Talk - ไทเกอร์วันสอบมาถึง ผมห้ามสายตาตัวเองไม่ได้มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรที่มักจะโฟกัสแค่จ๋ายคนเดียว แม้กระทั่งตอนที่ปฏิเสธความรู้สึกครั้งนั้นในสายตาก็ยังมีแค่เธอ“เดี๋ยวซื้อข้าวให้”“ไม่เป็นไรลำบากเปล่า ๆ” เธอปฏิเสธโดยไม่มองหน้า แถมยังทำเมินหันไปคุยกับยี่หวาว่าวันนี้จะกินอะไรดี“หนักไหมเดี๋ยวถือให้” ผมเอื้อมมือจะไปช่วยถือกระเป๋าอย่างที่เคยทำแต่คนตัวเล็กรีบดึงออกห่าง เป็นสัญญาณเตือนไม่ให้ยุ่งทำให้ชะงักและค่อย ๆ ลดมือลง“ไม่ใช้ DIOR ที่ฉันซื้อให้วันเกิดแล้ว?” สังเกตเห็นมานานแล้วว่าจ๋ายไม่ใช้กระเป๋าใบนั้นที่ผมเคยให้ในวันเกิดเลย“มันเก่าแล้วเลยเปลี่ยนใบใหม่”“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่”“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากได้”ผมถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมากับความรู้สึก ไม่ชอบที่ถูกเมินขนาดนี้ คงเพราะที่ผ่านมาจ๋ายไม่เคยมองผมเป็นอากาศขนาดนี้มาก่อน ถึงได้ว้าวุ่นอยู่ข้างใน“สูบบุหรี่ไหม” โอดินเดินมาแตะไหล่แล้วถาม ผมหันมองมันก่อนจะพยักหน้า ไม่ทันจะได้เดินไปไอ้ริวจิก็เดินมาหาจ๋ายทำให้ผมหยุดนิ่งยืนมอง“อยากกินอะไรวันนี้เดี๋ยวริวซื้อให้”“ซื้อให้ตั้งแต่อยู่คอนโดยันที่มหาวิทยาลัยเลย ให้จ๋ายซื้อกินเองบ้างส
หลังจากรู้ผลตรวจทำให้ฉันนอนแทบไม่หลับทั้งคืน สมองคิดไปต่างๆ นานา กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใจ๋บอกให้กลับบ้านแต่ฉันยังไม่พร้อมไปเจอหน้าครอบครัว เพราะมันรู้สึกละอายใจพอถึงตอนเช้าริวจิก็มากดออดหน้าห้องพร้อมอาหารในมือ เขาเป็นแบบนี้ประจำไม่ว่าจะมื้อไหน ๆ ก็มากินด้วยกันตลอด“อิจฉาแฟนริวในอนาคตจัง” ฉันมองริวจิที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ เขาหันมาทำเป็นขมวดคิ้วพูดแกล้ง “หืม จะอิจฉาตัวเองทำไม”“ขอโทษนะริว” ถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้มหน้าลง วันนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะพูด ไม่อยากรั้งคนดี ๆ อย่างนี้ไว้กับตัวเองเหมือนริวจิจะรู้ได้ทันทีแบบที่ไม่ต้องอธิบายอะไร เขาชะงักก่อนจะค่อย ๆ หยัดตัวตรงแล้วมองหน้าฉันอยู่พักใหญ่“ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอจ๋าย สักนิดก็ไม่เลยใช่ไหม”“อือ จ๋ายขอโทษ” หลังตอบออกไปฉันก็ค่อย ๆ เม้มปาก ทำตัวไม่ถูกเพราะกลัวโดนโกรธ ยังอยากมีริวจิเป็นเพื่อนเพราะเขาดีมากจริง ๆ“ครับ ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ได้ลองถึงแม้จะไม่ได้ใจอย่างน้อยก็เคยเข้ามาอยู่ในชีวิตของจ๋าย”รู้สึกผิด ถึงแม้ริวจิจะพูดด้วยรอยยิ้มแต่แววตาของเขากำลังเศร้า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดมากกว่าเดิม แค่ก็ไม่อยากจะรั้งเขาไว้ อยากให้เขาเปิดโอกาส
ไม่นานก็นั่งเรือมาถึงเกาะ เคยมาแล้วหลายครั้งแล้วและยังจำได้ดีกว่าครั้งล่าสุดที่มาเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เหมือนเลือกมาเกาะนี้เพื่อตอกย้ำแต่ในตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเมื่อย้อนคิดถึงเรื่องราวคืนนั้นแล้วรู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงเดินทั้งที่ตอนยังไม่ขึ้นเรือก็ไม่มีอาการอะไร“ไปพักก่อนไหมจ๋าย” โอดินเดินมาช่วยประคองฉันเดิน เพราะทุกคนกำลังยุ่งกับการขนของลงจากเรือ“อื้อ” ฉันพยักหน้า“ยี่หวาพาจ๋ายไปห้องพักหน่อย” โอดินหันไปบอกยี่หวา เสียงนั้นเรียกความสนใจของไทเกอร์ให้มองมาทางนี้ ภาวนาในใจขอให้เขาทำเป็นเมินอย่าเดินมาใกล้ แต่เหมือนคำขอจะไม่เป็นผลอีกแล้ว เขามักจะทำทุกอย่างสวนทางกับสิ่งที่ฉันต้องการเสมอร่างหนาเดินมาหยุดตรงหน้าทำให้ฉันต้องถอยหลังหนีเพื่อไม่ให้ใกล้มากจนเกินไป“เดินแทบไม่ไหวแล้วจ๋าย เดี๋ยวฉันอุ้มไปส่งในบ้าน” ไม่รู้จะเข้ามายุ่งทำไมทั้งที่ฉันไม่ได้ร้องขอเลย รู้สึกว่าเขาชักจะพยายามทำตัววุ่นวายเกินไปแล้ว“ไอ้ไทเกอร์มึงมาขนของจะไปยุ่งทำไม” เสียงพี่เสือตะโกนบอก แต่ถูกถามกลับอย่างหัวเสีย “เฮียจะอะไรนักหนาวะ”“มึงมากกว่าไหมจะอะไรนักหนา”“เดินไหวไหม?” โอดินที่ยังประคองฉันอยู่เอ่ยถามขึ้น“
บรรยากาศในยามค่ำคืนค่อนข้างเย็นสบาย เราจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ริมหาด มีแอลกอฮอล์และของกินเล่น ทุกคนดูสนุกต่างกับฉันที่นั่งนิ่งคงคิดผิดจริง ๆ ที่ตอบตกลงมาวันเกิดของไทเกอร์ เพราะตั้งแต่เจอเขามันยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ“ไม่ดื่มเหรอจ๋าย” โอดินถามด้วยท่าทางที่นึกแปลกใจ แหงสิปกติฉันดื่มเก่งอย่างกับอะไร แต่วันนี้ไม่แตะเหล้าเลยสักหยดจะถูกตั้งคำถามอย่างนี้ก็ไม่แปลกอะไร “รู้สึกเวียนหัวอยู่น่ะเลยไม่อยากดื่ม” แม้จะเป็นข้ออ้างแต่มันก็ใช้ได้ผลทำให้โอดินไม่ถามอะไรต่อ แต่คนที่ขมวดคิ้วเข้มมองฉันตลอดเวลาดูท่าเหมือนมีเรื่องจะพูด และคิดไม่ผิดจริง ๆ ไม่นานไทเกอร์ก็เอ่ยขึ้น“ดื่มสักแก้วสิ คำขอร้องจากเจ้าของวันเกิดมันคงไม่มากไปใช่ไหม”“จ๋ายบอกว่าเวียนหัวนายไม่ได้ยินหรือไง” ยี่หวารีบขัด“แค่แก้วเดียวมันจะอะไรนัก”“อย่าทำตัวเรียกร้องความสนใจให้มากนักไทเกอร์” พี่เสือเองก็ช่วยพูด จบคำพูดของพี่ชายคนโดนรุ่มดุอย่างไทเกอร์ก็แสดงท่าทางไม่สบอารมณ์ออกมา“นี่ของขวัญวันเกิด เอาไว้กลับไปแกะที่บ้านดีกว่านะ”ยี่หวายื่นของให้ไทเกอร์ จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เอาให้ตามหลัง ยกเว้นฉันที่ยังนั่งนิ่ง และเหมือนจะถูกสายตาคมคู่น
Talk - จ๋ายตอนนี้ฉันกับคนอื่น ๆ กำลังนั่งกินมื้อเช้าอยู่ เราจะอยู่ที่นี่อีกหนึ่งวันพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว เมื่อคืนฉันนอนกับยี่หวาตอนเคลิ้ม ๆ กึ่งหลับกึ่งตื่นรู้สึกมีบางอย่างลูบที่หัวเหมือนถูกกล่อมให้หลับ แต่ตอนนั้นไม่สามารถเปิดเปลือกตามองได้เพราะง่วงมาก พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็พยายามคิดว่าเป็นแค่ความฝันหรือเรื่องจริง แล้วถ้าจริงยี่หวาจะมาลูบหัวฉันทำไมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้มื้อนี้กินข้าวได้ไม่มากเพราะรู้สึกคลื่นไส้จริง ๆ ตักเข้าปากแค่สี่ห้าคำก็ไม่อยากกินต่อแล้ว เหมือนตัวเล็กในท้องจะแผลงฤทธิ์เร็วไปหน่อย จู่ ๆ ก็มีอาการหลายอย่างเลย แอบกลัวถูกคนอื่นจับได้เหมือนกัน โชคดีที่บางครั้งอยู่หน้าไทเกอร์ก็ไม่รู้สึกพะอืดพะอมแต่มันก็ส่วนน้อยมาก ๆ ที่จะไม่เป็นอย่างนั้น“อิ่มแล้ว?” ไทเกอร์ขมวดคิ้วถาม ทำหน้าไม่ค่อยพอใจที่ฉันกินข้าวไปนิดเดียวเหมือนลืมตัวไปว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด กระเพาะก็ไม่ใช่อันเดียวกันแล้วจะมาวุ่นวายทำไมนักหนาก็ไม่รู้“ออกไปเดินเล่นที่หาดก่อนนะ” ฉันเมินคำถามจากเขาแล้วบอกคนอื่นโดยไม่สนใจว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะทำหน้ายังไง เมื่อพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากตัวบ้านไปยังริมหาดฉันห
ฉันเดินแยกตัวเข้ามาในบ้านก่อนไม่รู้ว่าไทเกอร์เคลียร์กับเพลงได้หรือยัง แต่ให้เดาเธอคงไม่ยอมกลับ ผ่านไปพักใหญ่ เป็นไปตามที่คิดจริง ๆ เมื่อหันไปเห็นเพลงลากกระเป๋าเข้ามาภายในตัวบ้านด้วยสีหน้าระรื่น“พี่ไทเกอร์นอนห้องไหน” เธอถามฉันที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ อุตส่าห์ทำเมินไม่มองแล้วแท้ ๆ“ไม่รู้” พอตอบไปอย่างนั้นเธอก็รีบเถียงกลับอย่างหาเรื่อง “ไม่รู้หรือไม่อยากบอก”“ไม่ยุ่งสิเพลง ผู้ชายเขาไม่เอาแล้วรู้จักอายซะบ้าง” อดไม่ไหวกับท่าทางไร้มารยาทของเด็กคนนี้ ไม่รู้ทางบ้านอบรมสั่งสอนยังไงถึงได้ก้าวร้าวมากขนาดนี้ แถมยังมองฉันราวกับจะเข้ามาหาเรื่องกันให้ได้“ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน”กลุ่มเพื่อน ๆ ของฉันก็เดินเข้ามาในบ้านส่วนไทเกอร์กับพี่เสือที่ยังอยู่ด้านนอก เพลงที่กำลังจะอ้าปากว่าต่อก็เงียบไป เธอถือกระเป๋าเดินฟึดฟัดขึ้นไปบนชั้นสอง“เด็กนั่นพูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า?” โอดินถาม“ปากเสียใส่นะสิ” ฉันถอนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ปะทุในอก“ใจเย็นคุณแม่อย่ามีเรื่องเชียวนะ” ยี่หวาพูดอย่างนั้นหลังประโยคดังกล่าวเธอก็กัดริมฝีปากแน่นทำตาโตขณะที่ฉันเองก็เงียบอย่างหวั่นใจ โชคดีที่ใจ๋กับโอดินดูไม่สงสัยอะไรกั
วันต่อมา เป็นอย่างที่ไทเกอร์บอกไว้จริง ๆ วันนี้พายุเข้าฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้าคลื่นลูกใหญ่ในทะเลกำลังซัดเข้าหาฝั่ง กำลังคิดว่าจะบอกใจ๋เลยดีไหมเรื่องท้อง แต่คิด ๆ ดูแล้วพูดตอนนี้ไม่ดี ถึงแม้จะช่วยให้คำปรึกษาดี ๆ ได้แต่รอกลับกรุงเทพฯ ก่อนดีกว่า “อ่ะ!!” ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจระหว่างที่เดินลงบันไดจู่ ๆ ก็ถูกชนกระแทกเข้ากับแผ่นหลังอย่างแรง นี่ถ้าไม่รีบคว้ามือจับราวบันไดเอาไว้คงล่วงลงไปด้านล่างแล้ว“ขอโทษค่ะ เพลงไม่ได้ตั้งใจ” เด็กรุ่นน้องที่เดินนำไปหยุดแล้วหันกลับมาพูดขอโทษด้วยรอยยิ้มที่น่าตบสั่งสอนสักทีตอนนี้ฉันกำลังท่องในใจว่าตัวเองท้องอยู่มีเรื่องไม่ได้ ถึงแม้ยัยคนนี้อยากจะมีปัญหามากขนาดไหนก็ตาม“รู้ไหมถ้าฉันบอกไทเกอร์ว่าอยากให้เธอกลับไปตอนนี้ เขาก็จะรีบจัดการให้ทันที”“จะอวดเหรอคะ? น่าเสียดายที่พายุเข้า”“เธอก็รู้นี่ไทเกอร์น่ะรวยใช่เล่น การเอาฮอส่วนตัวมารับคนที่เกาะไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะเพลง” ฉันไม่ได้ขู่แต่จะทำจริง ๆ ถ้าหล่อนยังเอาแต่วุ่นวายทำตัวน่ารำคาญ และก็รู้ถ้าพูดไปไทเกอร์จะรีบจัดการแน่ ๆ“ฉันไม่ได้ขู่เธอนะเพลง อย่ามาระรานให้มันมากนัก”เพลงไม่ได้เถียงอะไรกลับมา เธอยืนนิ่งพร้อมกำม
ทุกคนดูตกใจกับการกระทำของฉันแต่ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ส่วนหนึ่งคงเพราะอยากให้เราสองคนเคลียร์กันไทเกอร์ไม่โวยวายอะไรเลยทั้งที่ฉันทำเขาเจ็บจนเลือดไหลอาบหน้าขนาดนั้น แต่ก็ยังนิ่งไม่แสดงความโกรธออกมา“พูดสิไทเกอร์”“เงียบให้มันได้อะไรขึ้นมา!!” ฉันตวาดถาม ไม่เคยเลยสักครั้งที่อารมณ์ร้ายใส่เขาขนาดนี้แม้ในวันที่เขาใจร้าย แต่ครั้งนี้ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“ครั้งนี้รุนแรงไปไหมจ๋าย” พี่เสือถาม คงไม่ชอบใจที่ฉันทำให้น้องชายตัวเองเลือดอาบหน้าขนาดนั้น“ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“อย่างน้อยก็ควรถามก่อน”“ซับเลือดก่อน” โอดินยื่นแผ่นทิชชูให้ก่อนที่ไทเกอร์จะรับมาซับเลือดบนหัวคิ้ว“มันหลุดออกไปได้ยังไงไทเกอร์” ฉันตวาดถามออกไปอีกครั้งอย่างเหลืออด คิดว่าเป็นใครไปไม่ได้จริง ๆ นอกจากเขา เพราะฉันคงไม่บ้าประจานตัวเองให้เสียหาย“ฉันไม่ได้ทำ” เสียงทุ้มตอบกลับโดยที่มือกำลังซับเลือดอยู่“ไม่ใช่นายแล้วใครในเมื่อมันมีแค่เราไทเกอร์ แค่เราที่มีภาพนั้นหรือนายส่งให้คนอื่นด้วยอย่างนั้นเหรอ” ถามพร้อมมือที่กำแน่น หากมันใช่จริง ๆ เขาจะกลายเป็นคนที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิตไปเลยก็ได้ คิดว่าจะไม่ทำร้ายกันอีกแล้วแต่ทำไมถึงวนกลับมา
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