เช้าวันต่อมา
อนาวินตื่นเช้าเพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวที่เขาคิดว่าเธอคือพิมพ์ดาวแฟนของเขา เรียกได้ว่าดูแลทุกอย่างจนอีกฝ่ายไม่ต้องทำอะไรเลย
พราวฟ้าตื่นขึ้นมาเห็นชายหนุ่มนั่งมองเธออยู่ที่ปลายเตียง มือบางรีบดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาปกคลุมตัวเองให้เรียบร้อย เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไม่ได้สวมใส่อะไรเลย
“พี่เตรียมชุดเอาไว้ให้แล้วนะครับ” อนาวินบอกหญิงสาว ซึ่งเธอดูมีท่าทางที่แปลกไปและดูจะเขินอายไม่เหมือนพิมพ์ดาวคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก
“ค่ะ” พราวฟ้าตอบเสียงเบาและยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่กล้าที่จะขยับไปไหน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เดี๋ยวพี่ออกไปรอข้างนอกนะครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ บางทีเธออาจจะรู้สึกอายจึงไม่กล้าลุกจากเตียงในตอนที่เขาอยู่ด้วยก็ได้
พราวฟ้ามองตามหลังชายหนุ่มที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย พร้อมกับถามตัวเองในใจว่าเมื่อคืนเธอทำอะไรลงไป
ใช้เวลาไม่นานพราวฟ้าก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเดินออกไปหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ด้านนอก บรรยากาศบนเรือตอนเช้ามีแสงแดดอ่อนๆ และมีลมพัดผ่านเย็นสบายทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
“หิวไหมครับ”
อนาวินเอ่ยถามอย่างเอาใจพร้อมกับมองสำรวจหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจและเกิดความสงสัยในใจ
“นิดหน่อยค่ะ” พราวฟ้าก้มหน้าตอบ โดยที่เธอไม่กล้าที่จะสบสายตากับเขา
“ถ้าเรือถึงฝั่งแล้วเราไปทานอาหารเช้ากันก่อนนะครับ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา เขาพยายามที่จะสังเกตเธออยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะคลายความสงสัยที่อยู่ภายในใจ
เมื่อมาถึงฝั่งอนาวินก็รีบพาเธอไปร้านอาหารต่อเพื่อที่จะทานอาหารเช้า ก่อนที่เขาจะพาเธอไปส่งที่บ้านตามหน้าที่ของสุภาพบุรุษที่เขาทำเป็นประจำ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
พราวฟ้าขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ โชคดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ที่บ้านก็ยังไม่มีใครตื่น ส่วนคุณแม่กับพิมพ์ดาวน้องสาวฝาแฝดของเธอก็ตื่นตอนเที่ยง
“ยินดีครับ” อนาวินยิ้มให้หญิงสาวก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ เพื่อให้หญิงสาวได้พักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งคืน
พราวฟ้ามองตามหลังของชายหนุ่มที่กำลังเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงต่อไปและเธอต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดี
เฮ้อ~
ร่างบางเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ เผื่อว่าเธอจะหาทางออกให้กับตัวเองในเรื่องนี้ได้
“ขออย่าให้มีใครรู้เรื่องนี้เลยนะ”
พราวฟ้าพูดกับตัวเองเสียงเบาและเธอตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเขาและเธอ ในใจก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีใครรู้เรื่องนี้อีก
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอคงไม่มีทางเป็นไปได้ทุกอย่างคงจบลงเพียงแค่นี้และพราวฟ้ายังคงภาวนาขอให้เธอกับเขาอย่าได้เจอกันอีกเลย…
พราวฟ้านั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่สักพัก ในหัวก็คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา แก้มขาวเนียนก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด มือบางยกขึ้นจับแก้มตัวเองเอาไว้และบอกตัวเองในใจว่าให้ลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จพราวฟ้าก็มานั่งแต่งตัวที่หน้ากระจกบานใหญ่ ถึงแม้เธอจะพยายามลืมเรื่องราวตอนที่อยู่บนเรือ แต่ร่องรอยที่อยู่บนเรือนร่างของเธอยังคงชัดเจน
หญิงสาวใช้เครื่องสำอางเพื่อปกปิดร่องรอยเอาไว้พร้อมกับหาชุดที่เรียบร้อยและมิดชิดที่สุดมาใส่จะได้ไม่มีใครเห็นรอยรักที่ชายหนุ่มได้ฝากเอาไว้
รอยรักจากบทรักเมื่อคืนยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของพราวฟ้าชัดเจนมากขึ้น เธอเจอเขาครั้งแรกแต่กลับเผลอตัวเผลอใจไปกับเขาอย่างง่ายดาย จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากจะโทษตัวเธอเองที่ใจง่าย จนต้องเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของน้องสาวฝาแฝด
พราวฟ้าหลับตาลงเพื่อตั้งสติและทำสมาธิจะได้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ขอให้ผ่านไป เพราะเธอกับเขาคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้กำลังใจตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ พอแต่งตัวเสร็จพราวฟ้าออกเดินออกจากห้องของตัวเองเพื่อที่จะไปทำงาน
พอลงมาข้างล่างพราวฟ้าก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดารารายเดินออกมาจากห้องครัวพอดี ทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกที่จะต้องปิดบังความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอลูก” ดารารายถามลูกสาวพร้อมรอยยิ้มอย่างเอาใจ
“ค่ะ” พราวฟ้าที่พยายามจะเดินออกไปเงียบๆ ก็ต้องเดินเข้าไปหาคุณแม่ที่โต๊ะอาหาร
“มานั่งก่อนสิลูก วันนี้แม่ทำอาหารเช้าเอาไว้ให้ด้วยนะ” ดารารายทำตัวเป็นคุณแม่ที่แสนดีเพื่อที่จะเอาใจลูกสาวคนโตที่มีเงินมากมาย
“ขอบคุณค่ะ” ร่างบางยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงที่ประจำของเธอ
“ข้าวต้มร้อนๆ มาแล้วจ้ะ” คุณแม่รีบเดินไปตักข้าวต้มมาให้ลูกสาวทันทีจะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอ
“น่าทานมากเลยค่ะ” พราวฟ้าชมคุณแม่ที่ช่วงหลังๆ จะชอบทำอาหารให้เธอทานอยู่บ่อยๆ
“ทานเยอะๆ นะลูก”
ดารารายยกมือขึ้นลูบหัวลูกสาวอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู โชคดีที่พราวฟ้าอยู่กับพ่อซึ่งมีชีวิตที่ดีและมีบริษัทที่มั่นคง ต่างจากพิมพ์ดาวที่อยู่กับเธอด้วยความลำบาก จนต้องหาผู้ชายรวยๆ มาเป็นความมั่นคงให้กับชีวิต
“ค่ะ”
“คือวันนี้แม่อยากจะขอเงินไปซื้อของได้ไหม เอ่อ… พอดีของในครัวหมดแม่ก็เลยจะออกไปซื้อ” ดารารายรีบพูดเข้าประเด็นอย่างไม่รีรอ เพราะไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก
“ได้ค่ะ” พราวฟ้ารู้ทันคุณแม่ทุกอย่าง แต่เธอก็ยอมให้เงินอย่างไม่อิดออดและไม่ได้ถามอะไรต่อให้ยืดยาว
หญิงสาวหยิบเงินสดในกระเป๋าทั้งหมดที่มียื่นให้ดาราราย พร้อมกับกอดคุณแม่เอาไว้แน่น เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่มีแม่อยู่ใกล้ๆ เพราะมันทำให้เธอมีความสุขมากกว่าตอนที่ไม่มีแม่เสียอีก
