เย่ซิวถามอย่างจงใจว่า "เธอจะไปเติมเครื่องสำอาง แล้วฉันจะตามไปทำไม อีกอย่างจะให้ฉันเข้าไปในห้องน้ำหญิงกับเธอด้วยเหรอ?"หญิงสาวส่งสายตาเย้ายวนให้เขาพร้อมกับยิ้มเบา ๆ "ก็คนเขากลัวนี่นา เผื่อข้างในมีอะไรที่ไม่สะอาดอยู่ล่ะนายไปเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันสิ เดี๋ยวจะมีรางวัลให้ด้วยนะ!"เย่ซิวแกล้งทำหน้าตาเคลิบเคลิ้ม "รางวัลอะไรเหรอ?""พอนายไปถึงก็จะรู้เอง"พูดจบหญิงสาวก็ลากคอเสื้อเย่ซิวพาเดินไปยังห้องน้ำหญิงระหว่างทางเจอผู้ชายหลายคน ทุกคนต่างมองมาด้วยสายตาอิจฉาเนื้อเรื่องแบบนี้พวกเขาคุ้นเคยคืนนี้สถานที่นี้ถูกจองไว้ เลยมีคนไม่เยอะ ในห้องน้ำหญิงย่อมไม่มีใครทันทีที่เข้าไป หญิงสาวที่ดูเซ็กซี่และเย้ายวนก็ดันเย่ซิวไปติดกับอ่างล้างมือมือข้างหนึ่งเชยคางของเขาขึ้น ในดวงตาประกายความเย่อหยิ่ง"น้องชาย อยากลองสัมผัสสิ่งที่วิเศษที่สุดในโลกดูรึเปล่า?"เย่ซิวมองด้วยสายตาขี้เล่น "คืออะไรเหรอ?""แน่นอนว่าต้องเป็น..."หญิงสาวค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ทีละนิด เข้าใกล้ใบหูของเย่ซิว แล้วเลื่อนต่ำลงไปเธอหยุดที่ลำคอของเขา ปากเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวสองซี่ที่ยื่นออกมาแววตาของหญิงสาวเต็
เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ "เมื่อถึงเวลา เธอก็จะรู้เอง"ผู้หญิงคนนี้รู้สึกหัวใจคันยุบยิบ สงสัยมากว่าเย่ซิวคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?แต่เย่ซิวไม่พูด เธอก็ไม่กล้าถามตรง ๆทั้งสองคนทยอยเดินออกไปข้างนอกโชคไม่ดี พวกเขาเพิ่งออกไปก็เจอกับคนกลุ่มหนึ่งและในกลุ่มนั้นก็มีผู้หญิงอยู่สองคน เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาพวกเธอก็เป็นประกาย พวกเธอรีบปรี่เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว"หนุ่มน้อยสุดหล่อ สนใจมาเล่นกับพวกเราไหม?""หนุ่มน้อยสุดหล่อ เธอดูดีมากเลย อีกหน่อยมาติดตามพี่สาว พี่สาวจะไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้ายแน่นอน”"ไสหัวไปซะ!"หญิงสาวเปิดปากและแยกเขี้ยวของเธอด้วยใบหน้าที่ดุร้ายผู้หญิงสองคนที่เข้ามาจีบตกใจเฮือก และรีบจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นเขี้ยวของเธอก็ถูกเก็บกลับไป เธอกลับมาแสดงท่าทางเคารพอีกครั้ง "ท่านคะ โปรดตามมาทางนี้"เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ผ่อนคลายหน่อย อย่าให้ใครสงสัย""ค่ะ ท่าน""เธอชื่ออะไร""เรียนนายท่าน ดิฉันชื่อเถียนเถียนค่ะ"เถียนเถียนพาเย่ซิวไปที่ชั้นดาดฟ้า ที่นี่คนที่ควรจะมาก็มากันครบหมดแล้วเย่ซิวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นถึงความแข็งแกร่งของทุกคนได้อย่างชัดเจนส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ระดับหก
นี่คือยันต์สายฟ้าหยิน!เป็นของที่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่งในยุคโบราณ ซึ่งทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของมันยันต์ชนิดนี้แตกต่างจากยันต์แบบใช้ครั้งเดียวทั่วไป เพราะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่มีฝนตกหรืออากาศชื้น หากโยนมันออกไป มันจะสามารถดึงสายฟ้าจากฟากฟ้าลงมาและผนึกไว้ในนั้นได้ผู้บำเพ็ญตนส่วนใหญ่ล้วนกลัวสายฟ้าการถือยันต์เช่นนี้ไว้ในมือ จะทำให้คนส่วนใหญ่อยากอยู่ห่างจากมันยันต์แผ่นนี้ตัวเองจะต้องคว้ามันมาให้ได้ในงานประมูลมีบางคนสนใจมันเช่นกัน แต่การเพิ่มราคาของพวกเขาแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นแค่หนึ่งหมื่นเหรียญจ้านอิงตี้เท่านั้นในปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินของประเทศจ้านอิงตี้กับประเทศหลงเถิงนั้นอยู่ที่หนึ่งต่อสามสิบห้าเย่ซิวเสนอราคาไปที่ห้าล้านเหรียญจ้านอิงตี้ทันทีหลายคนมองไปที่เขาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะละสายตาออกไปของชิ้นนี้ ไม่มีใครรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของมัน ราคาที่สูงเกินไปจึงไม่มีคนอยากเข้าร่วมคาร์ธิวเรียกราคาสามครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้ เขาจึงส่งยันต์นี้ให้กับเย่ซิวจริง ๆ แล้วสิ่งนี้เขาไม่ได้หวัง
