ในขณะนี้ ในล็อบบี้ของผับ เต็มไปด้วยชายที่มีรอยสักนอนอยู่บนพื้นหลิวเป้าตกใจมากจนศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เมื่อเห็นเซียวเป่ยปล่อยหมัดดั่งมังกร จึงแวบตัว มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของซูหว่าน กริชที่อยู่ในมือ จ่อไปที่คอสีขาวใสของซูหว่านอย่างแนบชิด!“เวรเอ๊ย! ถ้าแกขยับอีก ฉันจะฆ่าเธอซะ!”หลิวเป้ากล่าวคำรามในขณะนี้ซูหว่านตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา กริช แทงไปที่คออันขาวใสของเธอ จนมีเลือดไหลออกมาหลงเซียวหานร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้า ตะโกนใส่เซียวเป่ยว่า: “เซียวเป่ย! คุณดูสิ่งที่คุณทำสิ ทำเป็นอวดเก่ง! ถ้าซูหว่านเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปแน่!”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว เตะลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าออกไป จ้องไปที่หลิวเป้าผู้บ้าคลั่งด้วยสายตาที่เย็นชา พูดอย่างเย็นชาว่า: “ปล่อยเธอซะ”“เหอะๆ ปล่อยเธอ? ไอ้เด็กเวร ฉันรู้ว่าแกพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ว่า แกคิดว่าจะรังแกฉันหลิวเป้าได้ง่ายๆเหรอ!? ”“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเธอไป ก็ได้ คุกเข่าลงสิ แล้วทำลายแขนทั้งสองข้างด้วยตนเอง จากนั้นก็เอาหัวโขกพื้นคำนับขอโทษฉันซะ! แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”หลิวเป้ากล่าวด้วยความโหดเหี้ยมเซียวเป่ยขมวดคิ้ว และเดินตรง
ในผับมีเพียงความเงียบรัศมีออร่าของผู้มาเยือนแข็งแกร่งเกินไปทางด้านนั้น หลิวเป้ารีบวิ่งเข้าไป กุมแขนที่ถูกหักเอาไว้ ร้องไห้โอดครวญว่า: “นายน้อยสาม ในที่สุดท่านก็มา ไอ้หนุ่มคนนี้ก่อความวุ่นวาย ทำร้ายลูกน้องกลุ่มหนึ่งของผม และยังทุบตีผมจนมีสภาพแบบนี้ ท่านช่วยแก้แค้นแทนพวกเราด้วย”เสียงฮือฮา!“เขาคือนายน้อยสามเว่ย?”“ แย่แล้วแย่แล้ว วันนี้ไอ้เด็กคนนั้นจะต้องถูกถลกหนังแน่!”“ หากเจ้าทำให้นายน้อยสามเว่ยขุ่นเคืองใจ แม้แต่ยมบาล ก็ยังต้องกลับไปตั้งหลักใหม่เลย”ชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ สายตามองไปที่เซียวเป่ย เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เยาะเย้ย มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และความเวทนาสงสารเว่ยเส้าหลงอะไรนะ?หลานชายคนเล็กที่ท่านผู้เฒ่าตระกูลเว่ยรักที่สุดไง!ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงในเจียงจง!แค่กระทืบเท้า ทั้งวงการบันเทิงในเจียงจงก็ต้องสั่นสะเทือนใครก็ตามที่ตีคนของเขา นั่นมันกำลังรนหาที่ตาย!แน่นอนว่า พอเว่ยเส้าหลงเห็นอาการบาดเจ็บของหลิวเป้า และลูกน้องที่ล้มกองอยู่บนพื้นที่อยู่รอบๆ ก็ขมวดคิ้ว ถอดแว่นกันแดดออก มองไปที่ เซ
“คุณ คุณว่าอะไรน่ะ!”ซูหว่านหันศีรษะ ประหลาดใจมาก สายตาก็งุนงงสับสนสร้างปัญหา?ใครสร้างปัญหาให้ใครกันแน่?อีตาเซียวเป่ยบ้า ทั้งทั้งที่ตนแสดงตัวออกมาเพื่อช่วยชีวิตเขา แต่เขากลับรังเกียจหาว่าตนสร้างปัญหาให้เขา!“เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไง? อะไรที่เรียกว่าฉันสร้างปัญหาให้กับคุณ? คุณพูดมาให้ชัดเจนนะ!” ซูหว่านพูดด้วยความโกรธจากนั้น เซียวเป่ยก็ดึงซูหว่านมาไว้ที่ข้างหลังของตนเอง ขี้เกียจสนใจเธอ ในขณะที่เผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดสองสามคนที่มีกลิ่นไอความเยือกเย็นอยู่นั้นอู้อู้!บอดี้การ์ดสองคน ก็ตวัดกวัดแกว่งไม้ตะบองปราบจลาจลหมายจะฟาดไปที่หัวของเซียวเป่ยดวงตาของเซียวเป่ยเคร่งขรึมลง และกำลังเริ่มจะลงมือแต่!ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนอันหนึ่งที่อ่อนหวาน ดังมาจากประตู!“หยุดนะ!”เมื่อทุกคนมองไป ก็เห็นผู้หญิงในชุดสูทสีแดงตัวเล็กๆ ปล่อยสยายผม สวมรองเท้าส้นสูงสีดำ หุ่นสูงเพรียว หน้าตาประณีตงดงาม และเต็มไปด้วยรัศมีออร่าคนหนึ่ง ก้าวเท้าเดินเข้ามา“คุณหนู……”พอบอดี้การ์ดสองคนนั้นเห็นคนที่เข้ามา ก็รีบก้มศีรษะและกล่าวด้วยความเคารพทันที“เพียะเพียะ!”แต่ว่า ผู้
ซูหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ขอบใจนะ”“ไม่ต้องขอบคุณ” เซียวเป่ยกล่าวเบาๆหลงเสี่ยวหานก็แสดงตัวออกมา กล่าวตำหนิอย่างหยิ่งผยองและไม่พอใจว่า: “เซียวเป่ย ท่าทีของคุณนี่มันยังไงกัน? คืนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแสร้งทำเป็นอวดเก่ง เรื่องมันจะเป็นแบบนี้เหรอ?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว รู้สึกว่าไร้เหตุผลเล็กน้อย จึงโต้กลับว่า: “ผมพบว่า ผู้หญิงอย่างคุณนี่ โอหังอวดดีจนไม่เห็นหัวใครจริงๆ”“ไม่ใช่เพราะช่วยพวกคุณสองคนเอาไว้เหรอ?”“ใครใช้ให้คุณช่วยล่ะ! คุณก็แค่หมาที่พยายามจับหนูยุ่งเรื่องของคนอื่นไปทั่ว!”หลงเสี่ยวหานพูดอย่างเย็นชากู้โย่เสวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป พูดอย่างไม่พอใจว่า: “คุณผู้หญิงคนนี้ ถ้าเซียวเป่ยไม่ออกหน้ารับแทน คุณ และคุณซูคนนี้ ตอนนี้คงโดนหลิวเป้าพาตัวไปแล้ว?”“เขาเป็นใคร? เมื่อกี้พวกคุณไม่เห็นเหรอ?”“พวกคุณสองคนสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้โดยไม่บุบสลาย แล้วยังมาตำหนิคุณเซียวว่าชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ช่างทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจมากจริงๆ”เมื่อหลงเซียวหานเห็นกู้โย่เสวี่ยออกหน้าแทนเซียวเป่ย ก็เลิกคิ้ว ถามกลับอย่างไม่พอใจว่า: “เกี่ยวอะไรกับเธอเหรอ?”“เดิมทีพวกเราสามารถ
เมื่อเห็นว่าซูหว่านไม่เป็นไร หลี่เซียวลี่กับฉินเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ประธานซู คุณไม่เป็นไรใช่มั๊ย? ดีเหลือเกิน! แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ยังไง? ผมได้ยินมาว่า นี่คือสถานที่ของพี่เป้า เขาไม่ได้ทำอะไรพวกคุณเลยใช่ไหม?” หลี่เซียวลี่ถามอย่างกังวลซูหว่านส่ายหัวแล้วพูดว่า: “พวกเราไม่เป็นไร...”หลี่เซียวลี่รีบตอบทันที กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ ต้องเป็นเพราะประธานฉินอย่างแน่นอน! ตอนที่เขามา ได้หาคนติดต่อพี่เป้า พูดจนปากเปียกปากแฉะเลยล่ะ”เมื่อฉินเฟิงได้ยินดังนี้ แสร้งทำเป็นถ่อมตัวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “เฮ้อ เลขาหลี่ มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ขอแค่ซูหว่านไม่เป็นไรก็พอแล้ว”แต่ทว่า ซูหว่านกับหลงเสี่ยวหาน ต่างก็ขมวดคิ้วและมองไปที่หลี่เซียวลี่กับฉินเฟิง“คุณโทรศัพท์ติดต่อ?” หลงเสี่ยวหานถามฉินเฟิงไอสองครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พูดด้วยความมั่นใจว่า: “ใช่แล้ว ผมมีเพื่อนคนหนึ่งรู้จักกับพี่เป้า ผมเลยให้เขาโทรศัพท์หาพี่เป้า”พูดจบ ฉินเฟิงก็มองไปที่ซูหว่าน ด้วยนัยน์ตาที่รอคอยคำชมใครจะไปรู้ ซูหว่านกลอกตาใส่เขาอย่างเย็นชา หันศีรษะแล้วขึ้นรถไปฉินเฟิงรู้สึกงุนงง
ในลานบ้านเล็กๆแห่งหนึ่งมันเป็นบ้านที่ฮั่วเจิ้งซาน เคยซื้อไว้ก่อนหน้านี้ในขณะนี้ ภายในลานบ้าน มีผู้คุ้มกันสิบกว่าคนที่ฮั่วเจิ้งซานพามาจากเมืองจิงตูด้วย วางกำลังคนอย่างแน่นหนาหลังจากที่เซียวเป่ยลงจากรถ ก็ตรงไปที่ลานบ้าน ก็เห็นฮั่วเจิ้งซานนอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ลมหายใจอ่อนแรง อยู่ในอาการโคม่าเซียวเป่ยขมวดคิ้ว ก้าวไปข้างหน้า เข็มเงินในมือประกายแวบ ลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นเจาะไปที่หน้าอกของฮั่วเจิ้งซานทีละเล่มพลังงานจิตวิญญาณ ก็เคลื่อนไปตามเข็มเงิน จากร่างกายของเซียวเป่ยเข้าสู่ร่างกายของฮั่วเจิ้งซานจากนั้นครู่หนึ่ง ฮั่วเจิ้งซานก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หายใจเข้าทางปาก และตัวสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นเซียวเป่ยอยู่ตรงหน้า เขาก็ลุกขึ้นนั่งอย่างตัวสั่น ตะโกนว่า: “ขอบคุณปรมาจารย์เซียวที่เมตตาช่วยชีวิตผมเอาไว้...”เซียวเป่ยเก็บเข็มเงิน ขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้? ผมให้ยันต์แคล้วคลาดแก่คุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”ฮั่วเจิ้งซานส่ายหัว เอามือกุมหน้าอกเอาไว้ กล่าวอย่างหอบเหนื่อยว่า: “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ตอนที่ผมอาบน้ำก่อนหน้านี้ ไม่ทันได้ระวั
เซียวเป่ยยังคงมีสีหน้าที่นิ่งสงบ ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยกู้โย่เสวี่ยที่อยู่ข้างๆก็ดูนิ่งสงบมาก“โธ่ สามคน ดูเหมือนว่า ครั้งนี้เราต้องเพิ่มเงินแล้ว”เงาของร่างกายสองร่างก้าวมาข้างหน้า เยาะเย้ยอย่างเย้าแหย่ ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีที่อำมหิตชั่วร้ายคนตัวเตี้ยที่เป็นหนึ่งในนั้น สายตาจ้องมองไปที่กู้โย่เสวี่ย กล่าวเยาะเย้ยด้วยท่าทีที่ลามกออกมาทันทีว่า: “ยังมีสาวสวยอีกคนหนึ่ง ภารกิจนี้เยี่ยมจริงๆ พอดีเลย พวกเราสองคนพี่น้องจะได้ฟินกันสักหน่อย”พูดจบ ผู้ชายตัวสูงอีกคนหนึ่ง ก็มองไปที่ฮั่วเจิ้งซานด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วพูดว่า “หัวหน้าตระกูลฮั่ว วันนี้จะเป็นวันตายของแก”“แกจะจบชีวิตด้วยตนเอง หรือว่าจะให้พวกเราลงมือ?”ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสองคนไม่ได้เห็นเซียวเป่ยอยู่ในสายตาเลยมีท่าทีที่เรียกได้ว่าโอหังอวดดีมากฮั่วเจิ้งซานตกตะลึง มองไปที่เซียวเป่ยด้วยความตระหนกตกใจชายคนนั้นกล่าวเยาะเย้ยตรงๆว่า: “หัวหน้าตระกูลฮั่ว ไม่ต้องมองหรอก วันนี้ ใครก็ช่วยไม่ได้”พูดจบ เซียวเป่ยก็วางถ้วยชาลงอย่างสงบนิ่ง และพูดว่า “จริงเหรอ? แล้วถ้าฉันอยากจะช่วยเขาล่ะ?”ทันทีที่พู
แต่ว่า วินาทีต่อมา ในสายตาที่ตกตะลึงของพวกเขา เห็นเพียงเซียวเป่ยยกมือขึ้นอย่างเฉยเมย เสียงดังพรึ่บ คว้าข้อมือของคู่ต่อสู้เอาไว้!ไม่ขยับเขยื้อน!ณ ที่แห่งนั้น ก็เงียบลงทันทีบรรยากาศบริเวณรอบๆ ก็ตึงเครียดจนถึงขีดสุด“เกิดอะไรขึ้น?!”ชายร่างสูง สีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก นัยน์ตาทั้งคู่บิดเบี้ยว!ไม่ว่าเขาจะออกแรงแขนมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้กริชขยับไปข้างหน้าได้เลยทันใดนั้น เซียวเป่ยก็เยาะเย้ยอย่างเย้าแหย่ว่า: “เจิ้นหนันคู่อำมหิต คุณมีความแข็งแกร่งได้แค่นี้เองเหรอ?”“แก! รนหาที่ตาย!”เมื่อชายร่างสูงได้ยินคำพูดยั่วยุเหล่านี้ ก็โกรธมาก ยกเท้าขึ้นมา หมายจะเตะไปที่ศีรษะของเซียวเป่ย!เสียงดังฟรึ่บกลางอากาศ! โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างก็สั่นสะเทือน เพราะพลังลูกเตะนี้!ลูกเตะนี้ อย่างน้อยห้าร้อยกำลังแรงม้า!แม้แต่วัวแข็งแกร่งที่โตเต็มวัย ก็ยังถูกเตะจนศีรษะแตกกระจุยในทันทีนับประสาอะไรกับเซียวเป่ยที่เป็นคนตัวเป็นๆอย่างนี้“กระบวนท่าที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ดูเหมือนว่า จะได้กำจัดบุคคลอันตรายให้ผู้คนแล้ว” เซียวเป่ยกล่าวอย่างเย็นชาเสียงดังปัง คลื
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?