เช้าวันหนึ่ง “แม่!!”“อ้าว ทำไมลงมากันเร็วนักล่ะ”“หม่ำๆ หม่ำ”“รู้แล้วค่ะ แต่รอก่อนนะคะ แม่กำลังเตรียมให้ ให้พ่อพาเดินเล่นก่อนนะ”“ไปเดินเล่นกับพ่อก่อนดีกว่านะครับ” ภวินทร์พาลูกสาวตัวอ้วนของเขาเดินเลี่ยงออกไป เพราะถ้าหากอยู่นานกว่านี้น้ำตาลคงไม่ได้ทำอะไรแน่ๆ ต่อให้น้องวีญ่าแกจะไม่กลัวพ่อของแกแล้วแต่คนที่แกติดมากที่สุดก็คือน้ำตาล ขอแค่ได้เห็นหน้าก็พร้อมจะพุ่งตัวเข้าหาแล้ว ตั้งแต่วันนั้นสองพ่อลูกก็มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น จากที่ลูกสาวกลัวจนต้องร้องไห้เพียงแค่ได้เห็นหน้าก็ยอมให้พ่อเข้ามาเล่นหยอกล้อด้วยได้ และไม่ร้องไห้เวลาที่ได้เห็นหน้าของพ่อตัวเอง “เด็กดีของพ่อ วันนี้อยากไปเที่ยวที่ทำงานของพ่อไหม หืม...” เพราะลูกสาวไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ บวกกับน้ำตาลเองก็ไม่ยอมออกไปไหนกับเขา จึงไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าทายาทคนเดียวของภวินทร์กรุ๊ปเลย เขาเองก็อยากจะพาไปใจจะขาดแล้วเหมือนกัน อยากอวดว่านี่คือลูกสาวของเขาที่ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู ผ่านไปสักพัก“คุณวินพาลูกมากินข้าวได้แล้วค่ะ"“โอเค” ภวินทร์หันไปตอบ ก่อนที่เขาจะอุ้มลูกสาวตัวน้อยเข้าบ้านไป น้ำตาลจัดเตรียมโต๊ะอาหารสำหรับลูกสาว และตรงหน้าก็เป็นโจ๊ก
เวลาต่อมา ณ ห้างสรรพสินค้า ภวินทร์รู้จุดที่ทำให้เขาเข้าหาลูกสาวได้แล้วนั่นก็คือการตามใจเด็ก และก็ได้รู้ด้วยว่าลูกสาวของเขานั้นชอบของเล่นที่เป็นตุ๊กตามากเลยพาออกมาข้างนอกหวังจะเอาของเล่นมาล่อให้แกยอมให้เขาเข้าใกล้มากกว่านี้ เรื่องนี้ถึงแม้น้ำตาลจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะห้ามอะไรสองพ่อลูกไม่ได้เลย "ลูกซื้อของไปเยอะแล้วนะพอได้แล้ว""แล้วเธอล่ะ?""หมายถึงอะไรคะ?""ฉันซื้อของให้ลูกแล้วก็ต้องซื้อให้เธอด้วยสิ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันไม่ได้อยากได้อะไร""ไปเลือกก่อนสิแล้วค่อยตัดสินใจ" "แล้วคุณจะให้ฉันไปเลือกอะไรคะ ในเมื่อตัวฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะเอาอะไร" "อืม...ทั้งคอทั้งข้อมือของเธอดูว่างๆ นะ หาสร้อยมาใส่สักหน่อยไหม" "ฉันเลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆ จะซื้อมาให้มันเปลืองเงินทำไมล่ะคะ""ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยใส่อยู่บ้านมันก็ไม่เห็นแปลก" "....." "ไปเถอะ ไหนๆ เธอก็ออกมากับฉันแล้วถึงยังไงเธอก็ไม่ยอมออกมากับฉันง่ายๆ แบบนี้อยู่แล้วนี่" สุดท้ายน้ำตาลก็ถูกเขาพาเดินออกไป ส่วนลูกสาวนั้นก็นอนอยู่ในรถเข็นของเด็กน้อย แกไม่ได้งอแงอะไรเขาเลยไม่ต้องรีบกลับ "ร้านเพชร?" น้ำตาลหันไปถามคนข้
ตกกลางดึก หลังจากที่ลูกสาวหลับไปแล้ว ภวินทร์ก็คลานขึ้นมานอนบนเตียงหวังจะนอนข้างกายภรรยาสาวของเขาเหมือนอย่างเคย ทว่าวันนี้สีหน้าเธอดูแปลกๆไปจนเขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อตอนกลางวันอีกเหรอ "เป็นอะไรไป?" "เรื่องเรียนของฉันน่ะ ฉันอยากกลับไปเรียน""ทำไมล่ะ?""ฉันไม่อยากทิ้งการเรียน ในอนาคตฉันอาจจะได้ทำงาน คุณเองก็ทำงานบริษัทแถมเป็นเจ้านายด้วยก็น่าจะรู้สิว่าการเข้าทำงานของพนักงานมันก็ต้องคำนึงถึงวุฒิการศึกษาแล้วก็ประสบการณ์ในการทำงานด้วย" "ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีความจำเป็นอะไรที่เธอจะต้องกลับไปเรียนเลยนะ ต่อให้เธอเรียนไม่จบไม่ได้ทำงานฉันก็เลี้ยงเธอได้สบาย" "คุณจะให้ฉันอยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิตจริงๆ เหรอ" "แล้วเธอจะทำงานให้มันเหนื่อยไปทำไม ถ้าเธออยากได้เงินเดือนฉันให้เธอได้นะ หรือเธอจะเป็นคนดูแลบัญชีทั้งหมดในบริษัทหรือการเงินส่วนตัวของฉัน ฉันก็ให้เธอทำได้นะ" ".....""เธอจะอยากกลับไปเรียนทำไมสู้อยู่บ้านเลี้ยงลูกสบายๆ มันไม่ดีกว่าเหรอ""ฉันก็แค่อยากเรียนให้จบ ฉันมีความฝันที่อยากเรียนให้จบและก็มีงานทำดีๆ" "....." พอได้ยินอย่างนั้นแล้วภวินทร์ ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรเลย เพราะนั่นเ
น้ำตาล Talk และในที่สุดฉันก็ได้กลับมาเรียนอีกแต่ไม่ได้เรียนในรุ่นเดียวกันกับเพื่อนที่เคยเรียนด้วยก่อนหน้านี้เพราะฉันไม่ได้มาเรียนประมาณสองปีได้แล้ว เพื่อนๆ ที่เคยเรียนรุ่นเดียวกันก็ใกล้จบกันแล้วล่ะ แต่มันก็ดีอยู่อย่างนึงนะ เด็กที่เข้ามาเรียนใหม่ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้จักฉันเป็นการส่วนตัว ส่วนเรื่องข่าวมันก็จางลงไปหมดแล้วฉันเดินเข้ามาแทบจะไม่มีใครจำฉันได้ด้วยซ้ำ แหงสิ...ก็มันผ่านไปตั้งสองปีแล้วนี่นา ป่านนี้คงจะมีเรื่องของคนอื่นมากลบเรื่องของฉันไปจนหมดแล้วล่ะ น้องวีญ่าอยู่กับพ่อของเขาฉันไม่รู้ว่าเขากับลูกจะเข้ากันได้ดีแค่ไหนแต่คาดว่าเขาน่าจะเอาอยู่ เพราะเขาเป็นคนบอกเองนี่ว่าเขาจะดูแลลูกเองและให้ฉันมาเรียนตั้งแต่ตอนนี้ น่าแปลกเหมือนกันนะ ตั้งแต่ฉันเดินเข้ามาก็มีแต่คนมองอย่างเดียวเลย มันเลยทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าทำไมคนถึงได้เอาแต่จ้องมองแบบนี้ ฉันก็แต่งตัวปกตินี่นา ไม่ได้โป๊ไม่ได้เป็นจุดเด่นอะไรเลย เรื่องแต่งหน้าก็ไม่ต้องถามถึงเพราะฉันไม่ใช่คนที่ติดเครื่องสำอางอยู่แล้วจะมีบ้างเขียนคิ้วทาลิปสติกสีชมพูจางๆ แต่นั่นมันก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยมีคนในมหาวิทยาลัยทั้งสวยและหุ่น
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า