เย่ซิวทำเหมือนมองไม่เห็นมันราคานี้ถือว่าสูงมากแล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะรวยเหมือนเย่ซิว ราคานี้เกินความสามารถของคนส่วนใหญ่ที่จะรับไหวในที่สุดอัญมณีเม็ดนี้ก็ถูกเย่ซิวซื้อมาอีกเช่นกันเถียนเถียนมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเธออยากจะออดอ้อนสักสองสามคำ เผื่อว่าเย่ซิวจะซื้ออะไรให้ตัวเองบ้างแต่เธอไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะทำให้เย่ซิวโกรธ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอนจากนั้นคนที่สี่ก็ขึ้นมาเป็นชายคนหนึ่งที่มีขนคล้ายเข็มเหล็กทั่วทั้งร่างในมือเขาถือจี้หยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ ทว่าบนจี้หยกนั้นมีรอยร้าวอยู่หลายจุด“สิ่งนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันมีคุณสมบัติช่วยให้สงบจิตใจเมื่อสวมใส่ในขณะการบำเพ็ญตน จะไม่ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดใด ๆ ขึ้นถ้าตอนนี้ผมไม่ขัดสนเรื่องเงินละก็ ก็คงไม่ขายมันออกไป ราคาประมูลเริ่มต้นคือห้าร้อยล้านเหรียญจ้านอิงตี้”หลายคนเผยสีหน้าสนใจเป็นที่รู้กันว่ายิ่งพลังแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในระหว่างการบำเพ็ญตนจะยิ่งเกิดอารมณ์ด้านลบได้ง่ายขึ้นเท่านั้นมีจี้หยกชิ้นนี้อยู่ในมือ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นไม่นานก็มีคนเริ่มเสนอราคาที
วิชาแยกร่างเบญจธาตุ!ตัวอักษรโบราณหลายพันตัวหลอมรวมเข้าสู่จิตใจของเย่ซิวและรวมกันเป็นคำเหล่านี้เมื่อจิตสำนึกของเย่ซิวเพ่งไปที่คำเหล่านี้ ฉับพลันนั้นเขาก็เข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้อย่างถ่องแท้นี่เป็นวิชาลับที่ทรงพลังอย่างยิ่ง สามารถสร้างร่างแยกเบญจธาตุขึ้นมาได้แน่นอน เฉพาะกับคนอย่างเย่ซิวที่ถือครองจินตานเบญธาตุหรือเกิดมาพร้อมกายาเบญจธาตุเท่านั้นจึงจะฝึกฝนวิชานี้ได้เย่ซิวดีใจจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ นี่ช่างเป็นโชคครั้งมหาศาลจริง ๆตามที่วิชาลับนี้อธิบายไว้ ร่างแยกเบญจธาตุนั้นแตกต่างจากวิชาแยกร่างทั่วไปโดยสิ้นเชิงวิชาแยกร่างทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่ร่างแยกที่สร้างขึ้นมาจะมีพลังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของร่างต้น หรือไม่ก็มีระยะเวลาคงอยู่ที่สั้นมากแต่ร่างแยกจากวิชาแยกร่างเบญจธาตุ ไม่เพียงแต่สามารถคงอยู่อย่างถาวร ยังสามารถบำเพ็ญตนด้วยตัวเองและพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่องร่างแยกแต่ละร่างจะมีพลังถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ของร่างต้นอย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะทรงพลังมาก แต่การสร้างร่างแยกนั้นจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณสมบัติของธาตุทั้งห้า ซึ่งเย่ซิวยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเ
ไม่มีการเคลื่อนไหวที่หวือหวาเกินไป เพียงแค่ฟันไปข้างหน้าเบา ๆคลื่นปราณกระบี่ทรงกลมก็ระเบิดออกมา จากนั้นก็ไม่มีหลังจากนั้นอีกแล้วทั้งห้องเงียบสงัด นอกจากเย่ซิวกับเถียนเถียนที่ยังคงยืนอยู่ คนอื่น ๆ ล้วนตายหมดปึก!เถียนเถียนถึงกับเข่าทรุด ล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถามนับไม่ถ้วน ร่างกายสั่นสะท้าน แม้แต่ฟันก็ยังสั่นกึก ๆเธอมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวานี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวแบบไหน?เพียงหนึ่งดาบก็สามารถฆ่าผู้มีพลังวิเศษ นักเวท และนักรบยีนกว่าร้อยชีวิตได้ในพริบตา!"ท่านเป็นใครกันแน่?"เถียนเถียนเงยหน้าขึ้น มองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงรูปร่างและหน้าตาของเย่ซิวนั้นซิวบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับคืนสู่รูปโฉมดั้งเดิมเมื่อเห็นใบหน้านี้ เถียนเถียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหนัก ๆ"ที่แท้ก็เป็นท่าน ท่านยังไม่ตาย ราชินีพูดไว้ไม่ผิดจริง ๆ"หัวใจของเย่ซิวไหววูบ "หงอีเดาได้แล้วงั้นเหรอ?"เถียนเถียนพยักหน้า "ใช่ค่ะ ตอนนั้นฉันไปรายงานข่าวนี้กับราชินี เธอก็พูดว่าท่านไม่มีทางตายไปง่าย ๆตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่าใคร
“ฉันรู้ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นชื่อเฟยอวี่ใช่ไหม เมื่อวานฉันเพิ่งเจอเธอมา”เย่ซิวมองอย่างเคร่งขรึม “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”เถียนเถียนตอบ “เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไปประเทศจ้านอิงตี้เมื่อไม่นานนี้ แล้วบังเอิญเจอกับราชินีหลังจากนั้นพวกเธอน่าจะทำข้อตกลงบางอย่างกัน ครั้งนี้ที่ราชินีส่งฉันมา ก็เพื่อให้เอาของบางอย่างมาให้เธอแต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ในใจ สายตาพลันก็จับจ้องไปที่เถียนเถียนสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ ทำให้เถียนเถียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอบิดตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า“คุณเย่คะ คุณต้องการให้ฉันรับใช้คุณหรือเปล่า ไปที่อื่นกันเถอะ”อย่ามองว่าผู้หญิงคนนี้แสดงออกอย่างเชี่ยวชาญ แต่ความจริงแล้วเธอยังไร้เดียงสามากด้วยทัศนคติที่เย่อหยิ่งของหงอีแบบนั้น คนที่เธอจะยอมให้กอดครั้งแรกนั้น ย่อมต้องสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นการแสดงท่าทางยั่วยวนของเธอ ก็เป็นเพียงแค่การอำพรางตัวเพื่อการล่าเหยื่อเย่ซิวส่ายหัว “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้สนใจเรือนร่างของเธอ”เถียนเถียนดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย ผู้ชายแบบเย่ซิว ใครบ้างล่ะจะไม่อยากมีอะไรกับเข
ความรู้สึกนี้ช่างน่าพึงพอใจเสียจนทำให้เถียนเถียนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยอ่างสมุนไพรที่แต่เดิมสีสันสดใสค่อย ๆ กลายเป็นใสกระจ่างอย่างรวดเร็วร่างกายของเถียนเถียนเองก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งจากนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนหน้าผากของเธอ พลังจิตหลั่งไหลเข้าสู่ภายในในไม่ช้าเขาก็พบจุดที่หงอีใช้ควบคุมเธอ มันเป็นตราสีแดงซึ่งประทับอยู่บริเวณหัวใจตราหนึ่งเย่ซิวไม่ได้ทำลายตรานั้น แต่ใช้พลังจิตสร้างเกราะไร้รูปปกคลุมตราไว้ด้วยวิธีนี้ หงอีจะไม่สามารถใช้ความคิดควบคุมความเป็นความตายของเถียนเถียนได้เพียงแต่แค่นี้ยังไม่พอเย่ซิวใช้พลังจิตกวาดสำรวจร่างกายของเถียนเถียนทั้งภายในและภายนอกทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง ร่างกายเกิดขนลุกขึ้นมาทันที รู้สึกว่าความลับทั้งหมดของเธอถูกเปิดเผยต่อหน้าชายคนนี้แล้วไม่นานเย่ซิวก็ตรวจพบว่าร่างกายของเถียนเถียนมีคุณสมบัติที่เอนเอียงไปทางธาตุน้ำเขาจึงดึงพลังวิญญาณธาตุน้ำของตัวเองออกมาแล้วส่งเข้าไปในร่างของเธอการเสริมความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ ทำให้เธอสามารถรองรับพลังวิญญาณของเย่ซิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากหนึ่งชั่วโมงต่
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