แชร์

บทที่ 415

ผู้แต่ง: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-24 18:00:23
ลู่เหิงจือชะงักงัน

"่ไม่ใช่อย่างแน่นอน"

"เช่นนั้นท่านก็จงออกไป" ซูชิงลั่วชี้ไปที่ประตู "ท่านฟังให้ดี พวกเราหย่ากันแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ต้องการพบท่าน ที่นี่ก็ไม่ใช่เรือนอาศัยของท่านแล้ว ท่านจะเข้ามาตามอำเภอใจไม่ได้"

ลู่เหิงจือลุกขึ้น ตอบนิ่งๆ "ไม่ได้"

ซูชิงลั่ว "...?"

ลู่เหิงจือเอ่ย "เจ้าโกรธได้ ข้าก็ปลอบได้ แต่ข้าย้ายออกไปไม่ได้"

ซูชิงลั่ว : "พวกเราหย่ากันแล้ว หย่า ท่านไม่เข้าใจหรือ เหตุใดถึงย้ายออกไปไม่ได้"

ลู่เหิงจือพูดเสียงเรียบ "เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องนี้มาเสียดแทงข้า ตอนนั้นข้าบอกเจ้าชัดเจนแล้วว่า นี่เป็นเพียงแค่เรื่องหลอกๆ ที่ใช้ตบตาผู้คนเท่านั้น"

ซูชิงลั่วพยักหน้า "ได้ ถ้าหากเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกๆ เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่ให้ข้าแต่งกับอวี๋ซื่อชิง เหตุใดจึงต้องรีบกลับมาก่อนที่พวกเราจะแต่งงานกัน นี่ก็เป็นเรื่องหลอกเช่นกันไม่ใช่หรือ"

ลู่เหิงจือนิ่งเงียบอยู่นาน

เพราะเขาพบว่า เขาไม่สามารถให้คำอธิบายได้เลย

ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อเกิดกับตัวเขา เขากลับรับไม่ได้

ให้นางไปแต่งงานกับผู้อื่น ต่อให้เป็นแค่เรื่องหลอกๆ ก็ไม่ได้

ซูชิงลั่วจ้องมองไปที่เขา "เหตุใดท่านไม่พูดสิ่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 416

    ลู่เหิงจือนอนหลับในห้องหนังสือทั้งชุดแบบนั้นไปทั้งคืนเมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังมืดอยู่เขาแต่งกายด้วยชุดขุนนาง แล้วเมื่อออกไปก็ต้องเจอกับลมหนาวพัดใส่หน้าทันทีซ่งเหวินรีบนำเสื้อคลุมมาให้แล้วกระซิบว่า “วันนี้ลมแรงกว่าที่เซวียนเฉิงเสียอีกขอรับ”ลู่เหิงจือหันมองประตูห้องข้างๆ ซ่งเหวินก็เข้าใจทันทีว่า “ฮูหยินยังคงหลับอยู่ เมื่อคืนเพิ่งจะหลับไปหลังเที่ยงคืน”ลู่เหิงจือพยักหน้า แม้จะอยากเข้าไปดูนางสักนิด แต่ก็กลัวจะปลุกนางตื่น จึงตัดสินใจไปเข้าเฝ้าก่อนการทำงานของเขาในฐานะขุนนางใหญ่เป็นไปอย่างคล่องแคล่วมากขึ้นการจัดการขุนนางเก่า และการใช้ขุนนางใหม่ การให้ตบรางวัลแก่ผู้ที่มีความดีความชอบ ล้วนทำให้เหล่าขุนนางในราชสำนักเลื่อมใสหลังจากเข้าเฝ้าเสร็จ ขุนนางใหม่ที่ลู่เหิงจือเพิ่งแต่งตั้งขึ้นมาหลายคนก็เข้ามาตีสนิท “ขอบคุณท่านอัครมหาอัครเสนาบดีที่เมตตา ข้าน้อยยังต้องเรียนรู้จากท่านอัครมหาเสนาบดีอีกมาก”ลู่เหิงจือแสดงสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจใครเลย แล้วเดินจากไปคนที่เอ่ยปากรู้สึกงุนงง หันไปถามคนที่อยู่ข้างๆ ว่า “ทำไมใต้เท้าถึงดูอารมณ์เสียเช่นนี้”เพิ่งได้รับความดีความชอบจากฮ่องเต้ เป็นถึงอัครมหาเส

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 417

    ลู่เหิงจือขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเซี่ยถิงอวี่เอ่ยว่า “ให้ข้าพูดนะ ที่ฮูหยินของเจ้าไม่ยอมให้อภัยเจ้า ก็มีเหตุผลของนาง”“เอาข้ากับชิงไต้เป็นตัวอย่างแล้วกัน - ช่วงแรกข้าก็ไม่มีเงินจะไปสู่ขอนางได้ ข้าจึงไม่ได้ถามความเห็นของนางใครจะไปคิดว่านางจะตัดสินใจกระโดดลงทะเลสาบเช่นนั้นหากข้าถามนางก่อนสักนิด คงมีวิธีอื่นที่จะได้แต่งงานกับนาง ไม่จำเป็นต้องบีบให้นางไปถึงขั้นนั้น”พูดจบ เขาก็ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วใบหน้าก็ปรากฏร่องรอยแห่งความรู้สึกผิดขึ้นมา“ก็หลังจากนั้นแหละที่ข้าถึงเข้าใจว่า ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องถามความเห็นของนางเสมอการตัดสินใจร่วมกัน จะทำให้ทั้งสองคนไม่เสียใจภายหลัง”ลู่เหิงจือชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ เข้าใจ “นางโกรธที่ข้าไม่ปรึกษานางใช่หรือไม่?”เซี่ยถิงอวี่ตอบว่า “ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว”ลู่เหิงจือขมวดคิ้ว “แต่ข้าทำไปก็เพื่อนางนะ”เซี่ยถิงอวี่อุทาน “จุ” ออกมา “อะไรคือเพื่อนางรึ? คือการให้นางในสิ่งที่นางชอบ หรือให้ในสิ่งที่เจ้าคิดว่าดีสำหรับนาง?”แสงสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างวงแหวนหยกบนนิ้วโป้งส่องประกายระยิบระยับลู่เหิงจือคิ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 418

    เมื่อรู้ตัวว่าพูดผิด นางก็รีบแก้ตัวทันทีว่า "คุณหนู ข้าหมายถึงคุณหนู"หลังจากที่ซ่งเหวินกลับมา เขาก็เรียกนางว่าฮูหยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนนางเองก็เผลอเรียกตามไปด้วยซูชิงลั่วถึงกับยิ้มอย่างเย็นชาและยามนั้น อวี๋ซื่อชิงเดินเข้ามาจากประตูพอดีหลังจากปราบปรามเป่ยตี๋ได้แล้ว ในวังหลวงก็ยังมีเรื่องให้ต้องสะสางอีกจำนวนมาก เขายังไม่มีเวลาว่างที่จะไปรับมารดากลับ ได้แต่แวะเวียนมาเยี่ยมมารดาที่จวนเป็นครั้งคราว นึกไม่ถึงว่าวันนี้จวนจะถูกทหารปิดล้อมไม่แปลกใจเลยที่ลู่เหิงจือจะมีสีหน้าไม่สู้ดีขณะเข้าเฝ้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับซูชิงลั่วแต่พอคิดถึงสีหน้าของลู่เหิงจือที่ดูอับอาย เขาอดรู้สึกสะใจไม่ได้เขาเหลือบมองซูชิงลั่ว เห็นได้ชัดว่านางก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์อวี๋ซื่อชิงเดินเข้าไปใกล้แล้วถามเสียงเบาว่า "ใต้เท้าลู่ไม่ให้ท่านออกไปข้างนอกรึ?"ซูชิงลั่วตอบเสียงเบาว่า "ก็ไม่เชิง"อวี๋ซื่อชิงเลิกคิ้วขึ้น "ถ้าเช่นนั้นออกไปเดินเล่นกันดีหรือไม่ วันนี้ร้านค้าในตลาดตะวันออกเปิดใหม่พอดี และข้าก็ยังติดค้างบุญคุณท่านอยู่ อยากจะชวนท่านไปกินอาหารที่โรงเตี๊ยมสักมื้อ"ซูชิงลั่วมองอวี๋ซื่อชิงด้วยความสงส

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 419

    โชคดีที่ซูชิงลั่วออกมาช่วยได้ทันเวลานางทำเป็นไม่สนใจ “ถ้าเช่นนั้นลองชิมดูก็ได้”เถ้าแก่เหงื่อท่วมหน้า หลังจากรับรายการอาหารของลูกค้าทั้งสามเสร็จก็เดินกลับไปที่โต๊ะยาวหน้าร้าน แล้วบ่าวหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาบอกเขาอย่างรีบร้อนว่า “ท่านเถ้าแก่ ท่านยังไม่รู้หรือว่า อัครมหาเสนาบดีลู่หย่าขาดกับฮูหยินลู่แล้ว”เถ้าแก่ “อะไรนะ?”“ก่อนหน้านี้ ฮูหยินลู่เกือบแต่งงานกับใต้เท้าอวี๋แล้ว หากไม่ใช่เพราะคนป่าเถื่อนอย่างเป่ยตี๋บุกโจมตีเข้ามา พงเขาทั้งสองคนคงแต่งงานกันไปแล้ว”เถ้าแก่ตกใจอีกครั้ง “อะไรนะ?”“แต่ก็มีคนพูดกันว่า ใต้เท้าลู่ยังตัดใจจากฮูหยินลู่ไม่ได้ เมื่อวานส่งทหารไปล้อมจวนของฮูหยินลู่แล้ว” บ่าวหนุ่มชี้ไปยังทหารสองแถวที่ยืนเรียงรายอยู่หน้าประตูเถ้าแก่ตกใจจนแทบจะหัวใจวาย “อะไรนะ?”หลังจากได้รับข่าวร้ายถึงสามหน เขาก็ไม่มีกำลังใจจะไปพูดคุยกับลูกค้าผู้ทรงเกียรติอีกแล้ว จึงสั่งให้บ่าวหนุ่มไปดูแลลูกค้าแทนซูชิงลั่วคีบตีนเป็ดตุ๋นใส่ปากอาหารมีรสเผ็ดเล็กน้อย ไม่ฉุนเกินไปกำลังดี ตีนเป็ดก็เนื้อนุ่มอันที่จริงแล้วขณะที่อวี๋ซื่อชิงชวนนางออกมา นางเพิ่งจะทะเลาะกับลู่เหิงจือพอดี จึงตั้งใจจะออกมาเพื่อ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 420

    หลังจากลู่เหิงจือได้ยินคำพูดของเซี่ยถิงอวี่พู เขาก็ออกจากวังกลับไปที่จวน แล้วสั่งให้ทหารที่เฝ้าอยู่รอบๆ จวนถอนกำลังหลังถอนกำลัง แม้จะรู้สึกร้อนใจ แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และลึกๆ แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเดิมทีเขาตั้งใจจะเดินเข้าไปโดยตรง แต่พอนึกถึงคำพูดของซูชิงลั่ว ก็ชะงักฝีเท้าเขาถามว่า "ฮูหยินล่ะ?"บ่าวรายงานว่า "ฮูหยินออกไปข้างนอกกับใต้เท้าอวี๋และเถ้าแก่หลี่ว์ขอรับ""ไปที่ใด?""บอกว่าไปกินข้าวที่โรงเตี๊ยม"ลู่เหิงจือใบหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย สั่งให้คนออกตามหา แล้วตัวเขาเองก็เดินไปที่ย่านร้านค้าหลังจากเป่ยตี๋ถอยทัพกลับไป ย่านร้านค้าแห่งนี้เพิ่งเปิดเป็นวันแรก ผู้คนจึงไม่ค่อยพลุกพล่านอากาศก็หนาวเย็น ทำให้ถนนทั้งสายดูเงียบเหงาเขาเดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นรถม้าที่คุ้นเคยของจวนและท่าเสวี่ยม้าตัวโปรดของนางด้วยเขายืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมซูชิงลั่วกำลังนั่งกินอาหารอยู่ข้างในกับชายอีกสองคนเขากลับมาแล้ว แต่ยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลยสักมื้อเขาไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกในใจนี้อย่างไร หากเป็นในอดีต คงพุ่งเข้าไปนานแล้ว แต่คราวนี้กลับ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 421

    ซูชิงลั่ว "......"จวนหลังใหญ่มาก แม้จะมีคนเข้ามาอยู่เพิ่มอีกสักสองสามคนก็ยังพอมีที่ว่างซูชิงลั่วแอบรู้สึกว่า ดูเหมือนทั้งสองคนจะมาขัดขวางลู่เหิงจือแต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ซูชิงลั่วถึงได้สังเกตเห็นว่าทหารในจวนหายไปหมดแล้วอวี้จู๋เอ่ยว่า “ใต้เท้าบอกว่าก่อนหน้านี้ส่งทหารมาเพื่อความปลอดภัยของคุณหนู แต่ยามนี้คิดดูแล้วคงไม่เหมาะสม จึงสั่งให้ถอนทหารออกไปทั้งหมด”ซูชิงลั่วรู้สึกสบายใจขึ้นมากอันที่จริงแล้วนางไม่นึกว่าหลังจากกินอาหารเสร็จ ลู่เหิงจือจะเข้าใจเรื่องนี้ได้อวี้จู๋เอ่ยต่อว่า “ใต้เท้าบอกว่า ท่านเก็บทหารกลุ่มหนึ่งเฝ้าจวน หากคุณหนูจะออกไปข้างนอก ก็ให้พวกเขาตามไปดูแล”หมายความว่า แม้จะยังมีทหารอยู่ แต่จะใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งของซูชิงลั่วซูชิงลั่วโค้งมุมปากยิ้ม “เข้าใจแล้ว”นางมองไปยังห้องข้างๆ ผ่านหน้าต่าง “แล้วลู่เหิงจือล่ะอยู่ที่ใด”อวี้จู๋ตอบว่า “วันนี้ใต้เท้าไม่ได้เข้ามา”ซูชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น - เริ่มเชื่อฟังแล้วนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนรายการอาหารใส่กระดาษแล้วส่งให้จื๋อหยวน “อาหารที่สั่งมาวันนี้อร่อย

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 422

    หลี่ว์เผิงเทียนใบหน้ามืดมนลงทันที ในใจด่าทอลู่เหิงจือไปหลายรอบ ก่อนจะออกไปอย่างไม่เต็มใจผลปรากฏว่าเมื่อเขาเดินออกไปถึงประตูท่ามกลางสายลมหนาว ลู่เหิงจือผู้อำมหิตก็จากไปแล้วเหลือเพียงฉางชิงที่พูดคุยกับเขาว่า “ใต้เท้าข้าบอกว่า หากท่านไม่ย้ายออกไปภายในสามวัน ตำแหน่งพ่อค้าหลวงจะตกเป็นของคนอื่นทันที”หลี่ว์เผิงเทียนด่าทออย่างรุนแรงว่า “ไอ้เจ้าเล่ห์ ใต้เท้าของเจ้าช่างเจ้าเล่ห์นัก”*วันรุ่งขึ้นในการเข้าเฝ้า เซี่ยถิงอวี่ได้กำหนดวันขึ้นครองราชย์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า และมีพระราชโองการประทานบรรดาศักดิ์แก่ขุนนางทั้งปวงขุนนางที่ตามเสด็จจักรพรรดิหลวง ส่วนใหญ่ถูกลดตำแหน่งลงสองขั้น แต่ไม่มีใครกล้าบ่น เพราะนั่นถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงแล้วขุนนางที่ติดตามเซี่ยถิงอวี่ต่างได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์นอกจากลู่เหิงจือที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นไท่ซือแล้ว อวี๋ซื่อชิงได้รับพระราชทานมากที่สุดฮ่องเต้ไม่เพียงเลื่อนตำแหน่งงอวี๋ซื่อชิงขึ้นเป็นเสนาบดีกรมราชทัณฑ์เท่านั้น แต่เมื่อทรงทราบว่าเรือนืั้พักของเขาถูกชาวเป่ยตี๋โจมตี ฮ่องเต้ก็ยังทรงพระราชทานที่อยู่อาศัยใหม่ให้แก่เขาอีกด้วยแต่ขุนนางจำน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 423

    อวี้จู๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “จื๋อหยวนน่าจะอยู่ที่ประตูใหญ่เจ้าค่ะ”ซูชิงลั่วถามว่า “นางไปทำอะไรที่ประตูใหญ่หรือ”อวี้จู๋ตอบว่า “ใต้เท้าเรียกนางไปซักถามหลายวันแล้ว”ถามเรื่องอะไร?หรือว่าสาวใช้ของนางจะกลายเป็นสายลับของเขาไปแล้ว?ซูชิงลั่วขมวดคิ้ว จับเตาอุ่นมือและคลุมด้วยชุดคลุม แล้วเดินออกไปข้างนอกยามค่ำคืนในเมืองหลวงฤดูหนาว ลมพัดโชยมาเฉียดแก้มราวกับมีดคมนางเดินเร็วตามทางเดินที่คดเคี้ยว เมื่อใกล้ถึงประตู นางหยุด แล้วเดินอย่างระมัดระวังจนแทบไม่มีเสียงนางอยากรู้ว่าลู่เหิงจือถามจื๋อหยวนเรื่องอะไรณ ประตูใหญ่ยังแขวนโคมไฟไว้สองดวงแสงไฟสีเหลืองอ่อนสาดส่องลงใบหน้าคมสันของลู่เหิงจือดวงตาของเขาเย็นชา ด้านหนึ่งของใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืด เสียงของเขาก็เย็นเฉียบราวกับน้ำค้างแข็งที่ลอยอยู่บนพื้นดิน“ฮูหยินวันนี้เจริญอาหารหรือไม่”จื๋อหยวนตอบ “ฮูหยินเจริญอาหารมากวันนี้ อาเจียนเพียงเล็กน้อยสองถึงสามหน อาจเป็นเพราะครรภ์แก่ จึงอาเจียนน้อยลงกว่าแต่ก่อน”ลู่เหิงจือพยักหน้า “ช่วงนี้กลางคืนหนาว นางชอบเตะผ้าห่ม เจ้าทั้งหลายดูแลนางให้ดี ประเดี๋ยวข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”จื๋อหยวนก้ม

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 426

    "ไม่ได้" ซูชิงลั่วปฏิเสธเสียงเรียบทันทีลู่เหิงจือนี่ช่างคำนวณได้รอบคอบเสียจริง นางแค่ขอร้องเขาเล็กน้อย เขาก็รีบขอกลับทันทีแล้วซ่งเหวินไม่ใช่ลูกน้องของเขาหรอกหรือเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของนางคนเดียวลู่เหิงจือรออยู่หน้าประตูจวนตระกูลซูตั้งแต่เข้าเฝ้าเสร็จ เห็นคำปฏิเสธว่า "ไม่ได้" แล้วอดที่จะเอามือไปขยี้ขมับไม่ได้ถือว่าคาดการณ์ไว้แล้วพอหันกลับไป ก็เจออวี๋ซื่อชิงพอดีอวี๋ซื่อชิงถือไก่สดสองตัวมาด้วย มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม"โอ้ ใต้เท้าลู่ท่านยังเข้าไปไม่ได้อีกหรือ?อากาศเย็นขนาดนี้ จะให้คนไปเอาสุรามาสักกามาอบอุ่นร่างกายหน่อยหรือไม่?"ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ "ไม่จำเป็น"เขาเงยหน้ามองและเอ่ยเสียงเรียบว่า "ข้าอยู่เรือนข้างๆ หากท่านอวี๋ต้องการ ก็แวะมาได้"“……”“เกรงว่าจะไม่มีเวลาว่าง” อวี๋ซื่อชิงเอ่ยเสียงเบา “หลังจากเยี่ยมแม่แล้ว ข้าก็ต้องมาพบแมานางซู ถึงตอนนั้นให้ข้าออดอ้อนแม่นางซูแทนเจ้าหรือไม่?”ลู่เหิงจือ "......"นี่เป็นการโอ้อวดที่เปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งเสียจริงๆอวี๋ซื่อชิงเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ลู่เหิงจือมองตามหลังเขา แล้วเรียกฉางชิงมาถามว

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 425

    มือที่แข็งชาสัมผัสกับความอบอุ่นของเตาอุ่นมือ ความรู้สึกชาก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้นลู่เหิงจือมองตามหลังซูชิงลั่วไปพลาง ปล่อยให้ลมพัดผ่านเสื้อผ้าอย่างไม่ใส่ใจทันใดนั้นก็รู้สึกว่าฤดูหนาวในเมืองหลวงก็ไม่หนาวเย็นอะไรนัก*ซูชิงลั่วรู้สึกเสียใจที่รับชุดคลุมของลู่เหิงจือมาในขณะที่เขายืนอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว นางรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันทีและรับชุดคลุมของเขาไปโดยไม่ทันคิดชุดคลุมในฤดูหนาวมักจะหนักอยู่แล้ว ยิ่งชุดคลุมของลู่เหิงจือซึ่งไม่รู้ว่าทำจากหนังอะไร จึงหนักเป็นพิเศษซูชิงลั่วเดินไปไม่กี่ก้าวก็รู้สึกหายใจไม่ทัน เพราะชุดคลุมสองผืนที่สวมอยู่ ทำให้เหงื่อแตกพล่านแต่ข้างนอกลมแรงมาก นางเองก็ไม่กล้าที่จะถอดชุดคลุมออก จึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อกลับถึงห้อง นางจึงถอดผ้าคลุมออก และรู้สึกตื่นเต้นในใจในค่ำคืนนี้ ลู่เหิงจือเปิดเผยความรู้สึกของเขาออกมาอย่างตรงไปตรงมา บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจให้นางฟังทำให้นางรู้สึกมีความสุขมากตั้งแต่เข้ามาในห้อง จื๋อหยวนก็ก้มศีรษะลงด้วยความหวั่นกลัว คิดว่าจะถูกตำหนิในทันทีอันที่จริงแล้ว นางก็ลังเลใจที่จะส่งข่าวให้ลู่เหิงจือแบบลับๆแต่เ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 424

    ลมหายใจอันเย็นเยือกของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ซูชิงลั่วรู้สึกไม่สบายใจ จึงหันหน้าหนีภาพคุ้นเคยผุดขึ้นมาในสมองราวกับเย้อนกลับไปยังป่าไผ่เมื่อนานมาแล้ว เขาก็ทำแบบนี้กับนางเช่นกันป่าไผ่สั่นไหวด้วยเสียงลม ราวกับกับเสียงลมในยามนี้ ทำให้นางรู้สึกไม่เป็นจริงซูชิงลั่วพยายามจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง แต่เพราะฝ่ามือของเขาที่วางอยู่บนไหล่อย่างแผ่วเบา ทำให้นางลืมทุกอย่างไปชั่วขณะกิ่งไม้แห้งที่ถูกพายุพัดสั่นระรัวลู่เหิงจือสายตามองลงมา ราวกับจะเอื้อมมือไปลูบหน้าท้องของนางเบาๆ แต่ก็อดทนไว้ซูชิงลั่วก้มลงมอง เห็นเท้าของเขาอยู่ภายในประตู นางสงสัยว่านี่เป็นแผนของเขาหรือไม่ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนาง ดวงตาของเขามืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเขาออกแรงกดไหล่ของนางซูชิงลั่วรู้สึกอึดอัด จึงยกไหล่ขึ้นเบาๆ เขาก็ยอมปล่อยนางทันทีนางมองออกว่าลู่เหิงจือไม่อยากจากไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้ากลับไปเถิด กลับไปพักผ่อนเถิด”ซูชิงลั่วตอบ "อืม" เสียงเบาลู่เหิงจือเอ่ยต่อว่า “หากต้องการสิ่งใดเพิ่มก็ให้คนมาบอกข้าได้ ข้าอยู่เรือนข้างๆ”ซูชิงลั่วตอบรับอีกครั้ง พอตอบเสร็จก็เงยหน้าขึ้นร

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 423

    อวี้จู๋ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “จื๋อหยวนน่าจะอยู่ที่ประตูใหญ่เจ้าค่ะ”ซูชิงลั่วถามว่า “นางไปทำอะไรที่ประตูใหญ่หรือ”อวี้จู๋ตอบว่า “ใต้เท้าเรียกนางไปซักถามหลายวันแล้ว”ถามเรื่องอะไร?หรือว่าสาวใช้ของนางจะกลายเป็นสายลับของเขาไปแล้ว?ซูชิงลั่วขมวดคิ้ว จับเตาอุ่นมือและคลุมด้วยชุดคลุม แล้วเดินออกไปข้างนอกยามค่ำคืนในเมืองหลวงฤดูหนาว ลมพัดโชยมาเฉียดแก้มราวกับมีดคมนางเดินเร็วตามทางเดินที่คดเคี้ยว เมื่อใกล้ถึงประตู นางหยุด แล้วเดินอย่างระมัดระวังจนแทบไม่มีเสียงนางอยากรู้ว่าลู่เหิงจือถามจื๋อหยวนเรื่องอะไรณ ประตูใหญ่ยังแขวนโคมไฟไว้สองดวงแสงไฟสีเหลืองอ่อนสาดส่องลงใบหน้าคมสันของลู่เหิงจือดวงตาของเขาเย็นชา ด้านหนึ่งของใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืด เสียงของเขาก็เย็นเฉียบราวกับน้ำค้างแข็งที่ลอยอยู่บนพื้นดิน“ฮูหยินวันนี้เจริญอาหารหรือไม่”จื๋อหยวนตอบ “ฮูหยินเจริญอาหารมากวันนี้ อาเจียนเพียงเล็กน้อยสองถึงสามหน อาจเป็นเพราะครรภ์แก่ จึงอาเจียนน้อยลงกว่าแต่ก่อน”ลู่เหิงจือพยักหน้า “ช่วงนี้กลางคืนหนาว นางชอบเตะผ้าห่ม เจ้าทั้งหลายดูแลนางให้ดี ประเดี๋ยวข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”จื๋อหยวนก้ม

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 422

    หลี่ว์เผิงเทียนใบหน้ามืดมนลงทันที ในใจด่าทอลู่เหิงจือไปหลายรอบ ก่อนจะออกไปอย่างไม่เต็มใจผลปรากฏว่าเมื่อเขาเดินออกไปถึงประตูท่ามกลางสายลมหนาว ลู่เหิงจือผู้อำมหิตก็จากไปแล้วเหลือเพียงฉางชิงที่พูดคุยกับเขาว่า “ใต้เท้าข้าบอกว่า หากท่านไม่ย้ายออกไปภายในสามวัน ตำแหน่งพ่อค้าหลวงจะตกเป็นของคนอื่นทันที”หลี่ว์เผิงเทียนด่าทออย่างรุนแรงว่า “ไอ้เจ้าเล่ห์ ใต้เท้าของเจ้าช่างเจ้าเล่ห์นัก”*วันรุ่งขึ้นในการเข้าเฝ้า เซี่ยถิงอวี่ได้กำหนดวันขึ้นครองราชย์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า และมีพระราชโองการประทานบรรดาศักดิ์แก่ขุนนางทั้งปวงขุนนางที่ตามเสด็จจักรพรรดิหลวง ส่วนใหญ่ถูกลดตำแหน่งลงสองขั้น แต่ไม่มีใครกล้าบ่น เพราะนั่นถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงแล้วขุนนางที่ติดตามเซี่ยถิงอวี่ต่างได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์นอกจากลู่เหิงจือที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นไท่ซือแล้ว อวี๋ซื่อชิงได้รับพระราชทานมากที่สุดฮ่องเต้ไม่เพียงเลื่อนตำแหน่งงอวี๋ซื่อชิงขึ้นเป็นเสนาบดีกรมราชทัณฑ์เท่านั้น แต่เมื่อทรงทราบว่าเรือนืั้พักของเขาถูกชาวเป่ยตี๋โจมตี ฮ่องเต้ก็ยังทรงพระราชทานที่อยู่อาศัยใหม่ให้แก่เขาอีกด้วยแต่ขุนนางจำน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 421

    ซูชิงลั่ว "......"จวนหลังใหญ่มาก แม้จะมีคนเข้ามาอยู่เพิ่มอีกสักสองสามคนก็ยังพอมีที่ว่างซูชิงลั่วแอบรู้สึกว่า ดูเหมือนทั้งสองคนจะมาขัดขวางลู่เหิงจือแต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ซูชิงลั่วถึงได้สังเกตเห็นว่าทหารในจวนหายไปหมดแล้วอวี้จู๋เอ่ยว่า “ใต้เท้าบอกว่าก่อนหน้านี้ส่งทหารมาเพื่อความปลอดภัยของคุณหนู แต่ยามนี้คิดดูแล้วคงไม่เหมาะสม จึงสั่งให้ถอนทหารออกไปทั้งหมด”ซูชิงลั่วรู้สึกสบายใจขึ้นมากอันที่จริงแล้วนางไม่นึกว่าหลังจากกินอาหารเสร็จ ลู่เหิงจือจะเข้าใจเรื่องนี้ได้อวี้จู๋เอ่ยต่อว่า “ใต้เท้าบอกว่า ท่านเก็บทหารกลุ่มหนึ่งเฝ้าจวน หากคุณหนูจะออกไปข้างนอก ก็ให้พวกเขาตามไปดูแล”หมายความว่า แม้จะยังมีทหารอยู่ แต่จะใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งของซูชิงลั่วซูชิงลั่วโค้งมุมปากยิ้ม “เข้าใจแล้ว”นางมองไปยังห้องข้างๆ ผ่านหน้าต่าง “แล้วลู่เหิงจือล่ะอยู่ที่ใด”อวี้จู๋ตอบว่า “วันนี้ใต้เท้าไม่ได้เข้ามา”ซูชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น - เริ่มเชื่อฟังแล้วนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนรายการอาหารใส่กระดาษแล้วส่งให้จื๋อหยวน “อาหารที่สั่งมาวันนี้อร่อย

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 420

    หลังจากลู่เหิงจือได้ยินคำพูดของเซี่ยถิงอวี่พู เขาก็ออกจากวังกลับไปที่จวน แล้วสั่งให้ทหารที่เฝ้าอยู่รอบๆ จวนถอนกำลังหลังถอนกำลัง แม้จะรู้สึกร้อนใจ แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และลึกๆ แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเดิมทีเขาตั้งใจจะเดินเข้าไปโดยตรง แต่พอนึกถึงคำพูดของซูชิงลั่ว ก็ชะงักฝีเท้าเขาถามว่า "ฮูหยินล่ะ?"บ่าวรายงานว่า "ฮูหยินออกไปข้างนอกกับใต้เท้าอวี๋และเถ้าแก่หลี่ว์ขอรับ""ไปที่ใด?""บอกว่าไปกินข้าวที่โรงเตี๊ยม"ลู่เหิงจือใบหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย สั่งให้คนออกตามหา แล้วตัวเขาเองก็เดินไปที่ย่านร้านค้าหลังจากเป่ยตี๋ถอยทัพกลับไป ย่านร้านค้าแห่งนี้เพิ่งเปิดเป็นวันแรก ผู้คนจึงไม่ค่อยพลุกพล่านอากาศก็หนาวเย็น ทำให้ถนนทั้งสายดูเงียบเหงาเขาเดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นรถม้าที่คุ้นเคยของจวนและท่าเสวี่ยม้าตัวโปรดของนางด้วยเขายืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมซูชิงลั่วกำลังนั่งกินอาหารอยู่ข้างในกับชายอีกสองคนเขากลับมาแล้ว แต่ยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลยสักมื้อเขาไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกในใจนี้อย่างไร หากเป็นในอดีต คงพุ่งเข้าไปนานแล้ว แต่คราวนี้กลับ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 419

    โชคดีที่ซูชิงลั่วออกมาช่วยได้ทันเวลานางทำเป็นไม่สนใจ “ถ้าเช่นนั้นลองชิมดูก็ได้”เถ้าแก่เหงื่อท่วมหน้า หลังจากรับรายการอาหารของลูกค้าทั้งสามเสร็จก็เดินกลับไปที่โต๊ะยาวหน้าร้าน แล้วบ่าวหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาบอกเขาอย่างรีบร้อนว่า “ท่านเถ้าแก่ ท่านยังไม่รู้หรือว่า อัครมหาเสนาบดีลู่หย่าขาดกับฮูหยินลู่แล้ว”เถ้าแก่ “อะไรนะ?”“ก่อนหน้านี้ ฮูหยินลู่เกือบแต่งงานกับใต้เท้าอวี๋แล้ว หากไม่ใช่เพราะคนป่าเถื่อนอย่างเป่ยตี๋บุกโจมตีเข้ามา พงเขาทั้งสองคนคงแต่งงานกันไปแล้ว”เถ้าแก่ตกใจอีกครั้ง “อะไรนะ?”“แต่ก็มีคนพูดกันว่า ใต้เท้าลู่ยังตัดใจจากฮูหยินลู่ไม่ได้ เมื่อวานส่งทหารไปล้อมจวนของฮูหยินลู่แล้ว” บ่าวหนุ่มชี้ไปยังทหารสองแถวที่ยืนเรียงรายอยู่หน้าประตูเถ้าแก่ตกใจจนแทบจะหัวใจวาย “อะไรนะ?”หลังจากได้รับข่าวร้ายถึงสามหน เขาก็ไม่มีกำลังใจจะไปพูดคุยกับลูกค้าผู้ทรงเกียรติอีกแล้ว จึงสั่งให้บ่าวหนุ่มไปดูแลลูกค้าแทนซูชิงลั่วคีบตีนเป็ดตุ๋นใส่ปากอาหารมีรสเผ็ดเล็กน้อย ไม่ฉุนเกินไปกำลังดี ตีนเป็ดก็เนื้อนุ่มอันที่จริงแล้วขณะที่อวี๋ซื่อชิงชวนนางออกมา นางเพิ่งจะทะเลาะกับลู่เหิงจือพอดี จึงตั้งใจจะออกมาเพื่อ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 418

    เมื่อรู้ตัวว่าพูดผิด นางก็รีบแก้ตัวทันทีว่า "คุณหนู ข้าหมายถึงคุณหนู"หลังจากที่ซ่งเหวินกลับมา เขาก็เรียกนางว่าฮูหยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนนางเองก็เผลอเรียกตามไปด้วยซูชิงลั่วถึงกับยิ้มอย่างเย็นชาและยามนั้น อวี๋ซื่อชิงเดินเข้ามาจากประตูพอดีหลังจากปราบปรามเป่ยตี๋ได้แล้ว ในวังหลวงก็ยังมีเรื่องให้ต้องสะสางอีกจำนวนมาก เขายังไม่มีเวลาว่างที่จะไปรับมารดากลับ ได้แต่แวะเวียนมาเยี่ยมมารดาที่จวนเป็นครั้งคราว นึกไม่ถึงว่าวันนี้จวนจะถูกทหารปิดล้อมไม่แปลกใจเลยที่ลู่เหิงจือจะมีสีหน้าไม่สู้ดีขณะเข้าเฝ้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับซูชิงลั่วแต่พอคิดถึงสีหน้าของลู่เหิงจือที่ดูอับอาย เขาอดรู้สึกสะใจไม่ได้เขาเหลือบมองซูชิงลั่ว เห็นได้ชัดว่านางก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์อวี๋ซื่อชิงเดินเข้าไปใกล้แล้วถามเสียงเบาว่า "ใต้เท้าลู่ไม่ให้ท่านออกไปข้างนอกรึ?"ซูชิงลั่วตอบเสียงเบาว่า "ก็ไม่เชิง"อวี๋ซื่อชิงเลิกคิ้วขึ้น "ถ้าเช่นนั้นออกไปเดินเล่นกันดีหรือไม่ วันนี้ร้านค้าในตลาดตะวันออกเปิดใหม่พอดี และข้าก็ยังติดค้างบุญคุณท่านอยู่ อยากจะชวนท่านไปกินอาหารที่โรงเตี๊ยมสักมื้อ"ซูชิงลั่วมองอวี๋ซื่อชิงด้วยความสงส

DMCA.com Protection Status