แต่แล้วกลับหยุดลงอย่างกะทันหันฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่อยากฟังคําแก้ตัวของนาง "อวิ๋นกุ้ยเหริน ทำพิธีมนต์ดำในพระราชวังเป็นโทษร้ายแรงมาก ต้องประหารชีวิต ส่วนครอบครัวของนางก็ลงโทษด้วย"พูดจบก็โบกมือและไม่มองนางอีก"ฝ่าบาท โปรดประธานอภัยเพคะ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยใส่ร้ายข้า..." พูดยังไม่จบ ก็ถูกขันทีสองคนอุดปากและลากออกไปก่อนฮ่องเต้ต้าฉู่หันมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "วันนี้ทำเจ้าต้องน้อยใจเลย"จากนั้นก็หันไปมองฟางกุ้ยเหริน "เจ้าจะว่าอย่างไร?"ในดวงตาเต็มไปด้วยความดุดันฟางกุ้ยเหรินเห็นดังนั้น ก็ล้มลุกคลุกคลานลงมาจากเตียงอย่างรีบร้อนและหมอบลงบนพื้น "ข้า ข้าโดนมนต์สะกดของอวิ๋นกุ้ยเหรินเลย... เอ่อ..."ในที่สุดก็พูดไม่ออกฮ่องเต้ต้าฉู่กลับโมโห ชี้ฟางกุ้ยเหรินแล้วด่าว่า "ครั้งที่แล้วเจ้าก็ใส่ร้ายเฉินกุ้ยเฟย ตอนนี้ก็มาทำผิดซ้ำเดิมอีก""พระสนมเฉินกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีขนาดนี้ นางพยายามขอข้าหลายครั้ง แต่เจ้ากลับทำแบบนี้""ใจยักษ์ใจมานกันทั้งนั้น""เมิ่งฉวนเต๋อส่งฟางกุ้ยเหรินไปที่วัดผู่เหวิน ชาตินี้อย่าให้ข้าเห็นนางอีก"ฟางกุ้ยเหรินได้ยินดังนั้น ก็ทรุดนั่งลงกับพื้น ครั้งนี้นางแพ้ และต้องเดิมพันด้
ส่วนทางด้านไทเฮานั้น มีคนมารายงานข่าวคราวที่เกิดขึ้นที่ตำหนักหานกวางให้นางตั้งนานแล้ว นางคิดว่าตอนนี้ประเทศชาติสงบสุข และวังหลังก็สงบสุข ถือเป็นสัญญาณแห่งความรุ่งเรือง นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนางสนมในวังหลังมาใช้มนตร์ดำในวังเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานจากฮ่องเต้วิชาคาถามนต์ดำเช่นนี้ จะต้องลงโทษผู้ที่นำมาใช้อย่างรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง จึงได้ออกรับสั่งเพียงว่าฮ่องเต้มีความเมตตา แต่ผู้ที่ใช้มนต์ดำเหล่านี้ไม่ควรให้อภัย ต้องฆ่าล้างโคตรอวิ๋นกุ้ยเหรินเพื่อเป็นตัวอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่เกรงว่าไทเฮาจะโกรธเพราะเรื่องนี้ จึงรีบไปที่ตำหนักหรงเล่อเมื่อมาถึงก็เห็นว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาถึงก่อนนานแล้ว ตอนนี้นางกําลังบีบไหล่ให้ไทเฮาเบาๆ "ไทเฮาอย่าโกรธไปเลยเพคะ ลงโทษแล้วก็แล้วไป อย่าโมโหให้เสียสุขภาพเลยนะเพคะ"แม้ว่าในสายตาของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย นางรู้สึกว่าการลงโทษนี้หนักหนาเกินไป แต่นางจะไม่แสดงอาการต่อหน้าไทเฮาไทเฮากลับตบมือของเฉินกุ้ยเฟยแล้วบอกว่า "เรื่องนี้ทำเจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจ"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับส่ายหัวและมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่แล้วบอกว่า “ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงพระปรีชาส
เขาเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่เขาเดินต่อไปทีละก้าวเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาค่อยจัดการองค์รัชทายาท เรื่องขึ้นครองบัลลังก์ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาจะช้าหรือเร็วเท่านั้นและเรื่องนี้ย่อมมาถึงหูของฮ่องเต้ต้าฉู่ ในขณะที่ทุกคนคิดว่าฮ่องเต้จะลงโทษองค์ชายสาม ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับพูดเพียงประโยคเดียวว่า "เจ้าเป็นคนกตัญญูดีนี่"นี่จึงทำให้องค์ชายทั้งสามเชื่อมั้นในแผนการของซิ่นเทียนมากขึ้นเดิมทีชุยชื่อก็ดูถูกคนอย่างฟางกุ้ยเหริน แม้ว่านางเองก็เคยไม่ถูกกับกับเฉินกุ้ยเฟยมาก่อน แต่ฟางกุ้ยเหรินที่เป็นแค่กุ้ยเหรินกลับกล้าใส่ร้ายกุ้ยเฟยครั้งแล้วครั้งเล่า ในยังจะใช้เวทมนต์คาถาในวังอีก สมควรตายจริงๆแต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจิ่นเฉินส่งจดหมายมาบอกให้ตัวเองไปดึงฟางกุ้ยเหรินมาเป็นพวก ปลูกฝังความเกลียดชังต่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไว้ในใจของนาง คนคนนี้ยังมีประโยชน์อีกในอนาคต"น้องฟางต้องดูแลสุขภาพให้ดีนะ" ชุยชื่อแสดงความห่วงใย "ฝ่าบาทก็ทรงใจร้ายจริงๆ เจ้าเพิ่งถึงจะคลอดก่อนกำหนด ก็ส่งเจ้ามาที่ที่เงียบเงาเช่นนี้"ฟางกุ้ยเหรินไม่ทันได้ตอบ นางก็กวักมือให้ไป๋จื่อที่อยู่ข้างหลังบอกว่า "นี่เป็นผ้าห่มสองผืน กลางคืนมันหนาว น้องหญิงต
หลังจากเกิดเรื่องต่างๆ มากมายขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ที่จวนตัวเองก็นั่งไม่ติดแล้วเหมือนกันในวันนี้จึงขอพระราชทานพระราชานุญาตเข้าเยี่ยมไทเฮาในวังครั้งสุดท้ายที่นางเข้าวังมาถวายพระพรก็ไม่ได้พบเสด็จย่า นับๆ แล้วนี่ก็ไม่ได้เจอเสด็จย่ามาเกือบหนึ่งปีแล้ว"เสด็จย่า หลานคิดถึงเสด็จจังเลยเพคะ" องค์หญิงใหญ่ได้ใกล้ชิดกับไทเฮามากก่อนออกจากพระราชวังไป ครั้งนี้ก็เดินทางไปเจียงหนานจึงไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้"อืมๆ ๆ หลานสาวคนดีของย่า จดหมายที่เจ้าเขียนมาย่าได้อ่านหมดแล้ว ดูท่าทางเจ้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะไม่เลวนะ" ไทเฮาเห็นองค์หญิงใหญ่หมอบลงบนตักตัวเองจึงตบหลังนางเบาๆแม่นมที่อยู่ข้างๆ เห็นสองย่าหลานดูมีความสุขและอดไม่ได้ที่จะต้องปาดน้ำตาองค์หญิงใหญ่ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีเยี่ยมจากฮ่องเฮาองค์ก่อน ไม่ว่าลมแรงหรือฝนก็ต้องมาถวายพระพรไทเฮาที่ตำหนักหรงเล่อตลอด แม้ภายหลังจะออกจากพระราชวังไปแล้ว แต่ไม่กี่วันก็จะกลับเข้ามามาเยี่ยมทีปีนี้ไทเฮาก็บ่นถึงองค์หญิงใหญ่ไม่ขาดปาก จึงเอ่ยปากว่า "องค์หญิงใหญ่กลับมาแล้ว ไทเฮาคิดถึงท่านมากเลยเพคะ""นังคนนี่ เจ้าฟ้องเรื่องข้าหรือ" ไทเฮาไม่ได้โกรธจริง แค่แสร
นางจึงเร่งฝีเท้าไปที่ตำแหน่งชิงอวิ๋น ท่านน้าอาศัยอยู่ในวังมานานนางต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน"ท่านน้ารู้ไหมเพคะว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับลู่ซิงเสวี่ย?" องค์หญิงองค์ใหญ่ทำความเคารพเสร็จก็จับมือกุ้ยเฟยเฉินเดินไปที่ห้องด้านในเฉินกุ้ยเฟยกลับถูกนางทำให้สับสน "เกิดอะไรขึ้น"พูดจบเหมือนนึกอะไรออกจึงถามว่า "เจ้าเจอนางระหว่างทางแล้ว ทะเลาะกันอีกแล้วหรือ"องค์หญิงใหญ่กลับลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างแรง ทําให้กุ้ยเฟยตกใจรีบเข้าไปประคอง "เจ้าระวังหน่อย กำลังท้องกำลังไส้"ลู่ซิงหว่านมองอยู่ข้างๆ อดพูดไม่ได้ว่า[ดูเหมือนว่านิสัยของพี่สาวคนโตของข้าไม่เหมือนท่านป้าเลย ฮองเฮาคนก่อนในหนังสือนิทานบอกว่าเป็นคนที่อ่อนโยนเป็นที่สุด พี่สาวคนโตท่าทางป้ำๆ เป๋อๆ เหมือนท่านแม่ข้ามากกว่า]ฝ่ายเฉินกุ้ยเฟยก็คิดในใจว่า “ลูกรักของแม่ นี่เจ้าชมหรือว่าข้ากันแน่”องค์หญิงใหญ่รีบจับมือของเฉินกุ้ยเฟย "ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่นาง... นาง... ทักทายข้าน่ะสิ !"[ฮ่าๆ ๆ พี่ใหญ่น่ารักมาก ข้าชอบเล่นกับพี่ใหญ่ เดี่ยวถ้าหลานคลอดแล้วข้าต้องไปเยี่ยมเจ้าตัวเล็กสักหน่อย][ช่างเถอะ เด็กเล็กวุ่นวายเกินไป ไม่ไปดีกว่า]เฉินกุ้ยเฟยเองก็สงสัย
ทันใดนั้นองค์หญิงใหญ่ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรออกขึ้นมา นางมองไปที่เฉินกุ้ยเฟย "ตอนนี้ท่านน้าดูแลตำหนักทั้งหกอยู่นี่เพคะ ไม่สู้น้าช่วยจัดแจงให้นางหน่อยดีไหม"เฉินกุ้ยเฟยกลับมององค์หญิงใหญ่ด้วยสีหน้างงงวย "อะไรกัน นี่ข้ากลายเป็นแม่สื่อไปแล้วหรือ""ดูนางน่าสงสารนี่เพคะ ข้าก็ช่วยท่านน้าเป็นธุระด้วยอีกแรงดีไหมเพคะ" องค์หญิงใหญ่เขย่าแขนของนางเฉินกุ้ยเฟยกลับดีดหน้าผากของนาง "เจ้านี่ก็ช่างใจดี ที่นางทำเจ้าไว้แต่ก่อนไม่ถือสาแล้วหรือ"องค์หญิงใหญ่กลับถอนหายใจ "ถึงยังไงก็เป็นน้องสาวของตัวเอง จะให้ข้าดูนางกระโดดเข้ากองไฟอยู่เฉยๆ หรือ"[พี่สาวคนโตของข้าไม่เพียงแต่สดใสมีชีวิตชีวาและฉลาดหนักแหลมเท่านั้น แต่ยังงดงามและน่าประทับใจ แถมมีน้ำใจด้วย ได้มีภรรยาเป็นเช่นนี้ สามีจะขออะไรอีก]เฉินกุ้ยเฟยขมวดคิ้ว หวานหว่านคิดอะไรอยู่นี่พอคิดมาถึงตรงนี่ก็อุ้มหวานหว่านขึ้นมา แล้วมองไปที่องค์หญิงใหญ่ "เจ้าจะไปหาจิ่นหยูใช่ไหม""ย่อมต้องไปอยู่แล้วสิเพคะ แต่ดันมาถูกซิงเสวี่ยขัดจังหวะเสียก่อน ไม่เช่นนั้นข้าคงไปนานแล้ว" องค์หญิงใหญ่รีบลุกขึ้นตามเฉินกุ้ยเฟยไปเฉินกุ้ยเฟยจึงยัดลู่ซิงหว่านเข้าไปในอ้อมแขนของจิ่นซินและ
เฉินกุ้ยเฟยก็ยิ้ม "ไม่เป็นไร ตอนนี้หย่งอันก็ไม่ได้เป็นไรแล้ว"พวกเขาคุยกันอีกสองสามคําแล้วเฉินกุ้ยเฟยก็ปล่อยมือและพูดว่า "พี่สาวของเจ้าจะไปเยี่ยมพี่สอง งั้นข้าก็ไม่อยู่คุยเล่นกับพวกเจ้าแล้ว"องค์ชายสามจึงคำนับนางและมองดูเฉินกุ้ยเฟยและคณะจากไป เสร็จแล้วจึงหันหลังมาดึงองค์หญิงหกก็เดินไปที่ตำหนักฉางชิวองค์หญิงห้าก็ถูกนางกำนัลของนางพากลับไปที่ตำหนักเหวินอิงเมื่อเข้าไปในตำหนักฉางชิวแล้ว องค์ชายสามก็มององค์หญิงหกด้วยความโมโห แต่ก็พยายามใจเย็นก่อนพูดว่า "ตอนนี้ท่านแม่สนมถูกลดตำแหน่ง เจ้าอยู่ในวังจะพูดจะทำอะไรต้องระวังให้มาก ต่อไปก็อย่าไปมาหาสู่กับซิงยุ่นนัก"องค์หญิงหกพยักหน้ารับ แต่หลังจากที่องค์ชายสามจากไปนางก็กวาดสิ่งของบนโต๊ะลงกับพื้น "ลู่ซิงหว่าน ทั้งหมดเป็นเจ้า ทั้งหมดเป็นเจ้าคนเดียว"ส่วนทางฝั่งองค์หญิงใหญ่ก็อึ้งอีกครั้งนางถามว่า “ท่านน้า องค์ชายสาม... ก็โดนผีเข้าด้วยหรือ”เฉินกุ้ยเฟยรีบเอามือปิดปากนาง "เรื่องแบบนี้พูดที่ตำหนักชิงหยุนได้เท่านั้น ก่อนหน้านี้อวิ๋นกุ้ยเหรินเพิ่งจะก่อเรื่องนั้นไว้ เจ้าอยู่ในวังพูดอะไรก็ระวังหน่อย"องค์หญิงใหญ่รับพยักหน้า พอเฉินกุ้ยเฟยปล่อยมือแล้ว
องค์หญิงใหญ่เห็นองค์หญิงสองเป็นแบบนี้ เลยพูดติดตลกว่า "ข้าว่าน้องสองคงไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานแล้ว ควรออกไปเดินเล่นหน่อยจะได้เจอชายหนุ่มดีๆ บ้าง"องค์หญิงสองกลับยิ้มขมขื่น "เสด็จพี่อย่ามาล้อเล่นข้าเลย อีกอย่าง ข้ามีอิสระแบบเสด็จพี่ที่ไหน"องค์หญิงใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็เหมือนนึกอะไรได้ รีบมองไปที่สองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและหลานเฟย "พระสนมเฉิน พระสนมหลาน ตอนนี้อากาศก็อบอุ่นขึ้นแล้ว ตระกูลฉินมีสวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวงสวยงามมาก เก็บกวาดเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว เราไปจัดงานแต่งบทกวีกันดีหรือไม่"ดวงตาทั้งสองข้างมองเฉินกุ้ยเฟยด้วยแววตาเป็นประกาย แต่เฉินกุ้ยเฟยกลับลังเลตัวเองออกจากวังสองครั้งก่อน ก็เจอการลอบสังหารทั้งสองครั้ง เพื่อความปลอดภัยของหวานหว่านน่าจะอยู่ในวังดีกว่าไหมลู่ซิงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ กลับตบโต๊ะด้วยความดีใจ[ดีจัง หวานหว่านชอบเดินเที่ยวสวนที่สุด ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่สาวคนโตจะเชิญคนมาเยอะๆ หวานหว่านชอบความคึกคักที่สุดเลย][ท่านแม่ของข้าก็ชอบความคึกคัก! ข้าชอบพี่สาวคนโตที่สุดเลย!][ถึงตอนนั้นท่านแม่ต้องตามเกาะแกะคุณหนูตระกูลขุนนางพวกนั้นให้เล่าเรื่องซุบซิบของคนอื่นให้ฟังแน