แสนลักษณ์รู้ว่าคเชนทร์เก่งและมีสติมากพอ การนำตัวจันทรภากลับมาโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยก็ไม่ยาก
เพียงแต่มันต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงของจันทรภาเอง เพราะเธออยู่กับอดีตคนรัก ผู้ชายคนนั้นอ่อนหัดก็จริง แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะเชื้อไฟแห่งความแค้น “เขต ตามข่าวนายตุลาทีนะ อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”“ครับพ่อ” เขตแดนตอบเสียงเรียบ จากนั้นแสนลักษณ์จึงได้ถอนหายใจก่อนจะลุกเดินไปยังผนังกระจก มองออกไปยังหน้าโรงแรมอย่างไร้จุดหมาย เขตแดนจึงได้เดินตาม“พี่เชนทร์เอาอยู่นะครับผมว่า” “ข้อนี้ฉันรู้ และเชื่อใจ แค่ไม่อยากให้ใครเป็นอะไรเท่านั้นเอง นี่มันเกิดจากโทสะล้วนๆ” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ เหมือนจะไม่ซีเรียสหรอกแต่ดูเป็นทางการมากกว่า “ใช่โทสะล้วนๆ แต่คนบ้านนี้คงมองว่าคนอื่นผิดเสมอ ไม่มองว่าตัวเองผิด คนอื่นชั่วหมดขอแค่ตัวเองเสียผลประโยชน์” “ก็ใช่ ไม่งั้นคงไม่แค้นเจ้าขาหรอก มันยังไม่สำนึกเลยว่าทำอะไรลงไป ตามที่เจ้าเชนทร์บอกคนพวกนี้คืออยากได้เงิน หิวเงิน ถึงได้หลอกล่อเจ้าสัวจนได“ใจเย็นน้องวี เจ้าขายังปลอดภัยแต่ไม่รู้ปลอดภัยแบบไหนเหมือนกัน เป็นห่วงกันอยู่เนี่ย นายนั่นโทรมาหาเชนทร์เรียกค่าหัวเจ้าขา”“แสดงว่าลักพาตัวไปเรียกค่าโถ่”“แน่นอน แต่ค่าความโกรธแค้นมากกว่านะอาว่า”“ตอนนี้คุณเชนทร์ล่ะคะ วางแผนยังไง”“มันจะติดต่อมาพรุ่งนี้ วันนี้อาเลยให้เจ้าเชนทร์ไปติดต่อกับเครือข่ายของเรา เพื่อช่วยดูตามสถานที่ร้างๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”“โอ้ย! วี เป็นห่วงจังเลย”“อาก็ห่วง จะไม่บอกวีก็ไม่ได้เจ้าขาเป็นคนในครอบครัวเรา”“แล้วค่าหัวเท่าไหร่คะ มันถึงจะปล่อยน่ะ”“ก็ร้อยล้านมันมุ่งมาที่เจ้าเชนทร์ คงจะโกรธแค้นมากที่เจ้าเชนทร์มาแย่งเจ้าขาไป จริงๆ มันก็โกรธทุกเรื่อง โทษทุกเรื่องนั่นแหละ”“ตัวเองต่างหากที่ชั่วมั่วไปหมด”“ใครเลยจะเห็นความผิดของตัวเอง ความผิดของคนอื่นใหญ่ภูเขาทั้งนั้นแหละ จริงไหม” “แล้วอาแสนอยากได้คำปรึกษาอะไรจากวีคะ
ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้ร้ายและฝั่งคเชนทร์ ต่างต้องวางแผน ตุลยเทพให้คนสืบเพิ่มเติม ว่าผู้ชายที่ชื่อคเชนทร์คนนั้นเป็นใคร โดยส่งคนเข้าไปสืบรีสอร์ตและต้องเนียนยิ่งกว่าเดิม เพราะแค่สืบประวัติเท่านั้น แล้วให้รีบออกมาไม่งั้นจะถูกจับได้ เรียกได้ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง“ได้ข้อมูลมาแล้วครับนาย แม้จะไม่ลึกอะไรมากแต่ก็รู้” ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับกระซิบ ระหว่างที่ตุลยเทพอยู่ที่อีกหนึ่งไม่ได้อยู่จุดเดียวกับจันทรภา“ว่าไง” ตุลยเทพเอ่ยขึ้น“มันชื่อคเชนทร์ครับ เจ้านายมันเป็นเจ้าของรีสอร์ตนั่นแหละ”“หึๆ ใฝ่ต่ำจริงๆ เลยนะแฟนเก่าฉันเนี่ย จะพากันกัดก้อนเกลือล่ะสิท่าแล้วไงอีก”“มันเป็นหัวหน้าที่ดูแลงานแทนเจ้านาย และมันทำงานที่โรงแรมด้วยครับ”“แล้วไงอีก ฉันต้องกลัวมันไหม”“เป็นขี้ข้าดีๆ นี่เองพี่ตุลย์จะกลัวมันทำไม” น้ำอิงแทรกขึ้น“เป็นขี้ข้าแต่เป็นนักเลงครับ”“แล้วคนในนั้นบอกอะไรแกอีกไหม”&nb
“แน่ใจนะครับว่าเป็นจุดอ่อน คนนี้ผมคุ้นๆ หน้าเป็นคนมีชื่อเสียงด้วยนะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า”“ทำไม คนเดียวกันยังไง”“ไอ้พวกผมน่ะ มันทำงานรอบนอก รับจ้างรับจ๊อบ ไม่ค่อยได้เห็นคนมีชื่อเสียงบ่อยนัก แค่คุ้นๆ ว่าคนนี้หรือเปล่า เป็นคนมีชื่อเสียง หน้าคุ้นน่ะครับ”“เราเห็นเขาอยู่โรงแรม เป็นผู้บริหารที่โรงแรมนั้นหรือเปล่าคะ”“คิดว่าใช่ สนุกล่ะทีนี้ ไอ้เชนทร์ หึๆ ดูซิว่ามันจะมีปัญญาช่วยเมียนางฟ้ามันได้ไหมนะ ค่าหัวเจ้าขาไม่ยอมให้ แต่ถ้าบวกกับคนนี้ไม่แน่ ฉันอยากได้หัวใจดวงนี้ของมัน พวกแกทำได้ไหม”“เอ่อ ไม่มั่นใจครับ”“ทำไมวะ ทำไมไม่มั่นใจ นี่ฉันจะจ้างพวกแกไว้ทำไมเนี่ย”“ที่บอกว่าไม่มั่นใจเพราะกลัวจะเข้าถึงตัวยาก ถ้าเขาเป็นคนมีชื่อเสียง”“ก็แค่อาจจะเป็นนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง” น้ำอิงแทรกขึ้น“ใช่ กลัวอะไร”“ผมไม่ได้กลัว”“งั้นจัดการ ฉันอยากเห็นหน้า ทำ
โรงแรมเหมราชมนตรา เวลาสี่โมงเย็น ตอนนี้กำลังจัดแต่งงานของแขกระดับเศรษฐีคนหนึ่ง ตามเวลาที่งานจะเริ่มคืนหนึ่งทุ่มตรง ฉะนั้นเวลานี้คือการตรวจตราความเรียบร้อย ของผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ต่อให้ไม่ใช่เวลาทำงานแต่ก็ต้องทำงานอีเว้นท์ให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด คเชนทร์ รองประธานกรรมการหนุ่มหล่อไฟแรง จอดรถที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม และยังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดประตูรถ พนักงานเปิดประตูก็วิ่งมาเปิดให้กับเขาอย่างรู้หน้าที่ “สวัสดีครับท่าน” พนักงานกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ ขณะที่คเชนทร์ก็ก้าวลงรถไปด้วย“สวัสดีครับ” คเชนทร์ทักทายกลับเสียงเรียบ พลางถอนหายใจเบาๆ เหมือนมีความเครียดและหงุดหงิดเล็กๆ “วันนี้มีงานเย็นเหรอครับ” “อืม นี่ไง งานแต่ง ถูกตามด้วยให้มาเช็กความเรียบร้อย” “เหนื่อยหน่อยนะครับ” “อืม