เสน่หามนตราบทที่ 28 - คิดผิด ?ม่านฟ้าถูกสองสาวรับใช้ขัดสีฉวีวรรณด้วยเครื่องหอมมากมายนานนับชั่วโมงจนเธอนั้นแทบหลับฟุบกับอ่างน้ำวนขนาดใหญ่"นายหญิงอยู่นิ่ง ๆ สิคะ" อาเดลพูดพร่ำเมื่อม่านฟ้านั้นนั่งหัวสัปงกเอนเอียง จนพวกเธอนั้นจัดการแต่งหน้าทำผมไม่ถนัด บางครั้งก็แทบหน้าหลับกับโต๊ะเครื่องแป้ง"อาเดล ฉันเริ่มง่วงมากแล้ว" "ต้องไปงานเลี้ยงกับท่านเชคฮก่อนนะคะ" "ทำไมต้องให้ไปด้วยนะ ไม่เข้าใจเลย ฮ้าว~~~" "ไม่รู้ความหมายหรือคะ" "ไม่รู้"...หญิงสาวชาวไทยถูกเนรมิตรแต่งกายด้วยชุดในแบบฉบับหญิงสาวชาวอาหรับ ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงที่ท่านเชคฮสั่งให้คนสรรหา เครื่องประดับละลานตาถูกร้อยใส่ตามสัดส่วนร่างกายอันที่ควรจะมี และที่สำคัญที่ท่านเชคฮสั่งการอย่างเด็ดขาด นั่นก็คือ อย่าลืมกำไรข้อมือและข้อเท้า"นายหญิงงดงามมากเลยค่ะ" อัยมี่ทักท้วงขึ้นเมื่อการแต่งกายให้ม่านฟ้านั้นจบลงด้วยเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายนั่นคือกำไรข้อเท้าตามที่นายเหนือหัวสั่งการไว้อย่างเด็ดขาด"อัยมี่ทำไมเครื่องทองถึงต้องใส่มากมายขนาดนี้ด้วยล่ะ" ม่านฟ้าท้วงกลับเพราะไม่ว่าส่วนไหนบนร่างกายก็ล้วนแต่มีเครื่องประดับสวมติดท
เสน่หามนตราบทที่ 29-แสดงออก"อัสซาลามูอาลัยกูม ท่านพ่อ" เชคฮ บราฮิมกล่าวทักทายผู้เป็นพ่อด้วยกิริยาท่าทางอ่อนน้อม"วาอาลัยกูมมุซซาลาม" ท่านผู้นำรัฐตอบรับคำทักทายลูกชายด้วนรอยยิ้ม"อัสซาลามูอาลัยกูม ท่านผู้นำ" อานัสที่ยืนขนาบข้างเชคฮ บราฮิม กล่าวทักทายตาม"วาอาลัยกูมมุซซาลาม...สบายดีหรืออานัส" ท่านผู้นำรัฐตอบกลับะร้อมคำถามตามมารยาท"สบายดีครับ" อานัสตอบรับคำถามท่านผู้นำอย่างเคารพ "ท่านพ่อฝากความคิดถึงมาให้ และใช่ว่าไม่อยากมางานในวันนี้ แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่เป็นอยู่ไม่ค่อยแข็งแรง""ไม่เป็นไร ฝากความห่วงใยถึงพ่อเจ้าด้วย มีโอกาสจะแวะเวียนไปหา" ท่านผู้นำรัฐชาร์จาร์วางคำพูดอย่างงดงาม ด้วยมาดของผู้นำที่น่าเกรงขามและดูมีเกียรติ"ยินดีต้อนรับครับท่าน" อานัสก้มหัวตอบรับอย่างเด็กเคารพผู้ใหญ่ เรื่องบาดหมางของลูกชายและเพื่อนรัก คนเป็นพ่อก็รู้ดีแต่ด้วยเหตุผลที่ลูกชายบอกไว้ว่ามันคือเรื่องส่วนตัว คนเป็นพ่อจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว"ตามสบายนะ ขอไปดูแขกทางด้านนั้นก่อน" ท่านผู้นำรัฐบอกกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไปเหลือไว้เพียงชายหนุ่มสองคนเท่านั้น ที่ยืนมองหน้ากันอีกคนกำลังจับพิรุธ ส่วนอีกคนอาจจะกำล
เสน่หามนตราบทที่ 30-จูบ...ยามราตรีที่เงียบสงัดภายในรถหรูลีมูซีนคันหลายล้านบาท ที่ไม่มีเสียงอันใดเล็ดรอดนอกจากเสียงของลมหายใจและไอเย็นจากแอร์ของรถยนต์ ตั้งแต่ขึ้นรถมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่า ม่านฟ้าและเชคฮ บราฮิมไม่มีใครพูดคุยกันแม้สักคำ ม่านฟ้าที่นั่งเคียงข้างก็ไม่กล้าเอ่ยก่อนแม้นจะอึดอัด ด้วยสีหน้าของชายหนุ่มข้าง ๆ นั้นนิ่งขรึม สายตามองออกไปนอกรถแต่ฝ่ามือหนายังกอบกุมมือบางไม่ห่างผิวกาย...ภายในใจกำลังคิดวิตกกังวลด้วยมองเห็นสายตาของอานัสที่มองม่านฟ้าอย่างหยาดเยิ้ม"บะ...บราฮิม" เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นเมื่อทานทนต่อความเงียบนี้ไม่ไหว"ผมชอบที่คุณเรียกแบบนี้...ว่าแต่มีอะไรครับ" เสียงเข้มตอบกลับแต่ไม่ได้หันมามองหน้าหญิงสาวสักนิด สายตาจ้องมองไปยังนอกรถท่ามกลางยามราตรีที่มีเพียงแสงไฟสลัวเท่านั้น"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" ม่ายฟ้าเอ่ยถามอย่างนึกห่วง เสียงหวานฉ่ำเปรยออกไปจนเชคฮ บราฮิมนั้นอดไม่ได้จนต้องหันมามองพร้อมส่งยิ้มอ่อน"ไม่เป็นไร""หรือมีเรื่องให้กังวลในใจ" ม่านฟ้าย้ำถามอีกครั้งแม้นชายหนุ่มนั้นมีรอยยิ้มแต่ก็ไม่สามารถกลบความวิตกที่สื่อออกมาทางสายตาดุดันนั้นได้"ไม่มีอะไรหรอกม่านฟ้า...""ฉันเห
เสน่หามนตราบทที่ 31- กันและกัน...แสงพระจันทร์สีนวลสาดส่องแสงผ่านช่องหลังคากระจกหนา ใบหน้างามแหงนมองบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่สาดทอแสงระยิบระยับกระทบกับผืนท้องฟ้าสีดำสนิท เชคฮ บราฮิม ผู้แข็งกร้าวและนิ่งขรึมเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับเธอคนนี้ ดั่งเธอนั้นคือสิ่งที่เติมเต็มช่องว่างภายในใจให้แก่เขา ทุกครั้งที่เธอมีรอยยิ้มเขาก็จะเปี่ยมล้นในหัวใจเช่นกัน อย่างเช่นตอนนี้ที่เขากำลังเป็น ราวสแตนเลสลวดลายสวยงามถูกมือบางกุมจับ สายตากลมโตสีนิลมองท้องฟ้าด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหวานเสลาดูเปี่ยมสุขยิ่งนัก จนเชคฮ บราฮิมนั้นมองอย่างจดจ้องและพินิจ เขาอยากให้รอยยิ้มนี้มันมีอยู่ตลอดไปและเขาจะต้องได้มองทุกเวลา ไม่อยากจะคิดไกลเลยว่าหากมนตราของอาฟียานั้นคลาย ม่านฟ้าผู้กอบกุมหัวใจปีศาจที่ด้านชาคนนี้เธอจะยังเป็นเช่นนี้อีกหรือเปล่า หรือเธอจะเกลียดชังเขาดั่งเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิม"ดาวเต็มท้องฟ้าสวยมากเลยค่ะ" เสียงหวานเปรยออกมาพร้อมรอยรอยยิ้ม"......." สายตาคมจ้องมองใบหน้าของหญิงสาว ภายในใจนั้นคิดหวัง 'ขอให้เธอเป็นเช่นนี้จะได้ไหม แม้นมนตรานั้นเสื่อมคลายมลายหายไป'"มีอะไรหรือเปล่าคะ? " ความเงียบไร้การตอบกล
เสน่หามนตราบทที่ 32-ตามหาความกังวลในใจของเอย จนตอนนี้เธอนั้นไม่อยากละเลยหรือรออีกต่อไปแล้ว ป่านนี้ม่านฟ้าเพื่อนรักเพียงคนเดียวจะเป็นอย่างไร ในต่างแดนที่แสนไกลแบบนั้น เธอห่วงเพื่อน ความร้อนรุ่มในทรวงอกแทบไหม้ สองขาก้าวฉับไวมุ่งตรงไปยังที่หมายยังบริษัททัวร์ ที่เธอนั้นตราหน้าเขาไว้ว่าเป็นผู้ที่ทอดทิ้งเพื่อนของเธอปัง! เสียงประตูกระแทกกับผนังห้องทำงานของครรชิตเสียงดังลั่นอย่างไม่คิดว่ามันจะพังลงไหม เพราะเอยนั้นเดือดยิ่งกว่าน้ำที่ตั้งบนเตาไฟ เอยจะไม่ทน!"