เธอก็กระโดดลงจากรถ และเดินขึ้นไปบนภูเขาทันที"เสี่ยวเฟย นายอยากให้ฉันขึ้นไปด้วยหรือเปล่า?"พานเสี่ยวเหลียนถามอย่างทำอะไรไม่ถูก"ไม่ต้องหรอกพี่สะใภ้เสี่ยวเหลียน ผมขึ้นไปก็พอแล้ว เดี๋ยวผมก็จะพาผู้ใหญ่หลี่ลงมาด้วย""คุณวางใจเถอะ"หลินเฟยหยิบเข็มเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แกว่งไปมาแล้วพูดกับพานเสี่ยวเหลียน"หรือว่า เสี่ยวเฟย นายต้องการจะทำให้ผู้ใหญ่หลี่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างนั้นเหรอ?""ก็ได้ งั้นนายก็รีบตามผู้ใหญ่หลี่ไปเถอะ ฉันจะไม่ขึ้นไปสร้างปัญหาให้นายล่ะนะ!"ทันใดนั้นพานเสี่ยวเหลียนก็เข้าใจในทันที พร้อมกับนั่งรออยู่ในรถอย่างเชื่อฟังหลินเฟยลงจากรถ และตะโกนเรียกหลี่เยี่ยนเหมยที่อยู่ตรงหน้าว่า"ผู้ใหญ่หลี่ คุณรอผมหน่อยสิ ผมกินข้าวเที่ยวแล้วท้องเสีย ตอนนี้ขาไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว คุณเดินไวเกินไป ผมตามไม่ทัน!""พ่อหนุ่มน้อย นี่นายเป็นหนุ่มเป็นแน่น""แล้วจะไม่มีเรี่ยวแรงได้ยังไง?""เร็วเข้า ฉันมองไม่เห็นเสือแล้วนะ!"แต่ทว่าหลี่เยี่ยนเหมยกลับไม่หยุดฝีเท้าลง และยังคงเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็วแคนตาลูปลูกใหญ่คู่นั้นได้กระเพื่อมอย่างไม่หยุดหย่อน โดยแทบจะทะลักออกมาเสี
"ถ้าติดเชื้อจะทิ้งร่องรอยแผลเป็นอย่างงั้นเหรอ?""พ่อหนุ่ม นาย...นายคงไม่ได้ตั้งใจจะพูดข่มขู่เพื่อมาหลอกแต๊ะอั๋งฉันหรอกใช่ไหม?"หลี่เยี่ยนเหมยยังคงไม่ได้หันกลับมาและพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่งแต่ทว่า ในใจของเธอก็ยอมรับและเห็นด้วยกับคำพูดของหลินเฟยเธอบาดเจ็บขนาดนี้ เสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ยไปหมดแล้วคงไม่สามารถที่จะวิ่งไล่ตามเสือได้อีกต่อไป เอาไว้ว่ากันใหม่ก็แล้วกัน"นี่คุณ ถ้าผมอยากจะแต๊ะอั๋งคุณจริงๆ ยังจะต้องมาเสียเวลาพูดเหตุผลอะไรอยู่อีก?""ในป่าเปลี่ยวๆ แบบนี้ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ผมรวบหัวรอบหางคุณเลยก็ได้ไม่ใช่เหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเฟยก็พูดอย่างเสียไม่ได้ออกมา"แล้วแต่คุณเลยนะ ยังไงผมก็มีแต่ความหวังดี จะรักษาหรือไม่ มันเป็นสิทธิ์ของคุณเอง""นายไม่ได้คิดจะแต๊ะอั๋งฉันจริงๆ งั้นเหรอ?""งั้น...งั้นนายพูดมาสิจะรักษายังไง ฉันจะฟัง"หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่หลี่เยี่ยนเหมยก็ตัดสินใจและพูดอย่างยากลำบากออกมาหน้าอกของหญิงสาว เป็นส่วนที่สำคัญมากขนาดนั้นและมันก็เกือบจะสำคัญเท่าจุดจุดนั้นของผู้ชายเลยทีเดียวและแน่นอนว่า เธอคงไม่อยากจะทิ้งร่องรอยแผลเป็น