ฝากเอารถไปไว้ที่ลานจอดทีนะ” คเชนทร์บอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้“ได้ครับ” พนักงานหนุ่มรับคำก่อน จากนั้นคเชนทร์จึงได้เดินเข้าโรงแรมโดยมีพนักงานอีกคนรอเปิดประตูให้ ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นก็มีเจ้าหน้าหน้าที่สาววัยสามสิบปี วิ่งกระหืดกระหอบมาทางเขาเลย“มาพอดีเลยค่ะนาย!” “มีอะไร แล้วนี่ทำท่าตื่นตกใจทำไมเนี่
เมื่อมาเป็นเจ้านาย เขาก็ยังเป็นคนเดิม เป็นตัวแทนพ่อเลี้ยง และน่าเข้าใกล้สำหรับลูกน้อง ผิดก็แต่บุคลิกที่ภูมิฐานขึ้นตามตำแหน่งนั่นแหละ ฉะนั้นเวลามีงานสำคัญ เขามักถูกขอให้มาอยู่เป็นกำลังใจให้น้องลูกเสมอ แม้แต่เหล่าพันธมิตรอย่างทีมงานออแกไนซ์ประจำจังหวัดอีเว้นท์คืนนี้เป็นงานแต่งงานของเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่ง เป็นคนเชียงใหม่ แต่ได้เจ้าสาวเป็นคนกรุงเทพฯ นั่นก็เพราะว่าทำธุรกิจที่กรุงเทพสลับกับเชียงใหม่ แต่งแบบสากล แต่อยากได้สถานที่แบบล้านนานเสียหน่อย จึงเลือกที่จะมาแต่งที่โรงแรมเหมราชมนตรา คเชนทร์ไม่ได้รู้จักหรอก เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร เขาทำตัวเหมือนพ่อเลี้ยงของเขานั่นแหละ ติดจะหนักกว่าด้วยซ้ำ คือไม่ชอบยุ่งกับนักธุรกิจคนไหนช่วงเวลานี้เจ้าบ่าว เจ้าสาวกำลังแต่งตัว ถูกจัดเอาไว้คนละห้อง แต่งใครแต่งมัน จะนานหน่อยก็เจ้าสาวนี่แหละ เพราะต้องละเอียดละออมากกว่าเจ้าบ่าว แต่ถึงกระนั้นก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง เพื่อความพิถีพิถันในความงดงาม จวบจนกระทั่งใกล้จะถึงเวลาหนึ่งทุ่มที่งานจะเริ่ม ญาติๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างลงไปรอต้อนรับแขกในงานเสียก่อน ส่วนเจ้าสาวนั้นยังแต่งตัวไม่เสร็จดีนัก เพราะเพิ่งจะแต่งหน้าทำผม และ
เธอว่าและแสร้งดันเขาออกเบาๆ ขณะที่มือแกร่งลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง ลามลงไปจนถึงบั้นท้ายแล้วบีบเคล้นหนักๆ “ถ้าหิวน้ำอิงขนาดนี้ พี่ตุลย์จะแต่งงานกับยัยเจ้าขาทำไม” สิ้นคำพูดของเธอเท่านั้นแหละ เขาก็ผงกศีรษะขึ้น “อย่ามาพูดกับพี่แบบนี้ เธอเป็นความสุขของพี่ใช่ไหม เราเป็นความสุขของกันและกัน”“แล้วพี่ก็เอายัยเจ้าขาขึ้นหิ้งเหรอคะ” “อืม แบบนี้มันก็แซ่บจะตาย” สิ้นคำเขาก็ก้มลงบดขยี้จูบที่ปากอิ่มอีกครั้ง คราวนี้ดูดดื่มร้อนแรง ก่อนจะผละเรียวปากออกพรมจูบพวงแก้ม ซอกคอ ดูดแล้วแรงๆ มือหนาก็แหวกชุดเดรสที่สวมใส่ออกไปจากหัวไหล่ จนกระทั่งเนินอกโผล่เผย เขาจับเสื้อชั้นในรั้งลงพร้อมกับก้มหน้าซุกไซ้เนินอก