รายชื่อที่ส่งไปในการแข่งขันของมณฑลเป็นเพราเขาะงั้นหรอ?ทันทีที่คำพูดออกมาทำให้หลายคนถึงกับก็ตกตะลึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนและความสงสัย“เซียวเป่ย คุณไร้ยางอายจริงๆถึงเป็นออกมาแบบนี้ได้!”หลี่เซียวลี่หัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยามมองดูเซียวเป่ยอย่างกับเขาเป็นตัวตลกฉินเฟิงแทบจะอาเจียนพร้อมหัวเราะออกมา “เซียวเป่ยคุณนี่รู้จักแต่เอาดีเข้าตัวเองนะ!”“ฉันแค่โทรศัพท์สายเดียวก็เสร็จเรื่อง ทั้งชาตินี้คุณก็ทำไม่ได้”“ถ้าคุณไม่พอใจ ฉันจะบอกให้สองคำนะว่า อดทนไว้!”เซียวเป่ยเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยสายตาเย็นชา: "บางครั้ง การทำอะไรก็ไม่ใช่ว่าใครจะมาแย่งไปได้ง่ายๆ คิดจะขโมยไก่ แต่กลับสูญเสียข้าวไปโดยใช่เหตุ"“คุณหมายถึงอะไร! ความดีความชอบนั้นไม่ใช่ของฉันหรือคิดว่าเป็นเพราะคุณหรือยังไง!”ฉินเฟิงโกรธเคืองด้วยใบหน้าของเขามืดมนอย่างน่ากลัวหลี่เซียวลี่ยังตะโกนว่า "เซียวเป่ย คุณนี่มันขี้อิจฉา! ประธานฉินมีความสามารถมากกว่าคุณ! แค่ยอมรับมันยากนักหรอ"เสี่ยวเป่ยขมวดคิ้วพูดว่า "เลขาหลี่ ถ้าคุณไม่เชื่อ จะโทรถามไหมละ"“โทรก็โทร! ใครจะไปกลัว!”ฉินเฟิงสะดุ้งแล้วพึมพำในใจเขาไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้แก้ได้
"ลำดับต่อไป เรียนเชิญปิงฉิ้นกรุ๊ปมานำผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ของพวกเขา ยาลูกกลอนจินอู่!"“สิ่งที่ทุกท่านทราบดี ว่ายาชนิดนี้เป็นยายุคใหม่ที่รักษาได้ทุกโรค”"ขอเสียงปรบมือกับ คุณซูหว่าน ประธานปิงฉิ้นกรุ๊ป ขึ้นบนเวที!"แปะๆๆ!เสียงปรบมือดังสนั่น"ประธานซู ถึงคิวพวกเราแล้ว"หลี่เซียวลี่พูดอย่างตื่นเต้นซูหว่านหายใจเข้าลึกๆ แล้วยืนขึ้นในสายตาของเธอมีแต่สปอตไลต์ของเวทีในหูมีเพียงเสียงปรบมือดังสนั่นคืนนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอกลายเป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจซูหางคืนนี้เป็นเวลาที่เธอต้องบอกลาอดีตและต้อนรับอนาคตใหม่ที่จะเริ่มเต้นใหม่ฮูว……สูดลมหายใจ ดวงตาของซูหว่านจ้องมองไปที่เซียวเป่ยเล็กน้อยซึ่งพวกเขายังคงพูดคุยแล้วหัวเราะอยู่ที่มุมตรงข้ามใช่แล้ว หลังจากคืนนี้ เธอและเขาเองจะอยู่ระหว่างฟ้ากับดินชื่อของเธอจะดังก้องไปทั่วซูหางซูหว่านหลบสายตา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา เธอก้าวขึ้นไปบนเวทีทีละก้าวท่ามกลางเสียงปรบมือของฝูงชนหลี่เซียวลี่ตะโกนอย่างตื่นเต้น: "ประธานซู สู้ๆ!"ฉินเฟิงยังมองไปที่เซียวเป่ยที่อยู่มุมตรงข้ามด้วยความรังเกียจ พร้อมเยาะเย้ยอย่างชั่วร้ายในใจ: "
พรึ่บ!ทุกคนต่างก็ตกใจ!สายตาของทุกคนในห้องโถง มองไปที่เซียวเป่ยที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง แทบจะในทันทีสายตาเหล่านี้ เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ความสงสัย ความโกรธ ดูถูกเหยียดหยาม และมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นผู้ชายคนนี้เป็นใคร?ในวาระโอกาสที่สำคัญขนาดนี้กล้าดียังไงถึงพูดคำแบบนี้ออกมา อยากตายหรือ?แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็ยังงอตัวลงด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย ความรู้สึกที่ถูกทุกคนจ้องมองนั้น ไม่ดีเลยเธอโน้มตัวเข้าไปหาเซียวเป่ยอย่างเงียบๆ ใช้มือเล็กๆดึงเสื้อของเขา แล้วกระซิบว่า: "แพทย์เซียนเซียว อย่าพูดมั่วซั่ว นั่นคือคุณเว่ยเหล่าของเมืองเอกเชียวนะ ขนาดตระกูลกู้ของฉัน ยังต้องเคารพเขาเลย……"คิ้วและดวงตาที่สวยงามคู่นั้น กะพริบแวววาวอย่างน่าประหลาดใจทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่?มีความกล้าหาญมาก ถึงขั้นกล้าพูดคำเช่นนี้ออกมา ต่อหน้าคุณเว่ยเหล่าคิ้วที่สวยงามของเจียงชิง ขมวดเล็กน้อย เธอเริ่มคิดว่า จะอธิบายให้เซียวเป่ยฟังอย่างไรส่วนซูหว่าน หลังจากที่ได้ยินเซียวเป่ยพูด ก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมลงทันทีไม่รอให้เธอเอ่ยปาก หลี่เซียวลี่ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็วิ่งพรวดออกมา และตะโกนใส
เสียงเกรียวกราว!ภายในห้องโถง มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วสารทิศอะไรนะ?หย่าร้าง?!เขาคือสามีของซูหว่านประธานซูแห่งปิงฉิ้นกรุ๊ป?ผู้ก่อตั้งปิงฉิ้นกรุ๊ปเมื่อสามปีที่แล้ว ผู้ประกอบการอัจฉริยะที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบผู้นำรุ่นใหม่ที่โดดเด่นในซูหาง เซียวเป่ย……แต่ว่า เมื่อสองปีก่อน เขาเริ่มถอนตัวออกจากแวดวงธุรกิจของเจียงจง จนกระทั่ง มาถึงจุดที่ไม่มีใครสนใจ หากซูหว่านไม่เอ่ยถึง ก็คงจะไม่มีใครจำได้มีข่าวลือหนาหูว่า อดีตประธานเซียวเป่ยของปิงฉิ้นกรุ๊ปคนนี้ หมกมุ่นอยู่กับศาสตร์ลึกลับของยุทธจักร จนละเลยปิงฉิ้นกรุ๊ป ไม่ดูแลธุรกิจหลักไปเปิดร้านเล็กๆเพื่อดูฮวงจุ้ยรูปลักษณ์หน้าตาให้ผู้คนตอนนี้ดูเหมือนว่า มันเป็นเรื่องจริงในห้องโถง ผู้คนส่วนใหญ่ ต่างก็รู้ถึงความโด่งดังของเซียวเป่ยในตอนนั้นตอนนี้ดูเหมือนว่า จะไม่ใช่คนคนเดียวกันเลยเซียวเป่ยที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนคนไร้ค่าที่ไร้ซึ่งปณิธานแห่งการต่อสู้ ได้แต่พูดจาส่งเดช เอาใจมวลชนทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองเซียวเป่ยก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสายตาที่เหน็บแนม ดูหมิ่นเหยียดหยาม มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และโกรธเคือง!“ไม่หรอกมั
ในห้องโถง ทุกคน ต่างก็จ้องมองไปที่เว่ยหนานเทียน อยากเห็นปฏิกิริยาของเขาหลังจากกินยาจินอูตันเจียงชิงโน้มตัวลง แล้วถามเบาๆอย่างนุ่มนวลว่า: "คุณตา รู้สึกอย่างไรบ้าง?"เว่ยหนานเทียนยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า: "ดูเหมือนว่าไม่เลวเลย ร่างกายผ่อนคลายขึ้นมาก อาการคับหน้าอกของก็ดูเหมือนจะหายไปแล้ว ความรู้สึกเจ็บแปลบๆแบบนั้น ก็ไม่มีแล้ว สมองก็ปลอดโปร่งขึ้นมาก ยาลูกกลอนจินอู่นี้ ไม่เลยเลยทีเดียว”ยาลูกกลอนจินอู่นี่ ช่างอัศจรรย์จริงๆ!แม้แต่เว่ยหนานเทียนยังรับรองขนาดนี้ มันจะต้องกลายเป็นกระแสนิยมในวงการแพทย์และเภสัชซูหางอย่างแน่นอน!เมื่อซูหว่านได้ยินดังนี้ ก็เหมือนยกภูเขาออกไปจากอก ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกยาลูกกลอนจินอู่ โด่งดังแล้ว!แม้แต่ ในใจของซูหว่านได้เริ่มจินตนาการภาพที่ปิงฉิ้นกรุ๊ปขึ้นเป็นผู้นำในวงการแพทย์และเภสัชซูหางในอนาคตแล้วหลี่เซียวลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังซูหว่าน ตื่นเต้นดีใจสุดขีด นัยย์ตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“ประธานซู พวกเราทำสำเร็จแล้ว!”หลี่เซียวลี่พูดเบาๆอย่างตื้นตันใจ พร้อมทั้งน้ำตาคลอเบ้าหลังจากคืนนี้ ชื่อเสียงของปิงฉิ้นกรุ๊ปจะโด่งดังขึ้นซูหว่านจะกลายเป็นราชินีขอ
ซูหว่านพึมพำกับตัวเอง ในใจรู้สึกสับสนมากหลี่เซียวลี่รีบพยุงเธอลุกขึ้น ร้องไห้แล้วพูดว่า : "ประ ประธานซู.....ตอนนี้จะทำยังไงดี? หากคุณเว่ยเป็นอะไรขึ้นมา พวกเราจบแน่ หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง..."มีคนที่อยู่ในกลุ่ม ไม่รู้ว่าเป็นใครตะโกนขึ้นมาว่า: "เซียวเป่ยคนนั้นพูดถูกแล้ว......"เซียวเป่ย?!เมื่อซูหว่านได้ยินคำนี้ ร่างกายก็สั่นเทา ดวงตาจ้องมองออกไปที่นอกประตู!“ประธานซู เป็นเซียวเป่ยที่ก่อความวุ่นวาย! เขาให้ใบสั่งยานี้แก่ฉัน เขาจงใจ เขาคิดจะทำร้ายคุณ คิดจะทำร้ายปิงฉิ้นกรุ๊ปทั้งหมด!”หลี่เซียวลี่นึกขึ้นมาได้ สมองตอบสนองไว จึงพูดโพล่งออกมา นัยย์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ แล้วยกความผิดทั้งหมดไปให้เซียวเป่ย โดยไม่ได้เอ่ยถึงคำเตือนซ้ำๆของเซียวเป่ยเลยแม้แต่น้อย“...คือเขาจริงๆหรือ?”ซูหว่านยังคงลังเลเล็กน้อยในจิตใต้สำนึกของเธอ แม้ว่าจะหย่ากันแล้ว เซียวเป่ยคงจะไม่ทำร้ายตนเองแบบนั้นหรอกสองปีมานี้เขาก็แค่ทรุดโทรมเล็กน้อย แต่อุปนิสัยถือว่ายังใช้ได้อยู่“ประธานซู นี่มันเวลาไหนแล้ว คุณยังเชื่อไอ้สารเลวนั่นอยู่อีกหรือ? หากไม่ใช่เขา จะอธิบายเรื่องยาลูกกลอนจินอู่ยังไง? นี่เขาจงใจทำให้เราหลงกลอุบาย!