"เฮ้อ ชื่อเสียงของใครเสียหายก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ สรุปแล้ว ผมไม่เอาไปพูดที่ไหนหรอกนะ"หลินเฟยสามารถสัมผัสความอ่อนนุ่มขนาดใหญ่ผ่านแผ่นหลังของตัวเองได้เขาเดินอย่างมั่นคง พร้อมกับตอบกลับมาเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว หลี่เยี่ยนเหมยก็ตอบรับ และไม่ได้พูดอะไรอีกเธอที่ไม่เคยสัมผัสกับผู้ชายมาก่อน เมื่อถูกหลินเฟยช้อนบั้นท้ายขึ้นหลัง ขณะที่เสื้อผ้าขาดและได้รับบาดเจ็บแบบนี้มันจึงทำให้เธอมีความรู้สึกที่ซับซ้อน และอดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่านขึ้นมา"ครั้งที่แล้ว เผลอไปถูกเขาทำให้เปียกไปทั้งตัว และในครั้งนี้ก็ถูกเขาเห็นสิ่งนั้นอีก...""หรือว่า ฉันกับเขา ฟ้าจะลิขิตมาให้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน?"สำหรับเรื่องที่หลี่เยี่ยนเหมยคิดฟุ้งซ่านอยู่นี้ หลินเฟยกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยขณะที่แบกหลี่เยี่ยนเหมยเอาไว้ เขาก็ไม่ลืมที่จะสอดส่ายสายตามองหาสมุนไพรลดรอยแผลเป็นพวกนั้นผ่านไปประมาณเจ็ดแปดนาทีหลินเฟยก็ได้แบกหลี่เยี่ยนเหมยมาถึงน้ำตกเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าสายนั้นด้านล่างของน้ำตกที่อยู่ไม่ไกล มีแอ่งน้ำที่ใสสะอาดราวกับมรกตเมื่อหลินเฟยเห็นว่าน้ำค่อนข้างจะสะอาด เขาจึงค่อยๆ ย่อตัวลงวางหลี่เยี่ยนเหมยลง พร้
"แคกๆ... ผู้ใหญ่หลี่ คุณไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้หรอกนะ""เดี๋ยวผมจะทายาให้ อาจจะเจ็บสักหน่อย คุณอดทนเอาหน่อยนะ"หลังจากที่หลินเฟยมองเห็นตำแหน่งของบาดแผลได้อย่างชัดเจน เขาก็แอบพร่ำพรรณนาในใจว่า มันช่างใหญ่จริงๆ!แต่ทว่าปากก็พูดปลอบโยนหลี่เยี่ยนเหมยออกมา"หลินเฟย ฉันทายาเองได้ไหม?""ถ้านายทายาให้ฉัน ฉัน...ฉันคงจะเขินอายมาก..."หลี่เยี่ยนเหมยยังคงไม่กล้าลืมตาขึ้นมา และเสียงที่พูดนั้นก็เบาเหมือนกับยุงตีกันลำคอขาวที่เรียวยาวเปลี่ยนเป็นสีชมพูขึ้นมาเล็กน้อย"ผู้ใหญ่หลี่ คุณทายาเองไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ""แต่ประเด็นคือหลังจากทายาแล้ว คุณไม่สามารถพันแผลด้วยตัวเองได้ ยังจะต้องให้ผมเป็นคนพันให้อยู่ดี""เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ไว้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ จัดการให้เสร็จไวๆ เราจะได้ลงจากเขาไปไวๆ ไง""ใกล้จะมืดแล้วด้วย"จากนั้นหลินเฟยก็เดินไปล้างสมุนไพรในแอ่งน้ำพร้อมกับตอบหลี่เยี่ยนเหมยกลับมา"งั้นก็ได้ งั้นก็ให้คุณทำก็แล้วกัน"หลี่เยี่ยนเหมยคิดว่า ยังไงเสียหลินเฟยก็ได้เห็นหมดแล้วหากยังถือสาในเรื่องนี้อยู่อีกมันจะดูเหมือนว่าเธอเสแสร้งทำเป็นออเซาะอะไรแบบนั้นดังนั้นเธอจึงตัดสินใจ และพยัก
"หลินเฟย พันแผลได้แล้วหรือเปล่า?"หลี่เยี่ยนเหมยก็ตระหนักได้ว่า เมื่อครู่นี้ตัวเองตื่นเต้นมากเกินไปเสียแล้วเธอหลบเลี่ยงสายตาและไม่กล้ามองมาที่หลินเฟยแต่อย่างใด"โอเคแล้วล่ะ ผู้ใหญ่หลี่ ยังไงเสื้อตัวนี้ของคุณก็ขาด ใส่ไม่ได้แล้วล่ะ คุณถอดมันออกมาดีกว่านะ""ผมจะซักเสื้อตัวนี้ของคุณ แล้วใช้มันพันแผลให้คุณอย่างง่ายๆ เสียก่อน หากคุณไม่รังเกียจแล้วละก็ คุณจะใส่เสื้อของผมก่อนก็ได้นะ"หลินเฟยล้างมือในแอ่งน้ำ พร้อมกับพูดขึ้นมา"ได้สิ ฉันเชื่อฟังนายทั้งหมด ยังไงซะเสื้อตัวนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว"หลี่เยี่ยนเหมยพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยจากนั้นก็ข่มความอายพร้อมกับถอดเสื้อที่บางเบาผืนนั้นออกมาต้องบอกได้เลยว่า แม้ว่าหลี่เยี่ยนเหมยจะหนักห้าสิบกว่ากิโลแต่เอวของเธอนั้นบางมาก และมันก็ตรงกันข้ามกับด้านบนที่ใหญ่มหึมาแบบนั้นซึ่งมันทำให้เกิดการเปรียบเทียบขึ้นมาได้อย่างชัดเจนแม้ว่าหลินเฟยจะคุ้นเคยกับภาพฉากใหญ่แบบนี้จนชินตาแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองอีกครั้งหลังจากสามารถดึงสติกลับมาได้ หลินเฟยก็รับเสื้อมาซักทำความสะอาดจากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นชิ้นยาวๆ อย่างเหมาะสมและเริ่มพันแผลให้กับหลี่เยี่
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใหญ่หลี่พักอยู่ที่ไหน…"พานเสี่ยวเหลียนครุ่นคิดพร้อมกับพูดออกมา"บนภูเขาไม่มีสัญญาณ งั้นเดี๋ยวเราลงภูเขาไป ฉันจะโทรถามเสี่ยวโหรวนะ เธอจะต้องรู้ว่าผู้ใหญ่หลี่พักอยู่ที่ไหนอย่างแน่นอน""โอเค งั้นเรารีบลงภูเขากันดีกว่านะ""เสือสองตัวนั้นอย่าเพิ่งไปสนใจ น่าจะไม่มีอะไรหรอก"หลินเฟยวางหลี่เยี่ยนเหมยไว้ที่เบาะหลัง เพื่อให้พานเสี่ยวเหลียนช่วยดูแลเธอจากนั้นเขาก็สตาร์ทรถและลงจากภูเขาไปทันทีระหว่างทาง หลังจากที่มีสัญญาณโทรศัพท์แล้วนั้นพานเสี่ยวเหลียนก็ได้โทรหาซูเสี่ยวโหรวในทันที"อะไรนะ? ผู้ใหญ่หลี่ต้องการจะแจ้งจับเสือสองตัวนั่น?""ลืมแล้วก็โอเค ผู้ใหญ่หลี่พักอยู่บ้านหลังสุดท้ายทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน...""จริงด้วย มีหญิงสาวคนหนึ่งมาที่คลินิก บอกว่าจะมาให้หลินเฟยช่วยรักษาให้ พี่เสี่ยวเหลียน พี่บอกหลินเฟยหน่อยนะ…"หลังจากได้รู้ที่อยู่ของหลี่เยี่ยนเหมยจากซูเสี่ยวโหรวแล้วหลินเฟยก็ได้ขับรถตรงไปที่บ้านพักของหลี่เยี่ยนเหมยทันทีเมื่อค้นหากุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกงของหลี่เยี่ยนเหมยเจอแล้วนั้นหลินเฟยก็เปิดประตู และวางหลี่เยี่ยนเหมยไว้บนเตียงจากนั้นก็อาศัยจั