และอ้าปากดูดเลียเม็ดถัน“ซี๊ด! อ่า! พี่ตุลย์ เราอ้อยอิ่งไม่ได้” เธอบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่า“พี่จะทำให้เร็วที่สุด รับรอง เสร็จทันสามสิบนาทีแน่นอน” เขาตอบก่อนจะลากลิ้นเลียต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ แต่ไม่ได้รั้งชุดเดรสของเธอลง ทว่าเขากลับคุกเข่ากับพื้นแล้วถลกชายกระโปรงเธอขึ้นไปไว้ที่เอว “ซี๊ด! อ่า พี่ตุลย์ เร็วนะคะน้ำอิงกลัวใครจะมาเห็นเข้า” “อื้อ เจอพี่ลงลิ้นรับรองน้ำอิงน้ำแตกภายในสองนาทีแน่นอน” สิ้นคำอันหิวกระหา
“พี่ตุลย์ พี่ตุลย์มาต่อก่อนนะ” น้ำอิงอ้อนวอน ขณะที่ยังไม่ได้ดึงกระโปรงลงจากสะโพก“ต่อไม่ได้ ต้องไปจัดการกับเจ้าขาก่อน ไม่งั้นเราแย่แน่” สิ้นคำเขาก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วออกไปจากห้องอย่างทุลักทุเล เดินไปพลางก็ใส่ซิบกางเกงไปพลาง พอออกจากห้องแรกได้ และออกมาสู่ห้องรับแขก ก็ไม่เห็นใครแล้ว “เจ้าขา จบเห่กัน” เขาสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะออกจากห้องแล้ววิ่ง ตามหาจันทรภาทันที แน่นอนว่าจันทราภาขึ้นลิฟต์ลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เธอพยายามตั้งสติแม้จะใจเต้นแรง และจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเข้าพิธีแต่งต่อ หรือจะหนีไปจากเหตุการณ์อันแสนทุเรศเช่นนี้ เมื่อคิดทบทวนแล้วว่าไม่ควรตกนรก เธอก็กดเปิดลิฟต์ เพราะมันกำลังถึงชั้นสอง เธอต้องไม่ลงไปถึงชั้น 1 เพราะไม่เช่นนั้นต้องมีคนเห็นอย่างแน่นอน เมื่อออกจากลิฟต์ชั้น 2 ได้เธอก็วิ่งไปทางบันไดหนีไฟทันที พร้อมทั้งหอบหิ้วชายกระโปรงและดึงผ้าคลุมศีรษะออก ในมือยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นและเมื่อมาถึงชั้นล่าง ทางหนีไฟไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เธอค่อยๆ ย่อง มองซ้ายขวา ไม่รู้จะไปทางไหน ทว่าเหมาะเจาะให้หลบซ่อน เพราะอ้อมออกมาเป็นลานจอดรถพอดี“คุณพระคุณเจ้า ช่วยให้
“ลงมา” คเชนทร์บอกเสียงเรียบ พลางมองไปรอบๆ ตัวว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า“ผมบอกให้ลงมา!” เขาตะคอกเมื่อเห็นเธอเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมลงจากรถ กระทั่งเขาเอื้อมมือไปกระชากเธอลงมาเสียเอง“มาจากงานแต่งงานที่ไหนเนี่ย” เขาถามเพราะคิดว่าน่าจะมาจากงานเดียวกับเขาหรือเปล่า ทว่าเธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา “นี่คุณ จะเอาแต่ร้องไห้ไม่ได้นะ คุยกันให้รู้เรื่อง” พอเขาเอ่ยเช่นนี้เธอก็หันซ้ายหันขวา เหมือนไม่กล้าพูด