“หนูดีใจที่ได้อยู่กับแม่นะคะ”
“แม่ก็ดีใจที่ได้ดูแลลูก เย็นนี้อยากกินอะไรบอกแม่ได้เลยนะ” ดารารายยิ้มกว้างเมื่อได้รับเงินก้อนโตจากลูกสาว ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะต่อชีวิตของเธอได้ไปอีกหลายวัน
“ค่ะ” พราวฟ้านั่งกินข้าวต้มที่คุณแม่เตรียมไว้ให้พร้อมรอยยิ้ม เมื่อก่อนเธอไม่เคยได้ดูแลแม่เลย แถมแม่กับน้องยังใช้ชีวิตที่ลำบาก พอตอนนี้ได้มาอยู่ด้วยกันเธอก็อยากจะตอบแทนและดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ทางด้านอนาวินก็รีบเข้ามาทำงานที่บริษัทแต่เช้า ถึงแม้งานตรงหน้าจะกองเยอะแค่ไหนแต่ในใจเขายังคงคิดถึงแฟนสาวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งได้นึกถึงเหตุการณ์บนเรือก็ยิ่งทำให้เขาไม่มีสมาธิที่จะทำงานสุดท้ายชายหนุ่มก็ทนต่อความสงสัยไม่ไหวเพราะพิมพ์ดาวแฟนของเขาเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาอยู่แล้วแต่เมื่อคืนพิมพ์ดาวที่อยู่กับเขาบนเรือเธอยังบริสุทธิ์และไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน ซึ่งทำให้เขาติดอยู่กับความสงสัยนี้ไม่หาย จนต้องเรียกเลขาคนสนิทให้เข้ามาหาในห้องทำงาน“ไปจ้างนักสืบให้หาข้อมูลครอบครัวของพิมพ์ดาวแบบละเอียดให้ด้วย”“คุณพิมพ์ดาวเป็นแฟนท่านประธานไม่ใช่เหรอครับ” เลขาคนสนิทถามเจ้านายด้วยความสงสัย เพราะเจ้านายกับแฟนสาวก็คบหาดูใจกันมาหลายปีแล้ว ทำไมถึงต้องจ้างนักสืบให้ไปตามสืบอยู่อีก“ไม่ต้องถาม รีบไปทำตามที่สั่งก็พอ”เพราะพิมพ์ดาวเป็นแฟนอนาวิน เขาก็เลยต้องตามสืบประวัติของครอบครัวเธอให้ละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้คลายความสงสัยที่ติดอยู่ในใจ ที่ผ่านมาที่เขาไม่ตามสืบเพราะเขารักเธอด้วยใจจริงและไม่เคยคิดว่าเธอต่ำต้อยเลยสักนิด“ขอด่วนที่สุด!” ชายหนุ่มย้ำความต้องการของ
“น้องทำงานอะไรเหรอครับ”“เอ่อ… มานั่งด้วยกันก่อนสิลูก” ดารารายรีบเดินเข้าไปหาลูกสาวอย่างเอาใจ เพื่อที่จะได้มีเวลาคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้ดารารายคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะที่ผ่านมาเธอบอกอนาวินว่าเธอมีลูกสาวคนเดียว นั่นก็คือพิมพ์ดาวที่เป็นแฟนของชายหนุ่ม แต่พอมาถึงตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องบอกความจริงกับเขาเพราะถึงยังไงคนเป็นแม่ก็อยากจะให้ลูกสาวได้มีผู้ชายดีๆ อยู่ข้างกาย ซึ่งอนาวินคือว่าที่ลูกเขยที่ดารารายพอใจและถูกใจเป็นอย่างมาก จนเธออยากจะฝากชีวิตของพิมพ์ดาวให้เขาดูแล ไม่ว่าฐานะหรือหน้าตาทางสังคมเขาสามารถดูแลพิมพ์ดาวให้อยู่สุขสบายได้อย่างแน่นอนบรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยความเงียบจนน่าอึดอัดเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน ส่วนพราวฟ้าก็นั่งเงียบและทำตัวไม่ถูกที่เธอต้องเจอชายหนุ่มอีกครั้งโดยที่เธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ก่อน“คือ… แม่มีเรื่องจะบอกพอดีเลย”“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” อนาวินแกล้งถามด้วยความสงสัย พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณแม่“คือความจริงแล้วแม่มีลูกสาวสองคนจ้ะ” ดารารายกลั้นใจพูดความจริงออกมาเรื่องนี้จะได้จบๆ ไปสักที“แล้วอี
เช้าวันต่อมา“คุณพิมพ์ดาวกลับมาบ้านแล้วค่ะ” แม่บ้านรีบเข้ามารายงานตามคำสั่งที่ได้รับเมื่อคืนทันที“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ดารารายนอนแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน หลังจากรู้ความจริงเธอก็นั่งโทรหาพิมพ์ดาวทั้งคืน แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งลูกสาวตัวดีก็ไม่ยอมรับสาย“ประมาณตีสี่ค่ะ” โชคดีที่แม่บ้านออกมาเข้าห้องน้ำพอดีก็เลยเห็น แต่ก็ไม่ได้ไปรายงานเพราะยังเช้าอยู่ดารารายหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วตรงไปยังห้องของพิมพ์ดาวอย่างไม่รีรอ ยังไงวันนี้เธอจะต้องรู้ความจริงจากปากของลูกสาวให้ได้“พิมพ์ตื่น! ตื่นมาคุยกับแม่ก่อน!” ดารารายปลุกลูกสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย“อื้อออ~ ขอหนูนอนพักก่อนค่ะ” พิมพ์ดาวที่พึ่งจะได้นอนก็งัวเงียหลับตาตอบคุณแม่ ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะคุยกับใคร ร่างกายของเธอต้องการนอนเท่านั้น“แม่มีเรื่องจะคุยด้วย! ลุกขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน” ดารารายดึงแขนลูกสาวให้ลุกขึ้นนั่ง ทว่าพิมพ์ดาวกลับตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรงไม่ยอมลุกสักที“อื้อออ~ หนูจะนอน” พิมพ์ดาวตอบเสียงยานก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้คุณแม่“มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกแม่ ลุกขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน” ผู้เป็นแม่ยังคงรบเร้
พราวฟ้านั่งเครียดหนักอยู่ภายในห้องทำงาน เพราะเธอมัวแต่คิดและเป็นห่วงความรู้สึกของพิมพ์ดาวน้องสาวฝาแฝด เรื่องราวตอนนี้มันวุ่นวายไปหมดจนเธอไม่มีสมาธิที่จะทำงานเลยด้วยซ้ำเมื่อถึงเวลาเลิกงานพราวฟ้าก็รีบกลับบ้าน โดยที่เธอได้ลืมเรื่องงานเลี้ยงสำคัญที่จะต้องไปในตอนเย็น ถึงแม้ว่าเลขาได้มาบอกเธอล่วงหน้าแล้วหลังจากที่มาถึงบ้านพราวฟ้าก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบและว่างเปล่าต่างจากทุกวัน เมื่อไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน“คุณพราวเลิกงานแล้วเหรอคะ” มีเพียงแม่บ้านที่เอ่ยถามพร้อมกับถือน้ำเย็นๆ มาให้เธอ“ค่ะ แล้วไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเรียบ“ออกไปข้างนอกกันหมดเลยค่ะ”ยังไม่ทันที่พราวฟ้าจะได้ถามอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังแทรกขึ้นมา จนทำให้เธอต้องหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู“สวัสดีค่ะ” พราวฟ้าทักทายคนในสายทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย(คุณพราวอยู่ไหนคะ) เสียงของเลขาหน้าห้องที่คุ้นเคยเอ่ยถามขึ้นมา“พราวอยู่บ้านค่ะ”พราวฟ้าตอบไปตามตรงพร้อมกับความสงสัย ถ้าหากเลขาโทรหาเธอในเวลานี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงเธอก็คิดไม่ออกว่ามีเรื่องอะไร(คุณพราวลืมเรื่อง
