สำหรับคนพรรค์นี้ เซียวเป่ยไม่คิดที่จะพัวพันด้วยอยู่แล้วกัวไหลอี้ได้ยินดังนั้น ก็ทำราวกับว่าได้รับอภัยโทษ รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเถาเทียนเหอก็ขมวดคิ้ว ถลึงตาไปที่เซียวเป่ย ทำเสียงฮึดฮัด และเดินออกจากลานในวิลล่าคืนนี้ เขารู้สึกอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างมากในทำนองเดียวกัน เขาก็จดจำชายหนุ่มคนนี้ชื่อเซียวเป่ยคนนี้ได้แล้ว“คุณหนูกู้ ผมเหนื่อยแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะ” เซียวเป่ยกล่าวกู้โย่เสวี่ยยิ้มและพูดว่า:“คุณเซียว เดี๋ยวฉันจะไปส่งคุณ”เซียวเป่ยพยักหน้า คนหนึ่งอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง เดินออกจากลานในวิลล่าแต่ว่า เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังว่า: “ปรมาจารย์เซียว ปรมาจารย์เซียวโปรดหยุดก่อน!”เซียวเป่ยเลิกคิ้ว หันหลังกลับไป ก็เห็นถังจิ้งจือวิ่งเข้ามา หายใจเหนื่อยหอบ สีหน้าซีดเผือดเอามือทำความเคารพและพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ปรมาจารย์เซียว คุณคุยกับกระผมสักครู่จะได้มั้๊ย? ““มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ” เซียวเป่ยกล่าว“ปรมาจารย์เซียว บอกตามตรงว่า พักนี้ตระกูลถังของกระผมมีปัญาหาเล็กน้อย กระผมเลยอยากจะเชิญปรมาจารย์เซียวมาที่บ้าน ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า หนูจะปิดบังปู่ได้ยังไง?หนูเป็นคนที่ปู่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต ความคิดความอ่านของหนู ล้วนเขียนเอาไว้ที่บนใบหน้าแล้ว” ท่านผู้เฒ่ากู้ยิ้มอย่างใจดีมีเมตตาความคิดแผลงๆของกู้โย่เสวี่ยนี้ เขาสามารถมองออกทั้งหมด“หึ! ไม่พูดกับคุณปู่แล้ว” กู้โย่เสวี่ยกระทืบเท้า“โย่เสวี่ย ปู่จำเป็นจะต้องเตือนหนูว่า แพทย์เซียนเซียวมีความสามารถมากก็จริง อนาคตสดใสก้าวไกล แต่เขาเคยหย่ามาก่อน หนูจะต้องคิดให้ดี”ท่านผู้เฒ่าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจการกระทำทั้งหมดของเซียวเป่ยในคืนนี้ เขาอยู่ชั้นบนและเห็นด้วยตาของตนเองรวมถึงตอนที่เขาทำการรักษาเว่ยหนันเทียน และยังมีการประเมินสมบัติเมื่อสักครู่ที่เปิดโปงแผนการต้มตุ๋นของปรมาจารย์เซียงเจียงจะเห็นได้ว่า เซียวเป่ยเป็นยอดฝีมือที่ไม่เปิดเผยตัวตน!คนเช่นนี้ มาอาศัยอยู่ที่เจียงจงเมืองเล็กๆแห่งนี้ เป็นคนธรรมดาสามัญ จะต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ“คุณปู่คะ แม้ว่าเขาจะเคยหย่าร้าง แต่หนูก็ยังชอบเขา!” กู้โย่เสวี่ยกล่าวอย่างดื้อรั้นท่านผู้เฒ่ากู้หัวเราะอย่างฉงนใจ และพูดว่า: “แต่ตอนนี้เขาหมดเนื้อประดาตัวนะ”“แล้วไงล่ะ? หนูเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณเซียวจะกลาย
ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย พินิจดูกู้โย่กู่รั่วเสวี่ยสองสามครั้ง และพูดอย่างสงสัยว่า: “คุณแน่ใจเหรอ?”“แน่นอน” กู้โย่เสวี่ยยิ้ม“ตกลง! พูดคำไหนคำนั้น!” ซูหว่านพยักหน้าฃกู้โย่เสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม: “พูดคำไหนคำนั้น พอถึงเวลานั้นอย่ามาเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆแบบฉินเฟิงนั่นก็แล้วกัน”ยอดสาวงามทั้งสองคน ตอนนี้ก็ได้ทำการแข่งขันกันอย่างลับๆ “หึ! ฉันจะไม่แพ้แน่นอน” ซูหว่านทำเสียงฮึดฮัด มองไปที่กู้กู่โย่เสวี่ยอย่างลึกล้ำ และเดินผ่านไปกู้โย่เสวี่ยยิ้ม ไม่ได้เอ่ยปากอะไร แล้วก็ก้าวเท้าเดินจากไป……ทางด้านของเซียวเป่ย พอเดินเล่นกับเจียงฉิงไปสักพัก ก็ถามว่า “ประธานเจียง มีธุระอะไรเหรอ?”เจียงฉิงพลรางยิ้มพลรางเดิน :“ ฉันได้ยินจากตระกูลกู้บอกว่า ช่วงนี้แพทย์เซียนเซียวกำลังมองหาสมุนไพรหายากบางชนิดอยู่?”“ใช่” เซียวเป่ยพยักหน้าตระกูลกู้นำเรื่องนี้บอกเจียงฉิง?“พอดีเลย ฉันรู้จักนักธุรกิจชั้นนำด้านสมุนไพร หากแพทย์เซียนเซียวไม่รีบ ฉันจะพาคุณไปพบเขาตอนนี้เลย” เจียงฉิงยิ้มเซียวเป่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ถามอย่างสงสัยว่า: “ทำไมประธานเจียงถึงอยากจะช่วยผม”“คุณปู่บอกฉันว่า ให้ฉันติดต่อกับค
“เหอะๆ นั่นก็แค่นักต้มตุ๋นหลอกขายยาคนหนึ่ง?” ฮั่วเจิ้งซชานส่ายหน้าหัว หัวเราะอย่างประชดประชันรู้สึกว่าครั้งนี้คุณเว่ยเหล่ามองคนผิดไปนักต้มตุ๋นหลอกขายยาคนหนึ่ง ยากที่จะปีนป่ายขึ้นมาถึงจุดที่สูงส่งสง่างามได้แต่ยังไงก็ตาม เซียวเป่ยก็ยังเอ่ยปากพูดด้วยความใจเย็นว่า: "หัวหน้าตระกูลฮั่ว จุดอิ้นถางที่อยู่บริเวณหน้าผากของคุณเป็นสีดำ จุดมิ่งกงที่อยู่กึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างก็บุบลง แถมยังมีลายเส้นสีดำอีก เกรงว่า จะมีภัยพิบัตินองเลือดเกิดขึ้น หรืออาจถึงขั้นต้องเสียชีวิต"เมื่อครู่เซียวเป่ยมองดูลักษณะใบหน้าของฮั่วเจิ้งซาน มันดูแย่มากความไม่ดีเพียงเล็กน้อย อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้“เหลวไหล! พูดจาเหลวไหลสิ้นดี! คุณตรวจดวงชะตาให้คนอื่นได้งั้นเหรอ?”ฮั่วเจิ้งซานโกรธมาก ตบโต๊ะไปหนึ่งครั้งอย่างแรง ตะคอกว่า : "ไอ้เด็กเวร ฉันรู้ว่าแกอยากจะแสดงความสามารถของตนเองออกมา แต่ถ้าใช้ความพยายามมากจนเกินไปแทนที่จะประสบความสำเร็จกลับกลายเป็นว่าล้มเหลวแทน! จุดอิ้นถางเป็นสีดำอะไร ภัยพิบัตินองเลือดอะไร ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี!"“หัวหน้าตระกูลฮั่ว ทุกอย่างที่ผมพูดเป็นค
แต่ตอนนี้ ฮั่วเจิ้งซานเสียใจที่มันสายเกินไปแล้ว ในเวลานี้ ชายหน้าบากที่มีใบหน้าเย็นชา ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างรถบานที่แตก ยิ้มอย่างดุร้ายไปที่ฮั่วเจิ้งซานและพูดว่า: “หัวหน้าตระกูลฮั่ว ไม่เจอกันตั้งนานเลย”“แกคือ...คนของตระกูลหวัง!” นัยน์ย์ตาคู่นั้นของฮั่วเจิ้งซานเบิกโพลง พอมองปุ๊บก็รู้เลยว่าคนนี้เป็นใครนี่คือศัตรูคู่อาฆาตของเขา กลุ่มอันธพาลใต้ดินกลุ่มนั้นที่หัวหน้าตระกูลหวังเลี้ยงดูเอาไว้คิดไม่ถึงว่า จะตามมาจนถึงเจียงจง!“พวกแกต้องการจะทำอะไร?ฉันคือฮั่วเจิ้งซานนะ!” ฮั่วเจิ้งซานโกรธมาก แต่ลึกๆในใจกลับรู้สึกกลัวมากกว่าชายหน้าบากคนนั้นยิ้มอย่างเย็นชาว่า: “แน่นอนว่าต้องการชีวิตคุณ”พอพูดจบ เขาก็ควักเอาปืนพกสีดำหนึ่งกระบอกออกมาจากอ้อมแขนของเขา แล้วกดมันไว้ที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของฮั่วเจิ้งซาน!“หยุดนะ!”ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นชายหน้าบากหันกลับไป ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซียวเป่ยกับเจียงฉิงเดิมทีเซียวเป่ยไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้ แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อเจียงฉิงบอกว่า ฮั่วเจิ้งซานคนนี้น่าจะมีสมุนไพรที่ตนอยากได้หากเ
เข็มเงินสิบกว่าเล่มพุ่งออกมาด้วยเสียงฟึ้บฟั่บฟึ้บฟั่บ!...ลูกสมุนสิบกว่าคนนั้น ต่างก็ถูกเข็มปักกันเป็นแถว ล้มลงไปกับพื้นในทันที พวกเขาเอามือปิดแขนไว้ ร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และกลิ้งไปมาอย่างต่อเนื่อง!เมื่อเห็นภาพนี้ ชายหน้าบากก็ตื่นตกใจคนนี้แม่งเม่งเป็นใครกันวะ?นี่เป็นวิธีสยองขวัญอะไรกันเนี่ยช่างน่าหน้ากลัวเหลือเกิน!“เวรเอ๊้ย! มึงแม่งรนหาที่ตาย!”ชายหน้าบากโกรธมาก หันกลับมา เล็งปืนไปที่เซียวเป่ยโดยตรง เยาะเย้ยอย่างน่ากลัวว่า: “ไอ้เด็กเวร กูไม่เชื่อว่ามึงจะรอดจากปืนของกูไปได้!”อย่างไรก็ตามเซียวเป่ยก็ยังคงไร้ซึ่งความหวาดกลัว สายตาจ้องมองที่ชายหน้าบากอย่างเฉยเมย และพูดอย่างจริงจังว่า: “ถ้านอกรัศมีสิบเมตร บางทีกระสุนอาจจะเร็ว แต่ถ้าภายในรัศมีสิบเมตร ปืนของแก ทำร้ายฉันไม่ได้หรอก”“แม่งโคตรรตวางมาดเลย! ไปตายซะเถอะ!”ชายหน้าบากโมโหมาก เหนี่ยวไกปีน!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น!เจียงฉิงตกใจจนต้องเอามือปิดปากเอาไว้ และตะโกนว่า: “คุณเซียว รีบหลบเร็ว!”แต่ว่า มันก็สายเกินไปแล้วกระสุนปะทุเขม่าเปลวไฟ พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนแต่ว่า ในสายตาของเซียว
เมื่อฮั่วเจิ้งซานได้ยินดังนี้ ก็ตกใจจนขนลุกชูชัน รีบเอาหัวกระแทกพื้นแล้วตะโกนว่า: “ปรมาจารย์เซียวผู้สูงส่ง ปรมาจารย์เซียวได้โปรดช่วยชีวิตของกระผมด้วย ขอแค่แก้ไขปัญหาได้ จะให้กระผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น"เจียงฉิงถือโอกาสนี้พูดว่า “ลุงลงฮั่วคะ คุณเซียวต้องการแค่สมุนไพรไม่กี่ชนิดเท่านั้น”“ถ้าตระกูลฮั่วของกระผมมี จะมอบให้กับคุณเซียวทั้งหมดเลย! ขอเพียงแค่คุณเซียวช่วยชีวิตกระผม ช่วยกระผมขจัดภัยพิบัติอันนองเลือดนี้”ฮั่วเจิ้งซานพูดอย่างร้อนรน เขาหวาดกลัวจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะคุณเซียว คืนนี้เขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!เซียวเป่ยยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า: “หัวหน้าตระกูลฮั่วได้โปรดลุกขึ้น ถ้าคุณสามารถหาสมุนไพรทั้งสามให้ผมได้ ผมก็จะช่วยคุณขจัดภัย”พอฮั่วเจิ้งซานได้ยินดังนี้ ก็รีบลุกขึ้นยืน และพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “เชิญปรมาจารย์เซียวพูดได้เลยครับ”เซียวเป่ยบอกไปตามตรงว่า: “หญ้าเทียนเซียน เห็ดหลินจือเนื้อ และดอกเจตภูตแดง ยิ่งอายุมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น”ฮั่วเจิ้งซานชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย และพูดว่า: “ปรมาจารย์เซียว บอกตามตรงว่า ที่บ้านตระกูลฮั่วของกระผมมีหญ้าเที
“อืม”เจียงฉิงยิ้มเล็กน้อยอย่างสุภาพ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”พูดจบ เจียงฉิงก็เดินจากไปทีนี้เซียวเป่ยจึงถามว่า: “คุณรอผมอยู่ตลอดเวลาเลยเหรอ?”“ใช่ค่ะ” กู้กู่โย่เสวี่ยยิ้มอย่างสวยงาม เอามือมือเล็กๆไขว้ไว้ที่ด้านหลังไร้เดียงสามาก และน่ารักสุดๆอีกทั้งยังไม่สูญเสียเสน่ห์ของผู้หญิงวัยบรรลุนิติภาวะซึ่งแตกต่างจากท่าทางที่แข็งกร้าวตอนที่อยู่ในเลานจ์ก่อนหน้านี้ อย่างกับเป็นคนละคนเลย“ใช่แล้ว คุณเซียว คืนพรุ่งนี้จะมีงานปาร์ตี้บนเรือสำราญ ซึ่งจัดโดยกลุ่มคนรวยรุ่นที่สองบางกลุ่มในท้องถิ่นเจียงจง ไม่รู้ว่าคุณสนใจเข้าร่วมมั้๊ย?” กู้โย่เสวี่ยถามพร้อมกะพริบตาอันสวยงามเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งยังไงซะพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรทำ จะไปร่วมงานก็ได้ก็ให้คิดซะว่าเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ หลังจากการหย่าร้าง“ได้” เซียวเป่ยพยักหน้า...“จริงเหรอ? เยี่ยมมากเลย” กู้โย่เสวี่ยพูดด้วยความตื่นเต้น และกระโดดไปสองครั้งกระต่ายขาวตัวใหญ่สองตัวที่อยู่ตรงหน้าอก แกว่งเขย่าไปมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีอิทธิพลต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก จนทำให้เซียวเป่ยต้อ
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?