“พลังชั่วร้ายที่ปะปนอยู่บนจี้คือพลังอิน เลือดที่อยู่บนปากกาชาดของผมนั้น คือเลือดสุนัขสีดำ มันมีพลังจื้อหยาง สามารถยับยั้งพลังอินได้”เมื่อฉางเจียงหมิงได้ยินดังนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ยกมือประสานกันแสดงความเคารพแล้วพูดว่า “บนโลกยังมีมีวิธีการรักษาโรคที่น่าอัศจรรย์แบบนี้อีก ถือว่าเป็นความรู้ใหม่จริงๆ”“ในเมื่อปรมาจารย์เซียวมีศาสตร์ทางการแพทย์ที่น่าทึ่งแบบนี้ ทำไมไม่เข้าร่วมออดิชั่นการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนที่เจียงจงล่ะ?”“หากคุณเข้าร่วมล่ะก็ คุณจะต้องมีผลงานที่โดดเด่นอย่างแน่นอน! และจะสามารถส่งเสริมการแพทย์แผนจีนให้เจริญรุ่งเรืองได้อีกด้วย!”หลังจากที่ฉางเจียงหมิงจากไป เซียวเป่ยนั่งอยู่ในร้านเล็กๆ อย่างหมดอาลัยตายอยากในใจของเขาคิดแต่สิ่งที่ฉางเจียงหมิงพูดไปเมื่อกี้นี้อยู่ตลอดเวลาเข้าร่วมการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีน?บอกตามตรง เซียวเป่ยไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลยการแสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์ ไม่ใช่อุปนิสัยสันดานของเขาเขาชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ แบบนี้มากกว่าแต่ว่า ก็เพราะว่าวิสัยทัศน์แบบนี้ จึงทำให้ชีวิตแต่งงานของเขาได้สิ้นสุดลงในสาย
เซียวเป่ยเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า กู้โย่เสวี่ยเป็นคนตระกูลกู้ที่มาจากเมืองหลวงการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนครั้งนี้ จัดขึ้นโดยตระกูลกู้แต่ว่า เบื้องหลังยังมีผู้จัดและผู้สนับสนุนการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนอยู่ ใช่ว่าตระกูลกู้จะมีสิทธิ์มีเสียงเพียงผู้เดียวแต่ว่า ด้วยอำนาจและวิธีการของตระกูลกู้ จะทำให้เซียวเป่ยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเลยถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมากแต่เซียวเป่ยปฏิเสธ “ไม่ต้อง คุณหนูกู้ ผมอยากจะเข้าร่วมด้วยความสามารถของตนเอง ผมก็อยากจะดูว่า ศาสตร์ทางการแพทย์ของผม ที่อยู่ในระหว่างการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีน จะไปได้ถึงลำดับที่เท่าไหร่”“อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง”กู้โย่เสวี่ยพยักหน้า แววตาที่มองเซียวเป่ยนั้น ดูหลงใหลยิ่งกว่าเดิมอีกผู้ชายดีๆที่ยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแบบนี้ ถึงจะเป็นผู้ชายที่เธอชอบไม่ช้า รถก็จอดที่สถานที่ออดิชั่นการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนของเจียงจงพอเข้าไปในสถานที่จัดงาน เซียวเป่ยถึงได้พบว่า มีคนค่อนข้างที่จะเยอะมากเนื้อหาการประเมินรอบออดิชั่นก็ง่ายมากเช่นกันในสถานที่จริงจะมีคนไข้สองราย แพทย์ทุกคนที่เข้าร่วมการออดิชั่น จะต้องอาศั
พอเห็นภาพนี้ แล้วก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้อีกทุกคนต่างก็พากันอึ้ง!โดยเฉพาะฉินเฟิง หน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงและตระหนกตกใจ!เกิดอะไรขึ้น?ศาสตราจารย์ฉางผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง กลับให้ความเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ย เศษสวะที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างเช่นนี้ศาสตร์ทางการแพทย์?ศาสตร์ทางการแพทย์อะไร?ไอ้สารเลวเซียวเป่ยนั่น รู้ศาสตร์การแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?“ศาสตราจารย์ฉาง คุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปใช่มั้ย? เขารู้ศาสตร์ทางการแพทย์? แล้วยังจะให้ผ่านการออดิชั่นอีก?” ฉินเฟิงขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนฉางเจียงหมิงหันกลับมา แล้วพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ทำไม คำพูดของผม คุณไม่เชื่อเหรอ?”“ผมจะบอกคุณว่า ผมไม่สนใจว่าคุณจะมีความแค้นอะไรกับปรมาจารย์เซียว ศาสตร์ทางการแพทย์ของปรมาจารย์เซียว ผมศาสตราจารย์คนนี้เคยมีประสบการณ์โดยตรงมาแล้ว เขาสามารถข้ามขั้นไปแข่งขันระดับในเมืองได้เลย!”ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา บริเวณโดยรอบก็มีเสียงถกเถียงกันเป็นแถวแพทย์หลายคนที่มาเข้าร่วมออดิชั่น ต่างก็กระซิบพูดถกเถียงอะไรบางอย่างกัน“คุณไม่ได้บอกว่าเขาเป็นนักตุ้มตุ๋นที่ดูลักษณะใบหน้าขายยันต์สี
เมื่อฉางเจียงหมิงได้ยินดังนี้ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถลึงตามองไปที่ฉินเฟิงอย่างไม่ละสายตาแล้วพูดว่า “ ฉินเฟิงใช่มั้ย ผมจำคุณได้แล้ว”ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเขาปักใจเชื่อว่าเซียวเป่ยไม่มีศาสตร์ทางการแพทย์อะไรทั้งนั้น จะต้องเป็นเพราะไอ้นักต้มตุ๋นหลอกศาสตราจารย์ฉางแน่ๆถ้าเปิดโปงเขาได้ พอตอนท้ายตนเองค่อยไปพูดดีๆกับศาสตราจารย์ฉาง เรื่องนี้ก็คงจะสามารถผ่านไปได้ไม่แน่ว่า พอศาสตราจารย์ฉางอารมณ์ดี เห็นว่าตนจับนักต้มตุ๋นได้ อาจจะช่วยส่งเสริม และชี้แนะตนเองในด้านวิชาการก็เป็นไปได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!กูแม่งฉลาดเป็นบ้าเลยในขณะที่ฉินเฟิงรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ เซียวเป่ยกลับพูดว่า “ ผมกำลังรีบ เอาอย่างนี้ละกัน เรียกคนไข้เข้ามา แล้วผมจะรักษาเขาให้หายเดี๋ยวนี้เลย”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงเซ็งแซ่!ความหมายว่ายังไง?รักษาให้หายเดี๋ยวนี้เลย? !รู้มั้ยว่า คนไข้ที่มางานออดิชั่นในวันนี้ ต่างก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังและรักษายากมาก!แม้แต่ท่านผู้เฒ่าศาสตราจารย์ทางการแพทย์ที่เป็นแพทย์จริงๆ ก็ใช่
ฉางเจียงหมิงยังคงมีความกังวลเล็กน้อย แล้วกระซิบว่า “ปรมาจารย์เซียว คุณมั่นใจจริงๆเหรอ? ผู้ป่วยรายนี้มีอาการป่วยเรื้อรังและรักษายากมากๆนะ”เซียวเป่ยยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ศาสตราจารย์ฉางไม่เชื่อใจผมเหรอ?”“ผม……”ฉางเจียงหมิงชะงักไป จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ ผมเชื่อ ผมเชื่อ!”“มาเริ่มกันเลย” เซียวเป่ยกล่าวไม่ช้า คนไข้ที่เข้าร่วมการทดสอบรอบออดิชั่นก็ถูกพาตัวมา และนั่งบนเก้าอี้ในห้องโถงทุกคนต่างก็ล้อมรอบห้องโถง ถกเถียงจ้อกแจ้กจอแจกันอย่างไม่หยุดหย่อนและมีหลายคน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเริ่มถ่ายทอดสดนัยน์ตาของฉินเฟิงเย็นชา หัวเราะอย่างเหน็บแนมอย่างต่อเนื่องว่า “เซียวเป่ย ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน ไม่อย่างนั้น คุณจะอับอายขายหน้าจนกอบกู้กลับมาไม่ได้แล้วนะ”เซียวเป่ยยิ้มอย่างสงบนิ่ง และเดินไปหาคนไข้“ปรมาจารย์เซียว คนไข้รายนี้แปลกมาก ท้องเสียตลอดเวลา เป็นเวลาครึ่งปีแล้ว พอกินแล้วก็ท้องเสีย เดิมทีหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม ตอนนี้เหลือเพียงแค่ห้าสิบกิโลกรัมเท่านั้น ทั้งตัวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินครึ่งเดือน”ฉา
จะยังไงก็ตาม หากปรมาจารย์เซียวรักษาไม่หายจริงๆ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิต ก็จะช่วยเขาเอาไว้ให้ได้!ไม่กี่นาทีต่อมา เซียวเป่ยยกมือขึ้นท่ามกลางสายตาที่สับสนงุนงงของหวังหู่ เขียนใบสั่งยาอีกหนึ่งฉบับมอบให้หวังหู่แล้วพูดว่า “ไปซื้อยาตามใบสั่งยานี้ กินเป็นเวลาสามวัน”หวังหู่ตกตะลึง และพูดอย่างสงสัยว่า “นี่ผมหายแล้วเหรอ?”ใบหน้าของคนที่อยู่บริเวณรอบๆต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัยง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งว่า “คุณลองลุกขึ้นยืนดูสิ?”หวังหู่ขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืน ลูบท้อง จู่ๆก็พูดตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่ปวดแล้ว ผมไม่ปวดท้องแล้ว!”เสียงดังเกรียวกราว!“เชดโด้? รักษาหายได้จริงๆเหรอ?”“ไม่มีทาง... แค่กดไปที่ท้องสองสามทีก็หายแล้วเหรอ? เชี่ยแม่งนี่มันเป็นวิธีเทพเซียนอะไรกันวะเนี่ย?”“โอ้สวรรค์! นั่นคือหวังหู่ท่านพยัคฆ์เลยนะนั่น รักษาเขาให้หายได้ เด็กคนนี้ต่อไปจะต้องเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแน่ๆ!”เมื่อได้ฟังการสนทนาของทุกคน สีหน้าของฉินเฟิงก็ซีดลง!นั่นคือท่านพยัคฆ์เลยนะ!เซียวเป่ยรักษาให้หายแล้ว? !เชี่ย!ทางด้านของหวังหู่ ก็ได้คุกเข่าลง เอาหัวโขกพื้นแล้วตะโ
ในขณะเดียวกันปิงฉิ้นกรุ๊ปหลี่เซียวลี่วิ่งเข้าไปในห้องออฟฟิศซีอีโอด้วยความตื่นตระหนก และตะโกนว่า “ประธานซูคะ ฉันจะส่งวิดีโอหนึ่งให้คุณ คุณรีบดูเร็วเข้า”ซูหว่านขมวดคิ้วอันสวยงาม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วถามว่า “ทำไมเหรอ?”“เซียวเป่ยดังแล้ว!”หลี่เซียวลี่ตะโกนดังแล้ว?ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกดคลิกวิดีโอ เนื้อหาก็คือเซียวเป่ยกำลังรักษาคนไข้ในสถานที่ออดิชั่น และยังมีเรื่องที่เดิมพันกับฉินเฟิงอีกพอดูจบแล้ว ซูหว่านก็ขมวดคิ้ว ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานานสองนานใบหน้าของหลี่เซียวลี่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและมีแววตาที่งุนงงสับสน จึงถามว่า “ประธานซู ตอนที่คุณอยู่ด้วยกันกับเขา คุณรู้ว่าเขามีศาสตร์ทางการแพทย์แบบนี้มั้ย?”ซูหว่านส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่รู้ ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดนะ”เธอรู้สึกสับสนในใจเป็นอย่างมากเซียวเป่ยรู้ศาสตร์ทางการแพทย์จริงๆ...อีกอย่าง ในสถานที่ออดิชั่นการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีน เขาสามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเรื้อรังที่รักษายากให้หายได้หลี่เซียวลี่ทำเสียงฮึดฮัด แล้วดุด่าทันทีว่า “หึ! ช่างเป็นผู้ชายที่สารเลวจริงๆ! ลับหลังคุณ
ห้องประชุมภายในสถานที่ออดิชั่นฉางเจียงหมิงกล่าวกับกู้โย่เสวี่ยด้วยใบหน้าที่เคารพว่า “คุณหนูกู้ เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว”กู้โย่เสวี่ยพยักหน้า มองดูขั้นตอนการรักษาของเซียวเป่ยบนโทรศัพท์มือถือ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม“หล่อมาก”กู้โย่เสวี่ยกล่าวพร้อมยิ้มอย่างหลงใหล“อะไรนะ?” ฉางเจียงหมิงงงงวยกู้โย่เสวี่ยเก็บโทรศัพท์มือถือ หัวเราะฮิฮิแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร”ฉางเจียงหมิงยิ้ม รู้แต่ไม่พูดอะไร แล้วพูดว่า “คุณหนูกู้ อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องดูแลปรมาจารย์เซียวเป็นพิเศษก็ได้ ด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ของเขา การแข่งขันระดับในเมืองไม่สมกับความสามารถของเขาเลยด้วยซ้ำ”“จริงเหรอ?”นัยน์ตาของกู้โย่เสวี่ยเป็นประกายแน่นอน ผู้ชายที่ตนเองชอบนั้น จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา“ศาสตราจารย์ฉาง สามรายชื่อที่จะไปแข่งขันระดับเมืองในครั้งนี้ กำหนดแล้วหรือยัง?” กู้โย่เสวี่ยถามทันทีฉางเจียงหมิงพยักหน้าและพูดว่า “กำหนดแล้ว ยังคงเป็นมาตรฐานเดียวกันกับเมื่อสองปีก่อน หวังซงหมิงที่ลี่เหรินกรุ๊ปแนะนำ ซ่งเจิงที่ไห่หมิงกรุ๊ปแนะนำ และเฉียวฮุ่ยที่ปิงฉิ้นกรุ๊ปแนะนำ”พอพูดถึงเฉียวฮุ่ย ใบหน้าขอ
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?