ภัทรนัยยกนิ้วขึ้นถูคางไปมาอย่างใช้ความคิด.... นั่นสินะ ส่วนใหญ่ผู้ชายก็มักจะมอบดอกกุหลาบให้กับฝ่ายหญิง อินทุภาคงจะชอบถ้าเขาจะซื้อกุหลาบให้เธอ“งั้นผมขอดอกกุหลาบช่อนึงครับ เอาช่อใหญ่ๆเลยนะครับ”“แล้วจะเอาสีอะไรดีล่ะคะ” ประภาพิณถามพร้อมกับชี้ให้เขาดูกุหลาบที่ถูกจัดแยกไว้หลายสีสัน“เอาสีขาว สีแดง สีชมพู สีเหลือง เอาทุกสีเลยครับ” ภัทรนัยพูดพร้อมกับยิ้มออกมา“เอ่อ ได้ค่ะ” ประภาพิณแทบจะหัวเราะออกมากับท่าทางของชายหนุ่ม ก่อนที่หญิงสาวจะผายมือไปทางโต๊ะม้านั่ง“คุณจะรอรับไปเลย หรือว่าจะสั่งเอาไว้ก่อนแล้วค่อยมารับวันอื่นคะ”“รอรับวันนี้เลยครับ”“งั้นเชิญคุณไปนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะจัดช่อให้”ภัทรนัยเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่มุมหนึ่งของห้อง กลิ่นดอกไม้นานาชนิดที่อบอวลอยู่ในห้องเล็กๆทำให้เขารู้สึกสบายใจเหมือนใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างไรบอกไม่ถูกตาคมมองไปรอบๆห้องแล้วก็ต้องมาสะดุดเข้าที่ประภาพิณที่กำลังจัดดอกกุหลาบให้เขาอย่างตั้งใจผู้หญิงคนนี้หน้าตาหวานมาก ดูอ่อนหวาน เย็นๆ เรียบร้อย ใครอยู่ใกล้ก็คงจะสบายใจแต่ว่า...ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาเห็นแล้วจะรู้สึกใจเต้นแรงได้เหมือนอินทุภาอี
แป่ว!และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ประภาพิณรู้สึกผิดหวังอย่างแรงเฮ้ย! ทำไมเธอต้องผิดหวังด้วยล่ะ หรือว่า…เธอจะรักเขาเข้าให้แล้วไม่มีทางเด็ดขาด คนอย่างเธอไม่มีวันมารักนายโรคจิตหนวดดกคนนี้แน่ๆ ประภาพิณคอนเฟิร์ม!“คุณส่ายหัวพึ่บพั่บทำไมน่ะคุณแฟน” เสียงห้าวๆถามอย่างสงสัย ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าคมๆแล้วรับเมธากรมาอุ้มไว้เสียเองพร้อมตอบด้วยเสียงที่มีพิรุธเต็มที่ว่า“ไม่มีอะไร”แอ้ๆๆมือน้อยๆไขว่คว้าหยิกแก้มของเธอเต็มแรงจนเธอเผลออุทานออกมาด้วยเสียงเซ็กซี่ว่า“จ๊ากกก!!”“คุณร้องอะไรของคุณน่ะ เสียงโคตรอุบาทว์”“เอ๊ะ! คุณหาว่าฉันอุบาทว์งั้นเหรอคะ ผู้ชายเขาไม่ว่าผู้หญิงแบบนี้กันหรอก”“นี่คุณเป็นผู้หญิงเหรอครับ” คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นอย่างสงสัย“ก็ใช่น่ะสิ ออกจะสวยซะขนาดนี้”“นึกว่ากระเทยแปลงเพศ”“กรี๊ดด” เธอเผลอกรีดร้องออกมาเบาๆจนเมธากรร้องไห้จ้าขึ้นมาอีกรอบด้วยความตกใจแงๆๆๆ“เพราะคุณคนเดียว ชอบทำเสียงดัง กล่อมนายเมไปซะ ผมจะไปทำขนมที่ครัว” พูดจบ เขาก็หันหลังเดินเข้าครัวไปทันที โดยไม่สนใจคนหน้าหวานที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาให้เขาทางเบื้องหลังเลยสักนิดหลังจากจัดเบาะที่นอนเสร็จแล้ว ประภาพิณก็ค่อยๆวางร่างเ
พักเที่ยงอเนกนั่งอยู่ที่โต๊ะส่วนตัวในห้องพักครู ร่างสูงผอมนั่งอยู่ในท่าเดิมมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว หน้าหล่อเรียบๆก้มลงตรวจการบ้านของนักเรียนอย่างขะมักเขม้นนอกจากเขาจะเป็นอาจารย์สอนวิชาพละศึกษาแล้ว เขายังสอนสุขศึกษาด้วย การให้ความรู้แก่เด็กๆเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดเลยก็ว่าได้แต่แล้วความรื่นรมย์ในใจของชายหนุ่มก็มีอันต้องชะงักลงเมื่อมีเสียงคล้ายๆส้นสูงกระทบกับพื้นดังกึกๆเขาเงยหน้าขึ้นมอง พลัน! ดวงตาเล็กๆก็เบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นจะเป็นความจริงอเนกมองไปรอบๆตัว เห็นว่าภายในห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีอาจารย์คนอื่นอยู่ในห้องสักคน แม้แต่ธัศไนยเพื่อนรักของเขา ป่านนี้อาจารย์คนอื่นๆคงไปหาข้าวทานกันที่โรงอาหารกันหมด มีเพียงเขาคนเดียวที่มัวตรวจงานเพลินจนลืมดูเวลา“ตกใจเหรอคะที่เห็นแวว” แวววรรณถามด้วยสีหน้าที่แสร้งให้ดูไร้เดียงสาที่สุด“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจ…ไม่คิดว่าคุณแววจะมาหาผมที่นี่”“ก็แววคิดถึง…”“คิดถึงผมเหรอครับ” เขาชี้นิ้วเข้าอกตัวเอง โหนกแก้มขาวๆเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ วูบหนึ่งที่ในดวงตาเรียวฉายประกายของความดีใจ ซึ่งก็ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของแวว
เมื่อธัศไนยกลับมาที่ห้องพักครูหลังทานอาหารเสร็จ เขาก็เห็นว่าอเนกยังคงนั่งตรวจการบ้านอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม เมื่ออดสงสัยไม่ไหว เขาจึงเปิดปากถาม“นายไปกินข้าวมาหรือยัง”“ยัง ฉันนั่งตรวจการบ้านนักเรียนจนเพลินเลย” อเนกเงยหน้าขึ้นตอบด้วยสีหน้าสดใสผิดปกติจนธัศไนยรู้สึกผิดสังเกต“นายไปเจอเรื่องอะไรดีๆมางั้นเหรอ ดูสีหน้านายสดใส”“อ๋อ เปล่าหรอก” อเนกหัวเราะในลำคอก่อนจะเซ็นชื่อตัวเองในสมุดการบ้านเล่มสุดท้ายอย่างรวดเร็ว“จริงเหรอ” ธัศไนยยังคงถามย้ำเหมือนไม่อยากเชื่อ“จริงสิ เออนี่! เมื่อห้าวันก่อน ทางโรงเรียนมีการเปิดรับลงทะเบียนนักเรียน แล้วฉันก็มีหน้าที่ในตรงนี้พอดี แต่นักเรียนมีสองคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน”“แล้วไงล่ะ เด็กสองคนนั้นอาจจะมีปัญหา ไม่ได้เรียนต่อ ถึงเรียนเกรดก็คงไม่ออก”“ฉันเลยว่าจะจ่ายเงินลงทะเบียนให้เด็กสองคนนั้นไปก่อน” อเนกพูดอย่างจริงจัง จนธัศไนยต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง“คิดดีแล้วเหรอเอก”“คิดดีแล้ว เด็กสองคนนั้นยังมีอนาคตอีกไกล ฉันอยากให้เขาได้เรียน เพื่ออนาคตที่สดใสของพวกเขา”มองจากดวงตาของอเนกแล้ว ธัศไนยก็เห็นแต่ความหวังดีอย่างบริสุทธิ์ใจโดยไม่มีอะไรเคลือบแฝงการที่รู้จักกับอเนกมาน
ร่างอวบอิ่มนอนเบียดแนบอกของผู้ชายร่างสูงผอมแต่แกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อเพราะเป็นอาจารย์สอนวิชาพละศึกษา มืออุ่นลูบไล้ตามเรียวแขนเปลือยเปล่าอย่างรักใคร่ จูบเบาๆที่ข้างขมับอย่างแสนคิดถึง“เชื่อแล้วใช่มั้ยคะว่าแววอยากเป็นเหมือนเดิมกับคุณจริงๆ” แวววรรณถามพร้อมลูบไล้แผงอกเปลือยเปล่าที่มีขนดกดำขึ้นเต็มอกลามมาถึงหน้าท้องอย่างยวนยั่ว“เชื่อแล้วครับ” อเนกตอบยิ้มๆ ตาเรียวมองหญิงข้างกายด้วยสายตาสุดรัก ไร้สิ่งใดมาเคลือบแคลงอีกต่อไป“แต่ผมคิดว่าทำแบบนี้แววจะเสียหาย เราแต่งงานกันเมื่อไหร่ดีครับ ผมอยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้องตามประเพณี” เขาถามอย่างหวังดี ในขณะที่เธอลอบเบ้ปากอย่างหยันๆ“เอาไว้อีกสักพักก็แล้วกันนะคะคุณเอก แววยังไม่พร้อมตอนนี้จริงๆ”“แล้วเมื่อไหร่คุณจะพร้อมล่ะแวว ผมอยากสร้างครอบครัวกับคุณนะ” อเนกพูดอย่างจริงใจ แต่สำหรับแวววรรณแล้ว…ความหวังดีของเขาช่างดูน่าเบื่อเสียเหลือเกิน ไม่ท้าทายน่าค้นหาเหมือน…ธัศไนย ที่ไม่ว่าเธอจะอ่อยเขาขนาดไหน เขาก็ไม่ล่วงเกินเธอเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นแฟนกันก็ตามผู้ชายที่ได้มายากๆแบบนั้นสิ…ถึงน่าสนุก ส่วนผู้ชายที่ได้มาง่ายๆอย่างอเนกนั้น…เธอเบื่อเหลือเกินเธอมองว่าความซื่อ
สิ่งที่ผุดขึ้นมาใจในเธอตอนนี้ก็คือ…เขาคือใคร?แล้วมานอนกอดเธอได้ไงกัน!!“คุณเป็นใคร” เมื่อสงสัย เธอจึงตัดสินใจถามออกไป ทั้งๆที่ดวงตายังเบิ่งกว้างจนแทบถลนออกนอกเบ้า“จำผมไม่ได้เหรอ” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมทำตาใสซื่อเสียงแบบนี้ คำพูดที่ฟังดูยียวนแบบนี้…อย่าบอกนะว่าเป็น…“คุณธัศ!”“ช่าย ผมเอง ถ้าไม่ใช่ผม แล้วจะเป็นใครล่ะที่นอนเตียงเดียวกับคุณ” คำพูดนั้นเล่นเอาแก้มหญิงสาวแดงก่ำ เธอปราดขึ้นไปนั่งบนเตียงตรงหน้าเขา พร้อมจับหน้าหล่อเหลาพลิกไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ“นี่คืออีตาหน้าโหดเรอะ!”“ใช่ ผมเอง”“ทำไมหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กอายุ20ปีแบบนี้” เธอยังคงทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ นิ้วเรียวๆดึงจมูกโด่งๆของเขาเพื่อทดสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่!“ผมดูหน้าเด็กขึ้นเหรอ” เขายิ้มแก้มปริ ตาที่ดูดุดัน มาตอนนี้กลับพราวระยับ“ใช่ เมื่อก่อนนี้คุณหน้าแก่เหมือนคนอายุ50” เธอพยักหน้าหงึกหงัก แต่หน้าคมๆกลับบึ้งตึงขึ้นทันที“เว่อร์ไปแล้วคุณแฟน หน้าผมไม่ได้แก่ขนาดนั้น รอยตีนกาผมยังไม่ขึ้นเลย แล้วเมื่อไหร่จะเลิกแต๊ะอั๋งผมซะที” ธัศไนยเตือน เล่นเอาประภาพิณต้องรีบชักมือออกจากแก้มนิ่มๆของเขา หน้านวลๆร้อนผ่าว“บะ บ้า ใครจ
ร่างบางเดินกระฟัดกระเฟียดพาร่างเล็กในอ้อมแขนเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ปากก็พร่ำต่อว่าคนตัวใหญ่ที่เป็นสาเหตุทำให้เธอหงุดหงิดไม่ขาดปาก“อีตาบ้า ทุเรศๆๆๆๆ ทุเรศที่สุด มาหาว่าฉันหลอกตัวเอง” หญิงสาวจับเมธากรนั่งในอ่างใบน้อยพร้อมตักน้ำมาใส่ครึ่งอ่าง ก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วนุ่งผ้าถุงกระโจมอกเอาไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์เหมือนคราวก่อนจะมาซ้ำรอย แล้วเอื้อมมือไปหยิบสบู่สำหรับเด็ก แต่พอหันมาอีกที…มือเล็กๆของเด็กชายหยิบขวดสบู่ชนิดที่มีฟองมากเป็นพิเศษมาเทใส่อ่างจนหมดขวดใหญ่“อ๊ากกก กรี๊ดดดด” เธอแหกปากร้องลั่น ในขณะที่เมธากรหัวเราะเอิ๊กอ๊าก มือน้อยตีน้ำในอ่างเล่นจนฟองฟูฟ่อง“หนูเม ทำไมถึงเล่นแบบนี้” เธอหวีดร้องออกมาเบาๆเมื่อทรุดลงนั่งข้างๆอ่างแล้วเด็กชายกอบฟองสีขาวมาป้ายเต็มหน้าอกเธอ“ทำไมทำแบบนี้” หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อฟองเริ่มเยอะมากขึ้นจนมองไม่เห็นตัวเด็กชาย เห็นแต่หน้าน้อยๆที่ยิ้มเห็นเหงือกแดงๆอย่างชอบอกชอบใจ“อะไร เกิดอะไรขึ้น”ประตูห้องน้ำถูกเปิดผ่างออกด้วยลูกถีบของอาจารย์หนุ่ม และทันทีที่ภาพเบื้องหน้าปรากฏชัดแก่สายตา เขาก็อุทานออกมาอย่างตกใจ“เฮ้ย!!”ตาคู่คมเบิกกว
แล้วอีกสองนาทีต่อมา ร่างสูงที่ตอนนี้เสื้อผ้าเปียกไปเป็นบางส่วนก็โดนผลักออกมานอกห้องน้ำ พร้อมประตูที่ปิดลงเสียงดังสนั่นมือใหญ่เกาหัวตัวเองแกรกๆ ก่อนจะตะโกนเสียงดังทั้งๆที่ดวงตาเป็นประกายวิบวับว่า“ขออาบด้วยก็ไม่ได้ กลัวผมเห็นอะไรๆของคุณล่ะสิ ผมไม่อยากมองหรอกนะจะบอกให้”“เงียบปากไปเลยค่ะ”“เออ” เขากระแทกเสียงก่อนจะหันหลังเดินออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความหงุดหงิดอเนกกดปุ่มโทรศัพท์สีเขียวเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจนับได้หมด เขาเพียรกดโทรออกไปหาแวววรรณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ไม่รับ หนำซ้ำยังกดตัดสายเขาเสียอีกเธอยุ่งอยู่หรือเปล่า…ถึงไม่รับสายแต่ถึงจะยุ่งยังไง อย่างน้อยเธอก็น่าจะสละเวลารับสายเขาแล้วบอกเขาสักนิดว่าเธอกำลังยุ่งอยู่ ไม่ใช่เงียบแบบนี้ความกลัวว่าจะต้องเสียใจเหมือนครั้งที่ผ่านมา ทำให้อเนกต้องหมั่นโทรไปหลายๆครั้งด้วยหัวใจที่ว้าวุ่นและเป็นกังวล กังวลว่า…เธอจะทิ้งเขาไปเหมือนเช่นที่ผ่านมาชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกก่อนจะวางโทรศัพท์เครื่องเล็กลงบนโต๊ะ แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำหน้าที่ครูที่โรงเรียนต่อให้หัวใจเขากำลังหนักอึ้ง…แต่หน้าที่ของเขาสำคัญ
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข
อเนกยิ้มออกมาอย่างคนเมาๆเบลอๆ ตาฉ่ำไปหมด ในขณะที่โจ้เหยียดริมฝีปากออกอีกครั้งอย่างหยันๆ“ไหนล่ะครับพี่ ค่ายาแห่งความสุข” โจ้แบมือตรงหน้าเขาพลางกระดิกไปมา“อยู่ในลิ้นชัก เป็นเงินที่ผมเก็บไว้มานาน คุณไปหยิบสิ” อเนกบอกพร้อมยิ้มแหะๆอย่างมีความสุขโจ้เดินตรงไปเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบกระปุกชินจังออกมาเปิดฝาในนี้ไม่มีเหรียญสักเหรียญเดียว มีแต่ธนบัตรใบละหนึ่งร้อยเต็มไปหมดโจ้หันไปมองอเนกอีกครั้งก่อนจะหยิบเงินออกมาหมดกระปุกเงินทั้งกระปุกนี่คงเกือบหมื่น….เขาขอไปหมดเลยก็แล้วกันโจ้รีบเก็บธนบัตรใบแดงๆยัดใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองอย่างว่องไวพร้อมกับหันไปบอกอเนกตามมารยาทว่า“ผมกลับก่อนนะพี่”“อือ” อเนกชูสองนิ้วให้โจ้แล้วมองตามหลังโจ้ที่เปิดประตูออกไปจากบ้านของเขาแล้วด้วยสายตาขอบคุณอนิจจา…อาจารย์หนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์…ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่หลงมัวเมาอยู่กับสารเสพย์ติดจนถอนตัวไม่ขึ้นณ วันนี้ อเนกได้ก้าวเข้าสู่นรกเต็มตัวแล้วอย่างสมบูรณ์!!ตอนเย็นของวันต่อมาธัศไนยขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้อเนกจะไม่ค่อยไปโรงเรียนโดยอ้างว่าไม่สบายมาหลายวันแล้ว หลังเลิกงาน เขาจึงขับรถแวะมาเย
ร่างสูงถอดแว่นตาสีชาออกจากใบหน้าคมคาย ดวงตาเพ่งมองไปที่ป้ายประกาศหน้าร้านดอกไม้เล็กๆอย่างงงๆ ‘ปิดร้านชั่วคราว’ เธอปิดร้านทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า1อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเลิกจากงาน เขาจะต้องรีบมาที่ร้านของประภาพิณเสมอ แต่ทุกครั้งที่มา…เขาก็จะได้เห็นแต่ป้ายปิดร้านชั่วคราวแปะอยู่ที่หน้าร้าน beautiful flowerทั้งรักทั้งคิดถึง อยากเห็นหน้า อยากเจอ อยากพูดคุยด้วย แต่ก็เห็นได้แค่หน้าร้าน…แค่ได้มองร้านดอกไม้ ก็รู้สึกสุขใจ แม้ว่าจะมีความเศร้าแฝงอยู่บ้างก็ตามเขาเป็นอาจารย์มีหน้าที่สอนนักเรียน ต่อให้สภาพจิตใจของเขาจะย่ำแย่ขนาดไหน เขาก็หยุดงานไม่ได้แต่ถึงเขาจะไปทำงานตามปกติ แต่หัวใจเขากลับไม่ปกติ อาหารเขาก็ทานไม่ได้เยอะเหมือนเก่า หน้าหล่อๆก็เริ่มซูบลงเพราะตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเมื่อไหร่นะ…ความทรมานที่เขาได้รับมันจะหายไปเสียทีธัศไนยถอนหายใจเฮือก ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งในรถยนต์ตามเดิมแล้วค่อยๆขับจากไปด้วยหัวใจที่ยังหนักอึ้งเหมือนมีหินนับพันก้อนมากดทับเอาไว้จนเขาหายใจไม่สะดวกวันเวลาคือยาวิเศษที่จะสามารถรักษาแผลใจให้เขาได้ แต่กว่าเขาจะลืมรักเธอได้ เขากลัวว่า…ลมหายใจเขาจะหมดลงเสียก่อนน่ะสิ!!อ
คำว่ารักที่เขาบอกเธอไป มันไม่มีค่าเลย เธอไม่เคยมองเห็นความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ไม่เคยมอง…และก็คงไม่อยากมอง“พาฉันไปส่งที่ร้านดอกไม้หน่อยค่ะ ต่อไปนี้เราสองคนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนวันที่เราไม่เคยรู้จักกัน เพราะฉัน…ไม่อยากรู้จักกับผู้ชายที่ชอบล่วงเกินฉันอย่างคุณ!!”ประโยคนี้ของเธอมันยังดังก้องอยู่ในหูเขา คำพูดที่อยากจะกล่าวออกมาเพื่อรั้งเธอเอาไว้ก็ไม่ยอมหลุดพ้นออกจากริมฝีปากในเมื่อเธอไม่อยากรู้จักกับเขาอีกต่อไป ในเมื่อเธออยากไปจากเขาเสียเต็มประดา แล้วเขาจะรั้งเธอไว้ทำไมล่ะ จริงไหม?เธอคงอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยไม่มีเขาไปคอยสร้างความรำคาญใจความสุขของเธอคือการไม่ได้เห็นหน้าเขา เขาก็ควรจะปล่อยเธอไปถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บมากขนาดไหนก็ตามเจ็บอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนอื่นๆหรือแม้แต่แวววรรณ ผู้หญิงที่เขาคบด้วยคนล่าสุดก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแย่ได้ถึงขนาดนี้มีประภาพิณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาร้องไห้ได้เพียงแค่คิด น้ำบางๆก็ฉาบที่ดวงตาคู่คม เขาก้มหน้าลงพร้อมซบหน้าลงกับเข่า นั่งลงบนสนามหญ้าสีเขียวข้างๆแปลงผักด้วยความเจ็บปวดและอ้างว้างที่สุดดวงตะวั