"หลินเฟยคุณอยากจะพูดอะไร ก็พูดตอนนี้เลยก็ได้""ยังไงอาหารก็ยังไม่ได้มาเสิร์ฟ"จ้าวลู่ลู่ถามอย่างสงสัย"จริงด้วยเสี่ยวเฟย มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ ก็ได้ ทุกคนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรต้องอายนี่นา"จางอวี้หลานพูดด้วยรอยยิ้ม"งั้นก็ได้ครับ งั้นผมพูดตรงๆ เลยนะ ช่วงนี้พี่ลู่ลู่จะเปิดเทอมแล้วใช่ไหมครับ?"หลินเฟยแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา"ผมแค่อยากจะซื้อบ้านสักหลังในเมืองให้เธอ เพื่อใช้ในการเข้าเรียน""แบบนี้ต่อไปพี่ลู่ลู่จะไปเรียนสะดวกขึ้น ไม่ต้องเทียวไปกลับที่บ้านให้มันลำบากน่ะครับ""หากลุงฟู่กุ้ยเป็นห่วงเรื่องที่พี่ลู่ลู่อยู่ลำพังในเมือง ไม่มีคนดูแล ผมก็จะซื้อบ้านอีกหลังข้างๆ เพื่อให้พวกลุงมาอยู่ก็ได้นะครับ"ในความเป็นจริง นี่คือวิธีการที่หลินเฟยคิดขึ้นมา เพื่อไม่ให้จ้าวลู่ลู่กลับไปที่หมู่บ้าน แบบนี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงที่เธอจะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและพานเสี่ยวเหลียนได้แล้ว"อุ๊ย ความจริงลุงฟู่กุ้ยก็อยากจะซื้อบ้านให้ลู่ลู่เอาไว้ไปเรียนตั้งนานแล้วนะ""แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่ว่าลุงฟู่กุ้ยขาดแคลนเงิน ก็เลยไม่ได้ซื้อสักที""ยังเป็นเสี่ยวเฟยของเราที่มีน้ำใจ
"แล้วเงินนี้จะมาจากไหน?"จ้าวฟู่กุ้ยคัดค้านออกมาเบาๆ"นี่คุณหมายถึงอะไร? คุณรังเกียจที่ฉันไม่หาเงิน…"ทันทีที่จางอวี้หลานกำลังจะพูดออกมา หลินเฟยก็โบกมือแล้วพูดว่า"ที่ลุงฟู่กุ้ยคิดก็ไม่ผิดเลยนะครับ เพียงแต่ว่า ลุงกับป้าอวี้หลานลำบากมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว""ไม่อย่างนั้น ลุงฟู่กุ้ยก็ไม่ต้องไปเป็นผู้ใหญ่บ้านอะไรแล้วนะครับ ผมจะให้เงินพวกลุงเอง พวกลุงใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในเมืองเถอะนะครับ"ต่อให้จ้าวลู่ลู่จะไม่กลับไป แต่หากจ้าวฟู่กุ้ยยืนกรานที่จะกลับไปแล้วละก็ เรื่องของเขาและพานเสี่ยวเหลียนก็ต้องแดงขึ้นมาเหมือนกันแน่นอนว่าหลินเฟยไม่สามารถให้เขากลับไปได้ จึงตัดสินใจที่จะนำเงินออกมาแก้ปัญหาจู่ๆ ดวงตาของจ้าวฟู่กุ้ยก็สว่างขึ้นมา และรีบถามอย่างตื่นเต้นขึ้นมาว่า"ฮ่าฮ่า เสี่ยวเฟย คุณนี่ช่างเห็นใจลุงฟู่กุ้ยเสียจริงๆ แล้วคุณคิดที่จะให้เงินลุงฟู่กุ้ยเท่าไหร่ล่ะ?""จริงๆ แล้วลุงฟู่กุ้ยก็ไม่ต้องการเงินอะไรมากมาย แค่พอให้เรามีกินมีใช้ก็พอแล้วล่ะ""มันก็ไม่ถือว่ามากนะครับ ผมขอให้ห้าสิบล้านก่อนนะครับ"ทันทีที่หลินเฟยพูดจบ"อะไรนะ? ห้า...ห้าสิบล้าน!"จางอวี้หลานและจ้าวฟู่กุ้ยตื่นตกใจจนชาไปหมด
"ใช่ ใช่ ดูสมองของฉันสิ งั้นลุงฟู่กุ้ยดื่มเองก็พอแล้ว"จ้าวฟู่กุ้ยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ในความฝันอย่างไงอย่างงั้นโดยที่ทั้งเนื้อทั้งตัวรู้สึกเบาจนตัวลอยได้เรื่องราวได้สำเร็จลงแล้ว จ้าวลู่ลู่จึงไม่สามารถพูดอะไรได้มากเพียงแต่ว่า เธอไม่สามารถหยุดคิดขึ้นมาได้ว่าหลินเฟยช่างดีกับเธอจริงๆ เธออยู่กับเขา มันไม่ผิดไปเลยจริงๆหลังมื้ออาหารหลินเฟยก็ได้เรียกพนักงานมาถามว่า แถวนี้มีตึกอาคารดีๆ ที่ไหนบ้าง จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปทันที"หมู่บ้านซินเยว่ สภาพแวดล้อมค่อนข้างดี ไปกันเถอะพี่ลู่ลู่ เราไปดูกัน"ครึ่งชั่วโมงต่อมารถยนต์ก็ได้จอดลงที่ลานจอดรถในหมู่บ้านหรูเมื่อมองเห็นตึกสูงตระหง่าน และสภาพแวดล้อมที่สวยงามหลินเฟยและคนอื่นๆ ก็เดินไปยังสำนักงานขายในทันที"สวัสดีค่ะ ต้องการบ้านแบบไหนคะ ทางเราสามารถแนะนำได้นะคะ..."มีเพียงสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มป้ายชื่อของเธอมีข้อความเขียนว่าเหอเหยาเธอเป็นนักศึกษาจบใหม่ และมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่"พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แสงสว่างดี ตกแต่งแบบหรูหรา ทางที่ดีมีสองยูนิตติดกัน"หลินเฟยได้บอกเงื่อนไขของตัวเองทันที"ใช่ จะต้องตกแต่
น้ำเสียงของปลายสายถามอย่างสงสัยออกมา"ฉันรู้แล้วล่ะ รีบพาคนไปล้อมเขาเอาไว้ ก่อนที่ฉันจะไปถึง อย่าให้พวกเขาหนีไปได้เด็ดขาด!"หลังจากพูดจบ ฉู่เทียนฮ่าวก็วางสายไปทันทีสำหรับฝ่ายขายนั้น แม้ว่าจะสงสัย แต่เธอก็ต้องทำตามคำสั่งของฉู่เทียนฮ่าว"เถ้าแก่ซู ให้เรานำกำลังไปช่วยคุณด้วยหรือเปล่า?"เมื่อเห็นว่าฉู่เทียนฮ่าวยืนขึ้น สายตรวจวัยกลางคนก็รีบเข้ามาหา และพูดอย่างเอาใจขึ้นมา"ไม่ต้องหรอก ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบนั้น พวกคุณก็คิดว่ามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน!"ฉู่เทียนฮ่าวตะคอกอย่างเย็นชาออกมาจากนั้นก็รีบเดินออกจากสถานีตำรวจทันที"ไอ้หยา ดูท่าทางแบบนี้ของฉู่เทียนฮ่าวแล้ว ไอ้หนุ่มที่ชื่อหลินเฟยนั่นต้องตายแน่ๆ""ยั่วยุใครไม่ว่า แต่กลับมายั่วยุลูกชายของฉู่เทียนฮ่าวแบบนี้?""ใครเขาเป็นนักเลงมาก่อนนะ!"สายตรวจวัยกลางคนถอนหายใจออกมา และคร่ำครวญถึงหลินเฟยอยู่ในใจสองสามวินาทีในความทรงจำของเขา ก่อนหน้านี้ได้มีทายาทเศรษฐีคนหนึ่งที่นิสัยวางมาด และมาตบที่หน้าของฉู่หมิงฮุยหนึ่งฉาดผลที่ได้ก็คือ เมื่อฉู่เทียนฮ่าวรู้ข่าวแล้วนั้น ก็พาคนไปรุมกระทืบทายาทเศรษฐีคนนั้นปาง
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางนี้หลินเฟยยังคงไม่ได้รับรู้แต่อย่างใดและในเวลานี้ภายใต้การนำพาของเหอเหยา เขาก็กำลังเดินเยี่ยมชมบ้านหลังหนึ่งที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วกับครอบครัวของจ้าวลู่ลู่อยู่มันเป็นอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ที่มีห้องนอน 3 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้องโดยมีพื้นที่มากกว่า 140 ตารางเมตรสุดโถงมีระเบียงขนาดใหญ่แยกเป็นสัดส่วนและเมื่อยืนอยู่ที่ระเบียงก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ไกลออกไปได้นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ ภายในอพาร์ตเมนต์มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างครบครันไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อเพิ่มแต่อย่างใดแม้แต่จ้าวลู่ลู่ที่ไม่อยากจะให้หลินเฟยซื้อบ้านเมื่อเห็นอพาร์ตเมนต์แห่งนี้แล้ว เธอก็ชอบเอาเสียมากๆ"โอ้มายก็อต คุณดูสิทีวีนี่ใหญ่จริงๆ ใหญ่กว่าโต๊ะบ้านเราเสียอีกนะ!""ดูโซฟาตัวใหญ่และเตียงใหญ่นั่น นั่งแล้วน่าสบายมากเลยนะ แล้วยังจะอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่นั่นเอง เข้าไปอาบสองคนก็คงไม่มีปัญหา!""บ้านหลังนี้สวยจริงๆ มีสไตล์มากเลยนะ!"จ้าวฟู่กุ้ยและจางอวี้หลานกล่าวชมอย่างไม่หยุดปากพร้อมกับสอดส่ายสายตาขวาทีซ้ายทีอยู่อย่างนั้นโดย
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วหลินเฟยก็นึกไปถึงคำพูดของจ้าวลู่ลู่ก่อนหน้านี้ และถามกับหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยทันทีว่า"เถ้าแก่ของพวกคุณแซ่อะไร? ลูกชายของเขาชื่อฉู่หมิงฮุยใช่หรือเปล่า?""ไม่เลว คุณรู้จักเถ้าแก่ของพวกเราด้วย?"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย"ไม่รู้จัก และไม่มีความจำเป็นจะต้องรู้จักด้วย""ถ้าฉันอยากจะออกไป พวกนายแค่นี้ก็ขวางฉันเอาไว้ไม่อยู่หรอก เพียงแต่ว่า ในเมื่อเถ้าแก่ของพวกนายอยากจะมาคิดบัญชี""ก็ให้เขารีบมาหน่อย อย่าให้ฉันต้องเสียเวลา"หลินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและในตอนนี้ หลินเฟยก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่า เขาบังเอิญได้มาซื้อบ้านภายใต้ชื่อพ่อของฉู่หมิงฮุยจริงๆ แล้วในเมื่อมีความเกี่ยวพันกันแบบนี้ไม่ว่าบ้านจะดีสักแค่ไหน หลินเฟยก็ไม่รับไว้พิจารณาอยู่แล้วหลังจากจัดการกับฉู่เทียนฮ่าวเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะพาจ้าวลู่ลู่ไปดูบ้านหลังอื่นๆ"ไอ้เด็กนี่ก้าวร้าวอยู่พอตัวเลยนะ เถ้าแก่ของเราอยู่ระหว่างทางแล้ว เดี๋ยวก็มาถึง นายรอดูเถอะ!"หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยมองหลินเฟยขึ้นลงจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนขึ้นมา"ที่แท้ก็เป็นชุมชนพัฒนาของพ่
ลูกน้องกลุ่มนี้ไม่เคยคิดสงสัยและไม่ทำตามคำพูดของฉู่เทียนฮ่าวเลยแม้แต่น้อยทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาผลักจ้าวฟู่กุ้ยออกเป็นคนแรก"ลุงฟู่กุ้ย ลุงพาลู่ลู่และป้าอวี้หลานไปหลบอยู่ในห้องก่อนเถอะครับ""เดี๋ยวผมเรียกพวกคุณค่อยออกมานะ"หลินเฟยเดินเข้าไปและดึงจ้าวฟู่กุ้ยออกมา"งั้นเสี่ยวเฟย คุณต้องระวังตัวด้วยนะ พวกเราเข้าไปก่อนล่ะ!"จ้าวฟู่กุ้ยนั้นกลัวจริงๆเขาไม่กล้าทำอะไรอีกต่อไป ได้แต่รีบพาจ้าวลู่ลู่และจางอวี้หลานเข้าไปหลบในห้องก่อนเท่านั้นและด้วยแบบนี้คนสิบกว่าคนที่ฉู่เทียนฮ่าวได้พามาก็เข้ามาล้อมหลินเฟยเอาไว้อย่างแน่นหนาและในจำนวนคนเหล่านี้มากกว่าครึ่งได้ถือมีดเหล็กพร้อมกับกวัดแกว่งไปมาใบมีดนั้นคมกริบจนน่าตกใจ!"เสี่ยวเหอ มานี่เร็วเข้า ที่นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ!"และในสถานที่นี้ คนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยก็คือเหอเหยาเธอจึงถูกหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยดึงตัวออกไปจากห้องด้วย"ไอ้หนุ่ม แกกล้าตีลูกชายของเถ้าแก่ฉู่จนเป็นเอ๋อไปแบบนั้น แกคิดแล้วหรือยังว่าจะตายแบบไหนดี?"ลูกน้องมือขวาของฉู่เทียนฮ่าวขยับข้อมือ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ดุดันออกมา"ยังไม่ได้คิดหรอก ฉันก็ไม่อยากจะมาเสี
ขณะที่พูด หลินเฟยก็ได้เหยียบไปที่หัวของฉู่เทียนฮ่าวที่กำลังจะลุกขึ้น"แก...แกคิดจะทำอะไร?" ฉู่เทียนฮ่าวกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัวแม้ว่าเขาจะเคยเห็นคลื่นลมแรงมาไม่น้อยแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเฟยที่อายุน้อยคนนี้ เขากลับรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจขึ้นมาได้ความรู้สึกแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาอับอายและเดือดดาลเป็นอย่างมาก!"ทำอะไรงั้นเหรอ? ฉันทำร้ายลูกชายของแก แกพาคนมาฆ่าฉัน ฉันทำเพื่อปกป้องตัวเอง ก็ต้องทำให้แกกลายเป็นเอ๋อไปอีกคนอย่างไงล่ะ""หรือว่า...จะฆ่าแกดีล่ะ""เถ้าแก่ฉู่คิดว่าอันไหนจะเหมาะสมกว่ากันล่ะ?"หลินเฟยหรี่ตาลง มองไปยังฉู่เทียนฮ่าวแล้วพูดออกมาฉู่เทียนฮ่าวได้พาคนมาฆ่าเขาอย่างเปิดเผยแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หลินเฟยจะปล่อยฉู่เทียนฮ่าวให้กลับไปแบบนี้ได้"น้องชาย นายไม่จำเป็นต้องผลีผลามขนาดนั้น!""ความจริงแล้ว นายลองคิดดูให้ดีๆ นะว่า ท้ายที่สุดแล้วนายเข้ามาตีลูกชายของฉันก่อน ฉันพาคนมาคิดบัญชี มันก็อยู่ในความคาดหมายไม่ใช่เหรอ""หากนายคิดว่าฉันทำไม่ถูก งั้นฉันก็จะพาคนออกไปเดี๋ยว สัญญาว่าจะไม่พาคนมาก่อกวนนายอีกต่อไป!"ฉู่เทียนฮ่าวทั
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได