“เมื่อตอนงานแข่งตีคลีแม่นางต้วนเคยมาหาข้า” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเอ่ยเมื่อเห็นว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเอ่ยถึงเรื่องในวันที่มีการแข่งตีคลีต้วนอวิ๋นอีก็ร้อนรนใจขึ้นมา หรือว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะตำหนิตนขึ้นมาเพราะเรื่องในวันนั้น ? แต่แล้วครู่หนึ่งพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เอ่ยขึ้น “เอ่ยอย่างไม่ปิดบังแม่นาง ข้า และก่วนหลางสือมีความสัมพันธ์ในวันเยาว์ เมื่อก่อนคนในเมืองหลวงก็ล้วนแต่รับรู้กันหมด เพียงแค่แม่นางเอ่ยถามก็ทราบได้ในทันที”ต้วนอวิ๋นอียิ่งรู้สึกตกใจ นางได้ยินคนรอบข้างเอ่ยว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นผู้ที่โผงผางตรงไปตรงมา แต่กลับตรงไปตรงมามากจนถึงขั้นนี้เลยหรือ ?“ข้าก็ไม่รู้ว่าก่วนหลางสือเอ่ยกับเจ้าอย่างไร เพียงแต่ในตอนนี้พวกเราทั้งสองต่างก็แต่งงานกันแล้ว ขอแค่ให้แม่นางต้วนวางใจก็พอแล้ว แต่ไหนแต่ไรข้าก็เป็นผู้ที่มองไปข้างหน้าในเมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้วก็จะไม่มีทางหันหลังกลับ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเอ่ยจบก็มองไปที่ต้วนอวิ๋นอีด้วยสายตาแน่วแน่แต่ช่วงระยะหนึ่งต้วนอวิ๋นอีกลับมีสีหน้าประทับใจ “พระสนม…”“วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้าเข้ามาที่วัง ก็เพื่อที่จะได้อธิบายเรื่องนี้กับเจ้า จะได้ไม่ทำให้พวกเจ้าสามีภรรยา รว
[เหมือนว่าในนิยายตอนที่แคว้นต้าฉู่อยู่ในช่วงความไม่สงบ พระสนมเหวินเฟยจึงได้พาองค์ชายสี่กลับไปที่แคว้นต้าลี่ด้วย และเหตุการณ์ในภายหลังก็ไม่ได้มีการอธิบายเอาไว้][แล้วหรงอ๋องผู้นั้นยังมีความคิดจะทำการไม่ดี และต้องการที่จะข่มเหงพระสนมเหวินเฟยแต่กลับถูกองค์ชายสี่ผู้นั้นแท่งไปหนึ่งครั้ง บาดแผลถูกแทงยังไม่ทันได้ถูกรักษาจนหายดีก็ถูกเสด็จที่สองจัดการเสียก่อน]ฟังจากที่ลู่ชิงหว่านพร่ำบ่นภายในใจของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็อดนึกไม่ได้ว่าเรื่องอย่างการพาองค์ชายสี่กลับไปที่แคว้นนั้นเป็นเรื่องที่พระสนมเหวินเฟยสามารถทำมันได้ตอนนี้ตนเข้าวังมาได้เพียงไม่กี่ปีก็เห็นหน้าของพระสนมเหวินเฟยแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ภายหลังพระสนมเหวินเฟยก็ไม่ค่อยได้ออกมาจากตำหนักเพราะเอ่ยว่าไม่ค่อยสบายตนจึงไม่ได้เห็นนางอีกในตอนที่กำลังคิดก็เห็นว่าพระสนมเหวินเฟยได้เดินเข้ามาแล้ว“พี่สาวเหวิน มีเรื่องอะไรที่ไปรบกวนจนทำให้ท่านต้องมาถึงที่นี้หรือ?“ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรีบเดินเข้าไปจูงมือพระสนมเหวินเฟยอย่างกระตือรือร้น[โห พระสนมเหวินเหยผู้นี้งดงามจริง ๆ ด้วย แม้ว่าจะสวมใส่เพียงแค่ชุดของพระราชวังธรรมดา ๆ แต่กลับทำให้มีรูปร่างสูงบาง ม
[นึกไม่ถึงว่าเหวินเฟยจะเป็นคนมีน้ำใจขนาดนี้ หน้าตาดูเฉยๆ ก็ชอบช่วยเหลือ]ในตอนนี้ จิ่นอวี้ที่ไปแจ้งเหมยหลานจู๋จวี๋เสร็จก็กลับมาพอดี "ทำไมพระสนมถึงเชื่อคําพูดของเหวินเฟยขนาดนี้ ในวังหลังนี้..."จิ่นอวี้พูดไม่ทันจบก็มองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟย"จะว่าไปแล้ว เหวินเฟยก็ต่อข้ามาตลอด คิดว่าคงเป็นเพราะสำนึกบุญคุณท่านพ่อที่เคยช่วยชีวิต"[อืม? มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? ท่านแม่รีบเล่าให้ฟังหน่อย]ลู่ซิงหว่านไม่ค่อยเห็นเนื้อหาเกี่ยวกับเหวินเฟยในหนังสือนิทานเท่าไหร่ คิดว่าเป็นตัวประกอบที่ไม่สำคัญ ตอนนี้พอได้ยินท่านแม่พูดขึ้นมา ก็เลยเกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาพระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินลู่ซิงหว่านพูดแบบนี้ ก็แกล้งทำเป็นพูดกับจิ่นอวี้"หลายสิบปีก่อน ตอนที่ท่านพ่อเฝ้าอยู่ที่ชายแดนแคว้นเยว่เฟิงกับแคว้นต้าลี่ แล้วบังเอิญตอนที่แคว้นเยว่เฟิงเจรจาสันติภาพกับแคว้นต้าลี่ เดิมทีก็ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่คิดว่าแคว้นเยว่เฟิงได้ซุ่มโจมตี จู่ๆ ก็พลิกหน้ามือเป็นหลัง จับทูตผู้มาเจรจาสันติภาพคนนั้นไปเพื่อข่มขู่แคว้นต้าลี่"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดพลางมองลู่ซิงหว่าน เห็นดวงตาโตของนางเปล่งประกายกำลังตั้งใจฟังอย่างละเอียด
ทุกคนในวังวังรู้อยู่แล้วว่าเหวินเฟยมิชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้ จึงไม่มีใครเข้าไปทูลนางเลยพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและคณะตรงไปที่ตำหนักด้านข้างของฟางกุ้ยเหรินมาถึงก็เห็นว่าฮ่องเต้ต้าฉู่นั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว"ถวายพระพรฝ่าบาท" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอุ้มลู่ซิงทำความเคารพฮ่องเต้ เสร็จแล้วจึงส่งนางให้จิ่นอวี้ที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็มองไปที่ฟางกุ้ยเหรินบนเตียง "ได้ข่าวว่าฟางกุ้ยเหรินคลอดก่อนกำหนด เกิดอะไรขึ้นหรือ"อวิ๋นกุ้ยเหรินที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำเสียงกระฟัดกระเฟียด "พระสนมกุ้ยเฟยถามตัวเองดีว่าเพคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยทำท่าสงสัย "อวิ๋นกุ้ยเหรินพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร"ในขณะนี้ ฟางกุ้ยเหรินที่อยู่บนเตียงเหมือนจะเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแล้ว นางถอยเข้าไปด้านในของเตียงด้วยความหวาดกลัว ปากก็พึมพำว่า "พระสนมกุ้ยเฟยปล่อยข้าน้อยไปเถิด พระสนมปล่อยข้าน้อยไปเถิด... องค์หญิงหย่งอันก็ได้รับความโปรดปรานขนาดนี้แล้ว ทำไมพระสนมยังต้องมารังความข้าด้วย""หึ..." พระสนมเฉินกุ้ยเฟยหัวเราะออกมาก่อนจะนั่งลง "เช่นนั้นกุ้ยเหรินก็ลองพูดมาหน่อยเถิดว่า ข้าตามรังควานเจ้าอย่างไร"ฟางกุ้ยเหร
เมื่อเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่พูดแบบนี้ อวิ๋นกุ้ยเหรินกลัวว่าพระองค์จะห้ามไม่ให้ค้นวัง จึงรีบขึ้นหน้าไปหาฮ่องเต้ต้าฉู่ฉี่และถอนสายบัว "ฝ่าบาทเพคะ ข้าน้อยก็ยินดีให้ค้นตำหนัก เพื่อให้น้องหญิงได้สบายใจเพคะ"เมื่อเห็นว่าอวิ๋นกุ้ยเหรินยืนกรานอย่างนี้ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เอ่ยปากว่า "เพื่อความยุติธรรม อย่างนั้นก็ให้เมิ่งฉวนเต๋อคนสนิทของฝ่าบาทจะพาคนไปค้นดีกว่าไหมเพคะ"พูดจบก็หันไปมองเมิ่งฉวนเต๋อ “รบกวนมหาขันทีเมิ่งด้วยนะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่เห็นพวกนางยืนยันที่จะทำเช่นนี้ จึงได้แต่ต้องพยักหน้าและสั่งให้เมิ่งฉวนเต๋อไปจัดการอวิ๋นกุ้ยเหรินอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะเยาะในใจ คนในวังต่างก็บอกว่าเฉินกุ้ยเฟยใจดีและมีเมตตา แต่ตัวเองกลับรู้สึกว่านางก็แค่คนไร้สมองคนหนึ่ง ชาติกำเนิดจะดีแล้วจะยังไง? ให้กำเนิดองค์หญิงหย่งอันแล้วจะยังไง? วันนี้เป็นจะวันตายของเจ้าฟางกุ้ยเหรินเห็นอวิ๋นกุ้ยเหรินส่งสายตาให้ก็วางใจนางไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ วันนี้ตัวเองถึงคลอดก่อนกำหนด นางเองต้องไม่รู้อยู่แล้ว แต่อวิ๋นกุ้ยเหรินโผล่หน้ามาหานางเองและบอกว่าหากนางเต็มใจที่จะร่วมมือกับนางใส่ร้ายพระสนมเฉินกุ้ยเฟยนางจะทำให้ตัวเองได้ตำแหน่งผินแต่ทำไมน
แต่แล้วกลับหยุดลงอย่างกะทันหันฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่อยากฟังคําแก้ตัวของนาง "อวิ๋นกุ้ยเหริน ทำพิธีมนต์ดำในพระราชวังเป็นโทษร้ายแรงมาก ต้องประหารชีวิต ส่วนครอบครัวของนางก็ลงโทษด้วย"พูดจบก็โบกมือและไม่มองนางอีก"ฝ่าบาท โปรดประธานอภัยเพคะ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยใส่ร้ายข้า..." พูดยังไม่จบ ก็ถูกขันทีสองคนอุดปากและลากออกไปก่อนฮ่องเต้ต้าฉู่หันมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "วันนี้ทำเจ้าต้องน้อยใจเลย"จากนั้นก็หันไปมองฟางกุ้ยเหริน "เจ้าจะว่าอย่างไร?"ในดวงตาเต็มไปด้วยความดุดันฟางกุ้ยเหรินเห็นดังนั้น ก็ล้มลุกคลุกคลานลงมาจากเตียงอย่างรีบร้อนและหมอบลงบนพื้น "ข้า ข้าโดนมนต์สะกดของอวิ๋นกุ้ยเหรินเลย... เอ่อ..."ในที่สุดก็พูดไม่ออกฮ่องเต้ต้าฉู่กลับโมโห ชี้ฟางกุ้ยเหรินแล้วด่าว่า "ครั้งที่แล้วเจ้าก็ใส่ร้ายเฉินกุ้ยเฟย ตอนนี้ก็มาทำผิดซ้ำเดิมอีก""พระสนมเฉินกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีขนาดนี้ นางพยายามขอข้าหลายครั้ง แต่เจ้ากลับทำแบบนี้""ใจยักษ์ใจมานกันทั้งนั้น""เมิ่งฉวนเต๋อส่งฟางกุ้ยเหรินไปที่วัดผู่เหวิน ชาตินี้อย่าให้ข้าเห็นนางอีก"ฟางกุ้ยเหรินได้ยินดังนั้น ก็ทรุดนั่งลงกับพื้น ครั้งนี้นางแพ้ และต้องเดิมพันด้
ส่วนทางด้านไทเฮานั้น มีคนมารายงานข่าวคราวที่เกิดขึ้นที่ตำหนักหานกวางให้นางตั้งนานแล้ว นางคิดว่าตอนนี้ประเทศชาติสงบสุข และวังหลังก็สงบสุข ถือเป็นสัญญาณแห่งความรุ่งเรือง นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนางสนมในวังหลังมาใช้มนตร์ดำในวังเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานจากฮ่องเต้วิชาคาถามนต์ดำเช่นนี้ จะต้องลงโทษผู้ที่นำมาใช้อย่างรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง จึงได้ออกรับสั่งเพียงว่าฮ่องเต้มีความเมตตา แต่ผู้ที่ใช้มนต์ดำเหล่านี้ไม่ควรให้อภัย ต้องฆ่าล้างโคตรอวิ๋นกุ้ยเหรินเพื่อเป็นตัวอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่เกรงว่าไทเฮาจะโกรธเพราะเรื่องนี้ จึงรีบไปที่ตำหนักหรงเล่อเมื่อมาถึงก็เห็นว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาถึงก่อนนานแล้ว ตอนนี้นางกําลังบีบไหล่ให้ไทเฮาเบาๆ "ไทเฮาอย่าโกรธไปเลยเพคะ ลงโทษแล้วก็แล้วไป อย่าโมโหให้เสียสุขภาพเลยนะเพคะ"แม้ว่าในสายตาของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย นางรู้สึกว่าการลงโทษนี้หนักหนาเกินไป แต่นางจะไม่แสดงอาการต่อหน้าไทเฮาไทเฮากลับตบมือของเฉินกุ้ยเฟยแล้วบอกว่า "เรื่องนี้ทำเจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจ"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับส่ายหัวและมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่แล้วบอกว่า “ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงพระปรีชาส
เขาเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่เขาเดินต่อไปทีละก้าวเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาค่อยจัดการองค์รัชทายาท เรื่องขึ้นครองบัลลังก์ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาจะช้าหรือเร็วเท่านั้นและเรื่องนี้ย่อมมาถึงหูของฮ่องเต้ต้าฉู่ ในขณะที่ทุกคนคิดว่าฮ่องเต้จะลงโทษองค์ชายสาม ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับพูดเพียงประโยคเดียวว่า "เจ้าเป็นคนกตัญญูดีนี่"นี่จึงทำให้องค์ชายทั้งสามเชื่อมั้นในแผนการของซิ่นเทียนมากขึ้นเดิมทีชุยชื่อก็ดูถูกคนอย่างฟางกุ้ยเหริน แม้ว่านางเองก็เคยไม่ถูกกับกับเฉินกุ้ยเฟยมาก่อน แต่ฟางกุ้ยเหรินที่เป็นแค่กุ้ยเหรินกลับกล้าใส่ร้ายกุ้ยเฟยครั้งแล้วครั้งเล่า ในยังจะใช้เวทมนต์คาถาในวังอีก สมควรตายจริงๆแต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจิ่นเฉินส่งจดหมายมาบอกให้ตัวเองไปดึงฟางกุ้ยเหรินมาเป็นพวก ปลูกฝังความเกลียดชังต่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไว้ในใจของนาง คนคนนี้ยังมีประโยชน์อีกในอนาคต"น้องฟางต้องดูแลสุขภาพให้ดีนะ" ชุยชื่อแสดงความห่วงใย "ฝ่าบาทก็ทรงใจร้ายจริงๆ เจ้าเพิ่งถึงจะคลอดก่อนกำหนด ก็ส่งเจ้ามาที่ที่เงียบเงาเช่นนี้"ฟางกุ้ยเหรินไม่ทันได้ตอบ นางก็กวักมือให้ไป๋จื่อที่อยู่ข้างหลังบอกว่า "นี่เป็นผ้าห่มสองผืน กลางคืนมันหนาว น้องหญิงต