"นี่เธอ..." ดวงตาของเขาเบอร์กว้างเพราะตกใจเมื่อหญิงสาวตรงหน้าพูดออกมาอย่างนั้น สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าสวยของเธอขอร้องกับทอดมองไปยังหน้าท้องแบนราบนั้น และก็ตกใจที่จู่ๆ เธอก็ยอมแลกชีวิตของเธอพร้อมกับลูกในท้องเพื่อให้เขายุติความแค้นลง "น้ำตาลจะขอเอาชีวิตของตัวเองยุติความแค้นนี้เองค่ะคุณวิน" "....." เขายืนนิ่งตัวชาไปหมด ในขณะที่มองหน้าเธอน้ำตาของเธอไหลออกมาอาบหน้าสวย ดวงตากลมโตแดงก่ำเพราะกลั่นน้ำตาให้ไหลรินออกมา "ตอนนี้น้ำตาลรู้แล้วค่ะว่าคุณไม่เคยรักน้ำตาลเลย คุณเข้าหาน้ำตาลก็เพราะต้องการจะแก้แค้นพ่อกับแม่เท่านั้น แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างคะแก้แค้นสำเร็จแล้วรู้สึกยังไงบ้าง คุณคงจะรู้สึกดีใจใช่ไหมที่ได้แก้แค้นคนที่คุณเกลียด น้ำตาลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยก็จริงแต่ก็คงใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้เพราะคุณวินก็พูดเหมือนกันว่าคุณวินตอนนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยแต่ต้องมาเผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายนั้น ตอนนี้คุณทำสำเร็จแล้วค่ะ คุณทำให้น้ำตาลได้รับความรู้สึกเหมือนที่คุณเคยเจอแล้วค่ะ" "คลอดเด็กคนนี้ออกมาแล้วฉันจะเป็นคนดูแลเอง!" เขาพูดออกมาเสียงแข็ง น้ำเสียงออกเชิงบังคับ ก่อนที่เขาจะออกไปจากห
ลูกน้องของภวินทร์ช่วยกันพังระเบียงห้องนอนของเขาเข้ามาเพราะไม่สามารถเข้าทางประตูได้ ก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปด้านในแต่ก็ไม่พบหญิงสาว ทว่ามีเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำดังอยู่ แต่ในห้องน้ำกลับล็อค และก็ไม่มีเสียงอะไรตอบรับเลย ไม่ว่าเขาจะเคาะประตูเรียกคนด้านในขนาดไหน แต่ก็ยังไร้การตอบกลับจากเธอมันเงียบจนผิดสังเกต และเขาก็ให้ลูกน้องพังประตูเข้าไปในทันที พอประตูห้องน้ำถูกพังเข้าไปภาพที่เขาเห็นก็ทำเอาใจหล่นวูบ น้ำตาลนอนอยู่กับพื้นห้องน้ำและพื้นก็นองไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เขารีบเข้าไปประคองเธอในทันที แต่ตอนนี้เธอไม่ได้สติไปแล้วและที่สำคัญเนื้อตัวของเธอก็เย็นเฉียบไปหมด "นายครับเอาผ้าอุดแผลไว้ก่อนครับเลือดยังไหลออกมาไม่หยุดเลย" "ไปเตรียมรถแล้วไปโรงพยาบาล!" "ครับนาย!" ภวินทร์อุ้มน้ำตาลขึ้นก่อนที่เขาจะรีบพาเธอออกไป แม่บ้านที่ได้เห็นภาพเจ้านายผู้หญิงเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือดโดยเฉพาะตรงลำคอที่สำคัญเธอไร้สติ ก็พากันตกใจจนหน้าซีดเผือกไปหมดแต่ก็ยังไม่ทันที่จะมีใครได้ทักท้วงหรือถามไถ่อะไร เธอก็ถูกพาออกไปขึ้นรถแล้ว ไม่นานน้ำตาลก็ถูกพาเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน คุณหมอและพยาบาลต่างก็พากันเข้าไปโดยที่ภวินทร์ไม่ได้เข้าไป