หลินเฟยพูดด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ"อีกอย่าง ผมก็ไม่สามารถจะรักษาคุณด้านนอกแบบนี้ได้นะครับ""เข้าไปข้างในกันดีกว่านะ""นั่นมันเสือชัดๆ ฉันจะเข้าใจผิดได้อย่างไร..."สวีอิ๋งอิ๋งพูดอย่างมั่นใจแต่อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้หลินเฟยรักษาเธออยู่ด้านนอกแบบนี้ในที่สุดเธอก็ยังคงรวบรวมความกล้าและเดินตามหลินเฟยกับพานเสี่ยวเหลียนเข้าไปในคลินิก"เสี่ยวเฟย เสื้อของนายล่ะ?""ฉันขอให้เด็กสาวคนนี้เข้ามาตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ยอม""เธอมาหานายเพื่อรักษาโรคอะไรกันแน่?""จะให้อาเล็กช่วยเป็นลูกมือให้เอาไหม?"หลังจากถังรั่วเสวี่ยได้รับรู้ความเคลื่อนไหว เธอก็เดินออกมาจากห้องครัวเมื่อได้ยินคำพูดของถังรั่วเสวี่ยแล้ว สวีอิ๋งอิ๋งก็หน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดแน่นอนว่า เธอไม่อยากจะให้เรื่องที่ตัวเองมารักษาหน้าอกกับหลินเฟยนั้นแพร่งพรายออกไปอยู่แล้ว"ผมเผลอทำเสื้อเลอะน่ะ ก็เลยทิ้งมันไปแล้ว คุณสวีมีปัญหาแค่นิดหน่อยเองครับ""ไม่ต้องให้อาเล็กมาช่วยหรอก""ผมจัดการแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว"แน่นอนว่าหลินเฟยรับรู้ความในใจของสวีอิ๋งอิ๋งได้อยู่แล้วเขาส่ายหน้าแล้วพูดกับถังรั่วเสวี่ย"งั้นก็
"ตอนเด็กๆ ผมเคยตบก้นคุณด้วย? จริงเหรอ? ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ?"หลินเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ"คุณจำไม่ได้อยู่แล้วล่ะ ตอนนั้นคุณเพิ่งจะสามสี่ขวบเอง ยังใส่ผ้าอ้อมอยู่เลยนะ""ฉันอายุมากกว่าคุณนิดหน่อย""ก็เลยจำเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้น่ะสิ""หากจะพูด ก็ถือว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วนะ"สวีอิ๋งอิ๋งพูดพร้อมกับปิดปากหัวเราะจู่ๆ หน้าอกของเธอก็กระเพื่อมขึ้นมา"แคกๆ..." หลินเฟยเกาหัวอย่างลำบากใจ"ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ""ตอนเด็กๆ ผมไม่รู้ประสา ดูเหมือนว่าเด็กสาวที่มาฉีดยาที่คลินิกก็จะถูกผมตบก้นทุกคนเลยล่ะ""เพราะนิสัยไม่ดีแบบนี้ ผมเลยถูกพ่อกับแม่ตีอยู่บ่อยๆ น่ะสิ""คุณน่าตีจริงๆ ด้วยแหละ จริงด้วยสิ พ่อแม่ของคุณล่ะ ทำไมไม่เห็นพวกเขาเลย?"สวีอิ๋งอิ๋งถามพร้อมกับกลั้นหัวเราะเอาไว้"พ่อกับแม่ของผม พวกท่านประสบอุบัติเหตุน่ะ"หางตาของหลินเฟยกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา"ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องที่คุณเสียใจออกมา"สวีอิ๋งอิ๋งอ้าปากค้าง พร้อมกับพูดปลอบโยนออกมา"ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันผ่านมานานหลายปีแล้ว ผมชินแล้วล่
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได