วันแรกที่มีผู้ชายหน้าโหดๆหนวดเครารุงรังคนหนึ่งกระเตงเด็กใส่กระเป๋าสะพายหลังมายื่นใบแจ้งหนี้ให้กับเธอ ตอนนั้นเธอรู้อยู่อย่างเดียวว่า…เธอเครียด เธอรู้สึกเศร้าลึกๆที่อยู่ๆก็มีหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อมากองอยู่ตรงหน้าแต่การใช้หนี้ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เธอแค่คอยช่วยเขาดูแลเด็กอ่อน ในขณะที่เขาก็คอยทำอาหารให้เธอกินทุกมื้อกินจนเธอเริ่มรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นดูเล็กลงไป...จนเธออึดอัดทุกครั้งที่หยิบมันมาสวมใส่ แต่เธอก็จำใจใส่ต่อไปโดยไม่คิดจะซื้อชุดใหม่เพราะ…ความงกถ้าตัดเรื่องที่ชอบฉวยโอกาสจูบเธอบ่อยครั้งออกไป ก็นับว่าเขาเป็นผู้ชายที่เข้าขั้นเพอร์เฟกต์ทีเดียว ผู้ชายที่แสนอ่อนโยน มีน้ำใจ แถมยัง…น่ารักการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขานานๆ มันทำให้ความรู้สึกที่เธอเคยมีต่อเขาเริ่มเปลี่ยนไปจากความห่างเหินในฐานะคนแปลกหน้าที่บังเอิญมีหนี้มาเป็นตัวเชื่อมให้ได้พบเจอกัน กลับกลายเป็นคนสนิทและผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว และหัวใจเธอ…ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงจากที่ไม่ชอบ ก็เปลี่ยนเป็นชอบจากที่ไม่รัก ก็เปลี่ยนเป็นรักจากที่เคยหมั่นไส้ ก็เปลี่ยนเป็นมองว่าเขาดูน่ารักไม่ขัดตาเขาเหมือนเป็นตัวชูรสในชีวิตของเธอ มีทั้งหวาน เปรี
ธัศไนยนั่งดูตารางสอนในมือไปก็ยิ้มไปจนอาจารย์ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆต้องคอยเหล่ตามองอย่างสงสัยปนอยากรู้เรื่องของคนอื่น“เอ่อ ครูธัศครับ ในตารางสอนมันมีอะไรน่าสนุกเหรอครับ เห็นครูธัศทำหน้ายิ้มๆ” อาจารย์หัวล้านๆแต่คิ้วดกดำเหมือนคิ้วของชินจังที่มีชื่อว่า…กุนเชียง ออกปากถาม“อ๋อ ไม่มีอะไรสนุกหรอกครับครูกุนเชียง เพียงแต่ว่าวันนี้ผมรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษน่ะ” ธัศไนยหันไปตอบแล้วหันไปยิ้มให้กับแผ่นกระดาษตารางสอนในมือต่อ“เอ่อ เหรอครับ” กุนเชียงเกาหัวล้านๆเป็นเงาวาววับของตัวเองแกรกๆพร้อมกับก้มลงอ่านแผ่นโครงการในมือ แต่ในใจก็คิดไปว่า…นั่นสิ ดูท่าว่าธัศไนยจะอารมณ์ผิดปกติชอบกล เพราะถ้าธัศไนยยังปกติอยู่ คงไม่ไปโกนหนวดเคราออกแบบนี้หรอก“สวัสดียามสายครับ” เสียงอึมครึมดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตูห้องพักครูที่ดังเอี๊ยดบาดลึกถึงแก้วหู ทำให้อาจารย์ทุกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องต้องพากันเงยหน้าขึ้นมองโดยอัตโนมัติก่อนจะอ้าปากค้างโดยพร้อมเพรียงกันอเนก…อาจารย์หนุ่มมาดนิ่งแต่แฝงความทะเล้นเอาไว้ในตัว มาวันนี้กลับหน้าตาหม่นหมอง อึมครึมเหมือนท้องฟ้ายามที่ฝนใกล้จะตกไม่มีผิด“อ้าว เอก ทำไมทำหน้าเหมือนอยากจะลาโลกแบบนั้นล่ะ”
