หลังจากการประชุมที่ห้องของมิเอโกะในมูลนิธิ การตัดสินใจครั้งใหญ่ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ เคนชิโร่เรียกบอดี้การ์ดทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญ พวกเขาจะต้องเข้าไปในวงการของลูกชายมายาโตะ โคอิจิ เพื่อสืบหาเบาะแสและหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้ มิเอโกะนั่งอยู่ข้างๆ เคนชิโร่ รอให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยจริงจังนัก แต่ความคมคายในแววตาของเธอนั้นกลับทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความหนักแน่นที่ซ่อนอยู่"คุณเคนชิโร่ค่ะ" มิเอโกะพูดเสียงหวานแต่ยังคงแฝงความจริงจัง "เราต้องทำให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ?"เคนชิโร่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าเขา โดยทุกคนต่างเป็นผู้ชายที่มีท่าทางเข้มแข็ง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและช่วยเหลือมิเอโกะ"โอเคครับ ทุกคน เรามีงานที่ต้องทำ" เคนชิโร่เริ่มต้นพูด "แผนของเราคือการแทรกซึมเข้าไปในธุรกิจของลูกชายมายาโตะ โดยการสมัครงานในหลายตำแหน่งที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง"เคนชิโร่หันไปมองมิเอโกะ ก่อนจะพูดต่อไป "ผมคิดว่าเราต้องให้คุณมิเอโกะไปสมัครงานกับลูกชายมายาโตะ เขาจะได้รู้จักกับคนในวงการ
ในคลับหรูใจกลางชานเมืองโตเกียว แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วพื้นที่ เสียงดนตรีจังหวะสนุกเร่งเร้าให้ผู้คนในคลับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ มิเอโกะยืนพิงกำแพงตรงมุมห้องพักศิลปินเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับนักร้องหน้าใหม่ เธอแอบมองลอดม่านบางๆ ออกไปยังพื้นที่หน้าเวที สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับลูกน้องของเขา“คุณคนนั้นใช่ไหม?” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกัดริมฝีปากล่างเพื่อระงับความตื่นเต้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเบาๆ มิเอโกะหยิบขึ้นมาอ่านข้อความจากเคนชิโร่:“คุณโอเคไหม?”เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพิมพ์ตอบกลับ:“ฉันโอเคค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายโทรเข้า“ฮัลโหล?” มิเอโกะรับสายแล้วลดเสียงลง“คุณอยู่ตรงไหน?” เสียงเคนชิโร่ดังมาจากอีกฝั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ฉันอยู่ในห้องพักหลังเวทีค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”“ดีครับ แต่จำไว้นะ ถ้าอะไรผิดปกติ รีบส่งสัญญาณมาหาผมทันที”“ค่ะ คุณพูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้” มิเอโกะหัวเราะเบาๆ“คุณไม่ใช่เด็ก แต่คุณชอบทำให้ผมห่วง”คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “คุณพูดแบบนี้... ฉันต้อง
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้แม่น้ำซุมิดะ ที่นั่งริมหน้าต่างตกแต่งด้วยดอกไม้สีพาสเทลและหมอนอิงลายดอกไม้ มิเอโกะนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ มืออีกข้างคนกาแฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคเรียบง่าย เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเธอ“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขากล่าวขณะเดินตรงมาที่โต๊ะมิเอโกะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “คุณนี่ตรงเวลากว่าที่คิดไว้นะคะ ฉันเพิ่งนั่งลงไม่ถึงสิบนาทีเอง”“ถ้าอย่างนั้นผมโชคดีที่มาทันเห็นคุณยิ้ม”เธอหัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ “ชมแบบนี้อีกแล้วนะคะ คุณนี่จะทำให้ฉันเขินทุกวันเลยหรือไง?”เขานั่งลงตรงข้ามและหยิบเมนูขึ้นมา “บางทีผมก็อยากเห็นคุณเขินบ้าง”“ถ้างั้นคุณคงต้องรออีกนานเลยค่ะ เพราะฉันไม่เขินง่ายๆ หรอก”บทสนทนาที่เติมเต็มเสียงเพลงเบาๆ ในร้านช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เคนชิโร่วางเมนูลงและหันมามองเธอ“เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหมครับ?”“ก็ไม่เลวนะคะ” เธอพูดพลางยักไหล่ “แต่บางทีฉันคิดว่าคุณน่าจะทำให้ฉันนอนไม่หลับมากกว่า”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำใ
ณ. เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเช้าวันใหม่ในบ้านของมิเอโกะเริ่มต้นขึ้นด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกใส สีทองอ่อนๆ ส่องสว่างไปทั่วห้องนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่น โมเดิร์นในบ้านที่ตกแต่งด้วยไม้และโทนสีอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สวนเล็กๆ ด้านนอกบ้านมีต้นซากุระอันงดงามที่กำลังเริ่มผลิบาน แม้จะเป็นเช้าตรู่ แต่ก็มีความรู้สึกสดชื่นและเต็มไปด้วยความสุขในการเริ่มต้นวันใหม่เสียงนกร้องเบาๆ ดังมาจากสวน มิเอโกะ อายุ 25 ปี มีอาชีพเป็นนักข่าวมีนิสัย (น่ารัก อ่อนโยน ขี้เล่นและนิสัยห้าวๆ ไม่ยอมคนและรักความยุติธรรม) ยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียงนุ่มๆ จนกระทั่งได้กลิ่นหอมของชาเขียวที่ลอยเข้ามาจากห้องครัว นั่นคงเป็นแม่ของเธอที่กำลังชงชาอย่างรอบคอบ“อ้าว...เช้านี้ก็เป็นเช้าวันใหม่แล้วสินะ” มิเอโกะพูดเบาๆ กับตัวเอง ก่อนที่จะลุกจากเตียงด้วยความรวดเร็วและเริ่มเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ในครัว คุณแม่ชื่อคิดซูกะวัย 55 ปีที่เป็นแม่บ้านที่มีจิตใจอ่อนโยนกำลังชงชาเขียวให้กับสมาชิกทุกคนในบ้าน ขณะที่คุณพ่อชื่อฮิโร่ชิ วัย 60 ปีที่เป็นสถาปนิกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสงบและใจเย็น“มิเอโกะจัง ทำไมวันนี้ตื่นเร็วจัง?” คุณแม่
มิเอโกะเริ่มต้นการสืบสวนเมื่อมิเอโกะเดินทางมาถึงโต๊ะทำงานของเธอในห้องทำงานส่วนตัวที่สำนักงานข่าว Tokyo Horizon News ทันทีที่นั่งลงเธอก็เปิดโน้ตบุ๊กและเริ่มพิมพ์ข้อมูลที่เธอได้รวบรวมมาเกี่ยวกับแก๊งยามาโตะ คุโรคิ ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรที่ครอบคลุมหลายกิจกรรม ตั้งแต่การค้ายาเสพติดไปจนถึงการฟอกเงินที่ทำให้การสืบสวนกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความเสี่ยงเธอเริ่มต้นด้วยการสังเกตการณ์จากข่าวเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งนี้ เธอจดบันทึกข้อมูลจากเอกสารและการสัมภาษณ์ของผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ นักข่าวอาวุโส และนักวิจัยทางสังคมที่เคยทำงานเกี่ยวกับอาชญากรรมของแก๊งนี้ ความมุ่งมั่นของมิเอโกะไม่เพียงแค่จะสืบสวนเรื่องราวเหล่านี้ แต่ยังต้องการเปิดเผยความจริงที่ถูกปกปิดอยู่ลึกๆมิเอโกะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอจำได้ดีถึงการเตือนของหัวหน้าข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงในการดำเนินการสืบสวนครั้งนี้ แต่การทำข่าวสืบสวนเชิงลึกเป็นสิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุด และเธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่การนำเสนอข้อมูล แต่ยังต้องมีความเป็นธรรมและความซื่อสัตย์ในงานของเธอเสมอการสืบสวนที่เริ่มต้นจากคำถามเวลาผ่านไปไม่
อาคารสูงของ Tokyo Horizon News ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางโตเกียว ถนนด้านหน้าคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์และผู้คนที่เร่งรีบในชั่วโมงทำงาน ย่านนี้เต็มไปด้วยเสียงสัญญาณจราจรและโฆษณาดิจิทัลบนตึกสูงที่แสดงภาพข่าวล่าสุดภายในสำนักงานตกแต่งในโทนสีขาวสะอาดตา ผนังบางส่วนเป็นกระจกใส เผยให้เห็นวิวของโตเกียวที่วุ่นวายแต่สวยงาม พื้นที่เปิดโล่งเต็มไปด้วยโต๊ะทำงานที่จัดเรียงอย่างมีระเบียบ บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แฟ้มเอกสาร และแก้วกาแฟวางกระจัดกระจาย เสียงโทรศัพท์และการพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดดังสลับกับเสียงพูดคุยของนักข่าวที่เร่งส่งงาน ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดโต๊ะของ มิเอโกะ อยู่ใกล้หน้าต่าง มองออกไปเห็นตึกระฟ้าและฟ้าสีหม่น เธอนั่งหลังตรง มือข้างหนึ่งเลื่อนแฟ้มเอกสารอย่างระมัดระวัง ส่วนมืออีกข้างถือปากกาเขียนข้อความลงในสมุดบันทึกด้วยลายมือเรียบร้อย รูปถ่ายโกดังร้างถูกวางไว้ตรงหน้า ดวงตาของเธอจับจ้องรูปนั้นราวกับมันมีคำตอบบางอย่างที่เธอต้องการ มิเอโกะ: (พึมพำกับตัวเอง ขณะอ่านเอกสารในมือ) "พวกมันใช้เส้นทางนี้มาหลายเดือนแล้ว ทำไมตำรวจถึงยังจับไม่ได้? หรือว่า...มีใครในระบบช่วยปกป้องพวกมัน?"เธอหยุดเดิน หันกลับไปม
ณ. โกดังร้างย่านชานเมืองโตเกียวแสงแดดยามเย็นที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างแตก ๆ ไม่อาจช่วยลดความเงียบงันของโกดังร้าง เสียงลมหวีดหวิวปะปนกับเสียงเหยี่ยวร้องไกล ๆ ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนฉากในหนังอาชญากรรมมิเอโกะซ่อนตัวอยู่หลังกล่องไม้เก่า ๆ ดวงตาจับจ้องไปที่กลุ่มชายชุดดำซึ่งกำลังขนย้ายกล่องเหล็กหลายใบเข้าไปในรถบรรทุก เสียงหัวหน้าแก๊งที่ยืนอยู่กลางวงดังขึ้นหัวหน้าแก๊ง: "ระวังหน่อย อย่าให้กล่องไหนเสียหาย ของข้างในมันแพงกว่าชีวิตพวกแกซะอีก"ชายในชุดดำพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเคร่งขรึม มิเอโกะหรี่ตามองผ่านเลนส์กล้อง เธอพยายามซูมเข้าไปใกล้กล่องที่ถูกเปิดบางส่วน ภายในนั้นเต็มไปด้วยอาวุธและถุงพลาสติกบรรจุผงสีขาวมิเอโกะ: (กระซิบกับตัวเองเบา ๆ)"อาวุธ... แล้วนั่นยาเสพติดใช่ไหม? พวกมันต้องถูกจับให้ได้"เธอเก็บภาพทุกอย่างอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นแรงด้วยทั้งความกลัวและความมุ่งมั่น ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่ง...เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นดวงตาของมิเอโกะเบิกกว้าง เธอรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยายามปิดเสียงให้เร็วที่สุด แต่ไม่ทันเสียแล้ว หัวหน้าแก๊งหันขวับมาทางเธอ พร้
สถานที่: บนรถของเคนชิโร่รถยนต์หรูสีดำแล่นอย่างนุ่มนวลไปตามถนนย่านชานเมือง โตโยะ คนขับรถส่วนตัวของเคนชิโร่ จับพวงมาลัยแน่น ดวงตาจดจ่ออยู่ที่ถนนข้างหน้า บอดี้การ์ดห้าคนของเขานั่งกระจายกันอยู่ในรถสองแถวหลัง สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียดเหมือนพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมิเอโกะนั่งชิดประตูด้านซ้าย กระเป๋าสะพายของเธอวางบนตัก มือกำแน่นจนข้อขาว เธอยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุดหลังการหนีตายเมื่อครู่เคนชิโร่ที่นั่งข้างเธอ เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ฟังแล้วหนักแน่นเคนชิโร่:"คุณเป็นใครครับ? ทำไมถึงถูกตามล่า?"มิเอโกะสะดุ้งเล็กน้อย เธอก้มหน้าลง สูดหายใจลึกก่อนตอบเสียงเบามิเอโกะ:"ฉัน... ฉันเป็นนักข่าวค่ะ มิเอโกะ จาก Tokyo Horizon News"เคนชิโร่พยักหน้าเล็กน้อย หันหน้ากลับไปมองถนนเบื้องหน้า น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเคนชิโร่:"และคุณไปทำอะไรที่โกดังนั่น?"เธอหันมามองเขาอย่างลังเล ก่อนตัดสินใจพูดออกมาในที่สุดมิเอโกะ:"ฉันกำลังสืบเรื่องแก๊งยามาโตะ คุโรคิ พวกเขาขนยาเสพติดและอาวุธผิดกฎหมาย ฉันต้องการเปิดโปงพวกเขา"ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรในทันที มือของเขาที่วางอยู่บนเข่าข
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้แม่น้ำซุมิดะ ที่นั่งริมหน้าต่างตกแต่งด้วยดอกไม้สีพาสเทลและหมอนอิงลายดอกไม้ มิเอโกะนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ มืออีกข้างคนกาแฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคเรียบง่าย เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเธอ“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขากล่าวขณะเดินตรงมาที่โต๊ะมิเอโกะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “คุณนี่ตรงเวลากว่าที่คิดไว้นะคะ ฉันเพิ่งนั่งลงไม่ถึงสิบนาทีเอง”“ถ้าอย่างนั้นผมโชคดีที่มาทันเห็นคุณยิ้ม”เธอหัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ “ชมแบบนี้อีกแล้วนะคะ คุณนี่จะทำให้ฉันเขินทุกวันเลยหรือไง?”เขานั่งลงตรงข้ามและหยิบเมนูขึ้นมา “บางทีผมก็อยากเห็นคุณเขินบ้าง”“ถ้างั้นคุณคงต้องรออีกนานเลยค่ะ เพราะฉันไม่เขินง่ายๆ หรอก”บทสนทนาที่เติมเต็มเสียงเพลงเบาๆ ในร้านช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เคนชิโร่วางเมนูลงและหันมามองเธอ“เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหมครับ?”“ก็ไม่เลวนะคะ” เธอพูดพลางยักไหล่ “แต่บางทีฉันคิดว่าคุณน่าจะทำให้ฉันนอนไม่หลับมากกว่า”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำใ
ในคลับหรูใจกลางชานเมืองโตเกียว แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วพื้นที่ เสียงดนตรีจังหวะสนุกเร่งเร้าให้ผู้คนในคลับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ มิเอโกะยืนพิงกำแพงตรงมุมห้องพักศิลปินเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับนักร้องหน้าใหม่ เธอแอบมองลอดม่านบางๆ ออกไปยังพื้นที่หน้าเวที สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับลูกน้องของเขา“คุณคนนั้นใช่ไหม?” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกัดริมฝีปากล่างเพื่อระงับความตื่นเต้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเบาๆ มิเอโกะหยิบขึ้นมาอ่านข้อความจากเคนชิโร่:“คุณโอเคไหม?”เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพิมพ์ตอบกลับ:“ฉันโอเคค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายโทรเข้า“ฮัลโหล?” มิเอโกะรับสายแล้วลดเสียงลง“คุณอยู่ตรงไหน?” เสียงเคนชิโร่ดังมาจากอีกฝั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ฉันอยู่ในห้องพักหลังเวทีค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”“ดีครับ แต่จำไว้นะ ถ้าอะไรผิดปกติ รีบส่งสัญญาณมาหาผมทันที”“ค่ะ คุณพูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้” มิเอโกะหัวเราะเบาๆ“คุณไม่ใช่เด็ก แต่คุณชอบทำให้ผมห่วง”คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “คุณพูดแบบนี้... ฉันต้อง
หลังจากการประชุมที่ห้องของมิเอโกะในมูลนิธิ การตัดสินใจครั้งใหญ่ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ เคนชิโร่เรียกบอดี้การ์ดทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญ พวกเขาจะต้องเข้าไปในวงการของลูกชายมายาโตะ โคอิจิ เพื่อสืบหาเบาะแสและหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้ มิเอโกะนั่งอยู่ข้างๆ เคนชิโร่ รอให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยจริงจังนัก แต่ความคมคายในแววตาของเธอนั้นกลับทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความหนักแน่นที่ซ่อนอยู่"คุณเคนชิโร่ค่ะ" มิเอโกะพูดเสียงหวานแต่ยังคงแฝงความจริงจัง "เราต้องทำให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ?"เคนชิโร่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าเขา โดยทุกคนต่างเป็นผู้ชายที่มีท่าทางเข้มแข็ง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและช่วยเหลือมิเอโกะ"โอเคครับ ทุกคน เรามีงานที่ต้องทำ" เคนชิโร่เริ่มต้นพูด "แผนของเราคือการแทรกซึมเข้าไปในธุรกิจของลูกชายมายาโตะ โดยการสมัครงานในหลายตำแหน่งที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง"เคนชิโร่หันไปมองมิเอโกะ ก่อนจะพูดต่อไป "ผมคิดว่าเราต้องให้คุณมิเอโกะไปสมัครงานกับลูกชายมายาโตะ เขาจะได้รู้จักกับคนในวงการ
มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตที่เต็มไปด้วยความสงบและสถาปัตยกรรมโบราณ ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนที่เดือดร้อน ภายในอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อนและกระจกที่สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ยามเย็น ทุกอย่างดูเงียบสงบและเป็นระเบียบ แต่ในวันนี้ มันกลับไม่สงบเหมือนเคยเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องทำงานของมิเอโกะในมูลนิธิ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิยืนอยู่ที่หน้าประตูและพูดด้วยน้ำเสียงเร่งด่วน “คุณมิเอโกะค่ะ ขอโทษที่รบกวน แต่มีตัวแทนชาวบ้าน 10 คนจากเกียวโตมาที่นี่ พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณโดยด่วนค่ะ”มิเอโกะที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหันไปมองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าสงบ “เอาเลยค่ะ ให้พวกเขาไปนั่งรอที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะเข้าไปค่ะ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปไม่นาน มิเอโกะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังห้องประชุม พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบกับตัวแทนชาวบ้าน 10 คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม บรรยากาศในห้องดูจริงจังและมีความเครียดปกคลุมมิเอโกะนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะและหันไปยิ้มให้ทุกคน แม้ว่าจะมีความเครียดอยู่ในอากาศ “เกิดอะไรขึ้นค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือไห
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยอากาศสดชื่นที่พัดผ่านท้องถนนในเขตชานเมืองของโตเกียว เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในบ้านของมิเอโกะ ขณะที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เธอลุกขึ้นจากเตียงและยืดตัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กเปิดรับแสงแดดที่อ่อนโยนเสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นจากนอกบ้าน ก่อนที่เคนชิโร่จะขับรถของเขาเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของมิเอโกะ รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ เธอในทุกวันมิเอโกะเดินออกมาจากบ้านในชุดทำงานที่ดูสะอาดตาและดูดี พอเห็นเคนชิโร่ยืนรออยู่ที่หน้ารถ เธอไม่ลืมที่จะโบกมือทักทาย พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มกว้าง "สวัสดีค่ะ คุณเคนชิโร่"เคนชิโร่ยิ้มตอบกลับ พร้อมกับเปิดประตูให้มิเอโกะ "สวัสดีครับคุณมิเอโกะ วันนี้คุณพร้อมสำหรับการทำงานที่มูลนิธิแล้วหรือยังครับ?"มิเอโกะเปิดประตูรถและนั่งลงข้างเคนชิโร่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้เขา "พร้อมค่ะ! แค่คำนึงถึงการทำงานที่มูลนิธิก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่มีคุณเคนชิโร่มาเป็นคนขับรถให้ก็คงจะลำบากน่าดูนะคะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พร้อมขับรถออกไป "ผมดีใจที่สามารถช่วยได้ครับคุณมิเอโกะ ถึ
แสงไฟจากตึกมูลนิธิส่องสว่างเป็นเงาลางๆ เมื่อเคนชิโร่จับมือมิเอโกะออกมาจากอาคาร ความเย็นของยามค่ำคืนทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ไม่วายแฝงความอบอุ่นจากไออุ่นมือของทั้งสองที่ประสานกันแน่น"คืนนี้อากาศดีนะครับ" เคนชิโร่พูดพลางเหลือบมองมิเอโกะที่เดินอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม"ค่ะ ดีจนฉันอยากจะเดินกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ" มิเอโกะหันมายิ้มตอบ แต่สายตาก็แฝงความขี้เล่น"ผมคงปล่อยคุณเดินกลับเองไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณล้มระหว่างทาง ใครจะช่วยพยุง?" เคนชิโร่แซวกลับ พร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์"โอ๊ะ คุณกำลังบอกว่าฉันซุ่มซ่ามหรือคะ?" มิเอโกะย่นจมูกใส่เขา พลางบีบมือเขาเบาๆ"ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ คุณต่างหากที่คิดไปเอง" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะเปิดประตูรถหรูสีดำให้เธอ"อืม งั้นฉันจะถือว่าคุณชมว่าฉันน่ารักแล้วกันค่ะ" มิเอโกะยักคิ้วก่อนจะก้าวขึ้นรถ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆรถเคลื่อนตัวออกจากมูลนิธิ มุ่งหน้าสู่บ้านของมิเอโกะ ถนนยามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากข้างทางที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นจังหวะ"คุณเคยบอกว่าผมขับรถพาคุณกลับบ้านจนชินแล้ว คืนนี้ผมจะได้เจอครอบครัวคุณไหมครับ?" เคนชิโร่ถามขณะมองถนน"ค่ะ พ่อกับแม่ฉันอยู่บ้าน แ
บ่ายวันนั้น แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของ Mamori no Te Shien Zaidan ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ อากาศปลอดโปร่งและเงียบสงบจนเหมือนเวลากำลังเดินช้าลง ห้องทำงานของมิเอโกะจัดแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่ช่วยให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานมีเอกสารกองหนึ่งที่เธอจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้สนใจเอกสารเหล่านั้นเท่าใดนัก"คุณเคนชิโร่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?" มิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน เธอจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาริมหน้าต่าง เขากำลังเลื่อนดูเอกสารบางอย่างในมือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ"ได้สิครับ มีอะไรหรือเปล่า?" เคนชิโร่ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมวางเอกสารลงบนโต๊ะข้างตัวมิเอโกะยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่ได้อยู่ช่วยงานที่นี่ช่วงนี้ ฉันควรจัดการเอกสารนี้ยังไงดีคะ? ดูเหมือนจะเยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำคนเดียวได้นะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวไปพิงพนักโซฟา "ผมคิดว่าคุณทำได้อยู่แล้ว คุณเก่งจะตายไปนี่ครับ""พูดแบบนี้แปลว่าคุณจะไม่ช่วยฉันใช่ไหมคะ?" มิเอโกะเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าต
ห้องทำงานของมิเอโกะ ที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ยังคงเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกระจกเข้ามาอย่างสวยงาม ท่ามกลางความเงียบสงบที่สะท้อนถึงการทำงานอย่างมืออาชีพของทุกคนในที่นี่ แต่สำหรับมิเอโกะในตอนนี้ ความคิดในหัวของเธอกลับไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารหรือเรื่องงานเลยสักนิดมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเธอกำลังพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองให้อยู่ในกรอบ ในขณะที่กำลังคิดถึงเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไป แต่บรรยากาศในห้องทำงานก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกนิ่งสงบได้"เอ๊ะ... คุณเคนชิโร่ไปจัดการเรื่องที่ไนท์คลับแล้วใช่ไหม?" เธอพูดออกมาคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้ฟังดูน่าเศร้าแต่ว่า มือเล็กๆ ของเธอก็หยิบปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ เริ่มขีดๆ เขียนๆ แบบขอไปทีเหมือนจะหาทางทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น "อืม... ถ้าฉันไม่ได้เจอเขานานๆ ก็ต้องทำตัวเองให้ยุ่งๆ แล้วล่ะ" มิเอโกะพูดกับตัวเองอย่างขำๆ และท่าทางนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อทันใดนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้น และเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไปกลับมาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางที่เหมือนจะมีอะไรอยากบอก มิเอโกะเงยหน
บรรยากาศในห้องทำงานของ Mamori no Te Shien Zaidan กลับมาสงบลงอีกครั้งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไป และตอนนี้มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง กำลังตรวจสอบเอกสารหลายชุดที่วางอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เคนชิโร่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างความเงียบถูกทำลายเมื่อเคนชิโร่เปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักใจ "คุณมิเอโกะครับ" เขาเริ่มต้นด้วยคำเรียกที่คุ้นเคยแต่แฝงไปด้วยความจริงจังมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและมองไปที่เคนชิโร่ รู้สึกถึงความกังวลในสายตาของเขา "มีอะไรคะ คุณเคนชิโร่?" เธอถามอย่างใส่ใจ ท่าทางสงบและเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะฟังเคนชิโร่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา "ผมปล่อยธุรกิจที่ไนท์คลับ Yūgen Club ที่เกียวโตไว้นานแล้ว... ไม่ค่อยได้กลับไปดูแลมันเลยช่วงนี้" เขาพูดออกมาเบาๆ และรู้สึกถึงความหนักใจที่ซ่อนอยู่ในคำพูด "ตอนนี้ผมจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan สักเท่าไรถ้าไม่มีผมในช่วงนี้... คุณจะทำงานคนเดียวไวไหมครับ?"มิเอโกะมองไปที่เคนชิโร่ ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเห็นเขารู้สึกผิดไป เธอวางเอกสารลงและลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อที่จ