เขาจึงดึงเข้าบ้านเสียเลย แต่พอเปิดไฟในบ้านเห็นหน้ากันชัดๆ สวยชะมัดเลย นี่นางฟ้าตกสวรรค์หรือวะเนี่ย คเชนทร์คิด“นั่งซิ แล้วบอกมาให้หมด ขึ้นรถผมมาได้ยังไงเนี่ย” “คุณเป็นใคร” หญิงสาวถามกลับพร้อมกับสะอื้น “อ้าว! แล้วคุณล่ะเป็นใคร ขึ้นมาบนรถผมทำไมเนี่ย ผมก็กลับบ้านสิ”“ขอโทษค่ะ ฉัน... ฉันเสียสติมาก หมดหนทาง ฉันไม่รู้จะหนีไปทางไหน ฉันกลัวคนเห็น” เธออธิบายไปพลางก็ร้องไห้ไปพลาง“ตั้งสติแล้วค่อยๆ พูด ผมฟังไม่รู้เรื่อง เอาแต่ร้องไห้” “ฮือๆๆๆ” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งร้องไห้ เขาอยากจะบ้า นี่เขาหาเหาใส่หัวหรือเนี่ย “โอ๊ย! ไม่เอาน่าคุณ ตั้งสติก่อนสิ” เขาทำท่าหงุดหงิดและแทบจะเอามือกุมขมับเลยทีเดียว “ขอโท
“แน่ใจนะครับว่าเป็นจุดอ่อน คนนี้ผมคุ้นๆ หน้าเป็นคนมีชื่อเสียงด้วยนะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า”“ทำไม คนเดียวกันยังไง”“ไอ้พวกผมน่ะ มันทำงานรอบนอก รับจ้างรับจ๊อบ ไม่ค่อยได้เห็นคนมีชื่อเสียงบ่อยนัก แค่คุ้นๆ ว่าคนนี้หรือเปล่า เป็นคนมีชื่อเสียง หน้าคุ้นน่ะครับ”“เราเห็นเขาอยู่โรงแรม เป็นผู้บริหารที่โรงแรมนั้นหรือเปล่าคะ”“คิดว่าใช่ สนุกล่ะทีนี้ ไอ้เชนทร์ หึๆ ดูซิว่ามันจะมีปัญญาช่วยเมียนางฟ้ามันได้ไหมนะ ค่าหัวเจ้าขาไม่ยอมให้ แต่ถ้าบวกกับคนนี้ไม่แน่ ฉันอยากได้หัวใจดวงนี้ของมัน พวกแกทำได้ไหม”“เอ่อ ไม่มั่นใจครับ”“ทำไมวะ ทำไมไม่มั่นใจ นี่ฉันจะจ้างพวกแกไว้ทำไมเนี่ย”“ที่บอกว่าไม่มั่นใจเพราะกลัวจะเข้าถึงตัวยาก ถ้าเขาเป็นคนมีชื่อเสียง”“ก็แค่อาจจะเป็นนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง” น้ำอิงแทรกขึ้น“ใช่ กลัวอะไร”“ผมไม่ได้กลัว”“งั้นจัดการ ฉันอยากเห็นหน้า ทำ
ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้ร้ายและฝั่งคเชนทร์ ต่างต้องวางแผน ตุลยเทพให้คนสืบเพิ่มเติม ว่าผู้ชายที่ชื่อคเชนทร์คนนั้นเป็นใคร โดยส่งคนเข้าไปสืบรีสอร์ตและต้องเนียนยิ่งกว่าเดิม เพราะแค่สืบประวัติเท่านั้น แล้วให้รีบออกมาไม่งั้นจะถูกจับได้ เรียกได้ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง“ได้ข้อมูลมาแล้วครับนาย แม้จะไม่ลึกอะไรมากแต่ก็รู้” ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับกระซิบ ระหว่างที่ตุลยเทพอยู่ที่อีกหนึ่งไม่ได้อยู่จุดเดียวกับจันทรภา“ว่าไง” ตุลยเทพเอ่ยขึ้น“มันชื่อคเชนทร์ครับ เจ้านายมันเป็นเจ้าของรีสอร์ตนั่นแหละ”“หึๆ ใฝ่ต่ำจริงๆ เลยนะแฟนเก่าฉันเนี่ย จะพากันกัดก้อนเกลือล่ะสิท่าแล้วไงอีก”“มันเป็นหัวหน้าที่ดูแลงานแทนเจ้านาย และมันทำงานที่โรงแรมด้วยครับ”“แล้วไงอีก ฉันต้องกลัวมันไหม”“เป็นขี้ข้าดีๆ นี่เองพี่ตุลย์จะกลัวมันทำไม” น้ำอิงแทรกขึ้น“เป็นขี้ข้าแต่เป็นนักเลงครับ”“แล้วคนในนั้นบอกอะไรแกอีกไหม”&nb
