“กรี๊ด! นั่นพี่แอร์โรว์คณะวิศวะนี่นา...อร้ายยหล่อละลายใจ...”“นั่นสิเธอใช่พี่แอร์โรว์จริงๆ ด้วย! กรี๊ด!...หล่อจังเลยเธอ!”พวกสาวๆ หลายคนในคณะนี้แทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักคันศร แต่ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าจันทร์ ซึ่งในตอนนี้พวกนั้นต่างก็พร้อมใจกันวิ่งกรูเข้ามาใกล้ ซึ่งมันยังอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย...ทำไมเด็กศิลปะ...ถึงได้คลั่งไคล้เด็กวิศวะมากมายขนาดนี้กันวะเฮ้ย!นั่นก็เพราะคันศรเป็นหนึ่งในสิบคนที่เหล่าบรรดาสาวๆ ทั้งหลายต่างก็พากันโหวดให้เจ้าตัวได้เป็นหนุ่มฮ็อตของมหาลัย แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยสนใจใยดี เพราะไม่ได้ต้องการตำแหน่งที่ว่า จากพวกผู้หญิงที่พากันบ้าผู้ชายทั้งหลายเหล่านั้นทั้งที่บางคนก็เคยโดนคันศรตะเพิดกลับไป อย่างไม่ไว้หน้าจนนับครั้งไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยหลาบจำกันเลยสักที เพราะคิดว่าคนรูปหล่อทำอะไรก็ดูดีไปหมดละมั้ง ตรรกะแม่งถึงได้พังฉิบหาย!ขืนยังอยู่ตรงนี้ก็คงจะถูกรุมตาย ...แล้วมึงจะมายืนทำซากอะไรเล่า!....“ไอ้เจ้า...วิ่ง!”เท่านั้นแหละ แล้วคนทั้งคู่ก็พากันมานั่งหอบอยู่ในรถ...“แก...รีบสตาร์ทรถ..แล้วรีบเปิดแอร์...เร็วๆ เข้าดี้!”เจ้าจันทร์บอกคันศรเสียงสูงทั้งที่ยังปร
คันศรพาเจ้าจันทร์กลับมาถึงที่พักในเวลาใกล้จะสองทุ่ม ในระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันหญิงสาวก็ได้เล่าเหตุผลทั้งหมดให้มันฟังว่าเมื่อสามวันก่อนเธอต้องนอนซมเพราะพิษไข้ จากบาดแผลที่เกิดอาการอักเสบขึ้นมาในตอนเช้า ยังดีที่มีข้าวปุ้นเดินผ่านมาแล้วแวะถามว่าจะฝากซื้ออะไรบ้าง เพราะนางจะลงไปซื้อของใช้ในร้านค้าที่อยู่ด้านใต้ของตัวอาคาร มันจึงเป็นจังหวะดีที่ได้ยามาจากน้องมันในตอนนั้นเลยเพราะไม่เคยคิดว่าการมีอะไรกัน มันจะทำให้หญิงสาวรู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งร่างกาย ได้ถึงขนาดที่ต้องหยุดเรียนไปเลยวันหนึ่ง ซึ่งเธอก็ได้กำชับกับข้าวปุ้นเอาไว้แล้วว่า อย่าได้แพร่งพรายเรื่องที่เธอเป็นไข้ให้ใครรู้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ห้องตรงข้ามกันเนื่องจากเจ้าจันทร์กลัวว่ามันจะมาซ้ำ มากกว่าจะมาทำให้เธอหายดี แต่ตรงนี้เธอไม่ได้เล่าให้มันฟังหลังจากจอดรถเสร็จคันศรก็เดินตามเจ้าจันทร์ที่ยืนรอมันอยู่แถวนั้น แล้วเดินขึ้นลิฟท์ไปพร้อมๆ กัน แต่ในขณะที่กำลังเดินใกล้จะถึงห้องของคนทั้งคู่ จู่ๆ เจ้าของร่างบางก็รีบสาวเท้าก้าวเดินนำหน้าขึ้นไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น...แต่คันศรกลับรู้ทัน ว่าเจ้าจันทร์มันกำลังจะทำอะไร...หมับ!“จะไปไหน?...ม
