พูดจบ วิชาโลกีย์หลอมเซียนก็ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเย่ซิวตรึงคนอีกสองคนไว้ ทำให้พวกเธอไม่สามารถขยับตัวได้ ได้แต่มองหงอีถูกเย่ซิวลงโทษแม้กระทั่งตอนนี้ สีหน้าของหงอีก็ยังคงเย็นชาราวกับว่าบนใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ นอกจากสีหน้าแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีสีหน้าอื่นอีกพลังอันมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระดับพลังของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี่คือประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการบำเพ็ญตนร่วมกับคนที่มีระดับพลังสูงกว่าตัวเองหลังจากการบำเพ็ญตนครั้งนี้ เย่ซิวก็เพิ่มอายุพลังไปถึงสองร้อยปีโดยตรงเพียงแต่รากฐานของเขาช่างแข็งแกร่งเกินไปหากต้องการก้าวข้ามจากระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางไปยังระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสูง อย่างน้อยต้องมีระดับพลังถึงหนึ่งหมื่นปีถึงจะเพียงพอหงอีเป็นหญิงสาวที่เปรียบดั่งขุมทรัพย์จริง ๆแต่หญิงสาวคนนี้มีนิสัยเย็นชาเกินไปแม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยังเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็งเย่ซิวไม่ได้สนใจเธออีกเขาผนึกการเคลื่อนไหวของเธอ จากนั้นก็เดินไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าหยางชิงเสวี่ยยกมือขึ้นบีบคางของเธอเบา ๆ “ดูเหมือนเธอจะเคยพูดไว้ว่าจะไม่ร่วมบำเพ็ญตนกับฉันอีก แต่ว่าวันนี้คำสาบานนั้นค
พลังของเขาได้พัฒนาไประดับหนึ่งแล้วต่อไป หากเย่ซิวต้องการก้าวข้ามจากขั้นสูงไปสู่ขั้นสมบูรณ์ เขาจะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลยิ่งขึ้นต่อให้ฝึกฝนกับผู้หญิงทั้งสามคนนี้ต่อไปอีกสิบปีก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุถึงระดับนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาความเหนื่อยล้าไม่ได้หมายถึงร่างกายมันคือการที่ฝึกฝนกันบ่อยเกินไปจนทำให้อัตราการได้รับพลังลดลงก็เหมือนกับการเล่นเกมหากฆ่าสัตว์ประหลาดชนิดเดิมมากเกินไป ค่าประสบการณ์ที่ได้รับก็จะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเวลานี้ สิ่งที่ควรทำก็คือไปล่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นก่อนพอเวลาผ่านไปแล้วกลับมาใหม่ ค่าประสบการณ์ก็จะกลับมาเหมือนเดิมเย่ซิวลูบคางมองผู้หญิงสามคนตรงหน้าพลางคิดว่าจะจัดการกับพวกเธอยังไงดีถ้าฆ่าทิ้งไปก็ดูจะเสียของไปหน่อยแต่หากปล่อยไว้ก็อาจกลายเป็นภัยคุกคามในภายหลังหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยกับพวกเธอว่า “ฉันจะปล่อยพวกเธอไป แต่พวกเธออย่ามายุ่งกับฉันอีก และห้ามทำร้ายคนของฉันเด็ดขาด”สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือสายตาเย็นชาทั้งสามคู่เย่ซิวไม่ใส่ใจและยังคงพูดต่อไป “ถ้าพวกเธอไม่เชื่อฟัง ฉันจะปล่อยคลิปนี้ออกไปพวกเ
มหาอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่ ตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มจะร่วงลงจากบัลลังก์ประเทศจ้านอิงตี้ในอดีตตอนนี้กลายเป็นอาณาจักรโลหิตไปแล้วแต่ถึงอย่างนั้น อาณาจักรโลหิตก็ยังไม่สมบูรณ์เถียนเถียนยึดครองไปหกเมืองทำให้เกิดกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้นมาเปรียบเสมือนใบมีดแหลมคมที่ปักลงกลางใจของอาณาจักรโลหิตแม้ว่าหงอีจะมีความสามารถในการกำจัดภัยคุกคามนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะมีเย่ซิวอยู่ที่นี่ด้วยเหตุนี้ ทำให้ประเทศหลงเถิงกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตอนนี้ส่วนสำนักโอสถเองก็ถือว่าเป็นมหาอำนาจด้วยเช่นกันเพราะเย่ซิวก็อยู่ที่นี่แต่สุดท้ายแล้วเย่ซิวก็ต้องจากไปดังนั้นหากคิดตามความเป็นจริง สำนักโอสถก็เป็นได้เพียงกึ่งมหาอำนาจเท่านั้นแต่ถ้าหากเย่ซิวสามารถฝึกฝนเหล่าสาว ๆ ข้างกายให้บรรลุถึงระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้ล่ะก็ถึงตอนนั้น สำนักโอสถก็จะสามารถก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจได้อย่างแท้จริงหลังจากเย่ซิวกลับมาถึงสำนักโอสถได้ไม่นาน หวังซวงก็มาหาเขาเพื่อรายงานภารกิจยึดครองสองประเทศเล็กที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นเมื่อประชาชนเห็น