น้ำตาล Talk ฉันวิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เต็มร้อยหรอก แต่ฉันรู้ว่าถ้าฉันอยู่ที่นั่นอีกฉันจะต้องได้เจอกับเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาจะช่วยฉันมาเพื่ออะไรทั้งที่ฉันก็ยอมเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลกกับความแค้นของเขาแล้วจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก ชีวิตแลกด้วยชีวิตมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเขาไม่ได้ต้องการฉันลูกในท้องของฉันก็คงไม่มีความหมายอะไรกับเขาเหมือนกัน ถ้าฉันต้องตายฉันขอเอาลูกของฉันไปด้วยดีกว่าที่จะต้องปล่อยให้เขาเกิดมาเจอกับพ่อแบบนี้ เขาจะช่วยคนไร้ค่าแบบฉันมาเพื่ออะไร ช่วยให้ฉันรอดตายเพื่อที่เขาจะได้แก้แค้นต่ออย่างนั้นเหรอ "อึก..." "ตายแล้วนังหนูทำไมออกมาสภาพนี้!" แม่ค้าที่เปิดร้านขายของอยู่ตกใจเมื่อได้เห็นฉันยืนอยู่ตรงหน้าร้าน และน้ำตาลฉันก็อยู่ในชุดของคนไข้โรงพยาบาลด้วย ฉันวิ่งมาไม่รู้ไกลเท่าไหร่แล้วรู้แต่ว่าตัวเองเริ่มหมดแรงและเริ่มเจ็บแผลที่อยู่ตรงคอของตัวเอง "ป้าคะมีชุดให้หนูเปลี่ยนไหมคะ" "นี่หนูหนีออกมาจากโรงพยาบาลหรอ?!" "มีคนจะทำร้ายหนู หนูเลยต้องหนีมาค่ะป้าต้องเปลี่ยนชุดก่อนไม่อย่างนั้นเขาจะจำได้ ป้าพอจะมีเสื้อผ้าให้หนูได้เปลี่ยนไหมจ๊ะ" "เข้ามาข้างใ
ตกดึกน้ำตาลก็ไม่ได้ไปไหน เพราะเธอไม่มีที่ให้ไปเธอไม่กล้าที่จะไปขออยู่กับใครเพราะกลัวทำให้เขาต้องเดือดร้อนไปด้วย จึงทำได้เพียงนั่งอยู่เงียบๆ ตรงจุดที่ใครก็มองไม่เห็น ทั้งยุงและมดต่างก็พากันรุมกัดเธอจนเนื้อตัวแดงไปหมด ไหนจะแผลตรงลำคอของเธอก็เริ่มที่จะอักเสบอีก แต่มันคงไม่ทรมานไปกว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้แล้วล่ะ อยากจะร้องไห้ออกมาแต่มันก็ไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว เหนื่อยล้าและอยากนอนแต่เธอก็ไม่สามารถข่มตานอนหลับตรงนี้ได้เลยมันไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยสำหรับเธออีกแล้ว แม้กระทั่งคนที่เธอคิดมาตลอดว่าเขาเป็นคนดีและการได้อยู่กับเขาคือที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเธอและใจเธอมากที่สุด เช้าวันต่อมา...แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่สาดส่องมากระทบกับใบหน้าสวยปลุกให้เธอต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเธอก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะไปที่ไหนหรือทำอะไรต่อ ร่างกายทั้งอ่อนแออ่อนล้าและก็หิวมากๆ "คุณน้ำตาล!" "....." เสียงเรียกดังตรงข้ามฟากถนน ทำให้หญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตกใจ ก่อนที่เธอจะต้องตกใจยิ่งกว่าเพราะคนที่เรียกเธอนั้นคือลูกน้องของภวินทร์ พวกเขาตามรอยเธอมาจนได้เจอเธอแล้วสิ "อย่าไปไหนนะครับ!" "....."
น้ำตาลนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย แต่ยังดีที่อาการไข้ของเธอมันดีขึ้นแล้วจะมีก็แต่ร่างกายของเธอที่ยังอ่อนแออยู่ ระหว่างนี้คุณหมอก็คอยแวะเวียนมาตรวจร่างกายของเธอในทุกวัน "เป็นยังไงบ้าง?" เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อคุณหมอเดินออกมาจากห้องที่น้ำตาลนอนอยู่ ภวินทร์ยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตูห้องรอคำตอบจากคุณหมอเพราะเธอยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักที "ดีขึ้นแล้วนะ""แล้วทำไมถึงยังไม่ฟื้นอีกล่ะ?""ร่างกายอ่อนแอซะขนาดนั้นยังไงก็ต้องให้เวลาหน่อยดิวะ" "...." "แต่เธอก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะนะ ส่วนเรื่องจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเธอต้องรู้ว่าฟื้นขึ้นมาแล้วเจอกับใครเธอก็คงไม่อยากฟื้นหรอก" "เอาแค่เรื่องรักษาก็พอเรื่องอื่นไม่ต้องยุ่ง!""แหม รักเขาแล้วสิท่าถึงได้ยอมช่วยเขาขนาดนี้""ที่ช่วยก็เพราะเด็กในท้องต่างหาก" "เหอะ! แล้วกูจะรอดูคนอย่างมึงเป็นหมาก็แล้วกันไอ้วิน" คุณหมอพูดจบก็เดินออกไปในทันที ก่อนที่ภวินทร์จะเดินเข้าไปในห้องที่น้ำตาลนอนหลับอยู่ ไม่นานร่างกายของเธอก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเธอนั้นฟื้นแล้ว "ฟื้นแล้วหรอ?""....." น้ำตาลกรอกตามองไปรอบๆ ยังไ
น้ำตาล Talk ตอนนี้ฉันออกมาเดินเล่นข้างนอกห้องได้แล้ว แต่มันก็ยังเหมือนเดิม ฉันยังถูกคนที่เป็นลูกน้องของเขาคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา มีแม่บ้านคอยตามฉันไม่ว่าฉันจะเดินไปที่ไหน ส่วนเขาก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหนและจะมาหาฉันในทุกๆ คืน ตอนกลางวันเขาจะไม่ค่อยอยู่ให้ฉันเห็นหน้าสักเท่าไหร่ เพราะแค่มาเจอหน้ากันเราก็ทะเลาะกันแล้ว เป็นฉันมากกว่าที่ชอบพูดจาหาเรื่องเขา ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อเขาทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้เอง เขาทำให้ฉันต้องกลายเป็นเด็กก้าวร้าวทั้งๆ ที่ผ่านมาฉันเป็นเด็กที่ไม่เคยก้าวร้าวกับผู้ใหญ่มาก่อนเลย ฉันหนีไม่ได้เพราะพื้นที่แถวนี้มันกว้างมากๆ เลย มองไปจนสุดสายตาก็ยังไม่พ้นทุ่งหญ้าสีเขียวๆ เลย ไม่อยากจะคิดทุกตารางนิ้วตรงนี้จะเป็นพื้นที่ของเขา ต้องรวยขนาดไหนถึงจะสามารถซื้อบ้านอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่มีแต่หุบเขาแบบนี้ได้ "ได้เวลาทานอาหารกลางวันแล้วค่ะคุณน้ำตาล" "ค่ะ" ฉันไม่ค่อยพูดกับใครสักเท่าไรแม่บ้านทุกคนที่นี่ก็ไม่เหมือนกับแม่บ้านที่นั่นเลย ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีท่าทีที่แสดงว่ารังเกียจฉันหรือชอบฉันแต่พวกเขาก็ไม่ได้มาวุ่นวายกับฉันสักเท่าไร อยู่ที่นี่ฉันก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนคุยสักเท่าไร ชอบเดิ
แกร๊ก~ เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่ถึงกับต้องสะดุ้งตื่น พอปรือตามองแล้วก็พบว่าเป็นภวินทร์ที่ดูเหมือนว่าเขาจะออกไปทำงานมาและเพิ่งจะกลับเข้ามาในตอนเช้า "นอนต่อเถอะ ยังไม่สว่างดีเลย""คุณก็ออกไปสิฉันจะได้นอนต่อ""แล้วมีฉันเข้ามาอยู่ด้วยมันเป็นอะไร?" "เห็นหน้าคุณแล้วมันนอนไม่หลับ" "ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้เพราะฉันจะไม่ออกไป" พูดจบภวินทร์ก็คว้าผ้าขนหนูที่พับอยู่ในตู้เดินเข้าห้องน้ำไปในทันที ไม่นานเขาก็เดินออกมาแต่ทว่าเขาไม่เจอหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงอย่างที่ควรจะเป็นแล้วเธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนและก็ไม่รู้ว่าเธอออกไปที่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจอะไรเพราะเธอคงหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ "ตอนเช้าแบบนี้ข้างนอกอากาศมันเย็นถ้าจะเดินออกมาก็น่าจะเอาผ้าคลุมมาด้วยสิ" เขาเดินตามเธอออกไปจนได้เห็นว่าเธอยืนเล่นอยู่ด้านข้างของบ้าน ซึ่งมีต้นไม้ปลูกให้ความร่มรื่นอยู่แต่ในช่วงเช้าแบบมีอากาศจะค่อนข้างเย็นเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าเขียวขจี "เมื่อไหร่ฉันจะหลุดพ้นออกไปจากที่นี่สักที""....." คำถามของเธอไร้การตอบกลับใดๆ เขายืนเงียบอยู่ทางด้านหลังของเธอ "รู้หรือเปล่าว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่
กลางดึกคืนหนึ่งขณะที่น้ำตาลกำลังนอนหลับอยู่ เพราะเธอกำลังท้องด้วยเลยทำให้หลับลึกหลับสนิทมากกว่าเดิม เพราะความหละบลึกทำให้ไม่ได้ยินว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก่อนที่เจ้าของร่างสูงใหญ่จะเดินเข้ามายืนอยู่ตรงข้างเตียงจากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนอนข้างๆ เธออย่างช้าๆ ราวกับกลัวว่าเธอนั้นจะรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา แขนแกร่งโอบกอดร่างบางอย่างระมัดระวัง เพราะเธอไม่ยอมให้เขานอนด้วยเขาจึงต้องใช้วิธีการแอบเข้ามาแบบนี้ ถึงเขาจะรั้นเข้ามานอนก่อนที่เธอจะหลับมันก็ยาก เผลอๆ ก็คงจะมีปากเสียงกับเธอก่อน ช่วงนี้อารมณ์ของเธอค่อนข้างแปรปรวนดีบ้างร้ายบ้าง จนเขาเองก็ตามอารมณ์ไม่ทันเหมือนกัน"อือ..." หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อยเหมือนรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา ก่อนที่จะพลิกตัวกลับมากอดเขาทำเอาภวินทร์ตกใจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะเคยทำแบบนี้กันมาแล้วแต่ในสถานการณ์แบบนี้น้ำตาลกำลังโกรธและเกลียดเขาอยู่มาก แค่จะมองหน้ากันมันก็ยากแล้ว ไอ้เรื่องกอดกันแสดงการกระทำแบบนี้ต่อกันมันก็ยิ่งยาก แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ "....." ภวินทร์ถอนหายใจออกมาอย่างแรง เมื่อน้ำตาลหันกลับมากอดเขาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะข่มตาหลับลงไปพร้อมกับเธอ เช้าวันต่อมา
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า