หลังจากวันที่คันศรไปหาเจ้าจันทร์แล้วพากันวิ่งหนีเหล่าบรรดาสาวๆ ศิลปะ เจ้าจันทร์ก็สั่งห้ามไม่ให้คันศรโผล่หน้าไปหาเธอที่คณะอีกเลยแค่พวกนั้นรู้ว่าเจ้าจันทร์ได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับเพื่อนชายในคณะวิศวะ สาวๆ ศิลปะทั้งหลาย ต่างก็พากันมาวุ่นวายถามไถ่ถึงพวกมัน จนเจ้าจันทร์ไม่เป็นอันทำงานที่อาจารย์ได้มอบหมายให้ อีกทั้งบางคนก็ยังเอาของขวัญมาฝากไว้ที่เจ้าจันทร์เพื่อนำไปให้พวกมันอีกที แต่ไอ้คนที่เมียแล้วอย่างใต้ฝุ่น เจ้าจันทร์จะไม่ยอมเอาของที่สาวๆ เหล่านั้นส่งต่อไปให้มัน เพราะไม่ต้องการทำให้ข้าวปุ้นรุ่นน้องของเธอรู้สึกเสียใจข้าวปุ้นเป็นรุ่นน้องของเจ้าจันทร์หลายปี อีกทั้งยังสนิทกันมาก เนื่องจากเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันในระดับชั้นมัธยม ซึ่งรวมไปถึงคันศร โชกุน และใต้ฝุ่นนั่นก็ด้วยแค่ใต้ฝุ่นไม่ยอมเปิดเผยสถานะระหว่างกัน นั่นมันก็ทำให้เจ้าจันทร์รู้สึกไม่พอใจมันอย่างแรง แต่ข้าวปุ้นกลับแสดงให้เจ้าจันทร์ได้เห็นว่า ตัวมันเองนั่นแหละที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่คนทั้งคู่ก็มีลูกสาวด้วยกันอยู่แท้ๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ข้าวปุ้นกลับเป็นได้แค่น้องสาวของมัน หรืออาจจะเป็นข้อตกลงระหว่างกันของพวกม
“สาวคณะไหนหลงเดินเข้ามาในลานเกียร์ของเราวะ?”“นั่นดิ แม่งหน้าตาน่ารักน่าจับกินฉิบหายเหอะ...”“เนอะ.. สวยเซ็กซี่ งานดี...คนนี้แหละกูจอง!”คำพูดของเหล่าบรรดารุ่นน้องนิสัยห่ามๆ ทำให้คันศรต้องมองตาม ไปพร้อมๆ กับสายตาหลายๆ คู่ ต่างก็ไปกองรวมกันอยู่ที่เจ้าจันทร์แต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่หญิงสาวก็กำลังเดินตรงเข้าไปหาเป้าหมายที่มีคันศรยืนมองเธออยู่ตรงนั้น“สัด! นั่นมันของกู!”คันศรหันกลับไปด่ารุ่นน้องด้วยน้ำเสียงห้วนตึง พร้อมกับดึงสีหน้าดุๆ ใส่ ก่อนจะรีบไต่บันไดลงมายืนอยู่บนพื้น และในขณะเดียวกันก็มีมือของ กอหญ้า ยื่นแก้วน้ำส่งมาให้รุ่นพี่ คนที่ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจฉิบหายแล้วมั้ยละไอ้ศร!...รถไฟทั้งสองขบวนดันเสือกมาประสานงากันที่ลานเกียร์เสียอย่างงั้น...“ดื่มน้ำของกอหญ้าก่อนนะคะพี่แอร์โรว์ กอหญ้าตั้งใจซื้อมาฝากพี่โดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย”“.......”เชี่ย!กูไม่หิว แล้วใครบอกให้เธอมาหาเขาในเวลาแบบนี้กัน...ทั้งที่เคยพูดจาตัดขาดเธอไปก่อนหน้านั้นแล้วตั้งหลายครั้ง แต่ก็ยังจะมาตามตื้อกันอย่างที่ไม่รู้สึกอาย เป็นถึงดาวคณะบัญชี มีหรือที่จะหาผู้ชายดีๆ สักคนไม่ได้น่ะรุ่นน้องที่อยู่ในงานต่างก็พร้อมใจกันเงี
“พอดีเห็นแกอยู่แถวนั้น ฉันก็เลยคิดว่าจะเดินเข้าไปทักทายกัน แล้วมันก็ได้เห็นว่าแกมีดาวมหาลัย มาคอยให้กำลังใจกันอยู่ไม่ห่าง แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เพราะแกก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับใครที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ส่วนฉันมันก็เป็นแค่เพียง...”เจ้าจันทร์ละไว้ก่อนจะหันไปประสานสายตากับอีกฝ่าย ที่เจ้าตัวตั้งใจจะหันมามองหน้ากันในจังหวะนั้นพอดี“เพื่อนนอนแก้เงี่ยนของแกก็แค่นั้นเอง...”“พูดเชี่ยอะไรของแกวะฮะ!...ไอ้เจ้า!” ‘คันศรตะคอกใส่เจ้าจันทร์เสียงเข้ม พร้อมกับความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนจะหักพวงมาลัยรถลงมาจอดตรงไหล่ทาง แต่เจ้าจันทร์ก็ยังไม่ยอมหยุดคำพูด ที่คล้ายกับกำลังดูถูกตัวเองอยู่ดี“ฉันก็กำลังพูดความจริงกับแกอยู่นี่ไง?”เจ้าของร่างบางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ส่วนคันศรก็รีบเถียงหญิงสาวกลับไป...“ไม่จริง!...แกเป็นเมียฉัน!”“แบบที่เราเป็นกัน มันเรียกว่าอย่างนั้นได้ด้วยเหรอวะลูกศร”เจ้าจันทร์ย้อนถามกลับไปบ้าง อย่างไม่กล้าจะยอมรับกับความสัมพันธ์ที่มีให้กันในตอนนี้ ที่ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะใช่สถานะอย่างที่มันกำลังบอกกับเธอออกมา“แกต้องการอะไรกันแน่วะไอ้เจ้า ไหนแกช่วยบอกฉันมาทีละข้อดิ เอาแบบจริง
หลังจากเลิกคลาสเจ้าจันทร์ก็ได้โทรนัดแนะกันกับคันศร ว่าเจ้าตัวจะมาแวะรับเธอตอนทุ่มหนึ่ง ซึ่งมันก็ได้กำชับนักกำชับหนากับเรื่องที่ว่า...(“แกห้ามแต่งตัวมาอ่อยผู้ชายเลยนะ ถ้าไม่อยากจะให้ฉันมีเรื่องกับใครน่ะ”)ดูมันพูดเข้าดิ...นั่นมันกำลังขอร้องหรือต้องการจะออกคำสั่งกับเจ้าจันทร์กันแน่....แทนที่จะใช้คำว่า...‘แกอย่าแต่งตัวให้มันล่อแหลมมากนะงี้’หรืออีกทีก็คือ...'แกช่วยแต่งตัวให้มันมิดชิดกว่านี้หน่อย'แบบนั้น..“หวงฉันดิ?”(“เออ!”)แค่เนี่ยะ!..จะสั้นไปไหนเนี่ย...ก็แค่คิดเฉยๆ นั่นแหละ แต่ก็เหมือนกับคนที่อยู่อีกฝั่งจะรู้ทันว่าเจ้าจันทร์กำลังคิดอะไร?(“หวงดิวะ...ฉันไม่อยากให้ใครมามองเมียฉัน แล้วเอาไปคิดไม่ดี...เข้าใจ๋?”)ก็ยังไม่วายเรียกเจ้าจันทร์ว่าเมียได้เสียทุกครั้ง อย่างเต็มปากเต็มคำซะด้วยสิ“แต่แกสามารถมองผู้หญิงคนอื่น ที่แข่งกันแต่งตัวมายั่วผู้ชายได้...ว่างั้น?”เจ้าจันทร์ถามคันศรกลับไปอย่างจงใจจะ...(“กวนตีน! แกนี่มันชอบกวนตีนฉันไม่เลิกราเลยนะไอ้เจ้า มีผัวแล้วช่วยทำตัวให้มันอ่อนหวานบ้างจะได้มั้ยฮะ!?”)คันศรว่าก่อนจะย้อนถามกลับไป แต่ทว่าก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก เพียงแค่อยากจะต่อปากต่
“ก็ถ้าแกมองผู้หญิงที่ใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยในร้านเมื่อไหร่ ฉันก็จะถอดเสื้อผ้าที่ใส่ให้เหลือแต่ชั้นในเลยนะขอบอกเลย!...”นอกจากจะทำหน้าตึงทันทีที่ได้ฟัง เจ้าของร่างหนายังยกมือขึ้นมา แล้วดีดไปที่กลางหน้าผากมนของอีกคนดัง...เพี๊ยะ!“โอ๊ย! ไอ้เชี่ย!...เจ็บนะโว้ย!” เจ้าจันทร์โวยลั่น ในขณะที่ยกฝ่ามือบางขึ้นถูกลางหน้าผากตัวเองย้ำๆ“เออ...ถ้าหากแกกล้าทำอย่างที่ว่านั่น..ฉันก็จะทุบแกให้สลบคาที่ตรงนั้นเลยดีมั้ย!?...”“ไอ้!....”“อย่าด่า!..” เจ้าจันทร์ชะงักค้าง เมื่อถูกอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาชี้หน้า แล้วเอ่ยกับเธอต่อจากนั้นว่า “เดี๋ยวฉันจะมีอารมณ์.”คนตัวโตกว่าพูดจาข่มขู่เชิงบังคับกลายๆ และมองหน้าเจ้าจันทร์ด้วยสายตาที่สื่อถึงความหมายที่รู้กันได้แค่เพียงสองคน“พอมีอารมณ์แล้วฉันก็จะพาแกกลับขึ้นไปบนห้อง แล้วเราก็ไม่ต้องไปไหนกันแล้วมะ?”สิ่งที่คันศรได้พูดออกมาทั้งหมดนั่น คิดเหรอว่าคนอย่างเจ้าจันทร์มันจะกลัว...เจ้าตัวเบ้ปากพร้อมกับจิกตามองแรงเข้ากับหน้าตา ก่อนจะเดินนำหน้าไปที่รถ ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่มากนัก จากนั้นจึงพากันไปยังจุดหมาย โดยใช้เวลาพอสมควรในการเดินทางจากที่พัก จนกระทั่งมาถึงร้า
ทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลงทันที จะมีก็เพียงเสียงดนตรีของทางร้านที่ยังคงดังอยู่ต่อไปเท่านั้น...“กี่นาทีกูไม่ให้มึงคุย...ถ้ามึงอยากจะคุยกับไอ้เจ้ามันมากนักก็ผ่านส้นตีนกับกำปั้นของกูไปให้ได้ซะก่อนมั้ยวะ?”ส่วนเจ้าจันทร์ที่ยังไม่ทันได้ตอบรับ ก็มีเสียงของคันศรย้อนสวนกลับไปให้ ด้วยสีหน้าท่าทางรวมไปถึงการกระทำและคำพูด ที่ชวนหาเรื่องกับอีกฝ่ายอย่างที่เห็น...มันก็เป็นซะแบบเนี่ยะ!..ทีแรกก็คิดว่าตั้มจะเดินเข้ามาหาเรื่องกันนั่นแหละ แต่นี่กลายเป็นว่าคนของเจ้าจันทร์ต่างหากที่อยากจะมีเรื่องกับมันซะเอง...นักเลงภูธรนี่ร้อนได้ใจดีจริงๆ แฮะ..ส่วนกูก็สวยมากซะจนทำให้ผู้ชายทั้งสองคน ต้องมาแย่งกันกลางร้านเหล้างี้...นี่...กูต้องภาคภูมิใจกับความงามที่เลือกได้ของตัวเองใช่มั้ยเนี่ย?...แล้วต้องตกเป็นข่าวฉาว ยาวนานต่อไปอีกกี่เดือน...ถาม!?หรืออาจเป็นเพราะเจ้าจันทร์ที่เป็นคนทำให้ตั้มเข้าใจผิด และคิดไปเองว่าหญิงสาวอาจจะมีใจให้กับมันบ้าง? แต่ถึงอย่างนั้นคำตอบที่ออกมาจากปากของเจ้าจันทร์ อาจทำให้มันกระจ่างและบางทีจะได้ไม่ต้องมีอะไรมาค้างคาเพื่อเป็นการตัดปัญหา เจ้าจันทร์จึงออกแรงดันร่างใหญ่กว่าขอ
แล้วตอนนี้เจ้าจันทร์ก็กำลังพยายามหาทางออก และบอกกับตัวเองไว้ว่า หากคนเป็นพี่ชายไม่ยอมให้อภัยเธอสักที เธอคงต้องใช้วิธีขอร้องมารดาให้เป็นตัวช่วยสุดท้ายเลยก็แล้วกันเมื่อคิดได้อย่างนั้น เจ้าจันทร์จึงโทรไปหาคนเป็นมารดา เพื่อสารภาพผิดทุกอย่างที่เจ้าตัวได้กระทำลงไป จากนั้นจึงขอร้องให้นางจันทราช่วยเป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับพี่ชายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพิ่มอีกหน่อยตรงที่ขอให้ท่านช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าไม่ต้องมารับ เพราะเจ้าจันทร์จะอยู่ที่นี่ เพื่อทำรายงานที่ค้างส่งให้กับอาจารย์ และจะกลับบ้านหลังจากนี้ไม่เกินสามวันนางจันทรารับปากลูกสาว แล้วบอกให้เจ้าจันทร์รอสายจากท่านอีกครั้งก่อนจะวางสายลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง นางจันทราก็โทรกลับมาบอกกับลูกสาวว่า หากพี่จอมทัพลดระดับความโกรธลงมาได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าจันทร์ก็ค่อยกลับไปกราบขอโทษพี่ชายอีกทีเป็นลูกรักของแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับมารดาจบลงไปแล้วนั่นแหละ เจ้าจันทร์ถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ และขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อไปนี้จะไม่ทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจ จนทำให้คนเป็นมารดาและพี
หลังจากจอมทัพเข้าห้องฝ่ายปกครองไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีผู้ปกครองของข้าวปุ้นเดินสับเท้าตรงเข้ามาหากลุ่มของใต้ฝุ่นที่ยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ของฝ่ายปกครองพอดี ทุกคนจึงพากันยกมือไห้ว ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า“ใครมันกล้ารังแกน้องสาวของเจ้ เจ้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!...ไหนมันอยู่ไหนวะ!?”มาสไตล์นักเลงพอกันกับน้องชาย ราวกับถ่ายเอกสารกันมา...และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของใต้ฝุ่น และข้าวปุ้นก็ยังมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเธอนั่นด้วย อีกทั้งยังช่วยลงชื่อเป็นผู้ปกครองแทนคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ทิ้งลูกสาวของตัวเองทันที หลังจากที่ได้รับเงินจากทางบ้านของใต้ฝุ่นเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ โดยแลกกับการที่ไม่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวเขามานั่นแหละ “เจ้หยก!หนูอยู่นี่ค่ะ...”ใต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ตอบคำถามคนเป็นพี่ ก็มีเสียงใสของข้าวปุ้นเอ่ยแทรกขึ้นมาอยู่หน้าประตูห้อง สายตาของทุกคู่จึงไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวทั้งๆ ที่บนข้างแก้มของเจ้าตัวก็มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งสองข้าง แต่เจ้าของร่างบางก็ยังมีรอยยิ้มสดใสให้กับทุกคนได้ด
คันศร...ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจ้าจันทร์จะถูกพวกของกอหญ้ารุมทำร้าย เพราะเขารู้ว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วด้วยทักษะการต่อสู้อย่างที่รู้กันดี แต่เรื่องนี้ดันไปถึงห้องของฝ่ายปกครองนั่นต่างหาก ที่น่าเป็นห่วงมันมากที่สุดส่วนใต้ฝุ่น...รู้สึกเป็นห่วงข้าวปุ้นมาก เพราะนอกจากมันจะตัวเล็กยังกะลูกแมว แล้วใจมันยังกล้าบ้าบิ่นพอกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งคู่จะเป็นยังไงกันบ้าง?เหมือนโชกุนจะเดาทางได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังคิดอะไร เจ้าตัวจึงไม่รอช้ารีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข่าวที่ว่านั่น ให้พวกมันดูไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองเพื่อดูวีดีโอภาพ ที่ถูกพาดหัวขึ้นเป็นข่าวท็อปไลน์ในกลุ่มของมหาลัย โชกุนแค่รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพนี้มาได้นั้น มันกำลังนั่งในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ กันกับจุดเกิดเหตุนั่นพอดี“สัดเอ้ย! ตบหน้าเมียกูตั้งสองที กูจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”ใต้ฝุ่นสบถด่าหยาบคายโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ตอนที่เห็นกอหญ้ากล้าตบหน้ายายลูกแมวของเขา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งข้าวปุ้นได้กลายเป็นสาวเต็มตัว อีกทั้งคนเป็นผัวอย่างใต้ฝุ่น ก็เคยทำให้มันเจ็บตัวแค่เพียงครั้งเดียว จา
ถึงจะบอกข้าวปุ้นออกไปอย่างนั้นแต่เจ้าจันทร์ก็เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ต่างๆ ราวกับคนที่ถูกสอนมาอย่างดี“จับมันไว้!”นั่นไง!...“...ไอ้ปุ้นระวัง!”“เฮ้ย!”เจ้าจันทร์ผลักข้าวปุ้นออกห่างพลางเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางอย่างรู้จังหวะดี เมื่อมีนักศึกษาหญิงร่างใหญ่ทั้งสองนาง พุ่งตัวเข้ามาหาในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่สามารถคว้าจับร่างของเจ้าจันทร์เอาไว้ได้ ด้วยความไวที่เคยได้ฝึกมาจากคนเป็นพี่ชายที่ช่วยสอนให้มาตั้งแต่เธอยังจำความได้นั่นแหละแต่เมื่อเจ้าจันทร์หันไปมองรุ่นน้อง ก็เห็นว่ามันถูกคนของกอหญ้าจับยึดแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง อย่างที่มันต้องการแค่สองคน ในตอนนั้นเข้าพอดีแต่มันก็ยังแสดงความมีน้ำใจ ด้วยการตะโกนบอกเจ้ของมันออกทันที“เจ้ไม่ต้องห่วงเค้า...รีบหนีไปเร็วๆ เข้า!”เจ้าจันทร์กรอกตามองบน ก่อนจะมองคนที่เหลืออยู่ แล้วเห็นว่าพวกนั้นต่างก็พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางกล้าๆ กลัว เจ้าจันทร์จึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ“คุยดีๆ กันก่อนมั้ย?...กอหญ้า”เจ้าจันทร์เอ่ยถามเจ้าของใบหน้าสวยผุดผาดบาดใจแต่มีแววตาประสงค์ร้ายอยู่ในนั้นทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เพียงแต่เจ้าจันทร์ไม่ต้อง
หลังเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่ายข้าวปุ้นก็ได้โทรมาชวนเจ้าจันทร์ ให้ไปเป็นเพื่อนซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ของตัวเองด้วยกัน เพราะใต้ฝุ่นดันติดทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ ซึ่งก็คล้ายๆ กับคันศรนั่นแหละเจ้าจันทร์กับข้าวปุ้นเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง จึงพอจะมีเวลาว่างและมักจะชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือถ้ามีเวลาเหลือก็พากันไปดูหนัง อีกทั้งยังชอบไปฟังเพลงในงานคอนเสิร์ตของนักร้องที่ตนคลั่งไคล้ เพราะทั้งสองคนชอบดนตรีสไตล์เดียวกัน และก่อนจะกดวางสาย ข้าวปุ้นมันก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าจันทร์ลูกหนึ่ง(“เจ้เจ้า หนูมีข่าวใหม่ล่าสุดจะมาอัพเดทให้เจ้ฟังด้วยนะ”)“เรื่องไรวะ?”(“เจอกันแล้วเราค่อยเมาส์มอยกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มันส์...”) ภาษาไทยมันก็ดันเติมเอสมาได้นะ!“เออ...แกนี่มันขยันทิ้งระเบิดดีว่ะ”(“ระเบิดลูกเบ้งอ่ะ...เดี๋ยวจะเอามาฝากเพราะรักเจ้เท่านั้นค่ะ”)“???”ไอ้เด็กบ้านี่...แม่ง! โคตรปากเปราะ!...เพราะมันชอบบอกรักกันง่ายดายซะขนาดนี้ไง...ไอ้ฝุ่นมันถึงได้ไปไหนไม่รอด!เจ้าจันทร์กดสายทิ้ง ในขณะที่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูมันราวกับน้องสาวแท้ๆ ที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรกอี้ก...นี่มันเป็นวันห่าอะไรกันวะเฮ้ย!และนี่...มันก็คือวันโลกาวินาศของจริง!อย่าว่าแต่กอดเลย...จูบสักนิดก็ยังไม่เคย...แล้วไหงกอหญ้าถึงได้ตื้อกันไม่เลิกลายังงี้วะ?ที่คันศรมักจะคบหากับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สาเหตุหลักมันก็มาจากเจ้าจันทร์เองนั่นแหละ แค่เขาอยากจะรู้ใจตัวเองว่านอกจากใบหน้าของเจ้าจันทร์แล้ว มันจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ลบภาพของเพื่อนรักออกไปจากหัวใจได้สักที แล้วท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้งกระทั่งที่ผ่านๆ มาเวลาคันศรจะเลิกกับใครก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กอหญ้าที่กำลังทำตัวให้เป็นปัญหาเพียงคนเดียวเท่านั้น และคันศรก็ควรจะต้องสะสางมันอย่างจริงจังและได้แต่หวังว่าไอ้เจ้ามันคงจะเข้าใจ?รึเปล่าเหอะ!?“ใครโทรมา...แล้วทำไมแกถึงไม่กดรับสายวะ?”นั่นไงละ!คันศรสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าจันทร์เอ่ยถาม พร้อมกับชะโงกหน้าตามเข้ามาดูหน้าจอ แล้วพอเห็นว่าเป็นชื่อกอหญ้าเท่านั้นละ...รู้มั้ยว่ามันอะไรเกิดขึ้น!?“สันดานผู้ชายยังไงก็คงจะเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ”เจ้าจันทร์ไม่โวยวายเลยสักหน่อย แต่ถอยห่างออกมาแล้วเอ่ยต่อจา
คันศรพูดไม่ออก บอกไม่ได้ และถึงกับไปไม่เป็น แต่ในระหว่างที่ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ เจ้าจันทร์ที่เพิ่งจะมายืนฟังอยู่ด้านหน้า ก็ดันประตูเข้ามาประจันหน้ากับทุกคน และยอมลงให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนจะโพล่งออกไปในจังหวะนั้นทันที“หนูไม่ย้ายไปไหนนะคะพี่จอม...งื้อพี่ปิ่นช่วยหนูด้วยสิคะ”ประโยคหลังเจ้าจันทร์ได้หันไปบอกกับพี่สะใภ้ นั่นจึงทำให้จอมทัพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และหันมาสบตากับคนเป็นภรรยาอย่างรู้สึกอ่อนใจ ก่อนจะละสายตากลับไปที่อีกฝ่าย โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรกับน้องสาว เพียงแต่สบถออกมายาวๆ เท่านั้นว่า“โอ๊ย!เห็นหน้ามันแล้วพาลให้หงุดหงิดหัวใจกับโคตรจะรำคาญฉิบหายเลยว่ะ...ปิ่นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”จอมทัพละคำพูดไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ตรงข้างกกหูของเมียรักต่อจากนั้นอีกว่า “เราจะได้รีบกลับไปต่อแขนต่อขาให้กับน้องของเจ้าอิคคิวมันด้วยไง...นะ”“แกมันบ้า!” ปิ่นปักว่า ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้อง โดยที่ไม่สนใจคนเป็นน้องที่ยืนมองหน้ากันอย่างสงสัยสงสัยว่าพี่จอมทัพพูดอะไรกับพี่สะใภ้ ถึงได้ทำให้พี่ชายของเจ้าจันทร์ ดูอารมณ์ดีได้มากถึงขนาดนั้นเชียว...แล้วน้องสาวเพียงคนเดียวที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ ก็
จอมทัพยังไม่ทันได้เปิดประตูห้องของเจ้าตัว แต่ถูกเปิดผัวะมาจากคนที่อยู่ด้านใน ที่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าทั้งสองคนจะมาถึงที่นี่ในเวลาไม่กี่นาที“อ้าว! ไอ้เจ้าหรอกเหรอ...แล้วทำไมแกถึงทำให้หน้าน้องแหกงี้วะ!?เสียงหวานของปิ่นปักเอ่ยทักเจ้าจันทร์ ก่อนจะเลื่อนสายตาหันมาโวยวายใส่อีกคน โดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลเลยสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวต้องเข้าใจอะไรเขาไปแบบนั้น“ทำแผลให้มันแล้วก็ถามกันเอาเองเหอะ ฉันขอตัวไปจัดการกับคดีอุกฉกรรจ์ที่รอฉันอยู่ก่อนนะปิ่น เดี๋ยวฉันกลับมาหา”ว่าแล้วจอมทัพก็เดินฉับๆ ออกไปจากห้อง โดยปล่อยให้น้องสาวที่นั่งทำหน้างอคอหักยังกับปลาทูแม่กลอง อยู่กับเมียสุดที่รักของเขาแค่เพียงสองคนและเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่สะใภ้ คนเป็นน้องสาวก็รู้สึกดีใจราวกับว่าได้เห็นนางฟ้า ลงมาโปรดกันในตอนนั้นเลยเจ้าจันทร์จึงยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นให้คนเป็นพี่สะใภ้ได้ฟัง อย่างที่ไม่คิดจะปิดบัง แม้กระทั่งเรื่องที่มีอะไรกันกับคันศรนั่นก็ด้วย จากนั้นเจ้าตัวจึงขอร้องให้ปิ่นปักช่วยพูดกับคนเป็นพี่ชาย ในเรื่องที่เจ้าจันทร์ต้องการให้ปล่อยตัวทั้งสองคนนั่นไป และมีก็เพียงแค่ปิ่นปักคนเดีย
“พวกมันกำลังใกล้จะจบถ้าเรื่องนี้รู้ถึงมหาลัยต้องถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ พี่ช่วยพวกมันสักครั้งนะพี่จอมนะ”“.......”น้องสาวพูดเสียงเครือสั่นขนาดนี้ยังไม่มีแม้กระทั่งปรายหางตามามอง“พี่จอม!”“.......”ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากร่างสูงกว่า ที่เอาแต่เดินจ้ำขาพาเธอเดินออกมาจนถึงหน้าร้านเมื่อพี่ชายไม่ยอมรับฟัง ในตอนนั้นเองที่ทำให้เจ้าจันทร์ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเจ้าของร่างบางสะบัดข้อมืออย่างแรงทีเผลอ จนมือของเธอหลุดออกมาจากอุ้งมือใหญ่ ก่อนจะพุ่งตัวออกไปบนถนน ที่มีรถยนต์กำลังแล่นไปมา ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่มองตามด้วยความตกใจ“เฮ้ย!ไอ้เจ้า!/เจ้า!/เจ้เจ้า! กรี๊ด!”หมับ!ยังดีที่จอมทัพยังคว้าจับเจ้าตัวเอาไว้ได้ทัน ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจ โดยเฉพาะคันศรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำกับการกระทำของมันเลยนั่นแหละ ถึงแม้อยากจะเข้าไปกอดปลอบใจ ที่ยอมลงทุนทำให้ขนาดนั้น...แต่มันก็ทำไม่ได้ไง...“โธ่โว๊ย!แกทำบ้าอะไรของแกฮะ! นี่ขนาดยอมออกไปให้รถชนตาย เพราะต้องการจะเอาชนะพี่ให้ได้เลยรึไงวะไอ้เจ้า!แม่งเอ้ย!”เจ้าจันทร์ก้มหน้าลงต่ำเพราะกำลังร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะยั้ง โดยไม่สนใจจะฟังคำพูดของพี่ชายที่ตะโกนใส่หูดังๆ