จุ๊บ“ชื่นใจ” เขาบอก คราวนี้ยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าครั้งไหนๆ“เอ๊ะ นี่คุณหอมแก้มฉัน” เธอจับแก้มตัวเองแล้วหันมาทำตาพองใส่เขาอย่างตื่นตะหนก“ก็ผมจะหอมนายเม แต่ว่าพลาด…ดันไปหอมคุณซะได้ ขอโทษนะครับ” เขาขอโทษด้วยสีหน้าสำนึกผิด แต่ลูกตากลับพราวระยับอย่างพอใจ เล่นเอาเธอรู้สึกคันไม้คันมือ อดไม่อยู่ จนต้อง…แคว่ก!!นิ้วเรียวๆกางออกพร้อมข่วนเข้าไปที่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรงจนเขาผงะด้วยความเจ็บแสบ“โอ๊ย!”“คุณข่วนผมทำไม” เขาถามอย่างตัดพ้อ สองมือลูบแก้มตัวเองป้อยๆ ยังรู้สึกแสบที่แก้มไม่หาย ในขณะที่หญิงสาวยิ้มอย่างสะใจ“นี่มันยังน้อยเกินไปสำหรับผู้ชายจอมฉวยโอกาสอย่างคุณ”“ผมขอโทษ” เขาพูดเสียงอ่อย ก้มหน้าลงอย่างยอมรับผิด“รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้วค่ะ”“ครับ” เขายังคงจ๋อย ในขณะที่เมธากรหัวเราะก๊ากๆราวกับขบขันผู้เป็นลุง“งั้นก็ขับรถกลับกันได้แล้วค่ะ ฉันเหนื่อย อยากพัก” แล้วเธอก็เอนหลังพิงเบาะรถอย่างสบายอกสบายใจ โดยที่ธัศไนยรีบทำตามที่เธอสั่งอย่างรวดเร็ว“ครับๆ ผมจะรีบขับเดี๋ยวนี้!”ประภาพิณ เมธากร นั่งดูการ์ตูนโดราเอมอนด้วยกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เมธากรนั้นนั่งอยู่บนตักของหญิงสาว ส่วนมือเรียวก็เอื้อมมาหยิบข้าวเกรี
บรรจงแต้มเนื้อครีมสีขาวลงไปเบาๆ ไล้วนๆไปทั่วรอยข่วน นึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุให้หน้าเขามีรอยขีดข่วน และก็รู้สึกแย่อยู่ไม่น้อยที่ชอบโวยวายใส่เขาอยู่เรื่อย นี่ถ้าคนที่เป็นเจ้าหนี้ของเธอไม่ใช่เขา ป่านนี้เธอคงโดน…ปืนยิงขมับจนสมองแตกไปแล้วล่ะลมหายใจของเธอสัมผัสที่แก้มเนียนๆของเขาเพียงผะแผ่ว แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกร้อนวูบไปทั่วร่าง ตาคมหลุบลงมองพวงแก้มสีระเรื่อ ไล่ลงมาถึงลำคอระหงที่มีลูกผมหยองหยอยระอยู่ที่ท้ายทอย ทรวงอกอวบอิ่มที่พุ่งดันตัวเสื้อออกมา ทำให้เขารู้สึกอยากก้มหน้าลงไปลิ้มรส เอวเล็กคอดกิ่วทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเธอช่างดูน่าปรารถนา น่าสัมผัสไปทุกสัดส่วนแต่สิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดกลับไม่ใช่ร่างกายสะคราญโฉมของเธอ แต่เป็น…หัวใจของเธอต่างหากล่ะ ที่เขาต้องการอยากได้มาครอบครองที่สุดดวงตาของเขาคงจะสื่อความคิดออกมามากไปหน่อย เมื่อประภาพิณเงยหน้าขึ้นมาจึงรีบหลบทันควันด้วยความรู้สึกแปลกๆที่พุ่งวาบเข้ามาจับขั้วหัวใจนี่เธอเป็นอะไรไป เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ หายใจรดกัน สบตากันในระยะประชั้นชิด เธอก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะกระโดดออกมานอกอกเสียแล้วเมื่อก่อนเธอเคยอยากให้หนี้ของเธอหมด
การที่เธอทำตัวเช่นนี้ก็เพื่อ…ปกปิดปมด้อยของตัวเอง รอยด่างพร้อมที่เธอแสนรังเกียจ เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ทำให้ใครๆพากันมาหลงเสน่ห์อันเย้ายวนใจของเธอมิหนำซ้ำ แวววรรณยังรู้สึกสะใจด้วยซ้ำที่สามารถหักอกผู้ชายคนแล้วคนเล่าได้ผู้ชายหลายๆคนต้องมาเสียคนเพราะเธอ ต้องมาเสียน้ำตาให้กับการกระทำของเธอมันก็สาสมแล้วกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากผู้ชายแก่คราวพ่อเมื่อครั้งเธออายุแค่13!!//คุณมันมั่วนะแวว// อเนกออกปากว่าตรงๆ“แล้วไงล่ะคะ คุณอยากมามั่วกับแววก่อนทำไม” เธอพูดอย่างไม่สนใจ“คุยกับใครอยู่เหรอแวว” ชายหนุ่มร่างเปลือยที่นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวลุกขึ้นมาถาม ในขณะที่แวววรรณหันไปฟ้องเสียงหวานว่า“ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะแมน เขาโทรมาจีบแวว”“เหรอ งั้นผมคุยเอง” แมนชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์จากมือของแวววรรณมาแนบที่หู“ฮัลโหล เลิกโทรหาแววได้แล้ว ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” แมนตะคอกใส่ปลายสายอย่างดุดัน ในขณะที่อเนกเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบออกมาเสียงเบาว่า//ถ้าไม่อยากเสียใจเหมือนอย่างที่ผมกำลังเผชิญอยู่ ก็ถอยห่างจากผู้หญิงที่ชื่อแวววรรณซะ!// อเนกเตือนก่อนจะกดตัดสายไปแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงนุ่ม ส่ว
อีกมุมหนึ่งของผับร่างอวบอัดในชุดเกาะอกสีดำกับกระโปรงแสนสั้นราวจะอวดเนื้อหนังมังสาให้ใครหลายๆคนได้มองเป็นอาหารตา เบียดเข้าหาหน้าอกแข็งๆของผู้ชาย ลูบไล้หน้าอกอย่างยวนยั่ว แต่สายตากลับคอยเหลือบแลไปทางโต๊ะของอเนก“คุณเห็นผู้ชายคนนั้นมั้ยคะแมน” แวววรรณถาม“คนไหนล่ะ” แมนเงยหน้าขึ้นจากซอกคอของเธอแล้วถามพลางมองตามสายตาของเธอไป“ผู้ชายที่นั่งอยู่คนเดียว คนนั้นล่ะค่ะที่โทรหาแววเมื่อเย็นนี้”“ไอ้หมอนี่เองเหรอ” ดวงตาของแมนลุกวาบอย่างหึงหวง “แมนจะไปกระทืบมัน” พูดพลางขยับตัวจะไปหาเรื่องอาจารย์หนุ่ม แต่แวววรรณรั้งแขนเขาเอาไว้เสียก่อน“ต่อให้คุณไปกระทืบเขาเจียนตาย เขาก็ไม่เลิกยุ่งกับแววหรอกค่ะ เขารักเขาหลงแววจะตาย ทั้งๆที่แววบอกไปแล้วแท้ๆว่าแววรักกับแมน” แวววรรณพูดพลางซบหน้าลงที่แผงอกชายหนุ่มอย่างออดอ้อน ผู้ชายคนไหนที่ตามมารยาของเธอไม่ทัน ก็มักจะติดกับดักเธอเสมอ และ…แมนก็ไม่ได้อยู่เหนือกฏเกณฑ์นั้น เขากำลังหลงในเรือนร่างอวบอิ่มขาวผ่อง หน้าตาสะสวย และคำพูดหวานๆจนหูหนวกตาบอด“นั่นแหละ อย่างน้อยผมก็อยากกระทืบมัน” แมนตาลุกวาว ยังอยากจะกระทืบอเนกจนแทบระงับอาการไม่อยู่“แววว่านะคะ มีวิธีการอีกมากมายที่จะเล
เธอมากับผู้ชายอีกคน เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไร ทำไมถึงต้องมาปั่นหัวเขาด้วย ทั้งๆที่เขาคิดจะลืมเธอ ทั้งๆที่เขาเบาจากความเจ็บปวดแล้ว แต่เธอก็กลับมาหาเขา มาให้ความหวัง ทำให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมา และความรู้สึกในครั้งนี้มันก็เจ็บปวดมากกว่าครั้งแรกๆเป็นไหนๆเจ็บปวดที่โดนหักหลัง โดนทรยศ โดนหลอกซ้ำๆซากๆและเขาก็ดันโง่ไปเชื่อเธอเห็นแวววรรณเงยหน้าขึ้นรับจูบจากผู้ชายคนนั้นอย่างไม่คิดจะอายต่อสายตาใคร น้ำตาใสๆก็เริ่มรื้นขึ้นมาที่ขอบตาอีกครั้ง ทั้งเจ็บ ทั้งชาไปทั้งใจที่มาเห็นภาพบาดตาแบบนี้“ขายเม็ดละเท่าไหร่” อเนกหันไปถามโจ้เสียงเครือ ในขณะที่โจ้มีสีหน้าลิงโลดอย่างสมใจ“ผมให้ฟรีๆเลยครับ เห็นใจที่พี่กำลังมีความทุกข์” โจ้ยื่นเม็ดยาให้“ขอบคุณ” อเนกกล่าวสั้นๆแล้วหยิบเม็ดยาขึ้นมาใส่ปากตัวเองอย่างคนที่ตัดสินใจได้เด็ดขาดเขาจะกินแค่เม็ดเดียว อย่างน้อยก็ขอแค่คืนนี้เขาไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องรับรู้ความเจ็บปวดอีกขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวและ…เม็ดเดียวเท่านั้น เขาจะไม่กินอีกเป็นครั้งที่สองเขามั่นใจว่าเขาจะไม่ติดยาเสพติดอย่างแน่นอน ขอแค่คืนนี้เขาผ่านพ้นความเจ็บปวดไปได้ ในวันพรุ่งนี้เมื่อเขาพบหน้าลูกศิษย์
ประภาพิณรีบอาบน้ำให้กับตัวเองและเด็กชายอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย ก่อนจะอุ้มเมธากรมานั่งในรถเข็นเด็กขนาดเล็ก แล้วหยิบหุ่นยนต์ตัวน้อยที่ธัศไนยซื้อมาไว้ให้หลานชายเล่นมาส่งให้ ซึ่งเมธากรก็รีบรับไปลูบๆคลำๆอย่างสนอกสนใจ ทำให้ประภาพิณเริ่มสบายใจไปได้เปราะหนึ่งหญิงสาวจับผ้าขนหนูผืนน้อยที่พาดอยู่บนบ่ามาเช็ดผมเปียกๆของตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันมุ่นเมื่อได้ยินเสียงดังโครมในห้องนอนของธัศไนยด้วยความสงสัยแกมสอดรู้สอดเห็น เธอจึงรีบย่องตอดๆไปแนบหูเข้าที่บานประตู“คุณแวว คุณอย่าทำแบบนี้สิ” เสียงเหมือนคนใกล้จะขาดใจของธัศไนยดังลอดออกมาจากในห้อง“แววเห็นคุณเล่นตัวมาหลายครั้งแล้วนะคะ อยากรู้จริงๆว่าถ้าคุณเจอบทรักอันเร่าร้อนของแวว คุณจะเป็นยังไง” เสียงแหลมๆของผู้หญิงดังขึ้น“เป็นของแววเถอะนะคะ”“เฮ้ย! อย่า!” ธัศไนยตะโกนสุดเสียงแคว่ก!!เสียงคล้ายๆผ้าขาด ทำให้สติของประภาพิณขาดผึง เธอใช้เท้าน้อยๆแต่เรี่ยวแรงมากเกินตัวถีบไปที่บานประตูสุดแรงจนเปิดออกและภาพที่เห็นก็ทำเอาประภาพิณถึงกับช็อก…ธัศไนยนอนนุ่งกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ส่วนกางเกงขาสั้นข้างนอกนั้นโดนแวววรรณกระชากจนเนื้อผ้าขาดติดมือ แถ
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข
อเนกยิ้มออกมาอย่างคนเมาๆเบลอๆ ตาฉ่ำไปหมด ในขณะที่โจ้เหยียดริมฝีปากออกอีกครั้งอย่างหยันๆ“ไหนล่ะครับพี่ ค่ายาแห่งความสุข” โจ้แบมือตรงหน้าเขาพลางกระดิกไปมา“อยู่ในลิ้นชัก เป็นเงินที่ผมเก็บไว้มานาน คุณไปหยิบสิ” อเนกบอกพร้อมยิ้มแหะๆอย่างมีความสุขโจ้เดินตรงไปเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบกระปุกชินจังออกมาเปิดฝาในนี้ไม่มีเหรียญสักเหรียญเดียว มีแต่ธนบัตรใบละหนึ่งร้อยเต็มไปหมดโจ้หันไปมองอเนกอีกครั้งก่อนจะหยิบเงินออกมาหมดกระปุกเงินทั้งกระปุกนี่คงเกือบหมื่น….เขาขอไปหมดเลยก็แล้วกันโจ้รีบเก็บธนบัตรใบแดงๆยัดใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองอย่างว่องไวพร้อมกับหันไปบอกอเนกตามมารยาทว่า“ผมกลับก่อนนะพี่”“อือ” อเนกชูสองนิ้วให้โจ้แล้วมองตามหลังโจ้ที่เปิดประตูออกไปจากบ้านของเขาแล้วด้วยสายตาขอบคุณอนิจจา…อาจารย์หนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์…ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่หลงมัวเมาอยู่กับสารเสพย์ติดจนถอนตัวไม่ขึ้นณ วันนี้ อเนกได้ก้าวเข้าสู่นรกเต็มตัวแล้วอย่างสมบูรณ์!!ตอนเย็นของวันต่อมาธัศไนยขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้อเนกจะไม่ค่อยไปโรงเรียนโดยอ้างว่าไม่สบายมาหลายวันแล้ว หลังเลิกงาน เขาจึงขับรถแวะมาเย
ร่างสูงถอดแว่นตาสีชาออกจากใบหน้าคมคาย ดวงตาเพ่งมองไปที่ป้ายประกาศหน้าร้านดอกไม้เล็กๆอย่างงงๆ ‘ปิดร้านชั่วคราว’ เธอปิดร้านทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า1อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเลิกจากงาน เขาจะต้องรีบมาที่ร้านของประภาพิณเสมอ แต่ทุกครั้งที่มา…เขาก็จะได้เห็นแต่ป้ายปิดร้านชั่วคราวแปะอยู่ที่หน้าร้าน beautiful flowerทั้งรักทั้งคิดถึง อยากเห็นหน้า อยากเจอ อยากพูดคุยด้วย แต่ก็เห็นได้แค่หน้าร้าน…แค่ได้มองร้านดอกไม้ ก็รู้สึกสุขใจ แม้ว่าจะมีความเศร้าแฝงอยู่บ้างก็ตามเขาเป็นอาจารย์มีหน้าที่สอนนักเรียน ต่อให้สภาพจิตใจของเขาจะย่ำแย่ขนาดไหน เขาก็หยุดงานไม่ได้แต่ถึงเขาจะไปทำงานตามปกติ แต่หัวใจเขากลับไม่ปกติ อาหารเขาก็ทานไม่ได้เยอะเหมือนเก่า หน้าหล่อๆก็เริ่มซูบลงเพราะตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเมื่อไหร่นะ…ความทรมานที่เขาได้รับมันจะหายไปเสียทีธัศไนยถอนหายใจเฮือก ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งในรถยนต์ตามเดิมแล้วค่อยๆขับจากไปด้วยหัวใจที่ยังหนักอึ้งเหมือนมีหินนับพันก้อนมากดทับเอาไว้จนเขาหายใจไม่สะดวกวันเวลาคือยาวิเศษที่จะสามารถรักษาแผลใจให้เขาได้ แต่กว่าเขาจะลืมรักเธอได้ เขากลัวว่า…ลมหายใจเขาจะหมดลงเสียก่อนน่ะสิ!!อ
คำว่ารักที่เขาบอกเธอไป มันไม่มีค่าเลย เธอไม่เคยมองเห็นความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ไม่เคยมอง…และก็คงไม่อยากมอง“พาฉันไปส่งที่ร้านดอกไม้หน่อยค่ะ ต่อไปนี้เราสองคนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนวันที่เราไม่เคยรู้จักกัน เพราะฉัน…ไม่อยากรู้จักกับผู้ชายที่ชอบล่วงเกินฉันอย่างคุณ!!”ประโยคนี้ของเธอมันยังดังก้องอยู่ในหูเขา คำพูดที่อยากจะกล่าวออกมาเพื่อรั้งเธอเอาไว้ก็ไม่ยอมหลุดพ้นออกจากริมฝีปากในเมื่อเธอไม่อยากรู้จักกับเขาอีกต่อไป ในเมื่อเธออยากไปจากเขาเสียเต็มประดา แล้วเขาจะรั้งเธอไว้ทำไมล่ะ จริงไหม?เธอคงอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยไม่มีเขาไปคอยสร้างความรำคาญใจความสุขของเธอคือการไม่ได้เห็นหน้าเขา เขาก็ควรจะปล่อยเธอไปถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บมากขนาดไหนก็ตามเจ็บอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนอื่นๆหรือแม้แต่แวววรรณ ผู้หญิงที่เขาคบด้วยคนล่าสุดก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแย่ได้ถึงขนาดนี้มีประภาพิณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาร้องไห้ได้เพียงแค่คิด น้ำบางๆก็ฉาบที่ดวงตาคู่คม เขาก้มหน้าลงพร้อมซบหน้าลงกับเข่า นั่งลงบนสนามหญ้าสีเขียวข้างๆแปลงผักด้วยความเจ็บปวดและอ้างว้างที่สุดดวงตะวั