“ใจเย็นน้องวี เจ้าขายังปลอดภัยแต่ไม่รู้ปลอดภัยแบบไหนเหมือนกัน เป็นห่วงกันอยู่เนี่ย นายนั่นโทรมาหาเชนทร์เรียกค่าหัวเจ้าขา”“แสดงว่าลักพาตัวไปเรียกค่าโถ่”“แน่นอน แต่ค่าความโกรธแค้นมากกว่านะอาว่า”“ตอนนี้คุณเชนทร์ล่ะคะ วางแผนยังไง”“มันจะติดต่อมาพรุ่งนี้ วันนี้อาเลยให้เจ้าเชนทร์ไปติดต่อกับเครือข่ายของเรา เพื่อช่วยดูตามสถานที่ร้างๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”“โอ้ย! วี เป็นห่วงจังเลย”“อาก็ห่วง จะไม่บอกวีก็ไม่ได้เจ้าขาเป็นคนในครอบครัวเรา”“แล้วค่าหัวเท่าไหร่คะ มันถึงจะปล่อยน่ะ”“ก็ร้อยล้านมันมุ่งมาที่เจ้าเชนทร์ คงจะโกรธแค้นมากที่เจ้าเชนทร์มาแย่งเจ้าขาไป จริงๆ มันก็โกรธทุกเรื่อง โทษทุกเรื่องนั่นแหละ”“ตัวเองต่างหากที่ชั่วมั่วไปหมด”“ใครเลยจะเห็นความผิดของตัวเอง ความผิดของคนอื่นใหญ่ภูเขาทั้งนั้นแหละ จริงไหม” “แล้วอาแสนอยากได้คำปรึกษาอะไรจากวีคะ
แสนลักษณ์รู้ว่าคเชนทร์เก่งและมีสติมากพอ การนำตัวจันทรภากลับมาโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยก็ไม่ยากเพียงแต่มันต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงของจันทรภาเอง เพราะเธออยู่กับอดีตคนรัก ผู้ชายคนนั้นอ่อนหัดก็จริง แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะเชื้อไฟแห่งความแค้น“เขต ตามข่าวนายตุลาทีนะ อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”“ครับพ่อ” เขตแดนตอบเสียงเรียบ จากนั้นแสนลักษณ์จึงได้ถอนหายใจก่อนจะลุกเดินไปยังผนังกระจก มองออกไปยังหน้าโรงแรมอย่างไร้จุดหมาย เขตแดนจึงได้เดินตาม“พี่เชนทร์เอาอยู่นะครับผมว่า”“ข้อนี้ฉันรู้ และเชื่อใจ แค่ไม่อยากให้ใครเป็นอะไรเท่านั้นเอง นี่มันเกิดจากโทสะล้วนๆ” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ เหมือนจะไม่ซีเรียสหรอกแต่ดูเป็นทางการมากกว่า“ใช่โทสะล้วนๆ แต่คนบ้านนี้คงมองว่าคนอื่นผิดเสมอ ไม่มองว่าตัวเองผิด คนอื่นชั่วหมดขอแค่ตัวเองเสียผลประโยชน์”“ก็ใช่ ไม่งั้นคงไม่แค้นเจ้าขาหรอก มันยังไม่สำนึกเลยว่าทำอะไรลงไป ตามที่เจ้าเชนทร์บอกคนพวกนี้คืออยากได้เงิน หิวเงิน ถึงได้หลอกล่อเจ้าสัวจนได