ซูหว่านชะงัก หัวเราะอย่างน่าเวทนา แล้วพูดว่า: "นี่คือจุดประสงค์ของคุณหรือ?"พอเซียวเป่ยได้ยิน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามกลับไปว่า: "หมายความว่ายังไง"“เหอะๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกหรือ? คุณทำแบบนี้ เพราะอยากเห็นฉันอับอายขายขี้หน้าต่อคนใหญ่คนโตมากมาย อยากเห็นฉันอ้อนวอนขอร้องคุณ เพื่อสนองจิตใจที่เห็นแก่ตัวและสกปรกของคุณไม่ใช่หรือ?”ซูหว่านหัวเราะอย่างน่าเวทนา ปาดน้ำตาออกจากหางตา ดวงตาของเธอเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาเธอนึกไม่ถึงว่า ชายตรงหน้าที่อยู่ด้วยกันมาสามปี จะปฏิบัติต่อเธอแบบนี้เซียวเป่ยอดขมวดคิ้วไม่ได้ที่จริงแล้ว เธอคิดเช่นนี้กับตนความสัมพันธ์สามปี ให้หมามันกินไปหมดแล้ว!"ในสายตาคุณ ผมเป็นคนแบบนั้นหรือ?" ดวงตาเซียวเป่ยมองไปที่ซูหว่านแล้วถามอย่างจริงจังซูหว่านเงียบขรึมท่าทางที่เย็นชา แสดงให้เห็นถึงความคิดของเธอแล้วเซียวเป่ยหัวเราะเยาะตัวเอง ส่ายหัวแล้วพูดว่า: "ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด อยากให้ผมเข้าไปช่วยชีวิตคน ได้ ขอร้องผมสิ""ในที่สุดหางสุนัขจิ้งจอกก็โผล่" ซูหว่านหัวเราะอย่างเศร้าๆ แล้วจ้องมองไปที่เซียวเป่ยด้วยท่าทีที่ขุ
สีหน้าของเจียงฉินเศร้าหมอง คิ้วที่สวยงามก็ขมวดกันเซียวเป่ยพูดทันทีว่า: "ถ้าคุณเว่ยเหล่าไม่ฟื้นภายในห้านาที ผมจะรับผิดชอบเองทั้งหมด!""ดี! คำนี้คุณเป็นคนพูดเองนะ งั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับซูหว่าน" ฉินเฟิงรีบฉวยโอกาสพูด แต่หัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจเซียวเป่ยพูดอย่างเย็นชาว่า: "ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ"ทันใดนั้น ซูหว่านและหลี่เซียวลี่ก็เดินเข้ามา ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีฉินเฟิงอยากได้ความดีความชอบรีบไปที่ด้านหน้าของซูหว่าน พูดด้วยรอยยิ้มว่า: "ซูหว่าน คุณก็ได้ยินแล้ว เซียวเป่ยรับปากว่าจะรับผิดชอบทั้งหมด หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณเว่ยเหล่า ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณ คุณวางใจได้""ขอบคุณประธานฉิน" หลี่เซียวลี่กระซิบเบาๆขอเพียงแค่ไม่เกี่ยวข้องกับซูหว่าน และปิงฉิ้นกรุ๊ป ก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น ก็ดี ให้เซียวเป่ยคนสารเลวคนนี้รับผิดชอบทั้งหมด!แต่ซูหว่านกลับขมวดคิ้วที่โก่งงาม และพูดอย่างเย็นชาว่า: "เซียวเป่ย ฉันไม่ต้องการให้คุณแกล้งเป็นคนดี หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณเว่ยเหล่า ฉันซูหว่านจะรับผิดชอบเองทั้งหมด! ฉันและคุณเซียวเป่ยได้หย่าขาดกันแล้ว ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบแทนฉัน ฉั
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?