนั้น เมื่อเธอเดินผ่านถังขยะ ซาบริน่าก็ขว้างเข็มฉีดยาเลือดไก่ที่เธอถืออยู่ไปโดยไม่หยุดคิด ด้วยท่าทางที่หดหู่เช่นเดียวกันกับสีหน้าของเธอทันทีที่เธอออกจากคลับ เธอรู้สึกคลื่นไส้เป็นอย่างมากและอาเจียนออกมาที่พุ่มดอกไม้ที่ซ่อนอยู่ในมุมที่ห่างไกลขณะที่เธอทำความสะอาดตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ เธอได้ยินคนพูดคุยกันซาบริน่ามองไปยังทิศทางของบุคคลที่เธอได้ยินเสียง และพบชายชุดดำในเงามืด เขากำลังโทรศัพท์หาใครบางคนอยู่ “ผู้อำนวยการฮอร์สท์ คุณแน่ใจรึว่าเจ้าหนุ่มคอนเนอร์อยู่ในห้องชั้นบนสุดน่ะ?”ซาบริน่าไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝั่งของสายกำลังพูด แต่ได้ยินชายชุดดำพูดว่า “ผมเปิดประตูได้ภายในไม่กี่วินาที ไม่ต้องกังวล ผมจัดการให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี อย่าลืมโอนเงินสิบล้านเข้าบัญชีของผมด้วย”ซาบริน่าตกใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินชายคนนั้น
เมื่อซาบริน่าฟื้นคืนสติ เธอก็อยู่ในรถฉุกเฉินซึ่งมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลแล้ว ซาบริน่าจับมือของหมอ “อย่า อย่าใช้ยา...อย่าใช้ยาชากับฉันนะคะ”คุณหมอไม่รู้จะพูดอะไร“ฉันท้องอยู่ ฉันอยากจะเก็บลูกไว้ ฉันไม่มีครอบครัวอีกแล้ว ลูกคนนี้จะเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ ขอร้องแหละค่ะ ใช้…ใช้ยาชากับฉันไม่ได้นะคะ” ซาบริน่าขอร้องเซย์นไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันสุดท้ายคุณหมอถามว่า “คุณทนเจ็บตอนเข้ารับการผ่าตัดไหวไหมล่ะ?”ซาบริน่าพูดด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่า “ฉันทนได้!”หลังจากที่แพทย์ให้การอนุญาต ซาบริน่าก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดเซย์นรออยู่ข้างนอก เขาได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ดังมาจากภายในห้องเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ซาบริน่าที่ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด เธอหน้าซีด เหนื่อยล้า และเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเมื่อเธอออกจากห้อง เธอพบว่าเซย์นรอเธออยู่ข้างนอกตลอดเวลา“ขอบคุณค่ะ คุณสมิธ แต่ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้วล่ะค่ะ” ซาบริน่าพูดอย่างอ่อนแรงเซย์นตอบว่า “ฉันจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? เธอเพิ่งได้รับการผ่าตัด แล้วก็เธอยังมีลูกอยู่ในท้อง จะไม่มีคนดูแลเธอเลยได้อย่างไร?”ซาบริน่ามองไปที่เซย์น เห็นได
"หล่อน! หล่อนต้องการอะไร ตอนนี้หล่อนกำลังพยายามที่จะสูบเงินจากครอบครัวของเราเหรอ? ตอนแรก หล่อนมีความสัมพันธ์กับเซบาสเตียน หลานชายของฉัน และตอนนี้หล่อนคงรู้แล้วว่าหล่อนคงไม่มีอนาคตร่วมกับเขา หล่อนเลยไปหาหลานชายอีกคนของฉันใช่ไหม? นางตัวดี จำไว้นะ ถ้าหล่อนล่อลวงคนในครอบครัวฉันอีก ฉันมั่นใจเลยว่าหล่อนจะต้องพบกับจุดจบที่น่าเสียใจแน่!” เฮนรี่ที่ยืนอยู่หน้ากลุ่ม เริ่มด่าซาบริน่าขณะชี้นิ้วไปที่เธอใบหน้าของซาบริน่าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่เธอไม่ได้แสดงถึงความขี้ขลาด “ขอโทษด้วยนะคะ นายท่านอาวุโสฟอร์ดแต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยล่อลวงเซบาสเตียนหลานชายของคุณเลย! ไนเจลก็เหมือนกัน!“ฉันช่วยชีวิตไนเจลเอาไว้!”"หล่อนน่ะเหรอ? ช่วยชีวิตไนเจล?” หญิงวัยกลางคนร้องเสียงดังว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ไนเจลจะตกอยู่ในอันตรายตั้งแต่แรกไหม? เหตุผลเดียวที่ไนเจลของฉันยั่วโมโหเคนตันก็เพราะปัญหาที่หล่อนก่อขึ้นไม่ใช่เหรอ?!“หล่อน นางคนเถื่อน! หล่อนทำให้เคนตันสูญเสียความเป็นชายไป แล้วยังมีอะไรให้หล่อนต้องกลัวอีกล่ะ?!“ตอนแรกก็เซบาสเตียน และตอนนี้หล่อนกำลังไปหาไนเจล และหล่อนก็ไปหาตาแก่หัวงูเคนตันคนนั้นด้วย บอกฉันมาว่าหล่
ต้องเป็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน!เมื่อคิดว่านั่นน่าจะใช่ เซลีนจึงพยายามหว่านล้อมเซบาสเตียน “นายน้อย คุณมาที่นี่เพื่อพาฉันไปลองชุดแต่งงานใช่ไหมคะ? ฉัน...ฉันสังเกตว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาฉันน้ำหนักขึ้น ท้องของฉันก็ใหญ่ขึ้น ถ้าเรารอนานไปกว่านี้ ฉันอาจจะใส่ชุดสวย ๆ ไม่ได้แล้วนะคะ”น้ำเสียงของเซบาสเตียนเย็นชา “ฉันจะให้คิงส์ตันพาเธอไปลองชุดแต่งงานวันพรุ่งนี้”“ถ้าอย่างนั้นวันนี้…” เขามาหาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธออย่างนั้นเหรอเซลีนรู้สึกมีความสุขมาก“ตระกูลลินน์เคยมีความเกี่ยวข้องกับเคนตัน ฮอร์สท์รึเปล่า?” เซบาสเตียนถามขึ้นทันทีเจดและเซลีนต่างก็ตกใจกลัวเมื่อได้ยินคำถามทำไมเซบาสเตียนถึงถามแบบนั้น?เจดพยายามจะพูดแต่ก็พูดตะกุกตะกักว่า “นายน้อย คุณก็รู้นี่ พวกเรา...ตระกูลลินน์ภักดีต่อคุณเพียงคนเดียวเสมอมา เรารู้ว่าเคนตันคือศัตรูตัวฉกาจของคุณ แล้วเราจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไร?”เซลีนยิ้มและพูดต่อ “ถูกอย่างที่คุณแม่พูด ไม่มีทางที่เราจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนอย่างเคนตัน”“แต่เขาเพิ่งติดต่อกับครอบครัวเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน” น้ำเสียงของเซบาสเตียนนิ่งยิ่งเซบาสเตียนกดดันมากเท่าไหร่ เจดและเ
เซย์นตะลึงกับคำพูดของเซบาสเตียนและทำได้เพียงมองซาบริน่าอย่างงุ่มง่าม ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เซบาสเตียน "นายน้อย…"“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ” น้ำเสียงของเซบาสเตียนเคร่งขรึมแต่นิ่งสงบเซย์นไม่ดึงดัน เขาลุกขึ้นจากไปโดยทันทีเขารู้ว่าเซบาสเตียนนั้นโหดเหี้ยม แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่ดูดุร้าย แต่เขาก็สามารถฆ่าคุณได้ในวินาทีถัดมาเมื่อเซย์นออกจากห้อง เซบาสเตียนก็เดินไปหาซาบริน่าและสบตากับเธอ ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์แม้ว่าซาบริน่าจะแปลกใจที่เห็นเซบาสเตียนที่นี่ แต่เธอก็ถามอย่างใจเย็นว่า “คุณฟอร์ด วันนี้คุณมาที่นี่เพื่อหย่ากับฉันใช่ไหมคะ? แต่ตอนนี้ฉัน…”เธอมองที่แขนของเธอด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจเซบาสเตียนกล่าวว่า “เธอยั่วผู้ชายเก่งจริง ๆ ! คนแรกก็ฉัน คนต่อมาก็มาร์คัส ชอว์ และไหนจะไนเจลอีก หลังจากนั้นก็มีเคนตัน ตอนนี้แม้แต่เซย์นก็ยังป้อนอาหารให้เธออย่างใกล้ชิดอีกสินะ?”ซาบริน่าถามว่า “คุณหมายความว่าอะไร?”“อาหารที่เซย์นป้อนเธออร่อยไหมล่ะ?”เธอถึงกับพูดไม่ออกเพราะสิ่งที่เซบาสเตียนเพิ่งพูดไป ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดและเกิดอารมณ์โกรธกับเขาความโกรธที่แผดเผาลึกลงไปในดวงตาของเขานั้
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