“จุ๊บ!”หวังซวงฝากรอยจูบไว้บนแก้มของเย่ซิว ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วพอถึงข้างนอก เธอก็เอามือกุมหน้าอกแน่นรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระเด็นออกมาทางลำคอใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนแทบมีไอออกมา“แย่แล้ว เมื่อกี้เราหุนหันพลันแล่นเกินไป ไม่รู้ว่าอาจารย์จะโกรธไหม ถ้าเขาไล่เราออกจากสำนักจะทำยังไงดี…เฮ้อ แต่ถ้าถูกไล่ออกจริง ๆ ก็อาจจะดีเหมือนกัน…”เย่ซิวแตะแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยในช่วงเวลาต่อจากนั้น เย่ซิวก็ใช้เวลาไปกับการบำเพ็ญร่วมกับเหล่าคนสนิทของเขาพร้อมกับออกคำสั่งใหม่ให้ปลูกเครื่องยาสมุนไพรภายในอาณาเขตของพวกเขาให้มากที่สุดนี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกฝนเก้าวัจนะลึกลับขั้นสองเมื่อบำเพ็ญขั้นที่สองเสร็จ เย่ซิวก็ยังต้องเดินทางไปยังประเทศวูอีกน่าอีเคยบอกกับเขาว่าขั้นแรก ๆ ของเก้าวัจนะลึกลับถูกพบอยู่แค่บริเวณรอบนอกของแผ่นดินบรรพชนเท่านั้นส่วนที่ลึกกว่านั้น เธอไม่สามารถเข้าไปได้ครั้งที่แล้ว เย่ซิวเองก็ไม่ได้เข้าไปสำรวจ เพราะแผ่นดินบรรพชนมีความพิเศษอย่างหนึ่งคือทางเข้าของมันจะปรากฏขึ้นทุก ๆ สามปีเท่านั้นและครั้งต่อไปที่จะเปิดก็อีกหกเ
เฉินซิ่วน่ายื่นแขนขาวเนียนออกมาจากผ้าห่มก่อนจะยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงพอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งการบำเพ็ญตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการบำเพ็ญปกติเป็นสิบ ๆ ปีนอกจากพลังที่พุ่งทะยานแล้ว เธอยังได้รับความรักจากเย่ซิวอีกด้วยตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยน้ำผึ้ง ทั้งร่างกายและจิตใจเต็มไปด้วยความหวานชื่นเธอพลิกตัวตะแคงมองไปยังเย่ซิวเส้นผมสองสามเส้นตกลงมาปรกบนใบหน้าของเขา “ตื่นหรือยัง?”เย่ซิวลืมตาขึ้นมองใบหน้าของเธอใบหน้าที่มีเสน่ห์ดึงดูดแต่แฝงไปด้วยความบริสุทธิ์เขายังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเฉินซิ่วน่า ผิวของเธอยังออกคล้ำเล็กน้อยแต่หลังจากที่ถูกเย่ซิวปรับเปลี่ยนร่างกาย เธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตอนนี้ผิวของเธอกลายเป็นขาวเนียนนุ่มเด้งและน่าสัมผัสจนวางมือไม่ลง“ทำไมล่ะ ยังอยากฝึกต่ออีกเหรอ?”“แน่นอน ฉันอยากให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกหน่อย”“ตอนนี้เช้าแล้วนะ ถ้าลูกน้องคุณรู้ว่าคุณไม่อยู่ในห้องคงจะร้อนใจกันแย่”เฉินซิ่วน่าดึงผ้าห่มออกทันที “งั้นก็ปล่อยให้พ
“พี่เย่ นอนหรือยังคะ?”เสียงของหยางถิงถิงดังมาจากนอกประตูในห้อง เซี่ยชิงชิงกับหลิวอวิ้นพลันแสดงสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อยพวกเธอเป็นคนที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้อีกอย่าง คืนนี้พวกเธอก็ถูกเย่ซิวแอบพามาด้วยแต่ไม่คิดเลยว่าหยางถิงถิงจะโผล่มาในเวลานี้ เย่ซิวชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเธอเข้าไปซ่อน จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูหยางถิงถิงยืนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มสดใสวันนี้เธอสวมเดรสลายดอกไม้ เอวบางถูกคาดด้วยริบบิ้นสีสันสดใสรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ใส่อยู่ทำให้เธอดูมีเสน่ห์แบบสาววัยรุ่นทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยบรรยากาศสดใสบริสุทธิ์ในมือเธอถือกล่องอาหารสุญญากาศไว้ เมื่อเห็นเย่ซิว เธอก็ยิ้มหวานแล้วเอ่ยขึ้นว่า “สวัสดีตอนค่ำค่ะพี่เย่ ฉันทำต๊อกบกกีมานิดหน่อย อยากให้พี่ลองชิมดู”“เธอทำต๊อกบกกีเป็นด้วยเหรอ” เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหยางถิงถิงยิ้มอย่างเขิน ๆ “ก็ลองทำดูค่ะ ถ้าไม่อร่อยก็อย่าหัวเราะฉันนะ”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ เข้ามาสิ”เย่ซิวให้เธอเข้ามาในห้องเธอเปิดกล่องอาหารและหยิบจานต๊อกบกกีออกมาดูจากภายนอกแล้ว หน้าตาดูดีใช้ได้เลยหยางถิงถิงหยิบตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งออกมา
“แน่นอนว่าเต็มใจสิ”ทั้งสามคนสบตากันแล้วยิ้มออกมาสี่สิบนาทีต่อมา หยางถิงถิงก็อาบน้ำเสร็จผมของเธอยังคงเปียกชื้น ใบหน้าแดงระเรื่อจากการอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆเธอห่อร่างกายด้วยผ้าขนหนู ก้มหน้าลงและไม่กล้าสบตาเย่ซิวเมื่อเดินมานั่งข้าง ๆ เย่ซิว สองมือเล็ก ๆ ก็กำแน่นดูท่าทางประหม่าไม่น้อยเย่ซิวแกล้งแหย่เธอ “ทำไมยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่อีก? อาบน้ำเสร็จแล้วทำไมไม่กลับไปล่ะ”หยางถิงถิงหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “ฉันหิวน้ำนิดหน่อย”“แก้วนี้ฉันเพิ่งดื่มไปเมื่อกี้”หยางถิงถิงจึงยกขึ้นมาดื่มอีกครั้งเย่ซิว “...”หลังจากนั้นไม่นาน หยางถิงถิงก็เริ่มสงบลงเธอหันหน้ามองเขา ดวงตากลมโตจ้องเย่ซิวเป็น “ฉันถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์แล้ว”ช่วงนี้เธอพยายามบำเพ็ญอย่างหนัก ทำให้ศักยภาพภายในถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่ จึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ได้ในเวลาอันสั้นเพราะเหตุนี้ คืนนี้เธอจึงมาหาเย่ซิวถึงที่“ไม่เลวเลย” เย่ซิวยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ฝึกต่อไปนะ พยายามเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดให้เร็วที่สุด”หยางถิงถิงทำแก้มพองลมด้วยความหงุดหงิดไม่น้อยเธอดูออกแล้วว่าเย่ซิวรู้จุ
แหวนผนึกของของเขากำลังเรืองแสงเย่ซิวคิดก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมามันเป็นรังไหมสีขาวเสี่ยวไป๋นั่นเองนานมาแล้วที่เย่ซิวพาเสี่ยวไป๋ติดตัวมาด้วยเพราะการกลายร่างของมันต้องใช้เวลานานมากเย่ซิวกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจึงพกติดตัวไว้ตลอดเพื่อความปลอดภัยถ้ามีปัญหาอะไร เขาจะได้ช่วยจัดการได้ทันทีตอนนี้บนรังไหมเริ่มปรากฏรอยแตกร้าวเป็นเส้น ๆจนสุดท้าย หัวเล็ก ๆ ที่ดูมีเค้าโครงของสัตว์ในตำนานก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากรอยแตกภายใต้สายตาของเย่ซิวเจ้าตัวเล็กมีขนาดประมาณนิ้วโป้ง ทั้งตัวมีสีขาวสะอาด หน้าผากมีตุ่มกลมสองตุ่ม ดวงตาใสกระจ่างมันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะมุดออกมาจากรังไหมแล้วกลืนเปลือกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ลงท้องไปในคำเดียวงร่างกายของมันยาวขึ้นอีกหนึ่งเซนติเมตรตอนนี้มันยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตรกว่า ๆ“แอ้ ๆ ๆ!”เจ้าตัวน้อยร้องอ้อแอ้มันบินขึ้นไปเกาะไหล่เย่ซิวก่อนจะใช้หัวเล็ก ๆ ถูไถที่คอของเขาอย่างสนิทสนมเย่ซิวอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดรูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปมากทีเดียวลักษณะเช่นนี้ ดูก็รู้ว่ามันกำลังจะกลายร่างเป็นมังกรจากสีของร่างกาย ดูเหมือนจะเป็น
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