หลี่เซียวลี่หัวเราะเยาะอย่างลับๆตอนนี้ยิ่งเซียวเป่ย อวดดีมากเท่าไร หากภายหลังไม่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายขาดได้ ก็จะหน้าแหกมากขึ้นเท่านั้น!หลูเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จากนั้นทั้งหน้าอกก็สั่นเทาอย่างรุนแรง เพราะความโกรธ ตะโกนว่า: “คุณว่าอะไรนะ พวกเราเป็นแพทย์ไร้น้ำยา?”“ดีดีดี! หลายปีมานี้ คุณเป็นคนเดียวที่กล้าพูดว่าผู้เชี่ยวชาญสองสามคนของโรงพยาบาลซื่อลี่อย่างพวกเราเป็นแพทย์ไร้น้ำยา!”“ไอ้หนู ทางที่ดีควรจะรักษาคนไข้รายนี้ให้หายในคืนนี้ มิฉะนั้น ฉันจะทำให้คุณไม่สามารถมีที่ยืนในวงการแพทย์ไปตลอดชีวิต!”พรึ่บ!วางสายโทรศัพท์หลูเฟิงจ้องมองหน้าจอด้วยความโกรธ สีหน้าแดงขึ้นผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่นั่งอยู่ ต่างก็กล่าวตำหนิด้วยถ้อยคำที่เฉียบคมเช่นกันในทางกลับกัน เซียวเป่ยกลับสงบนิ่งไร้ซึ่งความกลัวใดๆคนไข้และลูกชายของคนไข้ ขณะนี้สายตาที่มองไปที่เซียวเป่ยก็เปลี่ยนไปเสียงดังพลั่ก!ลูกชายของคนไข้ที่ดุดันดุร้าย ที่มีลักษณะเหมือนหมีดำ ก็คุกเข่าลงทันที ตะโกนบอกเซียวเป่ยว่า: “แพทย์เซียนเซียว ได้โปรดยื่นมือช่วยพ่อของผมด้วย! ถ้าคุณสามา
เจ้าหน้าที่ถึงกับอุทาน!และขณะนี้ ภายในห้องถ่ายทอดสดเต็มไปด้วยคอมเมนต์ “คารวะซ่งเหล่า” มากมายจากนั้น ไม่ว่าปฏิกิริยาของทุกคนจะเป็นยังไง ซ่งเจิ้งหยางก็รีบวิ่งไปหาเซียวเป่ย โค้งคำนับและถามว่า: “สหายน้อยเซียว คุณรู้จักศาสตร์บำบัดจู้โหยวจริงๆใช่ไหม?”เซียวเป่ยเงยหน้าขึ้น มองไปทางชายชราที่อยู่ตรงหน้า ถามอย่างสงสัยว่า: “คุณเป็นใคร?”ทันใดนั้น ภาพหน้าจอก็นิ่งไปเล็กน้อยภายในห้องถ่ายทอดสดก็เงียบลงทันทีจากนั้นไม่นาน ก็มีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด “ให้ตายเถอะ! ไม่ใช่มั้ง เขาไม่รู้จักซ่งเหล่างั้นเหรอ?”“ผู้ชายคนนี้รู้หรือไม่รู้ศาสตร์ทางการแพทย์กันแน่ แม้แต่ซ่งเหล่าก็ไม่รู้จัก?”“แม่งเอ้ย! นั่นคือผู้นำในวงการแพทย์ในเจียงจงของพวกเราเลยนะ ฉันอยากจะรีบไปบอกเขาจริงๆว่า เขาคือซ่งเจิ้งหยาง!”ภายในห้องสตูดิโอหลี่เซียวลี่หัวเราะก๊ากๆขึ้นมาทันทีและพูดว่า: “แม้แต่ซ่งเหล่าก็ไม่รู้จัก ยังมาบอกว่าตนเองรู้ศาสตร์ทางการแพทย์ และยังมีศาสตร์บำบัดจู้โหยวอะไรนี่อีก น่าขันจริงๆ”“ประธานซู คุณเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียวเป่ยแล้วหรือยัง?”ซูหว่านขมวดคิ้ว และไม่ได้พูดตอบหลูเฟิงและผู้เช
“ความเชื่อไสยศาสตร์?”เซียวเป่ยยิ้มเบาๆและพูดว่า “คุณถ่ายทอดสดต่อไปได้เลย หากมีอะไรเกิดขึ้น ผมจะรับผิดชอบเอง”“เอ่อ……”เจ้าหน้าที่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย และรีบไปขอคำแนะนำจากหัวหน้าทันทีหัวหน้าตัดสินใจแล้วว่า ให้ถ่ายทอดสดต่อไปได้!จะยังไงซะ ตอนนี้ระดับกระแสนิยมร้อนแรงมากยิ่งไปกว่านั้น ตรงนั้นยังมีซ่งเจิ้งหยางอยู่ทั้งคน จะกลัวอะไร?ภายในห้องสตูดิโอ เมื่อซูหว่านเห็นเซียวเป่ยหยิบสิ่งเหล่านี้ออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเขาบ้าไปแล้วเหรอ?นี่คือการถ่ายทอดสดนะ!เขากลับมาทำของไสยศาสตร์งมงายเหล่านี้!พิธีกรยังถามอีกว่า “ประธานซู คุณคิดอย่างไร?”ซูหว่านพูดอย่างเย็นชาว่า: “ ฉันไม่มีความคิดเห็นใดๆ เขาจะทำอะไร มันก็เป็นเรื่องของเขา”พิธีกรก็ยิ้มอย่างเคอะเขินหลูเฟิงและคนอื่นๆที่อยู่โรงพยาบาลซื่อลี่ ต่างก็พากันหัวเราะจนตัวโก่ง“นี่คือศาสตร์บำบัดจู้โหยว? นี่ไม่ใช่ความเชื่อไสยศาสตร์ที่เอาไว้ใช้ตบตาผู้คนเหรอ”“ฮ่าฮ่าฮ่า หัวหน้าแพทย์หลู ดูเหมือนว่า ไอ้เด็กคนนั้นจะต้องขอโทษพวกเรา ต่อหน้าผู้ชมแสนกว่าคนแล้ว”“ เฮ้อ น่าเสียดายคุณซ่งเหล่า มีชื่อเสียงที่ดีมาทั้งชีวิต กลับต
ในเวลานี้ หลูเฟิงอยู่ในอาการที่ตื่นตระหนก ตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือว่า: “เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! นี่นี่นี่... นี่เป็นศาสตร์ต้มตุ๋น!”“หึ!”ซ่งเจิ้งหยางทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา ตำหนิใส่โทรศัพท์ว่า: “ทำไม หัวหน้าแพทย์หลูกำลังตั้งสงสัยในอำนาจบารมีของผมเหรอ?”หลูเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว และตอบว่า: “ไม่... ผมไม่กล้า”“ก็ลองกล้าดูสิ!”ซ่งเจิ้งหยางพูดอย่างเย็นชา และถือโอกาสพูดว่า: “ผมจำได้ว่า ก่อนหน้านี้หัวหน้าแพทย์หลูเดิมพันกับสหายเซียวน้อยเอาไว้ ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะทำตามเดิมพันได้หรือยัง?”หลูเฟิงซึ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก สีหน้าดูแย่มาก“อะไรนะ หัวหน้าแพทย์หลูอยากจะผิดคำพูดเหรอ?”ซ่งเจิ้งหยางทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา และพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นผม จะใช้โอกาสการถ่ายทอดสดของวันนี้ เพื่อบอกพวกคุณทุกคน”“ศาสตร์แพทย์จู้โหยวของสหายน้อยเซียว เป็นของจริง!”“ศาสตร์ทางการแพทย์ของเขา ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่โรงพยาบาลซื่อลี่ของพวกคุณเลย ใครก็ตามที่เพิ่งจะเดิมพันกับสหายน้อยเซียวไป ตอนนี้ผมขอให้พวกคุณ
ขณะนี้ ภายในร้านเล็กๆแห่งหนึ่งเซียวเป่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟา สูบบุหรี่ นึกถึงฉากที่ซูหว่านขอโทษเมื่อกี้ และพึมพำว่า: “ผมไม่เคยอยากแข่งขันกับคุณเลย”ซ่งเจิ้งหยางได้ออกไปแล้ว ก่อนจะออกไป ยังเชิญเซียวเป่ยไปเป็นแขกที่บ้านของเขา เพราะอยากจะพูดคุยเรื่องศาสตร์บำบัดจู้โหยวหน่อยคนไข้และครอบครัวคนไข้ ก็ออกไปอย่างมีความสุขเช่นกันจ้าวหงจงและคนอื่นๆ ก็ออกไปตั้งแต่เนิ่นๆ บอกว่าช่วงนี้จะอาศัยอยู่ที่เจียงจง และหาโอกาสหารือเกี่ยวกับเรื่องศิลปะการต่อสู้และมวยสิงอี้กับเซียวเป่ยทันใดนั้นภายในร้านเล็กๆ ก็เริ่มเงียบลงทันที เหลือแต่เซียวเป่ยที่นั่งโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวการหักหน้าต่างๆนานาระหว่างการถ่ายทอดสดก่อนหน้านี้ เซียวเป่ยไม่ได้รู้สึกยินดีเลย แต่กลับหมดอาลัยตายอยากจากการสูญเสียขณะที่เซียวเป่ยลุกขึ้น และต้องการจะปิดประตูม้วนมีรถคันหนึ่ง มาจอดอยู่ที่ประตูบนรถ ซูหว่านก้าวลงมาด้วยสีหน้าเย็นชาเธอก็รีบตรงไปที่ ด้านหน้าของเซียวเป่ย ยกมือเปล่าขึ้น และตบเพียะไปที่บนหน้าของเซียวเป่ย และด่าว่า: “ไอ้คนสารเลว! คุณโกหกฉันมาสามปี!”เซียวเป่ยตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก แก้มรู้สึกปวดแสบเล็ก
เมื่อซูหว่านเห็นหลงเสี่ยวหานถูกตี ก็รีบไปพยุงหลงเสี่ยวหาน และถามว่า: “เสี่ยวหาน คุณโอเคมั๊ย?”หลงเสี่ยวหานลุกขึ้นนั่ง และแตะไปที่แก้มของตนเอง มุมปากมีเลือดอยู่เล็กน้อยซู่หว่านรีบหยิบทิชชูออกมาเช็ดให้เธอ จากนั้นก็ลุกขึ้น จ้องมองผู้ชายสองสามคนนั้นที่มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายด้วยสายตาที่เย็นชา และตะโกนว่า: “ฉันชื่อซูหว่านจากปิงฉิ้นกรุ๊ป! หากพวกคุณทำตัวได้คืบจะเอาศอก ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ที่นี่เป็นผับ ซูหว่านรู้ดี จะอยู่ที่นี่นานไม่ได้มิฉะนั้น อาจจะเกิดเรื่องขึ้นมาได้ดังนั้น เธอจึงทำได้แค่เพียงใช้สถานะและการแจ้งตำรวจข่มขู่ให้อีกฝ่ายหวาดกลัวแต่ว่า ชายที่ชื่อพี่เป้าคนนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่กลัว เอามือกุมศีรษะ กล่าวเยาะเย้ยอย่างเคร่งขรึมว่า: “ปิงฉิ้นกรุ๊ปเหรอ? ไม่เคยได้ยินเลย”“แจ้งตำรวจ?”“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ลองแจ้งดูสิ! ฉันจะรอดูสิว่า ตำรวจ จะมาเร็วกว่า หรือว่าปีนของฉันจะเร็วกว่ากัน!”ขณะที่พูด พี่เป้าก็ยืดสะโพกตรง และทำท่าทางเย้ยหยันซูหว่านซูหว่านโกรธมาก ง้างมือเปล่าขึ้น และด่าทอว่า: “แก! ไอ้สารเลว!”แต่ว่าเพียะ!การตบครั้งนี้ ถูกอีกฝ่ายจับ
“ปิดเพลง! ปิดซะ! แม่งเอ้ย!”พี่เป้าตะโกนคำราม และเตะลูกน้องสามสี่คนออกไปลูกน้องสามสี่คนนั้นก็รีบวิ่งออกไป แล้วเปิดไฟดวงใหญ่ในผับ ในขณะเดียวกันก็ปิดเพลงด้วยชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังเต้นรำอยู่ พอได้เห็นที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือดของพี่เป้า ต่างก็ตกใจกลัว จึงพากันไปหลบอยู่ที่มุมห้องกันเป็นแถวสายตาพี่เป้าเหมือนกับงู สแกนไปทั่วผับ พอไม่เห็นมีใครออกมา ก็ตะโกนว่า “เวรเอ๊ย! กล้าทำแต่ไม่กล้ารับใช่ไหม? ทำตัวเป็นเต่าหดหัว! แสดงตัวออกมาสิวะ!”สิ่งที่ตอบโต้พี่เป้า ก็คือขวดเบียร์สองสามขวด บินลอยมาทีละขวดๆ“เพล้ง-เพล้ง-เพล้ง!”ขวดทั้งหมดเขวี้ยงไปที่ลูกน้องสามสี่คนที่อยู่ข้างพี่เป้า ทุกคนต่างก็หัวแตกกันหมด นั่งยองๆลงบนพื้น พร้อมกับคร่ำครวญไม่ขาดสายความแข็งแกร่ง ความแม่นยำนี้ ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว“ออกมานะ! ถ้าถือว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ก็ให้แสดงตัวออกมา!”พี่เป้าหงุดหงิด ตะเบ็งเสียงถามในเวลานี้ มีเสียงอันเย็นชาหนึ่ง ดังมาจากที่นั่งหนึ่ง“พี่เป้าใช่ไหม? เอาเงินไป และก็ควรปล่อยคนไป นี่คือความซื่อสัตย์ขั้นพื้นฐานที่สุด”ขณะนี้เซียวเป่ยกำลังดื่มไวน์อย่
ซูหว่านถลึงตาใส่เขา และดุว่า: “ฉันไม่ต้องการให้คุณช่วย! สิ่งที่คุณทำตอนนี้ มีแต่จะทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม!”พูดจบ ซูหว่านก็รีบดึงหลิวเป้าขึ้นมาจากพื้น แล้วถามว่า “พี่เป้า คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”หลิวเป้าผลักซูหว่านออกไป กุมศีรษะเอาไว้ จ้องมองที่เซียวเป่ยอย่างโหดเหี้ยม และตะโกนว่า: “ไอ้เด็กเวร! แกแม่งบ้าบิ่นจริงๆ! แกเป็นคนแรก ที่กล้าแตะต้องฉันหลิวเป้า!”“แกรู้ไหมว่าคนที่หนุนหลังฉันอยู่คือใคร? นั่นคือนายน้อยสามของตระกูลเว่ย เว่ยเส้าหลง!”“วันนี้ ถ้าแกไม่ตาย ฉันก็คงจะไม่ได้แซ่หลิว!”โกลาหล!ซูหว่าน หลงเสี่ยวหาน รวมถึงแขกเหรื่อทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็คิดไม่ถึงว่า คนที่เบื้องหลังของหลิวเป้า จะเป็นนายน้อยสามของตระกูลเว่ย เว่ยเส้าหลง!นั่นคือตระกูลเว่ยเลยนะ!เว่ยเส้าหลงคนนี้เป็นหลานชายที่เว่ยหนันเทียนท่านผู้เฒ่าของตระกูลเว่ยรักที่สุด ในอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งหมดของเจียงจง เขาเปรียบเสมือนพระเจ้า!มีที่มีอำนาจล้นฟ้า!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความสัมพันธ์กับเว่ยเหล่านี้ ทำให้เว่ยเส้าหลงเป็นที่นิยมมาก ในเจียงจงแม้แต่หวังหู่ที่เป็นบุคคลใต้ดินที่มีชื่อเสียงมากในเจีย
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?