เช่นเดียวกัน ซูเฉี่ยนเสวี่ยเองก็มีท่าทางอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน“เรื่องนี้...เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เลยไม่ทันได้บอกทุกคนน่ะครับ”หลินเฟยเพิ่งจะนึกคำอธิบายสั้นๆ ออกมาได้ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของมู่ชิงชิงก็ดังขึ้นไม่รู้ว่าเธอเห็นอะไรเข้าจู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที จนทำให้ขัดจังหวะการพูดของหลินเฟย“หลินเฟย ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ”“คุณมู่ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? ” หลินเฟยถามด้วยความสงสัย“รบกวนออกมากับฉันหน่อยค่ะ ฉันอยากคุยกับคุณตามลำพังค่ะ”“วางใจเถอะค่ะ ไม่เสียเวลาคุณแน่นอน อีกเดี๋ยวพวกเราก็กลับมา”มู่ชิงชิงกล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลหลังจากนั้นเธอก็เดินนำเขาออกจากห้องอาหารส่วนตัวไป“คุณเหลิ่ง ลูกพี่ลูกน้องของคุณ เธอมีเรื่องอะไรกันแน่เหรอครับ ถึงต้องให้ผมช่วย? ”“ดูจากท่าทางแล้วเหมือนเธอจะกังวลมากเลยนะครับ”หลินเฟยถามเหลิ่งหนิงซวงด้วยความสงสัย“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ในเมื่อลูกพี่ลูกน้องของฉันอยากคุยกับคุณตามลำพัง งั้นคุณก็ตามเธอไปเถอะค่ะ”“พวกเราจะรอคุณกลับมานะคะ” เหลิ่งหนิงซวงพูดออกไปตามความจริง“เอางั้นก็ได้ พวกคุณรอผมเดี๋ยวนะ แล้วผมจะ
หลินเฟยเดาไม่ออกจริงๆ ถึงความคิดข้างในของมู่ชิงชิงที่ได้มีโอกาสมาพบกันในวันนี้ก็เป็นเพราะบารมีของจางซินเยว่แน่นอนว่าหลินเฟยเองก็จำเป็นต้องให้เกียรติหารือกับจางซินเยว่ซะก่อน“พี่ซินเยว่... ”ในไม่ช้า หลินเฟยก็โทรหาเธอ และอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง“หา...นี่ เอ่อคือ ถ้าแค่แกล้งล่ะก็ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”จางซินเยว่รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้นอย่างไรก็ตาม พอคิดว่าถ้าหากมู่ชิงชิงมีหนทางเธอก็คงไม่เกิดความคิดนี้ขึ้นจากนั้นจางซินเยว่ก็ตอบเห็นด้วยไป“โธ่ พี่ซินเยว่ พี่ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”หลินเฟยพูดพลางถอนหายใจ“คุณมู่ก็เพิ่งจะบอกไปเมื่อกี้ ว่าพอเห็นคู่นัดบอดของเธอ ก็ให้ผมกอดเธอ หรือไม่ก็โอบเอวเธอ เพื่อแสดงท่าทีแบบที่สนิทสนมกันมากๆ... ”“พอเป็นแบบนั้นแล้ว งั้นความบริสุทธิ์ของผมก็จบกันน่ะสิ! ”พอมู่ชิงชิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแบบนั้น เธอก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ!ถุย ทำไมถึงได้มีคนที่ไร้ยางอายแบบนี้อยู่กันนะ!คนที่กำลังจะเสียความบริสุทธิ์นั่นมันฉันไม่ใช่รึไงยะ?“ว่าไงนะ...นี่...เอ่อคือ... ”พอจางซินเยว่ได้ยินแบบนั้น เธอก็เกิดลังเลขึ้นนิดหน่อยในใจของเธอก็
ก็เพื่อที่จะอธิบายให้คนที่เป็นกังวลแต่ก็ยังตอบตกลงอย่างจางซินเยว่ได้ฟังก็เท่านั้นเป็นอย่างที่คิด สีหน้าของจางซินเยว่ดีขึ้นมากเลยทีเดียวด้านข้าง คนที่ไม่พูดอะไรอย่างซูเฉี่ยนเสวี่ย แต่ในใจก็ยังแอบหายในด้วยความโล่งอก!“แม่หนู เดี๋ยวนี้เธอชักจะกล้าหาญขึ้นไม่เบาเลยนะ! ”“ถึงขั้นกล้าแกล้งฉันเลยเหรอ คอยดูเถอะว่าฉันจะเอาคืนเธอยังไง! ”แต่มู่ชิงชิงก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกละอายใจและโกรธ เธอจึงลุกขึ้นพุ่งตัวไปยังเรือนร่างของเหลิ่งหนิงซวง แล้วขยับมือขึ้นลงโดยไม่สนเลยว่าจะมีจางซินเยว่และซูเฉี่ยนเสวี่ยนั่งอยู่ด้วย!“โอ๊ย...พี่สาว ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าแล้วล่ะ! ”หลังจากที่ขอสงวนถูกจับเอาไว้ได้ทันใดนั้น ใบหน้าของเหลิ่งหนิงซวงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ถึงขั้นทำให้เธอต้องร้องอ้อนวอน!“เหอะ อ้อนวอนไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ถ้าฉันไม่จัดการเธอให้ดี ต่อไปเธอไม่ปีนขึ้นมานั่งบนหัวของฉันเลยรึไง? ”การจู่โจมของมู่ชิงชิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!ยื้อยุดฉุดดึงอยู่อย่างนั้น!ระหว่างที่เล่นกันอยู่นั้น ก็มีเสียงแควกดังขึ้น!คอเสื้อที่เหลิ่งหนิงซวงสวมใส่อยู่ ก็ถูกมู่ชิงชิงที่ไม่ทันระวังทำให้ขาดจนเปิดออก!ทันใดนั
เสียงของหลินเฟยดังมากจนผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในห้องได้ยินกันหมดที่สำคัญคือ จอขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้องไม่ได้เปิดเอาไว้ด้วยซ้ำ!แล้วที่หลินเฟยพูดแบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการยืนยันหรอกเหรอ กลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่าตัวเองเห็นของที่ไม่ควรเห็นรึยังไง?“วู้... ”ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้สีหน้าของเหลิ่งหนิงซวงอ่อนลงแต่ในตอนนี้ กลับมีเมฆสีแดงปกคลุมอย่างเห็นได้ชัดราวกับลูกเชอร์รี่ที่สุกแล้วเธอปิดหน้าด้วยความอับอายสิ่งที่สำคัญเลยก็คือ การที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะสู้หน้ากับหลินเฟยยังไงแล้ว!“อีตาบ้าหลินเฟย ถ้าพูดไม่เป็นก็หุบปากไปซะ! ”“นายไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่านายเป็นใบ้หรอกนะ! ”จางซินเยว่โกรธยิ่งกว่าเดิมจนต้องกัดฟันตัวเองเอาไว้แล้วตะโกนออกไปนอกประตู!“แล้วจะดุขนาดนั้นทำไมกันเนี่ย ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจมองสักหน่อย”ด้านนอกประตู หลินเฟยก็ตอบโต้ด้วยเสียงต่ำออกมาสุดท้าย ก็ยังคงเป็นตัวเขาเองที่หุบปากไปเพราะความโกรธพอพูดมาถึงตรงนี้ เรื่องนี้ก็เป็นเขาที่ได้เปรียบ และเหลิ่งหนิงซวงก็เป็นคนที่เสียเปรียบในห้องอาหารส่วนตัว พอเห็นเหลิ่งหนิงซวงที่กำลังมีท่าทีเขินอายซูเฉี่ยนเสวี่
พอเห็นว่าไม่มีใครเดินผ่านไปมาเขาก็ใช้ความสามารถของตาที่มีญาณทิพย์โดยที่แอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อย และชื่นชมมันอย่างเงียบๆ...“จุ๊ๆ ... ”“อุ๊ย! ”“แม่เจ้าโว้ย ได้ไม่ติดเลยนะนั่นน่ะ!! ”ผู้หญิงสี่คนในห้องอาหารส่วนตัว ที่กำลังยุ่งอยู่กับการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหลิ่งหนิงซวง ไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเธอกำลังถูกหลินเฟยแอบมองอยู่ทีละคน!สำหรับเขาแล้ว การที่ทำพฤติกรรมเหล่านี้ หลินเฟยเองก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ยางอายจริงๆ นั่นแหละเพราะงั้น หลินเฟยก็เลยมองไปด้วย แล้วก็ประณามตัวเองลึกๆ ในใจไปด้วยอย่างเงียบๆเป็นการประณามที่รุนแรงมากเสียจริง!จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงชื่นชมมันต่อไปด้วยความสบายใจ จนรู้สึกว่าไม่เห็นจะมีอะไรไม่เหมาะสมเลยสักนิด!ประมาณสิบนาทีต่อมาเหลิ่งหนิงซวงก็เปลี่ยนชุดใหม่จนเสร็จด้วยความช่วยเหลือจากผู้หญิงหลายคน การจัดระเบียบเสื้อผ้าจึงค่อนข้างเรียบร้อยพอนึกถึงหลินเฟยที่ยังยืนรออยู่ข้างนอกเหลิ่งหนิงซวงก็กระซิบกับจางซินเยว่ด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย“ซินเยว่ เธอเรียกให้หลินเฟยเข้ามานั่งเถอะ ให้เขาเอาแต่ยืนอยู่แบบนั้นไม่ดีเท่าไหร่มั้ง”“มีอะไรไม่มีกัน? ”“พอนึกถึงสิ่ง
ที่แท้เมื่อกี้ตอนที่หลินเฟยกำลังชมทิวทัศน์ที่งดงามอยู่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังอยู่ในภาวะตื่นตัวอยู่เขานั่งลงบนโซฟา ก็เพื่อที่จะไม่ให้เป็นจุดเด่นแต่การที่มู่ชิงชิงนั่งลงในครั้งนี้ กลับทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเฟย!ไม่มีใครเปรียบเลยจริงๆ!เธอรู้สึกเหมือนกี่เพ้าที่ก้นของเธอกำลังจะถูกแทงจนทะลุ!มันเจ็บเอามากๆ! ! เขาอายุน้อยแค่นี้ นี่เขากินอะไรเข้าไปกันแน่ถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ได้? !ทันทีที่ตระหนักได้ มู่ชิงชิงก็อยากที่จะลุกขึ้น แล้วย้ายไปนั่งข้างๆ หลินเฟยแทน ที่ไม่ใช่ในอ้อมแขนของเขา!“เอ่อ...ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็อยู่ข้างในนี่แหละ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า เข้ามาบอกเธอเองเลยก็ได้นะ”แต่ในเวลานี้ เหลิ่งหนิงซวงก็ลุกขึ้นยืน และพร้อมที่กำลังจะไปเปิดประตูแล้ว!เธอเองก็ไม่รู้ถึงความลำบากใจของมู่ชิงชิงในตอนนี้เท่าไหร่แค่อยากให้ความร่วมมือ และไล่เย่เฟิงออกไปให้เร็วที่สุด“อะแฮ่ม...คุณมู่ คุณนั่งอยู่แบบนี้ก่อนเถอะครับ ถ้าเกิดว่าถูกนัดบอดคนนั้นของคุณจับได้ นั่นคงจะแย่เอามากๆ เลยนะครับ! ”หลินเฟยเตือนมู่ชิงชิงด้วยความลำบากใจแต่ในความเป็นจริงเขากำลังพยายามสุดความสามารถเพื่อควบค
“ใครบอกว่าหลินเฟยเป็นเกราะกำบังที่ฉันเรียกมา” “คุณเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเกราะกำบังงั้นเหรอ?” “คุณเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นจูบกับเกราะกำบังไหม?”มู่ชิงชิงได้ยินน้ำเสียงเชิงตะคอกสั่งของเย่เฟิงก็รู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ หลังจากสิ้นเสียง เธอก็เริ่มเป็นฝ่ายจู่โจมล็อกคอของหลินเฟยเอาไว้ และเข้าไปจูบหลินเฟยอย่างดูดดื่ม!เสียงน้ำลาย ชุ่มแฉะ ฟังดูสมจริงสมจังมาก!และเธอยังคว้ามือของหลินเฟย ให้มาจับที่บั้นท้ายของเธออีกด้วย “โอ้...”เหลิ่งหนิงซวงที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ!พี่สาว การเสียสละของคุณนี้มากเกินไปหน่อยจริงๆ!จางซินเยว่และซูเฉี่ยนเสวี่ยรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเธอไม่สามารถแสดงออกได้อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงที่มองเห็นฉากตรงหน้านี้ก็โกรธจัดมาก!เหมือนกับว่าเอาขี้หมาก้อนใหญ่ยัดเข้าปากเขาต่อหน้าทุกคน!แถมยังบีบปากเขาเอาไว้ จับเรื่องราวทั้งหมดยัดเข้าไปอีก!เย่เฟิงพยายามฝืนใจระงับความโกรธ ในที่สุดจึงเอ่ยปากเตือน “มู่ชิงชิง อย่าคิดว่าคุณทำแบบนี้แล้วผมจะเชื่อคุณนะ!” “คุณทำงานเป็นหมอที่อยู่ไกลจากตัวเมืองขนาดนั้น จะไ
หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาท นั่นเป็นจำนวนเงินที่น่าตกใจมากเลยทีเดียวแม้แต่ธนาคารในท้องถิ่น เมื่อรู้ว่าบริษัทพ่อกับแม่ของมู่ชิงชิงใกล้จะล้มละลาย ก็ต่างไม่ยินยอมที่จะให้พวกเขากู้ยืมเงิน!ในความเป็นจริง ถ้าหากว่าพ่อกับแม่ของมู่ชิงชิงสามารถหาเงินมาหมุนก่อนได้ละก็พวกเขาก็คงจะไม่บากหน้าไปขอร้องให้เย่เฟิงกับมู่ชิงชิงมานัดดูตัวจับคู่กัน โดยคิดที่จะหวังพึ่งพาอิทธิพลของตระกูลเย่หรอก ในขณะที่มู่ชิงชิงไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปแล้ว เหลิ่งหนิงซวงก็พูดเรียกสติขึ้นมาว่า“เอ่อ พี่คะ พี่อย่าเพิ่งกังวลไปเลย!”“อันที่จริง ฉันก็พอจะรู้จักอยู่คนหนึ่ง เขาสามารถเอาเงินที่มากมายขนาดนั้นมาช่วยพี่ได้!”“เขาเป็นใครกัน? หนิงซวงเธอรีบพาฉันไปพบเขาเร็วเข้า!”เมื่อได้ยินอย่างนั้น มู่ชิงชิงก็เหมือนกับว่าคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ เธอรีบถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นเมื่อกี้เธอก็ได้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของเย่เฟิงแล้ว เธอไม่ยอมถูกต้อนจนจนมุม และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเย่เฟิงหรอก!“พี่คะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่ต้องกังวลน่ะ”“จริงๆ แล้วคนคนนี้ อยู่ไกลสุดขอบฟ้า แต่ก็มาอยู่ใกล้ต่อหน้าเรา”“เขาก็คือหลินเฟย ที่
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได