ผู้หญิงลึกลับที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมก็นั่งนิ่งไม่ค่อยอยู่แล้วอันที่จริงหยกเขียวราชันขนาดใหญ่อันนี้เป็นสิ่งที่มีไว้เชยชม ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อครอบครอง นี่เป็นของที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ และเธอก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้"หนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยล้าน"ผู้หญิงลึกลับเอ่ยปากเพิ่มสองพันห้าร้อยล้าน ซึ่งเป็นมูลค่าสูงกว่าราคาของพวกนักธุรกิจในงาน พวกนักธุรกิจที่อยู่รอบๆต่างพากันหน้าซีดเซียว ผู้จัดงานก็ลงมือดำเนินการต่อราคานี้มันเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว มันอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง ได้แต่มองหยกเขียวราชันชิ้นนั้นด้วยความเจ็บใจท้ายสุดในการแข่งขันการประมูลของฝูงชนนั้น ผู้หญิงลึกลับก็ได้ซื้อหยกเขียวราชันในราคาที่น่าอึ้งถึงหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยล้าน ซูไห่เทาเห็นผู้หญิงลึกลับแย่งชิงซื้อหยกเขียวราชันในราคาที่สูงลิ่วเลยมองไปทางหลินเฟยเพื่อขอความคิดเห็นจากเขา"คุณหลิน หยกเขียวราชันนี้คุณว่า…"หลินเฟยพยักหน้า"หยกเขียวราชันยังไม่ได้ผ่านการขึ้นรูป ราคานี้ก็ถือว่าคุ้มจริงๆไม่ถือว่าขาดทุน""ขายให้พวกเขาเถอะ ก็ถือว่าไว้หน้าพวกเขาละกัน"ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นผู้จัดงาน การแสดงทะเลาะกับจางซื่อเฉวียนก็ได
การเดิมพันที่แพ้พ่ายจางซื่อเฉวียนไม่พอใจอย่างมาก“ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กคนนี้โชคร้ายขนาดไหนล่ะ? เขาสามารถคว้าหยกเขียวราชันมาได้จริงๆ ไม่ได้การ ปรมาจารย์หลี่ช่วยฉันเดิมพันอีกครั้งหนึ่งเถอะ แค่เดิมพันอีกครั้ง ท่านจะยื่นขอเสนออะไรก็ได้”"ช่วยฉันอีกสักครั้งหนึ่งเถอะ"จางซื่อเฉวียนไม่อยากเสียเงินสองพันห้าร้อยล้านของเขา ยิ่งไม่อยากแพ้ให้กับซูเฉี่ยนเสวี่ยการต่อสู้เพื่อให้ได้ภูเขาน้ำแข็งที่งดงาม ถึงจะต้องสู้จนตัวตายก็ต้องได้มาและดวงตาของจางซื่อเฉวียนก็ลึกลง เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ เหมือนกับนักพนันที่สูญเสียทุกอย่างไปหลี่เฉวียนเฟิงส่ายหัวอย่างท้อแท้ใจ“ไม่ มันไม่จำเป็น ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”“เฮ้อ เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าจริงๆ นี่ฉันคงแก่ไปแล้ว ไม่พนันแล้วล่ะ”เกมของหลินเฟยทำให้หลี่เฉวียนเฟิงถึงกับหมดความหวังในใจอย่างสิ้นเชิงไม่ได้ยอมแพ้ในตัวเองก็ไม่เลวแล้ว หลี่เฉวียนเฟิงกำลังเกิดความสงสัยในความสามารถและระดับของตัวเองอีกด้วยหลี่เฉวียนเฟิงส่ายหัวเตรียมจะจากไปจางซื่อเฉวียนรู้สึกมีความกังวลเล็กน้อย ถ้าหลี่เฉวียนเฟิงจากไป งั้นเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะพลิกเกมแล้วทันใดนั้นเขาก็คว้าแขนเสื้อ
จางซื่อเฉวียนค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังด้วยความหวาดกลัว อยากจะหันหลังกลับและหนีออกจากตรงนี้ทันที ผู้หญิงลึกลับตวัดข้อมือออกคำสั่ง พนักงานบริษัทและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ตรงนั้นรีบก้าวไปข้างหน้า และปิดกั้นทางของจางซื่อเฉวียนไว้ทันที ผู้หญิงลึกลับหัวเราะอย่างเย็นชา และพูดขึ้น “จางซื่อเฉวียน คุณเป็นถึงคนที่มีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในวงการนี้ เดิมพันกับคนอื่นไว้แต่กลับคิดที่จะโกงกันงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกสมเพชคุณจริง ๆ นี่คุณทำมันลงไปได้ยังไง?” “คุณจะไม่ชดใช้ก็ไม่เป็นไร หลังจากนี้ต่อไปอุตสาหกรรมการค้าหยกทั้งหมดในเมืองนี้จะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมการผลิตหยกของคุณจางซื่อเฉวียนให้ถึงที่สุด จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขายหินหยกดิบให้กับจางซื่อเฉวียน และก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ซื้อหินหยกจากร้านในเครือของจางซื่อเฉวียนทั้งหมด ในเมื่อคุณทำตัวหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องโลดแล่นอยู่ในวงการนี้อีกต่อไป” “อย่าทำลายชื่อเสียงธุรกิจอุตสาหกรรมของเราเลย”ในเวลานี้หลินเฟยคว้าคอเสื้อของจางซื่อเฉวียน ยกหมัดกำปั้นโตของเขาเตรียมจะชกเข้าไปที่ใบหน้าอวบอ้วนของจางซื่อเฉวียนสุดแรง ถึงจะถูกหลินเฟยต่อย
ผ่านเรื่องตลกอันน่าขบขันของจางซื่อเฉวียนนี้ทำให้ซูไห่เทาได้รู้ถึงสถานการณ์ของฉากที่อยู่เบื้องหลังมากมายซูไห่เทากล่าวอย่างครุ่นคิด “ถ้าหากว่าสภาพคล่องทางการเงินของจางซื่อเฉวียนในตอนนี้เหลืออยู่เพียงน้อยนิด แถมยังต้องเอาหินดิบที่ซื้อมาทั้งหมดมาชดใช้ให้กับพวกเราอีก นั้นก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่หาได้ยากนะเนี่ย” “เพียงแค่ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของชายคนนี้ที่ตอนนี้ถูกทำลายไปแล้ว เราก็สามารถใช้โอกาสนี้เข้ารวบรวมและยึดบริษัททั้งหมดที่อยู่ภายใต้การบริหารของจางซื่อเฉวียนได้!” “ไม่มีเงินทุนหมุนพอที่จะเติมสต๊อกสินค้า และหากช่องทางเงินเก็บและช่องทางการรวบรวมเงินทุนถูกปิดกั้นอีก นั่นมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาออกจากอุตสาหกรรมหยกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว”ในฐานะนักธุรกิจ และในฐานะศัตรูคู่แข่งซูไห่เทามีที่ไหนจะคุยกับจางซื่อเฉวียนด้วยหลักของศีลธรรมแน่นอนว่าจะต้องอาศัยตอนที่เขาล้ม ทับเขาให้จมดิน ถ้าหากว่าเว้นช่องโหว่ ให้จางซื่อเฉวียนพลิกสถานการณ์กลับมาได้อีกครั้งหนึ่งแล้วละก็ ถึงตอนนั้นคนที่จะแย่ก็คงจะเป็นตระกูลของซูไห่เทาซะเอง “สำหรับบอสซูแล้ว ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะจัดการกับจางซื่อเฉ
เหล่าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จัดงานหลายคนโดยรอบรู้สึกสนุกสนานที่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องช่วยเหลือผู้หญิงที่น่าขยะแขยงอย่างฉินฟาง“ฮ่าฮ่า ฉันยินดีที่จะทำให้เธอเอง!”“ฉันก็ยินดีเหมือนกัน นางผู้หญิงแพศยาคนนี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ สั่งสอนเธอหน่อยก็ดีนะ!”ฉินฟางมองไปที่สายตาหื่นกระหายของเหล่าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จัดงาน ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจเล็กน้อย“พวกนายอย่าเข้ามานะ...”เธอรู้ดีแก่ใจว่าหายนะในครั้งนี้เธอคงจะหนีไม่พ้นอย่างแน่นอนแล้ว ภายในใจของเธอรู้สึกผิดหวังและเสียใจอย่างไม่มีประมาณได้ ทำไมตัวเองถึงต้องดึงพานเสี่ยวเหลียนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนะไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่ธุระกงการของเธอน่าเสียดายที่ในโลกใบนี้ก็ไม่มียาลบความเสียใจซะด้วยสิ“รีบถอดสิ!”ขณะที่ฉินฟางกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความเสียใจอยู่นั้น หลินเฟยก็ตะคอกขึ้นมาอย่างเย็นชา “ฉัน...ฉันจะถอด ฉันจะถอดเอง...”ฉินฟางตกใจ และเริ่มที่จะถอดเสื้อผ้าของเธอออกจริง ๆเธอถอดกระโปรง รวมไปถึงกางเกงชั้นในสีดำออกหมดแทบจะยืนเปลือยเปล่าในสถานที่จัดการประชุมจัดซื้อหินหยกหยาบแห่งนี้ในตอนนี้เหล่าคนในวงการจ
ฉินฟางร้องไห้พลางวิ่ง ในใจนึกเสียใจไร้ขีดสุดว่าตนเองไม่ควรไปหาเรื่องหลินเฟยเจ้าหมอนั้นเป็นคนโหดร้ายที่มีแค้นต้องชำระบทเรียนครั้งก่อนเธอก็น่าจะจดจำเอาไว้ และสิ่งที่ทำให้เธอยิ่งจนใจก็คือเธออยากจะวิ่งรอบลานให้จบไว ๆ กลับไปเร็วสักหน่อย แต่จังหวะย่างก้าวกว้างขึ้นจะยิ่งเปิดเผยมากขึ้นจังหวะก้าวย่างเล็กแล้วระดับความเร็วช้ามากในสถานการณ์ประเภทนี้วิ่งห้อต่อไป ลานคัดเลือกหินราวกับเปลี่ยนเป็นกว้างใหญ่มากยิ่งขึ้นฉินฟางอดกลั้นภายใต้สายตาที่แตกต่างของแต่ละคนในที่นี้ วิ่งจนครบหนึ่งรอบรีบเร่งสวมเสื้อผ้าของตนเองลวกๆ ออกจากสถานที่ท่ามกลางการเยาะเย้ยของคนที่ผ่านไปมาในสภาพน่าอับอายยิ่ง“คนสวย ทรวดทรงนับว่าพอใช้ได้นี่”“ผิวพรรณก็ขาวนวลเลยทีเดียว”“ตอนที่เริ่มวิ่งนั้นก็เพลิดเพลินพอสมควร ฉันได้ถ่ายวิดีโอทั้งตัวให้เธอแล้ว คมชัดไม่มีเซนเซอร์ กลับไปจะส่งให้เธอได้ดูนะ”ฝูงชนฉันคำหนึ่งเธอคำหนึ่ง ต่างควักเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแลกเปลี่ยนมุมมองที่ต่างกันในที่นี้ค่อนข้างคึกคักแต่หัวใจของหลินเฟยสงบดั่งสายน้ำถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลินเฟยบดขยี้จางซื่อเฉวียนเอาชนะมาได้ ได้รับการดูถูกแบบนี้ก็ต้องเป็นพานเสี่ย
“ขอบคุณปรมาจารย์หลินที่ช่วยเหลือเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์หลินมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มององค์รวมอย่างที่คิด”หลินเฟยยิ้มเรียบๆ “ไม่ต้องเยินยอฉันแล้ว ให้ปรมาจารย์หลี่ไปเถอะ”“ปรมาจารย์หลี่ ไม่ต้องถอดใจ อาศัยความสามารถของคุณก็เก่งกาจโดยมากแล้ว ต่อไปพวกเราแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากหน่อยก็เป็นใช้ได้ ยิ่งกว่านั้นขอแสดงความต้อนรับในการเข้าร่วมของปรมาจารย์หลี่”กู้เหวินปี้ยื่นมือออกมาจับมือกับหลี่เฉวียนเฟิงอย่างกระตือรือร้นหลี่เฉวียนเฟิงส่ายหน้าและฝืนยิ้มออกมา“ฉันไหนจะมีคุณสมบัตินับเป็นปรมาจารย์กัน มีปรมาจารย์หลินอยู่ที่นี่ ฉันไม่มีคุณสมบัติโดยสิ้นเชิง”คนทั้งกลุ่ม ในที่สุดก็ได้รู้จักกันซูไห่เทาสอบถามหลินเฟย“ปรมาจารย์หลิน หินสามก้อนที่จางซื่อเฉวียนเหลือไว้นี้ คุณว่าจะจัดการยังไงดี ?”หลินเฟยกลับไม่เห็นความสำคัญของหินหยกพวกนั้นแค่เอ่ยบอก“ยังไงก็ได้ หินหยกเล็กน้อยนี้ฉันไม่สนใจ ให้คุณซูจัดการเอาเองแล้วกัน”ก้อนหินที่หลี่เฉวียนเฟิงเลือกออกมา อย่างน้อย ๆ ก็มีมูลค่ามากกว่าสองพันล้านหลินเฟยจู่ ๆ ไม่เอาเลยสักนิดเหรอ ?ซูไห่เทาเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างซูเฉี่ยนเสวี่ยสีหน้าดีใจเขยิบเข้าไปใก
“คุณหนูท่านนี้ คุณมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”เห็นอีกฝ่ายมาตรงหน้า สีหน้าหลินเฟยจึงได้จริงจังเล็กน้อยเพียงฟังสาวสวยพูดด้วยสีหน้าไม่เรียบเฉย“ปรมาจารย์หลิน หากตอนนี้คุณมีเวลาละก็ สามารถพูดคุยเป็นการส่วนตัวได้เหรอไม่?”ท่าทีของสาวสวยนับว่านอบน้อมต่อหลินเฟย แถมยังเชื้อเชิญหลินเฟยด้วยตนเองก่อนทำให้พวกพ่อค้ารอบข้างที่เห็นฉากนี้ต่างอุทานตะลึงออกมาครู่หนึ่ง“คงไม่ใช่หรอก แน่ใจนะว่าฉันไม่ได้มองผิดไป? วันนี้พบเจอเรื่องที่ทำเอาคนตื่นตกใจแล้ว ฉันสงสัยว่าตอนนี้ฉันจะมีปัญหาด้านการรับรู้ไปแล้ว”“ไม่ผิด นายไม่ได้มองผิดไป มันเกิดขึ้นจริง”“เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นคุณหนูเจียงจู่ๆ เชื้อเชิญผู้อื่นพูดคุยก่อน”“ปรมาจารย์หลินย่อมเป็นคนแรก ถึงอย่างไรก็เป็นหนุ่มหล่อมีพรสวรรค์ ทั้งยังมีฝีมือในการเดิมพันหิน ไม่น่าล่ะถึงได้ดึงดูดความสนใจของที่สุดสาวงามเช่นคุณหนูเจียง”“อิจฉาจะตายอยู่แล้ว ครั้นสามารถสนทนากับคุณหนูเจียงตามลำพัง ทั้งชีวิตนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว”พวกผู้ชายทั้งกลุ่มต่างเผลอแสดงสีหน้าอิจฉาอย่างถึงที่สุดออกมา“ด้วยสถานะของคุณหนูเจียงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ไม่มีโอกาสจะมาพบเธอเป็นการส่วน
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได