ทางด้านจ้าวหงจง ยังคงพูดคุยกันกับลูกศิษย์สี่ห้าคนอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงวิกฤตอันตราย หันศีรษะมองไปที่บันได สีหน้าเคร่งขรึม และพูดว่า: “เถ้าแก่หวัง มีคนมาแล้ว”พูดจบ เขาก็มองไปที่เซียวเป่ยเด็กคนนี้ สัมผัสได้ว่ามีคนมาได้ก่อนเขาจริงๆมีความสามารถจริงๆ หรือว่าโกหก?เซียวเป่ยยิ้มเบาๆ นัยย์ตาคู่นั้น นิ่งสงบราวกับน้ำมองไปที่ประตูบันไดเพียงที่เดียวในทันที ทั้งดาดฟ้า ก็เงียบลงทุกคนต่างก็เงยหน้า มองไปที่ประตูบันไดได้ยินเพียงแค่เสียงคำรามอันโกรธแค้นดังมาจากบันได และยังมีเสียงเตะต่อยตุ๊บตับดังมา แม้กระทั่งเสียงฟันด้วยมีดและขวานแต่ว่า เพียงครู่หนึ่ง เสียงเหล่านั้นก็ได้หายไปทั้งหมดจากนั้น ก็มีร่างของหลายคนฟรึ่บๆ ลอยกระเด็นออกมาจากปากบันได ราวกับว่าดาวตก เสียงดังพลั่กสองสามเสียง กระแทกลงไปบนพื้น และชนกับโต๊ะเก้าอี้จนล้มอย่างแรง หรือไม่ก็ตกลงไปในสระว่ายน้ำจากนั้น ในหูของทุกคน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า “ตึ๊บตึ๊บตึ๊บ” เดินขึ้นมาจากปากบันไดทีละขั้นๆวินาทีต่อมา ชายวัยกลางคนร่างกำยำ สวมเสื้อต่อสู้สีดำคนหนึ่ง ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนห
แล้วแกอยากได้เท่าไหร่ล่ะ? หวังหู่ถามอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดคิ้วโจวหลงยิ้ม เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันอยากได้สำนักหู่ทั้งหมด! ต้าฟากรุ๊ปทั้งหมด! นอกจากนี้ แกหวังหู่จะต้องคุกเข่าลง เอาหัวโขกพื้นคำนับขอโทษฉัน ต่อหน้าคนวงการใต้ดินทั้งหมดในเจียงจง! หากแกยอมรับฉันเป็นพ่อบุญธรรม ฉันจะไว้ชีวิตแกก็ได้ ไม่อย่างนั้น คืนนี้ ฉันจะฆ่าแกก่อน จากนั้นค่อยฆ่าคนในครอบครัวของแกทั้งหมด!”“เพี ยะ!”หวังหู่โกรธมาก ตบโต๊ะด้วยความโกรธทันที นัยย์ตาทั้งคู่แดงก่ำและตะโกนว่า: “โจวหลง! แกอย่ารังแกคนอื่นให้มันมากจนเกินไป! ฉันหวังหู่ไม่กลัวแกหรอก! หากต้องลงมือจริงๆ ก็คงจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย!”ฮ่าๆๆ!โจวหลงหัวเราะสองครั้ง แล้วพูดว่า “จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดูสิ”หวังหู่ขมวดคิ้ว และพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของต้วนอู๋จี๋ และเป็นนักวิทยายุทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งภายในระดับสูงแล้ว”“แต่ว่า แกอย่าคิดว่ามีอาจารย์ที่เก่งกาจ แล้วจะมาใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่ในประเทศได้นะ! อาจารย์ของแก คงไม่กล้าแม้แต่จะย่างกรายเข้ามาในประเทศไปตลอดชีวิตนี้!”“คืนนี้ ฉันหวังหู่ใช่ว่าจะไม่ได้เตรียมตัวเอาไ
คำพูดที่รุนแรงก็ได้พูดออกไปแล้ว บรรยากาศก็เริ่มครุกรุ่น หากจ้าวหงจงไม่ลงมือก็คงจะไม่เหมาะสมไม่มีทางเลือก จ้าวหงจงจึงจำใจต้องต้องสู้เขาค่อยๆลุกขึ้น เอามือไพล่หลัง ท่าทางราวกับว่าเป็นยอดฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้ท่ามกลางสายตาที่ตื่นเต้นของทุกคน จ้าวหงจงก้าวไปข้างหน้าสามก้าว จ้องมองที่โจวหลงด้วยสายตาที่เย็นชาและตะโกนว่า: “โจวหลง! ฉันเห็นว่าแกร่ำเรียนวิทยายุทธ์ด้วยความลำบาก เลยจะให้โอกาสแกหนึ่งครั้ง คุกเข่าลงทำลายวิทยายุทธ์และแขนสองข้างของตนเอง แล้วไสหัวไปจากเจียงจงซะ ไม่อย่างนั้น คืนนี้ฉันจะฆ่าแก!”“ฮ่าๆๆ!”โจวหลงหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยามสองครั้ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “มวยสิงอี้แห่งเมืองสู่ตี้? มันก็แค่เด็กน้อยเล่นขายของก็เท่านั้น ยังกล้ามาอวดเบ่งต่อหน้าฉันอีกเหรอ? วันนี้ให้ฉันทำลายมวยสิงอี้ของแกซะ!”“บ้าบิ่นมาก! แกนี่ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!”จ้าวหงจงโกรธสิ่งที่โจวหลงพูดเป็นอย่างมาก เขากระแทกเท้าขวาลงบนพื้น จนทำให้กระเบื้องปูพื้นแตกกระจุยบนร่างกายก็มีคลื่นพลังงานที่น่าหวาดกลัวระเบิดตูมออกมา!จากนั้น ชุดไทเก๊กสีขาวบนตัวของเขาก็พองขึ้น ราวกับว่ามีเครื่องเป่
มีเพียงเซียวเป่ยคนเดียวที่ ขมวดคิ้ว ส่ายหัวอย่างจนใจแล้วอุทานว่า: “มันไม่มีประโยชน์ จ้าวหงจงแพ้แล้ว”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป ทั้งดาดฟ้าที่ก็เงียบสนิท!ลูกศิษย์ทั้งสามคนของจ้าวหงจง ต่างก็จ้องมองไปที่เซียวเป่ยทันที!“ไอ้หนุ่ม แกพูดอะไรน่ะ?”“อาจารย์ของฉันจะแพ้? นั่นเป็นแกไม่รู้ว่าหมัดซิงอี้ทรงพลังมากแค่ไหน! แม้แต่แผ่นเหล็กก็สามารถทะลุได้!”“หึ! ไอ้เด็กเหลือขอที่พูดเอาใจมวลชน ช่างน่าขันจริงๆ!”เมื่อเผชิญกับความโกรธและความไม่พอใจของคนสองสามคน เซียวเป่ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีกอันที่จริงก็เป็นเช่นนี้การต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ เห็นได้ชัดว่า จ้าวหงจงใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีแล้ว แต่โจวหลงไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เขาต่อสู้กับจ้าวหงจง ก็แค่เหย้าแหย่สนุกๆเท่านั้นหวังหู่เองก็รีบอธิบายไปว่า: “ปรมาจารย์เซียวครับ คุณไม่รู้อะไร หมัดสิงอี้นี้ มีชื่อเสียงในเมืองสู่ตี้มาก ... “ยังไม่ทันได้พูดจบทางด้านของจ้าวหงจงก็ได้กวัดแกว่งหมัดทั้งสองที่พลุ่งพล่านไปด้วยพลังคลื่นอากาศส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ ราวกับเสือที่กำลังจะลงมาจากภูเขา โจมตีไปที่โจวหลงโดยตรง!ในสายตาของโจวห
เมื่อได้ยินดังนี้ โจวหลงก็หันศีรษะ และจ้องมองไปที่เซียวเป่ยที่สงบนิ่งไร้ซึ่งความกลัวที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาที่น่าครั่นคร้าม แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ไอ้เด็กเวร แกเป็นใครอีกล่ะ? อยากจะออกหน้ารับแทนเขา?”เซียวเป่ยยิ้มอย่างเฉยเมย ใบหน้าเต็มด้วยท่าทีที่สุขุมเยือกเย็น และไม่เห็นโจวหลงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยทางด้านของหวังหู่ รีบวิ่งไปที่ด้านข้างเซียวเป่ยอย่างรีบร้อน ตะโกนว่า: “ปรมาจารย์เซียวครับ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย...”ตอนนี้ มีเพียงเซียวเป่ยเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้นี่เป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของเขาเซียวเป่ยพยักหน้าและกล่าวว่า: “ในเมื่อรับปากเถ้าแก่หวังแล้ว ผมจะต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ และได้เห็นท่าทางที่เฉยเมยอวดดีของเซียวเป่ย โจวหลงก็โกรธมาก มองไปที่เซียวเป่ยด้วยสายตาที่ดุร้าย และตะโกนว่า: “ไอ้เด็กเวร แกเป็นใคร?”ตอนที่เขาเพิ่งจะขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ ก็มองเห็นเซียวเป่ยแล้วแต่ว่า เนื่องจากเซียวเป่ยยังเด็กเกินไป โจวหลงจึงไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา เพราะคิดว่าเขาเป็นเพียงผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายหวังหู่คนหนึ่งก็เท่านั้นตอนนี้ด
มีเพียงอาจารย์ของตัวเองเท่านั้นถึงจะสามารถสู้ได้ดังนั้น เขาทำได้เพียงแค่หนีไป“โธ่เว้ย! ไอ้บ้าหวังหู่ หาคนหนุนหลังได้เก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอวะ!”“ดูท่าทางจะอยู่เจียงจงต่อไปไม่ได้แล้ว ไปทำอะไรอย่างอื่นที่ต่างประเทศยังจะดีกว่า”โจวหลงทั้งวิ่งทั้งสาปแช่งด่าทออย่างไม่หยุดหย่อนหลังจากนั้นช่วงเวลาที่โจวหลงกำลังวิ่งหนีไป เซียวเป่ยก็ยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “คิดจะหนีไปตอนนี้อย่างนั้นเหรอ มันสายไปแล้วล่ะ”หลังจากพูดจบ เซียวเป่ยสะบัดนิ้ว ชี้ไปที่เงาของโจวหลงพร้อมกับตะโกนออกไปว่า: “หยุดเดี๋ยวนี้!”ร่างของโจวหลงแข็งทื่อไปในทันที ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ร่างกายของเขาก็ดูแข็งทื่อและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เมื่อจ้าวหงจงได้เห็นฉากนี้ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงสั่นเครือว่า: “สุดยอด สุดยอดจริง ๆ นี่ก็คือปรมาจารย์ที่แท้จริง!”ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่า ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ เขาไม่เพียงแต่เป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้เท่านั้น แต่เขายังเป็นปรมาจารย์ด้านศาสตร์ลึกลับอีกด้วยเวทมนตร์สกนธ์กายนี้ มันช่างวิเศษจริง ๆ!หวังหู่แสดงปฏิกิริยาตอบกลับในทันที เขาสั่นไปทั้งตัว รีบวิ่งเข้ามา
ภายในรายการมีการติดตามอย่างใกล้ชิด มีเสียงวิพากย์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับซูหว่าน: “เขาเป็นกบในกะลาที่ไม่แสวงหาความก้าวหน้า! เป็นคนโง่ที่มีความเชื่องมงายล้าสมัยค่ะ!”ภายในห้องไลฟ์สดต่างมีเสียงดังซุบซิบกันเกิดขึ้น!ผู้ชมหลายร้อยคนในห้องไลฟ์สดต่างก็พากันอึ้ง จากนั้นก็ซุบซิบกันในขณะเดียวกันก็มีการพูดคุยกันอย่างดุเดือดในห้องไลฟ์สดชาวเน็ตจากทุกช่องทางต่างก็แสดงความคิดเห็นกันอย่างบ้าคลั่งคนส่วนใหญ่ยากที่จะเชื่อผู้หญิงคนหนึ่งจะประเมินอดีตสามีของตัวเองได้ขนาดนี้ตกลงผู้ชายคนนี้ทำเรื่องเลว ๆ อะไรกันแน่ ถึงทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งผิดหวังในตัวเขาได้มากมายขนาดนี้?เธอเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจเจียงจงซูหว่านเป็นใครน่ะเหรอ?สตรีชั้นสูงในแวดวงธุรกิจเจียงจง มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้าน มักจะปรากฏตัวอยู่บนปกนิตยสารต่างๆเธอเป็นซีอีโอหญิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงสองปีที่ผ่านมาแล้วยังกลายเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงในแวดวงธุรกิจและในบทสนทนาของคนเจียงจงด้วยเช่นกันเพราะว่าซูหว่านเป็นผู้หญิงสวย อายุน้อยและชอบทำบุญอยู่บ่อย ๆ บุคลิกในโลกภายนอกของเธอ จะเป็นคนที่มีค
เธอไม่เคยบอกว่าจะมีการสัมภาษณ์แบบออฟไลน์หลี่เซียวลี่ทำนิ้วโอเค เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับซูหว่านแล้วยังส่งข้อความถึงเธอ“ประธานซู ไม่ต้องห่วงนะคะ มันเป็นเพียงรายการสัมภาษณ์แบบออฟไลน์ ไม่นานหรอกค่ะ”ซูหว่านขมวดคิ้วแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้วในขณะเดียวกันมีผู้ชมหลายแสนคนต่างก็รออยู่ในห้องไลฟ์สดพวกเขาจ้องมองไปที่ภาพ อยากเห็นแมงดาเกาะผู้หญิงแล้วยังไปพัวพันกับหญิงคนอื่นหลังจากการหย่าร้างกับภรรยาตัวเองว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร!หลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมาก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาในภาพและหยุดลงที่หน้าร้านเล็ก ๆหลังจากนั้น มีคนสองสามคนลงจากรถชายคนแรกเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดไทเก๊กสีขาวเดินไปที่ประตูหลัง เปิดประตูก้มหัวพูดด้วยความเคารพว่า: “ปรมาจารย์เซียว ถึงแล้วครับ”หลังจากนั้นเซียวเป่ยก็ลงมาจากรถและมองไปยังกล้องที่อยู่ไม่ไกลสตาฟที่ถือกล้องและไมโครโฟนรีบวิ่งเข้ามาและตะโกนถามออกไปว่า: “ใช่เซียวเป่ยไหมคะ?”ภาพหน้าจอสั่นเล็กน้อยหน้าม้าในห้องไลฟ์สดก็ติดตามกันอย่างใกล้ชิดหลายคนเอานิ้วไปแตะหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนเตรียมตัวจะด่าเขา“ขอโทษค่ะ คุณก็คือเซีย
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?