นี่! นายหน้าจืด ฉันต้องรออีกนานแค่ไหนเรื่องเอกสาร ทำไมนายชักช้าแบบนี้ ห๊ะ!" เสียงแหลมแผดดังกังวาลลั่นห้องจนครรชิตต้องเงยหน้ามอง และต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อพบเจอเอย ก่อนจะก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่ออย่างไม่สนใจเธอเลยสักนิด"..........."ครรชิตเลือกที่จะเงียบไว้อย่างคนใจเย็นหรือแค่ไม่อยากมีปากเสียงกับเอย เพราะเธอนั้นช่างปากจัด เขาเริ่มเอือมระอาเต็มทน"เอ้า! นี่ฉันถามทำไมไม่ตอบ ปากเป็นอัมพาตหรือไง" เอยเเผดเสียงดังใส่อย่างไม่ได้เกรงกลัวใครแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ถ้าเธอมีปีกบินเองได้เธอคงไปตามหาเพื่อนนานแล้ว คงไม่รอความช่วยจาก
เสน่หามนตราบทที่ 33 - คู่กัด"มั่นใจเหรอว่าจะหาม่านฟ้าเจอ" เอยสาวสวยปากจัดเอ่ยถามเมื่อได้ฟังแผนการของครรชิตที่เสนอออกมา พร้อมกับการเดินก้าวขาเข้าสู่ที่พักเดิมที่ครรชิตได้พาลูกทัวร์มาพักที่นี่ Burj Al Arab(บุรจญ์อัลอาหรับ) โรงแรมหรูหราในดูไบระดับเจ็ดดาวที่มีความสูงถึงสามร้อยยี่สิบเอ็ดเมตรตั้งตระหง่านอย่างสวยงามในรูปลักษณ์เฉพาะเป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งรัฐดูไบ"ไม่มั่นใจ" ครรชิตตอบเสียงเรียบ"เอ้า! นายนี่ยังไงมาแบบไม่มีจุดหมายเนี้ยนะ!" เอยสวนกลับเสียงดังอย่างไม่สนใจใคร ที่เดินผ่านไปมาในบริเวณโรงแรม"จุดหมายหาเอาตีหลัง" ครรชิตตอบและเดินมุ่งหน้าอย่างไม่รีรอเอยที่เดินลากกระเป๋าใบใหญ่ตามหลัง"นี่นายกำลังกวนประสาทฉันใช่ไหม นายหน้าจืด" สองขากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนขนาบเคียงข้างครรชิต แต่ปากเล็กก็ยังไม่ได้ยอมผ่อนปรนสักนิดในการต่อปากต่อคำ"หยุดเรียกผมแบบนั้นสักที ผมชื่อครรชิต" ครรชิตหยุดเดินทันทีอย่างเหลืออดด้วยคำพูดของเอย หญิงสาวที่มีปากเสียงกันตั้งแต่แรกเจอ ไม่ว่าจะเวลาไหนแค่เห็นหน้าก็ยังไม่เคยได้พูดคุยกันดีสักครั้ง"อยากเรียก...มีปัญหาอะไรไหมล่ะ?" เอยทำสีหน้าท้าทายเมื่อเห็นใบหน้าของครรชิตที่ตอนนี้
เสน่หามนตราบทที่ 34 - อาฟียางานเข้า...ดวงจันทร์ที่สาดทอแสงในยามราตรีมาตลอดทั้งคืน บัดนี้ได้หมดหน้าที่ลงแล้ว ถึงคราวของดวงตะวันที่จะเป็นผู้ทำหน้าที่ต่อ สาดทอแสงแดดจ้า ที่จะบ่งบอกถึงว่าเป็นวันใหม่ที่ต้องเริ่มต้นใหม่กับอะไรหลาย ๆ อย่างชายหญิงคู่หนึ่งที่ได้หลับใหลมาตลอดทั้งคืน ผ่านศึกรักที่แสนเร่าร้อนมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบด้วยความเสน่หาต้องการ ใบหน้าสวยหวานนอนหลับ หัวทุยทาบทับอกแกร่งอย่างไม่รู้สึกตัวด้วยความเหนื่อยล้าอ่อนแรง วงแขนแกร่งที่ไม่ยอมปล่อยร่างบางให้ห่างกาย อยู่ในอ้อมกอดของเชคฮ บราฮิมตลอดทั้งคืนอย่างแสนรัก...เขาไม่อยากห่างเธอแม้เสี้ยววินาทีเปลือกตาหนาของดวงตาดุดัน ลืมตามองคนตัวเล็กที่ยังหลับสนิทด้วยรอยยิ้มที่แสนจะหลงใหล ใบหน้าใสที่ไร้การแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางก็ยังไม่ทำให้ความสวยและมีเสน่ห์ของเธอลดเลือดลง"อรุณสวัสดิ์ม่านฟ้าของบราฮิม" กลีบปากหนาจูบซับลงเปลือกตาของร่างบางอย่างอ่อนโยน ทุกการกระทำของเชคฮ บราฮิมดูทะนุถนอมซึ่งตรงกันข้ามนักจากหน้าตาที่เคร่งขรึม แววตาที่ดุดันนั้นกริ่ง กริ่ง...เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวที่โทรเข้ามาทำให้เชคอ บราฮิมนั้นต้องละสายตาจากใบหน้าสวยเสลานี้ชั่
เสน่หามนตราบทที่ 35 - ความผิดของอาฟียา"ท่านพี่ช่วยน้องด้วยนะคะ" อาฟียาเมื่อเห็นพี่ชายเดินเข้ามายังคฤหาสน์ จึงปรี่ประชิดตัวโอบกอดพี่ชายทันทีอย่างขอความช่วยเหลือ"มีเรื่องอะไรกันอาฟียา บอกพี่มาเดี๋ยวนี้เลย"(เรื่องงามหน้ายังไงล่ะบราฮิม) เชคฮ ยราฮิมยังไม่ทันจะได้คำตอบ เสียงเข้มหนักแน่นก็ดังมาตามหลังอาฟียา เสียงของผู้ที่มีอำนาจและเป็นผู้นำของรัฐนี้"มีอะไรกันครับท่านพ่อ" เชคฮ บราฮิมเอ่ยถามอย่างสงสัย ที่รีบมานี้เพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้น ทำไมสีหน้าของผู้เป็นพ่อถึงได้ดูเกรี้ยวกราดมากมายขนาดนี้"น้องสาวของเจ้า ทำเรื่องงามหน้าพาผู้หญิงเข้าบ้าน""น้องก็มีเพื่อนผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดาท่านพ่อ ที่จะต้องมีการสังสรรค์นอนค้างอ้างแรมกัน" เชคฮ บราฮิมให้เหตุผล"เพื่อนกันเหรอ...แต่สิ่งที่พ่อเห็นมันไม่ใช่เพื่อนเป็นแน่!""หมายความว่ายังไงครับ ผมงง" คำพูดของบิดาที่บอกออกมาเชคฮ บราฮิมถึงกับคิ้วขมวดเป็นปมอย่างสงสัย บิดาหมายถึงอะไรกันแน่"บอกพี่ชายลูกไปสิอาฟียา" ผู้เป็นพ่อถากถางอย่างข่มขู่ ด้วยรู้ว่าอาฟียานั้นรักพี่ชายมากเพียงใด และไม่เคยทำให้พี่ชายนั้นผิดหวังไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่ผ่านมา แต่
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา
Special - ขอแค่กลับมาตลอดเวลาที่ยาวนานกว่าสามสิบกว่าวันที่ม่านฟ้านั้นไม่ได้ออกไปไหน นอกจากอยู่ภายใต้ชายคาของคฤหาสน์และเดินเล่นเพียงแค่บริเวณรอบด้านเท่านั้น มีเพียงอาฟียาและเอยเพื่อนรักเท่านั้นที่คอยอยู่แก้เหงา โดยที่ม่านฟ้าก็ไม่รู้ว่าทำไม เชคฮ บราฮิม ถึงสั่งห้ามขนาดนี้ เหมือนจะกักขังเธอไว้อย่างกับนักโทษในความคิดของเธอ แต่เมื่อม่านฟ้าได้ยิน เชคฮ บราฮิม นั้นบอกแค่ว่า‘ที่ทำไปนั้นล้วนมีเหตุผล…ทุกอย่างเพื่อคุณนะม่านฟ้า’ประโยคที่บ่งบอกว่าเขานั้นห่วงใย ม่านฟ้าจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อให้มากความ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่คนรักนั้นทำและสั่งการ ย่อมมีเหตุผลและที่มาที่ไปเสมอ เธอจึงเชื่อใจและยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ “นี่เป็นของขวัญที่ท่านพี่ส่งมาให้ค่ะว่าที่พี่สะใภ้” อาฟียาและเอยเดินเข้ามาในห้องรับรองที่ม่านฟ้ากำลังนั่งถักไหมพรมเป็นงานอดิเรก พร้อมกับเหล่านางรับใช้ราวแปดคนพร้อมกับของในมือมากมายที่อาฟียาบอกว่ามันคือของขวัญ “ของขวัญ?” ม่านฟ้าเงยหน้าจากงานที่ทำแล้วย้ำถามอย่างสงสัย ของขวัญเนื่องในโอกาสอันใด และนี่ก็หลายวันที่ เชคฮ บราฮิม หายหน้าไป ม่านฟ้าจะเจอแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ด้วยหน้
“เธอเป็นอย่างไรบ้างหมอ” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรนใจเมื่อหมอนั้นตรวจอาการของม่านฟ้าเรียบร้อย “ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ” หมอหญิงบอกกล่าวถึงอาการ “ไม่ได้เป็นได้ยังไง อาเจียนขนาดนี้!” เชคฮ บราฮิม เกิดอาการฉุนเฉียวเมื่อสิ่งที่เขาเห็นนั้นว่าหนักหนา แต่หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร เหมือนหมอนั้นโกหกหน้าตายเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยค่ะท่าน...แค่นายหญิงนั้นตั้งครรภ์เท่านั้น” “ยังจะโก....” เชคฮ บราฮิม เตรียมสาดคำด่าเมื่อหมอยังบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ต้องหยุดชะงักคำพูดไว้ เมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นเหมือนสายลมผ่านหู ฟังดูแล้วไม่ค่อยชัดเจน “อะไรนะ หมอว่าอะไรนะ” จนต้องย้อนถามอีกครั้งอย่างตะลึงอึงงัน “นายหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ควรพานายหญิงไปฝากครรภ์และตรวจดูอายุครรภ์อีกครั้งนะคะ” “จริงเหรอ” สีหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี อาเดลและอัยมี่พร้อมราชิตที่ยืนข้างเตียง ยิ้มแย้มด้วยความปรีติยินดีที่ตอนนี้นายเหนือหัวกำลังจะมีทายาท “ม่านฟ้าเรากำลังจะมีลูก” เชคฮ บราฮิม โผเข้ากอดหญิงที่รักที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสเป็นน้ำตาของความดีใจเมื
เวลาผ่านพ้นไปนานนับเดือนครรชิตหายไปจากต่างแดนเพราะคำสั่งที่แสนจะหนักแน่นของผู้มีอิทธิพลอย่าง เชคฮ บราฮิม สั่งการ ให้ส่งตัวกลับบ้านเกิดและไม่ได้ข่าวคราวอะไรของครรชิตอีกเลย ส่วนเอยและอาฟียาก็อยู่ด้วยกันอย่างคนรักแบบเปิดเผย แม้ผู้เป็นพ่อจะไม่ค่อยพอใจแต่จะห้ามยังไงได้เมื่อบุตรสาวนั้นร้องขอ ด้วยความรักลูกจึงต้องยอมปิดหูปิดตา แม้ว่าจะไม่ชอบใจ อาฟียาเทียวไปเทียวมายังประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง เพราะเอยก็มีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างเช่นคนทั่วไปเหมือนกัน แม้อาฟียาจะร้องขอให้เอยมาอยู่ด้วย แต่ด้วยเหตุผลที่มากขอของเอยอาฟียาจึงเป็นฝ่ายยอมเอง สิ่งที่ม่านฟ้านั้นฝัน สถานที่แห่งไหนที่ม่านฟ้านั้นอยากไป เชคฮ บราฮิม จะเป็นคนพาเธอสานต่อมันด้วยตัวเอง หลังมื้อเย็นที่ชายและหญิงนอนกกก่ายกันบนเตียงนอนและดูโทรทัศน์ด้วยกัน มือหนาลูบหน้าคนในอ้อมกอดแผ่วเบา มือเล็กก็ลูบไล้แผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้า ไหล่หนาคือหมอนหนุนชั้นดีให้หญิงสาว “อยากไปไหนไหม” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามขึ้น เมื่อนึกได้ว่าจุดประสงค์ที่ม่านฟ้านั้นมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่เธอกลับยังไม่ได้ไปไหนมากมายเพราะเขานั้นฉุดเธอมาก่อน “ถามทำไมค