“นอนอยู่ที่โกดังแห่งนี้สักคืนนะที่รัก ดูซิว่าไอ้ขี้ข้าแฟนเรา จะมีปัญญาไหม มันบอกว่ามันไม่มีเงินด้วยนี่นะ” ตุลยเทพบอกอย่างยิ้มแย้มทั้งที่โมโห ทว่าจันทรภาคงไม่ตอบโต้อะไรแล้ว ขอนั่งนิ่งๆ จะดีกว่าอย่างน้อยก็ลดแรงปะทะ“มันไม่มีเงินเหรอพี่ตุลย์ แล้วเราจะทำยังไง” น้ำอิงแทรกขึ้น“มันหาทางได้แน่ เพราะถ้าไม่ได้เงินมากองตรงหน้า ก้มกราบพี่อีกที ผู้หญิงคนนี้มันจะเป็นแค่ศพกลับไป ไม่ได้ขู่” ตุลยเทพบอกพลางมองหน้าจันทรภาอีกครั้ง ซึ่งเธอได้แต่มองไปเบื้องหน้าสีหน้าเรียบเฉย“เย็นๆ จะเอาอาหารมาให้นะจ๊ะ เจ้าขา ตอนนี้ก็รอฟัง” สิ้นคำตุลยเทพก็เดินออกไปจากโกดังที่เก็บตัวจันทรภา แล้วให้ลูกน้องมาเฝ้าหนึ่งคน และเขาก็จะได้ออกไปวางแผนอีกหนึ่งสเตป เพื่อเตรียมรับมือกับผู้ชายคนนั้น คิดว่ามันเป็นนักเลงแน่ๆ ถึงไม่เกรงกลัวอะไร และไม่ตกใจด้วยส่วนคเชนทร์ เมื่อวางสายแล้ว เขานั่งนิ่งปรับอารมณ์ให้เย็นลง มีสติให้มากที่สุด เพื่อจะได้คิดหาแผนการที่จะนำตัวจันทรภาออกมาโดยไม่ต้องเสียอะไร“มีแต่ไม่ให้โว้ย คิดว่าฉันจะเอาเงินไปให้แกง่ายๆ เหรอ หมด
“พูดสิ! ฉันบอกให้พูด” ปลายสายบังคับอีกคนให้พูดออกมา ซึ่งคเชนทร์ได้ยินเสียงเล็ดลอด แต่ไม่ดังนัก“อยากได้เงินก็พูดเองสิ” จันทรภาว่า“เจ้า นั่นเสียงเจ้าหรือเปล่า” คเชนทร์เรียกผ่านโทรศัพท์ออกไปด้วยความตกใจ เพราะเธอต้องถูกนำตัวไปแล้วแน่ๆ เผลอเป็นไม่ได้เชียว คงซุ่มอยู่สินะ เขาคิดด้วยความเจ็บใจ“หึยยย ไง ผัวใหม่ของเมียฉัน” ประโยคของตุลยเทพที่เอ่ยออกก็ทำให้คเชนทร์กัดฟันแน่น เหมือนจะรู้ได้ทันที“เมียฉันไม่เคยมีผัว” คเชนทร์ตอบกลับเสียงเรียบทันที พร้อมกับปรับอารมณ์ให้มีสติมากขึ้น“หึๆ รับช่วงต่อจากฉันเนี่ย อร่อยไหมไอ้ลูกกระจ๊อก” ด่าลูกกระจ๊อกเนี่ยน่าถีบจริงๆ แต่ก็ยอมรับก็ได้วะ คเชนทร์คิด“อื้อ! รู้จักกันเหรอเราน่ะ แต่ก็... ยอมรับได้ เป็นมาหมด เป็นจิ๊กโก๋ เป็นขี้ยา เป็นขี้ข้า เป็นลูกกระจ๊อก ก่อนจะมาเป็นผัวเจ้าขา” น้ำเสียงของคเชนทร์ยังคงชิวมาก มากจนอีกฝายหมั่นไส้“ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าขาจะเลือกสวะชั้นต่ำแบบนี้มาเป็นผัว”“แหม ไอ้ปลิงทะเล มึง
“เก่งนะเนี่ย ได้ใครหนุนหลังอ่ะเรา ถึงได้กล้าปากดีขนาดนี้” ตุลยเทพถามเสียงดุเข้ม“แล้วพี่ตุลย์ล่ะได้ใครหนุนหลังคะ ได้ข่าวว่าคุณอาตุลาเป็นผักไปแล้วนี่” จันทรภาเยาะเย้ยกลับไป เท่านั้นแหละน้ำอิงที่รอระเบิดอารมณ์ก็เหวี่ยงมือฟาดที่แก้มของจันทรภาทันทีเพียะ! แรงปะทะทำให้จันทรภาหน้าสะบัด ทว่าเธอก็ทนกัดและหันไปกลับพร้อมกับเลือดไหลซิบตรงมุมปาก“ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว ยัยคุณหนูไฮโซ ฉันเกลียดแกรู้ไหม” น้ำอิงว่าด้วยน้ำเสียงเดือดดาล“เหรอเพื่อน ฉันนี่โง่เนอะ นึกว่าจะมีเพื่อนจริงๆ กับเขา สุดท้ายไม่มี นี่ตอแหลอยากเป็นเพื่อนกันมานานเหรอเนี่ยเพิ่งรู้ อ่อ ไม่ใช่สิ ตอแหลอยากได้พี่ตุลย์ก็ไม่บอก แต่พี่ตุลย์ไม่เอาเธอเป็นเมียแต่ง เพราะมีแต่ตัวใช่ไหม”จันทรภาด่าด้วยน้ำเสียงเรียบ เยาะหยัน ทั้งที่ในใจเจ็บแค้น อยากจะระเบิดออกมาเหมือนกัน แต่คเชนทร์และพ่อเลี้ยงสอนให้มีสติ“อีนังเจ้า” สิ้นคำน้ำอิงก็ตบไปที่หน้าของจันทรภาอีกทีเพียะ! จันทรภาหน้าสะบัด เจ็บและปากแตก ก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้ำอิงอีกครั้ง
ด้วยความขัดเขิน ก็ทำให้จันทรภาเดินเล่นมาเรื่อยเปื่อย ชมสวนดอกไม้มาจนถึงหน้ารีสอร์ต ความสวยงามทำให้เธอ ลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้บ้าง อย่างน้อยชั่วขณะก็ยังดี ซึ่งการเดินเล่นนั้นลูกน้องของคเชนทร์ไม่ได้ตามทุกฝีก้าวเป็นเงาตามตัวอยู่แล้วปล่อยให้เธอเป็นอิสระในบางช่วง เพราะทั้งรีสอร์ต รวมไปจนถึงด้านหน้านั้น คนงานพลุกพล่านอยู่แล้ว ว่าแล้วก็เผลอเดินมาจนถึงนอกรั้ว ซึ่งคนงานกำลังถางหญ้าเป็นปกติ เพราะทางเข้าเว้นไปสามสี่วันก็มีหญ้าขึ้นรกแล้ว พอตัดก็ต้องเผาเป็นเรื่องปกติ คนงานก็ไม่ได้หันมาสนใจหรอก ว่ามีใครเดินผ่านไปมาหรือไม่ เพราะเอาแต่ก้มหน้าทำงาน คิดแต่เพียงว่าเป็นแขกของรีสอร์ต หรือนักท่องเที่ยวเท่านั้น“ไม่เคยออกมาด้านหน้าเลย” เธอเอ่ยลอยๆ พร้อมกับมองไปรอบๆ ช่างสวยงาม“รีสอร์ตอาแสนเนี่ย เหมาะกับคนที่อยากจะหนีจากความเมือง แล้วเข้าสู่ธรรมชาติจริงๆ ถึงว่า ไม่ยอมมีบ้านในตัวเมือง แต่กลับมีบ้านที่นี่ทั้งอาแสนแล้วก็พี่เชนทร์”“แล้วคุณล่ะ อยากอยู่ที่นี่ไหม” เสียงชายคนหนึ่ง ดังขึ้นจา
“หึๆ” เขาหัวเราะ ก่อนจะเดินไปที่รถ แล้วเปิดเอาอะไรบางอย่างออกมาพร้อมกับมือเธอเอาไว้ นำอาวุธประจำตัวของเขาวางไว้บนมือเธอ“เอ่อ พี่เชนทร์ ทำไมคะ” เธอถามด้วยความแปลกใจ“พี่ห่วง เอาไว้ป้องกันตัว เวลาที่ไม่มีใครอยู่ด้วย ใช้เป็นนี่ อย่าคิดว่าไม่รู้ว่า...” แหม เขานี่ก็รู้ดีเหลือเกิน เธอคิดอย่างขัดเขิน“คือ ก็ เป็นนิดหน่อย”“จ้ะ เป็นนิดหน่อย บีบีกันอ่ะนะ อยากเห็นตอนใช้จริงจะอึ้งแค่ไหนนะ”“หึๆ แหมพี่เชนทร์ละก็... ขอบคุณนะคะ” เธอรับเอาไว้“แล้วพี่เชนทร์ล่ะ ใช้อะไรคะ”“ระดับนี้ไม่ต้องพึ่งของพวกนี้หรอก มือเปล่าก็ไหวน่า”“ขี้โม้จริงๆ เจอกันตอนเย็นนะคะ”“จ้ะ เอ่อ อยากจูบแต่... เกรงใจพ่อนั่งรอตาเขียวปั๊ดแล้ว” เขาว่าก่อนจะเหลือบมองพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ที่นั่งอยู่บนรถ และรอเคลื่อนออกไปพร้อมกัน“ค่ะ ไปเถอะ” สิ้นคำของเธอ เขาก็เอามือแตะที่แก้มนุ่มเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถ เรียกว่าอ้อยอิ่งเหลือเกินจนพ่อเลี