จิตวิญญาณของหยางเทียนเฉินเต็มไปด้วยความฮึกเหิม“ท่านอาจารย์พูดจริงหรือ?”“จริงแท้แน่นอน” เย่หมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มมรดกที่เขาได้รับจากบรรพบุรุษไม่ได้มีเพียงเคล็ดลับวิชายุทธ์มากมายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเคล็ดลับทักษะทางการแพทย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย แค่สอนเคล็ดการฝังเข็มไม่กี่อย่าง ไม่นับเป็นอะไรเลย“อย่างนั้นศิษย์ก็ขอบคุณท่านอาจารย์มาก” ใบหน้าของหยางเทียนเฉินเจือด้วยความตื่นเต้นตำราแพทย์ที่เย่หมิงมอบให้เขาเมื่อวานนี้ช่างน่าอัศจรรย์ หากมอบเทคนิคการฝังเข็มให้เขา แน่นอนว่าสิ่งนั้นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอนแล้วเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร“เอาเถอะครับ คุณก็อายุปูนนี้แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รีบเร่งมาที่นี่ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะครับ” เย่หมิงกล่าวเปลี่ยนเรื่อง“ได้ครับท่านอาจารย์” หยางเทียนเฉินตอบรับด้วยความเคารพก่อนจะจากไปเย่หมิงปิดประตูแล้วกลับเข้าไปในบ้านเมื่อรับประทานอาหารเช้าพร้อมเนี่ยชิงชิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็ก้าวไปยังห้องครัวเพื่อหลอมยาในตอนนี้เขาเองก็ยังไม่มีเตาหลอมยาจึงทำได้เพียงใช้หม้อและเตาไฟในครัวมาทดแทนเท่านั้นและการหลอมยาครั้งนี้ก็กินเวลาไปจนถึงค่ำมืดถึงจะได้พักนี่
เย่หมิงรีบพุ่งตัวเข้าไปในลิฟต์และมุ่งหน้าไปยังชั้นเก้าทันทีเพียงกวาดตามองก็พลันเห็นกลุ่มบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่กำลังอารักขาความปลอดภัยอยู่ที่นี่แต่คนกลุ่มนี้กลับไม่ใช่เหล่าบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยของจ้าวเมิ่งซินเมื่อสองวันมานี้ บอดี้การ์ดบางส่วนก้าวออกมาข้างหน้าและหยุดเย่หมิงไว้ทันที“ชั้นนี้โดนปิดไว้แล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามาทั้งนั้น โปรดออกไปเดี๋ยวนี้ครับ!”“ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูจ้าวก็ทำการผ่าตัดไม่ได้เด็ดขาด! ออกไปให้พ้น!”เย่หมิงกล่าวตะโกนเสียงดังสนั่นและล้มบอดี้การ์ดทั้งหมดได้อย่างง่ายดายเมื่อเห็นว่าคนที่มากล้าลงมือ บอดี้การ์ดคนอื่นต่างล้อมรวมตัวเข้ามาทางนี้ในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาทางนี้พร้อมกับจ้าวลี่และชายร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมหม่ากว้าสีดำอีกสองคนผู้หญิงคนนี้มองดูแล้วราวกับอยู่ในช่วงอายุสี่สิบต้น ๆ บุคลิกสูงส่งสง่างาม รูปร่างเพรียวบาง แต่ส่วนที่ควรมีก็อวบอัดเพราะได้รับการดูแลอย่างดี หางตาไม่มีริ้วรอยเลยแม้สักนิด ผิวกายยิ่งขาวเนียนนวลตารูปร่างหน้าตาของเธอคล้ายคลึงกับจ้าวเมิ่งซินมากกว่าเจ็ดถึงแปดส่วนเห็นได้ชัดว่านี่คือแม่ของจ้าวเมิ่งซินเ
“หยุดเขาไว้ให้ได้ ทุบตีจนกว่ามันจะพิการ ทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของมันทำได้แต่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง!”“ครับ!” ชายสองคนในเสื้อคลุมหม่ากว้ารับคำ และพุ่งตัวไปหาเย่หมิงอย่างรวดเร็วความเร็วที่พุ่งเข้ามานั้นช่างฉับพลันและรุนแรง ให้ความรู้สึกเหนือกว่าบอดี้การ์ดเหล่านั้นมากหลายเท่าตัวพวกเขาไล่ตามเย่หมิงทันอย่างรวดเร็วและปล่อยหมัดเข้าใส่ทันทีช่างเป็นสไตล์หมัดมวยที่น่าตื่นตาตื่นใจดวงตาของเย่หมิงเป็นประกายวาววาบ สองฝ่ามือของเขาวาดผ่านเข้าไปโดยตรงเงื้อหมัดและฝ่ามือปะทะสัมผัสกันเสียงกระทบดังสนั่น ชายสองคนในเสื้อคลุมหม่ากว้าลอยถอยไปข้างหนัง กระดูกข้อมือของพวกเขาหลุดออกจากข้อต่อ การหายใจของพวกเขาเริ่มรวนไม่เป็นจังหวะแต่เย่หมิงนั้นกลับไม่ระคายแม้เพียงนิด“เป็นไปได้ยังไง!” ดวงตารูปเมล็ดซิ่งของเซียวเมิ่งฉินเบิกกว้างพร้อมสีหน้าของความตกใจชายสวมเสื้อคลุมหม่ากว้าทั้งสองต่างเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างและปกป้องเธอจากอันตรายรอบด้านเป็นถึงจอมยุทธ์เชียวนะแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ที่เพิ่งก้าวเข้าเขตแดนจอมยุทธ์ฝึกตน แต่ก็ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้แน่นอนแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นแม้แต
ภายในห้องผ่าตัด จ้าวเมิ่งซินที่ฉีดยาชาและสลบไปแล้วกำลังนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดชายร่างสูงผิวขาววัยกลางคนที่สวมเสื้อกาวน์ยืนอยู่หน้าเตียงผ่าตัดนี่คือทอม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจที่เซียวเมิ่งฉินเชิญมาจากต่างประเทศ“คุณทอมคะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะคะ!” ด้านข้างเขา สีหน้าของพยาบาลสาวของโรงพยาบาลที่มาเป็นผู้ช่วยผ่าตัดล้วนดูตื่นตระหนกก่อนจะฉีดยาชา ค่าสัญญาณชีพต่าง ๆ ของร่างกายจ้าวเมิ่งซินล้วนปกติดีแต่หลังจากฉีดยาชา สถานการณ์ก็เลวร้ายลงกะทันหันจ้าวเมิ่งซินกำลังประสบกับภาวะหัวใจหยุดเต้น ไร้ซึ่งชีพจร!ในเวลานี้ ทอมที่กำลังถือมีดผ่าตัดอยู่ก็ทำอะไรไม่ถูก ทั้งยังรู้สึกวิตกกังวลปัง!ในขณะนั้นเอง ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกดันให้เปิดออกเย่หมิงพุ่งตัวเข้ามาทันทีทอมและเหล่านางพยาบาลต่างตกใจและหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน“หยุดมือเดี๋ยวนี้!”เมื่อเห็นว่าทอมกำลังถือมีดผ่าตัดอยู่ สีหน้าของเย่หมิงพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบก้าวไปคว้ามันไว้และโยนทิ้งลงกับพื้น“กรี๊ด!”“ว้าย!”เหล่านางพยาบาลเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นต่างรู้ถึงสถานการณ์ในห้องผ่าตัดแล้ว จึงทรุดตัวลงนั่งพังพาบกับพื้นด้วยความก
เซียวเมิ่งฉินบ้าคลั่งไปแล้ว ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาวทำให้เธอลืมสิ้นต่อภาพลักษณ์คุณผู้หญิงแห่งตระกูลจ้าว เธอเข้าข่วนทำร้ายเย่หมิงราวกับหญิงเสียสติเย่หมิงขมวดคิ้ว เขาเพิ่มแรงที่มือเล็กน้อยและผลักเซียวเมิ่งฉินลงไปกองกับพื้น“กรี๊ด!”เซียวเมิ่งฉินร้องตะโกน พยายามลุกขึ้นด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิงและเข้าไปข่วนทำร้ายเย่หมิงอีกครั้งในเวลาเดียวกัน ทอมก็ไม่ได้จากไปไหนเขายืนอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด มองดูสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าย่ามใจเขาคิดว่าเซียวเมิ่งฉินนั้นช่างหลอกง่ายเสียจริง เย่หมิงเองก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมพอที่จะเป็นแพะรับบาปยังคิดอยากจะใช้วิธีการฝังเข็มของจีนที่ไม่รู้จะมีประโยชน์จริงหรือไม่มาฝังเข็มให้แก่จ้าวเมิ่งซินที่ตายไปแล้ว แทนที่คิดหวังจะให้จ้าวเมิ่งซินฟื้นจากความตาย ควรจะมาจัดการผลักคุณผู้หญิงอย่างเซียวเมิ่งฉินออกไปเสียยังจะดีกว่าอย่างที่รู้ หัวใจและชีพจรของจ้าวเมิ่งซินหยุดเต้นไปแล้ว ต่อให้พระเจ้าเสด็จลงมาก็ไม่สามารถทวงคืนชีวิตนี้มาได้ส่วนนางพยาบาลเหล่านั้น ทอมไม่ได้กังวลเลยสักนิดว่าพวกเธอจะเปิดเผยสถานการณ์จริงในห้องผ่าตัดออกไปนอกเสียจากว่านางพยาบาลพวกนี้คิดอยากจะรน
ดวงตาที่สวยงามของเซียวเมิ่งฉินสะท้อนวาววาบ จู่ ๆเธอก็รู้สึกผิดที่กล่าวหาทอมแต่เธอก็ยังไม่มั่นใจ“ถึงกับกล่าวลอย ๆ ว่าปรุงยาสังเคราะห์พิเศษขึ้นมาได้ ผายลมชัดๆ” เย่หมิงตะโกนขัดขึ้น“คุณคิดว่าผมดูไม่ออกหรอกหรือว่าตอนที่ผมเข้าห้องผ่าตัดมา คุณตื่นตระหนกแค่ไหนเมื่อเห็นว่าคุณหนูใหญ่จ้าวหัวใจหยุดเต้นและสัญญาณชีพจรหายไป? คุณกลัวมากจนฉี่แทบราดเลยเสียมากกว่า! หากคุณฉีดยาสังเคราะห์พิเศษจริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องรอดูผลลัพธ์ แล้วทำไมต้องตื่นตระหนกขนาดนี้?”“หุบปากซะไอ้เศษสวะ!” ทอมตะคอกด้วยความโกรธ“เทคโนโลยีทางการแพทย์จากประเทศอิงของเราก้าวหน้ากว่าประเทศจีนของพวกแกเป็นร้อยปี เมื่อเทียบกับประเทศอิง ทักษะทางการแพทย์ของพวกแกก็ไม่ต่างจากพวกชนเผ่าป่าเถื่อน แกมีสิทธิ์อะไรมาสงสัยฉัน? ฉันจะบอกอะไรแกให้ อย่าคิดหลงตัวเองให้มากนัก เทคนิคการฝังเข็มของแกเมื่อกี้ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่พวกแพทย์แผนจีนเอามาใช้หลอกลวงผู้คน เอามาออกหน้าออกตาไม่ได้ด้วยซ้ำ! ถ้าไม่ใช่เพราะยาสังเคราะห์พิเศษของฉัน แกคิดว่าของหลอกลวงคนพรรค์นี้จะรักษาคนได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองเซียวเมิ่งฉิน“คุณผู้หญิง เขามันก็แค
ทันใดนั้นใบหน้าของจ้าวเมิ่งซินก็มืดครึ้มจนถึงขีดสุด“นายคิดว่าฉันทำอะไรนายไม่ได้ คิดจะโกหกไปตลอดใช่ไหม? ฉันจะบอกอะไรนายให้ ฉันมีวิธีมากมายที่จะให้นายพูดความจริงออกมา! ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง ตราบใดที่นายสารภาพออกมาและขอโทษที่ใส่ร้ายป้ายสีคุณเย่ ฉันจะไม่ถือสาหาความกับความผิดใด ๆ กับนาย มิฉะนั้น แม้ว่านายจะมาจากประเทศอิง แต่ฉันก็จะทำให้นายออกไปจากประเทศจีนไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว!”ทอมพลันรู้สึกใจฝ่อขึ้นมากะทันหัน เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับจ้าวเมิ่งซิน จึงหันไปหาเซียวเมิ่งฉิน“คุณผู้หญิงครับ ลูกสาวของคุณถลำลงหลุมแห่งการหลอกลวงลึกมากจริง ๆ แทบจะพูดได้เลยว่าโดนล้างสมอง ผมเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป อย่างไรเสียคุณหนูใหญ่จ้าวก็ดีขึ้นแล้ว ผมได้ทำทุกอย่างที่ผมควรทำไปหมดทั้งสิ้นแล้วครับ”นี่เป็นการอยากจะไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งในท้ายที่สุดเซียวเมิ่งฉินยังคงเลือกเชื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิง เธอหันไปมองเย่หมิงและกล่าวอย่างเย็นชา“เห็นแก่ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเมิ่งซิน ฉันเองก็จะไม่ถือสาอะไรนายอีก ดึงเข็มเงินพวกนั้นที่อยู่บนตัวเมิ่งซินออกเดี๋ยวนี้แล้วไ
ทอมตะลึงเล็กน้อย “คุณจะนับจริงๆเหรอ ช่างแสดงได้แนบเนียนจริงๆ เก่งมาก ไม่แปลกใจเลยที่คุณสามารถหลอกคุณหนูใหญ่จ้าวได้ ผมอดชื่นชมคุณไม่ได้จริงๆ”เซียวเมิ่งฉินสีหน้าเย็นชา รู้สึกว่าเย่หมิงไม่เพียงแต่เป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ แต่ยังเป็นนักต้มตุ๋นที่โรคจิตอีกด้วยทอมรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง สีหน้าเป็นปกติหลังจากสามวินาทีแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นดวงตาคู่งามของจ้าวเมิ่งซิน กลับเต็มไปด้วยความคาดหวังเธอเชื่อว่าเย่หมิงไม่มีทางโกหกแน่นอนผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติคนนี้ต้องป่วยแน่ๆ และต้องป่วยร้ายแรงด้วย“สอง!”“หนึ่ง!”เย่หมิงนับเลขสองตัวสุดท้ายต่อทันใดนั้น ทอมที่แสดงสีหน้าเยอะเย้ย จู่ๆ ก็ตัวสั่นไปทั้งตัว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้างหลังจากนั้น เขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรงเสียงดังปัง พร้อมกับร้องอย่างโหยหวนราวกับว่าเขาได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุดในโลกใบนี้เขาเจ็บปวดอวัยวะตันทั้งห้าและอวัยวะกลวงทั้งหก รวมถึงเซลล์ทุกเซลล์ทั่วทั้งร่างกายกำลังเจ็บปวดเซียวเมิ่งฉินตกตะลึงเหล่าพยาบาลก็ตกตะลึงเช่นกันนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือว่าคุณทอมที่ดูเหมื
"เหลวไหล! ช่างเหลวไหลสิ้นดี!" หนิงเทียนหมิงโมโหจนแทบระเบิด ลุกขึ้นยืนทันที“ฉันต้อง...เอ๊ะ! ไม่ถูก!”“มีอะไรเหรอครับ?" หลี่หยางถามด้วยความงุนงง"เรื่องที่คุณหนูใหญ่จ้าวป่วย ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นโรคที่รักษาได้ยากมาก และที่ผ่านมาไม่มีทางรักษาหาย แต่ตอนนี้กลับหายดีแล้ว?" หนิงเทียนหมิงครุ่นคิด"อาการป่วยที่ดีขึ้นกะทันหัน ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เย่หมิงนี่รักษาแล้วจะเป็นเพราะอะไร อีกอย่างคุณหนูใหญ่จ้าวซึ่งตอนนี้เป็นผู้นำตระกูลจ้าว มีความเด็ดขาดและชาญฉลาดจะโดนหลอกง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?""ถูก" หูเจี้ยนกั๋วที่สวมชุดเครื่องแบบทหารพยักหน้า"ธุรกิจของตระกูลจ้าวมีขนาดใหญ่มาก แต่คุณหนูจ้าวที่ยังอายุน้อยสามารถบริหารได้อย่างดีเยี่ยม แสดงว่ามีความเฉลียวฉลาดมากพอ ไม่น่าจะโดนหลอกง่ายๆ เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังที่เราไม่รู้แน่นอน"เมื่อได้ยินดังนี้ ฉินหลี่หย่าก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบพูดแทรก"คุณชายหนิง ท่านนายพลหู ไอ้คนขี้แพ้นี่ไม่มีพ่อมาตั้งแต่เด็ก โตมากับยายและแม่ แต่เมื่อสิบปีก่อนทั้งยายและแม่ของมันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนตร์ มันถูกน้าที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยต้องลาออกมาดูแล จะไปมีโอกาสเรียนรู้วิชาแพทย์
เจี่ยงหงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตามไปด้วย"ใช่เลย พวกเรามานั่งดูละครกันเถอะ รอให้เย่หมิงคนไร้ค่าคนนั้นโดนแฉ พอถึงตอนนั้น คุณหนูใหญ่จ้าวก็จะเข้าใจความตั้งใจของพวกเรา ไม่เพียงแต่จะไม่มาสร้างปัญหาให้เราอีกต่อไป แต่อาจจะรู้สึกขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำไป"“ถูกต้อง นี่อาจจะเป็นโอกาสให้เราก้าวขึ้นไปอีกขั้น!" หลี่หยางพูดพลางดวงตาเริ่มเปล่งประกายขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกัน คุณหนูใหญ่จ้าวเมิ่งซินที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของห้องจัดเลี้ยง ก็สังเกตเห็นการมาถึงของหนิงเทียนหมิงกับหูเจี้ยนกั๋วแล้ว คิ้วเรียวสวยของเธอก็ขมวดเล็กน้อยหนิงเทียนหมิงคนนี้ เธอไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ส่วนเย่หมิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ถามอย่างสงสัย "คุณหนูใหญ่จ้าว เป็นอะไรหรือเปล่า?""เปล่า" จ้าวเมิ่งซินตอบ"คนที่ใส่ชุดเครื่องแบบทหารคนนั้นคือหูเจี้ยนกั๋ว นายพลใหญ่ของกองทัพเจียงหนาน เขาสนิทกับคุณพ่อของฉันมากทีเดียว พอเขามาถึงฉันต้องไปทักทายสักหน่อย คุณรอตรงนี้ก่อนนะ""ได้" เย่หมิงพยักหน้าจ้าวเมิ่งซินลุกขึ้นและเดินตรงไปยังหนิงเทียนหมิงและหูเจี้ยนกั๋วแต่ขณะที่สายตาของเย่หมิงจับจ้องไปที่หูเจี้ยนกั๋ว เขากลับหรี่ตาลงเล็กน้อยสภาพร่างกาย
กลุ่มคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้รู้สึกถูกหลอกลวงอย่างมาก แต่ละคนไม่เพียงเลิกเอาใจหรือประจบเท่านั้น แต่ยังกลับมาเหยียบซ้ำ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ให้ใครเข้าใจผิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับพวกหลี่หยางทั้งสามคนจนตัวเองต้องเดือดร้อนไปด้วยสามคนที่เมื่อครู่ยังดูสง่าผ่าเผยอย่างหลี่หยาง ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกหน้าแตก หมดท่า หมดศักดิ์ศรี"พี่หยาง ทำคุณหนูใหญ่จ้าวขุ่นเคือง พวกเราจบเห่แล้ว จะทำยังไงดีล่ะ?" ฉินลี่หย่าพูดพลางมองหลี่หยางเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย ด้วยความหมดหวังแต่หลี่หยางที่อารมณ์เดือดดาลเต็มที่ กลับระบายความโกรธลงที่เธอด้วยการเตะเธอออกไป"ยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ! ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะทำยังไง! ที่เป็นแบบนี้มันก็เพราะเธอนั่นแหละ ตอนแรกเป็นเธอที่ดันไปเล็งบ้านเก่าเย่หมิงไว้ แล้วคิดจะหลอกแต่งงาน!""ฉันเล็งที่ไหนกันล่ะ เป็นแกชัดๆ เป็นแกที่ให้ฉันแต่งงานกับเขา แล้วช่วยเล่นละครให้แกต่างหาก ฮือๆ..." ฉินลี่หย่าพูดพลางกุมท้องที่โดนเตะจนปวดไม่หยุดแล้วร้องไห้"หึ! ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!" หลี่หยางตะคอกอย่างเย็นชา"แกอยู่กับไอ้เย่หมิงขี้แพ้นั่นมาตั้งสามปี คงรู้จักมันดีสินะ! ฉันถา
ฉินลี่หยากับลูกสาวถึงกับตกใจจนแทบฉี่ราดพอเห็นหลี่หยางอ้อนวอนขอร้องขนาดนั้น สองแม่ลูกก็ขาอ่อนทรุดฮวบลงไปกับพื้น แล้วคลานเข่าไปขวางหน้าหวงเปียวหู่"ท่านหู่ ท่านปู่ พวกเรามันเข้าใจผิดไปจริงๆ ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินคุณหนูใหญ่จ้าวเลย ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ช่วยพูดขอโทษแทนพวกเราสักครั้งเถอะนะคะ!"แต่หวงเปียวหู่กลับมีสีหน้าที่เย็นชาไปกว่าเดิม"ไอ้พวกสารเลว ไสหัวไป!"พูดจบ เขาก็เตะสองแม่ลูกกระเด็นออกไปทันที จากนั้นก็เตรียมจะเดินออกไปหลี่หยางรีบกอดขาหวงเปียวหู่ไว้แน่น"ท่านหู่ อย่าไปเลย อย่าทิ้งผมเลยนะ ท่านลืมไปแล้วเหรอ? ครั้งที่แล้วเรื่องหัวใจ ผมยังทำตามคำสั่งของท่านอย่างสุดกำลังจนหามาได้สำเร็จเลยนะครับ ผมยังมีความดี ผมยังมีประโยชน์กับท่านอยู่"หวงเปียวหู่ได้ยินดังนั้น ถึงกับขมวดคิ้วทันที"เรื่องหัวใจนั่นแกยังมีหน้าพูดออกมาอีกเหรอ! ผู้จัดการจ้าวลี่ที่อยู่ข้างกายคุณหนูโทรมาบอกฉัน ว่าคุณหนูไม่ได้ใช้หัวใจของน้าเย่หมิงเลย! สุดท้ายเป็นเย่หมิงที่ใช้ฝีมือทางการแพทย์รักษาคุณหนูจนหาย! แกทำให้ฉันถูกจ้าวลี่ต่อว่าอย่างหนัก เพราะดันไปเลือกใช้คนอย่างแกที่ใช้วิธีบ้าบอแย่งหัวใจคนเป็นมาทำเรื่องนี้ ไม่เพ
“ท่าน...ท่านหัวหน้าตระกูลหวัง คุณ...อย่ามาล้อเล่นกับผมนะ แบบนี้จะเป็นคุณหนูใหญ่จ้าวได้ยังไง คุณหนูใหญ่จ้าวจะมาคบหากับไอ้ขยะไร้ค่าแบบนี้ได้ยังไง!""ใช่แล้ว ท่านหัวหน้าตระกูลหวัง" ฉินลี่หย่าถึงกับตัวสั่น"เขาเป็นใคร? แค่คนที่ฉันไล่ออกจากบ้าน! แล้วคุณหนูใหญ่จ้าวเป็นใคร? จะเป็นไปได้ยังไงที่จะพาคนแบบนั้นเข้ามาอยู่ด้วยกัน แถมยังดูสนิทสนมกันอีก! ต่อให้ตายก็เป็นไปไม่ได้!"เจี่ยงหงหน้าซีด รีบพูดเสริมทันที"ถูกต้องที่สุด! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่าคนคนนั้นจะเป็นคุณหนูใหญ่จ้าว! ถ้าคุณหนูใหญ่จ้าวจะชอบใครสักคน ก็คงไม่มีวันเป็นไอ้ขยะคนนี้แน่ๆ!""หัวหน้าตระกูลหวัง ผมว่าคุณคงจะล้อเล่นกับพวกเรา ตั้งใจจะทำให้เรากลัวใช่ไหม" หลี่หยางยิ่งคิดยิ่งเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ยิ้มเยาะใส่หัวหน้าตระกูลหวัง"ไสหัวไปให้พ้น!" แต่หัวหน้าตระกูลหวังกลับมีสีหน้าดุดันเหมือนน้ำแข็ง กระทืบหลี่หยางจนล้มลงไปกับพื้น"พวกแกกินขี้จนสมองพังกันไปหมดแล้วหรือไง! โง่สิ้นดี! เตรียมตัวรอถูกจัดการได้เลย!"พูดจบ หัวหน้าตระกูลหวังก็เบือนหน้าหนี มองหลี่หยางกับพวกเหมือนเป็นตัวซวย ไม่กล้าอยู่ใกล้พวกเขา รีบหลบไปทันที กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดว่าร่
ฉินลี่หย่ากับเจียงหงต่างก็อึ้งไปชั่วขณะทันใดนั้น สีหน้าของฉินลี่หย่าก็เปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งไปประคองหลี่หยางให้ลุกขึ้น“คนสารเลว ไอ้ขยะไร้ค่าคนนี้ กล้าตบหลี่หยางอย่างนั้นเหรอ!” เจี่ยงหงชี้นิ้วใส่ใบหน้าของเย่หมิงพร้อมด่าทออย่างหยาบคาย“แกไม่รู้หรือไงว่างานเลี้ยงสังสรรค์ธุรกิจครั้งนี้ คุณหนูใหญ่จ้าวจัดขึ้นเพื่อหลี่หยางโดยเฉพาะน่ะ!”สีหน้าของจ้าวเมิ่งซินเปลี่ยนเป็นประหลาดใจในทันทีงานเลี้ยงที่เธอจัดขึ้น กลายเป็นเพื่อหลี่หยางตั้งแต่เมื่อไรกัน?หรือผู้หญิงดุร้ายคนนี้จะเสียสติไปแล้ว?“ถ้าประสาทเสียก็ไปโรงพยาบาลซะ อย่ามาทำให้ขายหน้าที่นี่!” เย่หมิงพูดพร้อมกับสีหน้าเย็นชา หันไปทางเจี่ยงหง“คุณเย่ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาแล้วค่ะ เราไปข้างหน้ากันเถอะ” จ้าวเมิ่งซินพูดขึ้นพูดจบ ก็จับแขนเย่หมิงอย่างสนิทสนมแล้วเดินไปทางด้านหน้ากลุ่มคนที่ก่อนหน้านี้ประจบหลี่หยางรีบเข้ามาหาเขาทันที“พี่หยาง พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“พวกนั้นเป็นใครกัน? กล้าดียังไงถึงลงมือกับพี่!”“ถุย!” หลี่หยางจับหน้าที่บวมของตัวเองแล้วบ้วนเลือดในปากออกมา“ก็แค่ไอ้ขยะกับนังไร้ค่าราคาถูกสองตัว หมาบ้าไล่กัดคน! แต่ตอนนี้ฉันจะไม
เรื่องนี้ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาของพวกเขาในอนาคตในขณะนั้น หลี่หยาง ฉินลี่หย่า และเจี่ยงหง กำลังนั่งอยู่ที่ตำแหน่งกลางของห้องจัดเลี้ยงหลัก บรรดาผู้นำของตระกูลใหญ่และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างพากันมาประจบ“พี่หยาง คุณหนูใหญ่จ้าวลงทุนตั้งบริษัทย่อยด้วยเงินเป็นแสนล้าน นี่เป็นเพราะอยากช่วยสนับสนุนพี่จริงๆ เหรอ?”“พี่หยาง พี่มีบุญคุณอะไรกับคุณหนูใหญ่จ้าวหรือเปล่า?”……“แน่นอนว่าจริง!” หลี่หยางเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีภาคภูมิใจ“พวกนายยังกล้าสงสัยฉันอีกเหรอ? ดูสิ บัตรเชิญของพวกเรา เราสามคนได้รับบัตรเชิญสีฟ้า ในขณะที่ของพวกนายเป็นสีทอง แค่สีของบัตรก็แยกความแตกต่างได้ชัดเจนแล้ว”พูดจบ เขากับฉินลี่หย่าแม่ลูกก็ยกบัตรเชิญในมือขึ้นโชว์ทุกคนมองไปแล้วก็เห็นจริงว่าบัตรเชิญของทั้งสามคนเป็นสีฟ้าที่ต่างกันจริงๆทันใดนั้น ทุกคนก็พากันยกยอปอปั้นต่อ“พี่หยาง เมื่อกี้ผมปากพล่อยเอง ไม่น่าสงสัยพี่เลย หลังจากพี่รุ่งเรืองแล้ว อย่าลืมช่วยเหลือพวกเราบ้างนะ”“ใช่ๆ พวกเราก็ถือว่ารู้จักกันมานาน บัตรนี้มีเงินอยู่สามล้านหยวน พี่เอาไปใช้จ่ายสบายๆ ซื้อบุหรี่สักหน่อย”“พี่หยาง นี่เป็นโรเล็กซ์รุ่นลิมิเต็ด ผ
เย่หมิงชะงักไปทันที“คุณหนูใหญ่จ้าว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนร่างกายเลยดูรุงรัง ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงเหมือนรังนก ไม่น่าจะเอาไปพบหน้าคนที่เขาแอบชอบได้เลยกลับกันมองไปที่จ้าวเมิ่งซินเธอสวมชุดราตรีที่ประณีตงดงาม ดูน่าหลงใหลราวกับดวงจันทร์บนท้องฟ้านอกจากนี้ เธอยังถือกล่องของขวัญสวยๆ มาหลายกล่องเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความแตกต่างช่างชัดเจนเหลือเกิน“ช่วงสองวันนี้ผมมัวแต่ยุ่งเรื่องฝึก เลยไม่ได้...ไม่ได้ดูแลตัวเองให้เรียบร้อย” เย่หมิงเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ พร้อมพูดด้วยท่าทีเขินอาย“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าก็ดูเป็นธรรมชาติดีออก” จ้าวเมิ่งซินพูดยิ้มๆ“ว่าแต่คุณจะปล่อยให้ฉันยืนอยู่นี่นานแค่ไหนล่ะ? ฉันเมื่อยมือแล้วนะ”เธอไม่ได้ใช้คำพูดสุภาพกับเย่หมิงอีกต่อไปเย่หมิงรีบเดินไปเปิดประตูเหล็กของลานบ้าน พร้อมรับกล่องของขวัญจากมือของจ้าวเมิ่งซิน“เอาของพวกนี้มาทำไมเหรอ?”“ฉันอยากให้คุณไปงานเลี้ยงกับฉัน เลยเลือกชุดสูทกับรองเท้าหนังมาให้คุณสักสองสามชุด” จ้าวเมิ่งซินพูดยิ้มๆ“หา?” เย่หมิงอึ้งไปเล็กน้อยนอกจากยายกับแม่ที่เสียไปแล้ว และก็ยังมีน้าสาวเนี่ยชิงชิง ก็ไม่
ถึงแม้ว่าเย่หมิงจะเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเธอแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เพียงเพื่อจะได้แต่งงานกับเธอจ้าวเมิ่งซินเงยหน้าขึ้น มองออกไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างเย่หมิง เขาจะมีท่าทีอย่างไรต่อเธอกันแน่ และเขาจะ... เลือกตัดสินใจอย่างไร?……ในขณะเดียวกันบ้านพักตากอากาศหมายเลขหนึ่งของซินเทียนเซี่ยเนี่ยชิงชิงกำลังเพลิดเพลินกับอาหารที่เย่หมิงซื้อมาฝาก“อาหารจากร้านอวิ๋นติ่งนี่อร่อยจริง ๆ เลย”“ถ้าน้าชอบ คราวหน้าผมจะพาน้าไปทานที่ร้านเอง” เย่หมิงยิ้มตอบ“ไม่ต้องเปลืองเงินขนาดนั้นหรอก เธอไปกับคุณหนูใหญ่จ้าวบ่อย ๆ เถอะ” เนี่ยชิงชิงพูดยิ้ม ๆ“หืม?” เย่หมิงถึงกับชะงักเนี่ยชิงชิงยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูดขึ้นว่า"คุณหนูใหญ่จ้าวเป็นคนที่ดีมากเลยนะ ทั้งมีชาติตระกูลสูงส่ง ท่าทางสง่างาม และยังอ่อนโยนใจดีมากอีกด้วย เธอคงชอบเธอเข้าแล้วใช่ไหม?"เย่หมิงใจเต้นขึ้นมาทันที"คุณน้าอย่าพูดเล่นเลย ผมเป็นแค่ผู้ชายที่เคยหย่ามาแล้ว จะไปคู่ควรกับเขาได้ยังไง"พอได้ยินแบบนี้ เนี่ยชิงชิงถึงกับหมดอารมณ์กิน เธอวางช้อนส้อมลงก่อนจะทำหน้าเคร่งขรึม"เสี่ยวหมิง ที่เธอพูดดูถู