พรึบ!พราวฟ้ารวบรวมสติที่มีอยู่อันน้อยนิดและรวบรวมกำลังที่มีผลักหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มให้ออกห่างทันที ถ้าช้ากว่านี้ร่างกายเธอคงพ่ายแพ้ให้กับการกระทำของเขาอย่างแน่นอนโชคดีที่มีคนเดินผ่านมาอนาวินจึงยอมปล่อยหญิงสาวไปก่อน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีจนทำให้เธอเสียหายได้เมื่อคนเดินผ่านไปแล้วอนาวินก็จับร่างบางมาจูบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขากลับแกล้งทำท่าทางเหมือนคนเมาที่ไร้สติและทำเหมือนกับว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ร่างบางพยายามดิ้นและต่อต้านการกระทำของอีกฝ่าย แต่ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งจูบและกอดเธอแรงมากขึ้น จนเธอหายใจแทบไม่ทัน มือบางทุบหน้าอกแกร่งรัวๆ เพื่อให้เขาหยุดแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล“อื้อ! อ่อย!” พราวฟ้าดิ้นสุดกำลังจากจูบที่เร่าร้อนก็เริ่มดุดันมากขึ้น“ฉันไม่ใช่พิมพ์ดาว” เมื่อได้รับอิสระพราวฟ้าจึงต้องรีบบอกความจริงให้อีกฝ่ายได้รู้ทันที เพราะไม่มีอะไรที่เธอจะต้องปิดบังอีกต่อไป“ไม่ใช่พิมพ์ดาวแต่ก็เป็นคนที่อยู่บนเรือคืนนั้น…” อนาวินพูดออกมาตามความรู้สึกเมื่อพิมพ์ดาวดูแตกต่างจากผู้หญิงที่ไปกับเขาบนเรือคืนนั้น“….” พราวฟ้ากลืนน้ำลายฝืดลงคอด้วยความยากลำบาก เมื่อเขาพูดออก
“อือ! อ๊ะ!”ใบหน้าสวยเชิดขึ้นด้วยความทรมานเมื่อถูกปรนเปรอทั้งช่วงบนและช่วงล่างพร้อมกัน ความเสียวก็ยิ่งประทุมากขึ้นจนกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่อยู่มือหนานวดคลึงร่องสวยที่เยิ้มน้ำ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าร่างกายของเธอพร้อมแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะเอาแต่พูดปฏิเสธเขาก็ถาม“น้ำออกเยอะเลยนะ” น้ำเสียงแหบพล่ากระซิบข้างหูเล็กด้วยความทรมาน ร่างกำยำร้อนรุ่มไปทั้งตัวจนแทบทนไม่ไหวพราวฟ้ารู้สึกอายจนต้องหลับตาเอาไว้ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม ร่างบางอ่อนระทวยพ่ายแพ้ให้กับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ ใบหน้าสวยก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดร่างหนาแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่นอนหลับตา ไม่ยอมลืมตามองหน้าเขาสักที แบบนี้คงต้องหาวิธีทำให้เธอลืมตามามองหน้าเขาได้แล้วในขณะที่รถยนต์กำลังแล่นไปบนถนน แสงไฟจากสองข้างทางสาดส่องเข้ามาภายในรถ บรรยากาศมืดสลัวสร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับหญิงสาว ครั้งแรกก็อยู่บนเรือ ครั้งที่สองอยู่บนรถมือหนาก็ชักรูดแก่นกายใหญ่ให้พร้อมก่อนจะจ่อไปที่ร่องสาวที่ปิดสนิท ความสวยของเธอยังคงติดอยู่ในใจโดยที่เขาไม่มีวันลืมสวบ!“อึก! อ๊ะ!” หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อถูกอีกฝ่ายลุกล้ำโ
เช้าวันต่อมาร่างบางนอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้าง ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน พราวฟ้างัวเงียตื่นขึ้นมามองเพดานที่อยู่ด้านบนด้วยความรู้สึกแปลกๆ“ที่ไหน…” พราวฟ้าถามตัวเองเสียงเบาก่อนจะตั้งสติตัวเองให้ดีแล้วมองสำรวจไปรอบห้องที่เธอไม่คุ้นเคยหญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง เธอพยายามนั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก่อนจะจำได้ว่าอนาวินเป็นคนพาเธอมา แต่พอตื่นขึ้นมากลับไม่เห็นใครเลยสักคนครืด~ ครืด~เสียงโทรศัพท์ที่คุ้นเคยอยู่ในประเป๋าดังขึ้นทำให้พราวฟ้าต้องรีบลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันทีว่าใครโทรมา“คุณแม่!” หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นชื่อของคุณแม่อยู่บนหน้าจอ ถ้าหากรับสายเธอจะต้องตอบคุณแม่ว่ายังไงดีฟู่ววว~พราวฟ้าถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางโล่งอกเมื่อเห็นว่าคุณแม่วางสายไปแล้ว แต่เธอก็ดีใจไม่นานเมื่อคุณแม่โทรมาอีกครั้ง ทำให้เธอไม่อาจเลี่ยงได้และกดรับสายในที่สุด“สวัสดีค่ะ” พราวฟ้าพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ จะได้ไม่มีพิรุธให้คุณแม่จับได้(พราวอยู่ไหนลูก ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก) เสียงคุณแม่ถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่ลูกสาวไม่กลับบ้านและหายไปทั้งคืนแบบนี
ระหว่างทางที่พราวฟ้าขับรถไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมายของวันนี้ อนาวินก็ส่งข้อความเข้ามาหาเธอไม่หยุด จนเธอแทบจะไม่มีสมาธิในการขับรถ ซึ่งจะให้เธอขับรถไปพิมพ์ข้อความตอบเขาไปก็คงไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะตั้งใจและโฟกัสในการขับรถเพื่อความปลอดภัยเมื่อขับรถมาถึงร้านอาหารเธอก็ต้องแปลกใจที่เขานัดมาร้านอาหารที่หรูหราขนาดนี้ พราวฟ้าหาที่จอดรถได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความดูทันที เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาส่งข้อความอะไรมาเยอะแยะพราวฟ้าเลื่อนอ่านข้อความที่อนาวินส่งมาด้วยความตั้งใจและเธอก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเขาจองห้องวีไอพีเอาไว้“จะเล่นอะไรอีกนะ” หญิงสาวพูดกับตัวเองด้วยความแปลกใจและไม่รู้จุดประสงค์ของเขาในวันนี้เลยด้วยซ้ำหรือว่าเขาตั้งใจจะกวนประสาทเธอเล่นๆร่างบางตั้งสติและทำสมาธิเงียบๆ อยู่บนรถสักพักก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าไปภายในร้านอาหาร“สวัสดีค่ะ” เสียงพนักงานสาวสวยเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม“สวัสดีค่ะ” พราวฟ้าส่งยิ้มให้ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะเธอไม่เคยมาทานอาหารที่ร้านนี้มาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน“เป็นแขกของคุณอนาวินใช่ไหมคะ” พนักงานสาวสวยถามพร้อมรอยยิ้ม เรียกได้ใส่ใจใน
ร่างหนาเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องพบกับความเงียบ เมื่อภายในห้องมีเพียงความว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนอนาวินมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พันรอบเอวอยู่ พอได้อาบน้ำสบายตัวก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนสายตาคมเข้มกวาดมองไปรอบห้องเพื่อที่จะมองหาพราวฟ้า แต่สายตาเขาก็สะดุดไปเห็นเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นที่แขวนไว้อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลซึ่งคงจะเป็นเสื้อและกางเกงที่ใหญ่ที่สุดในตู้ของพราวฟ้าและเธอคงจะมั่นใจและคิดว่าเขาคงจะใส่ได้อย่างแน่นอนอนาวินไม่รอช้ารีบใส่เสื้อผ้าและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินลงไปหาเธอข้างล่าง แน่นอนว่าเธอคงจะทำอาหารอยู่ในห้องครัวเป็นแน่“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ” พราวฟ้าที่กำลังยุ่งอยู่หน้าเตาแก๊สก็เอ่ยถามชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม“ครับ ทำอะไรอยู่ครับทำไมหอมจังเลย” อนาวินไม่พูดเปล่าขายาวรีบเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับกอดเธอเอาไว้แน่น“พราวทำข้าวต้มค่ะ พี่วินหิวหรือยังคะ”ใบหน้าสวยตอบพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้จะโดนอีกฝ่ายกอดในขณะที่เธอกำลังทำข้าวต้มอยู่ เธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือวุ่นวาย แต่กลับรู้สึกดีและมีความสุขมากๆ อีกด้วย“หิวครับ”“รออีกนิดนะคะข้าวต้ม
ปึก! ปึก! ปึก!“อะ! อ๊ะ!”เสียงครางหวานยังคงดังออกมาเป็นระยะ โชคดีที่เป็นห้องเก็บเสียงและวันนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนแม่บ้านประจำก็ลากลับบ้าน พราวฟ้าอยู่คนเดียวแล้วก็เหงาก็เลยชวนอนาวินมาอยู่เป็นเพื่อนม๊วฟ!“ซี๊ดดด!”ริมฝีปากบางซูดปากครางเสียวร่างสวยเกร็งไปแทบทุกส่วน เมื่อริมฝีปากหนาทั้งดูดทั้งเลียหน้าอกอวบอิ่ม แถมช่วงล่างก็กระแทกสะโพกเข้าออกไม่หยุด เรียกได้ว่าปรนเปรอทั้งช่วงบนช่วงล่างพร้อมกันแบบนี้จะไม่ให้พราวฟ้าเสียวได้ยังไง“อ่าส์!” เสียงคำรามจากร่างหนาก็ดังออกมาเป็นระยะไม่ต่างกัน ยิ่งเขากระแทกและบดขยี้แก่นกายใหญ่ ร่องรักก็ยิ่งรัดแน่นจนอนาวินแทบจะทนไม่ไหวความเสียวที่ถูกปะปนไปด้วยความทรมานแต่ก็ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกดีไม่น้อย ซึ่งมันเป็นความรู้สึกเสียวซ่านจนยากเกินที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้“อึก! อะ! พราวไม่ไหวแล้วค่ะ ซี๊ด!” พราวฟ้าพูดออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่แปลกใหม่วิ่งวนอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกดีกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน“อ๊าส์! พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ” น้ำเสียงที่อบอุ่นปนด้วยความทรมานเอ่ยบอกหญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ร่างถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าไม่ไหวแต่สะโพกหนาก็ยังคงก
แขนเรียวทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ด้วยความอบอุ่น โดยที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงแนบชิดและบดขยี้กันอย่างดูดดื่ม“อืม…” น้ำเสียงทุ้มต่ำครางเสียงกระเส่าอยู่ข้างใบหูเล็กด้วยความพอใจพราวฟ้าในตอนนี้ราวกับพราวฟ้าคนใหม่ที่ไม่เคยมีใครเห็นเธอในมุมนี้มาก่อน ทั้งท่าทางและน้ำเสียงเธอดูออดอ้อนเพื่อเอาใจอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง ถ้าหากอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มมีความสุข เธอก็พร้อมที่จะทำและปรนเปรอเขาทุกอย่างมือบางจัดการถอดเสื้อผ้าชายหนุ่มออกจนหมดถึงแม้พราวฟ้าจะรู้สึกเกร็งๆ อยู่บ้างแต่เธอก็พยายามทำใจให้สบายและผ่อนคลายมากขึ้นพรึบ!ร่างหนาถูกผลักให้นั่งลงอยู่บนเตียงนอนกว้าง ถึงไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็ทำให้อนาวินตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าตื่นเต้นกว่าครั้งแรกเสียอีก“เดี๋ยวพราวทำให้ค่ะ” น้ำเสียงและสายตายั่วยวนมองไปที่ชายหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ทำอะไรที่แปลกใหม่ ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆ ต่อหน้าเขา เรือนร่างสวยไร้สิ่งปกปิดทำเอาอนาวินเผลอจ้องมองไม่ยอมละสายตา“มองแบบนี้พราวก็เขินแย่สิคะ” ใบหน้าส
ระหว่างทางที่อยู่บนรถมีเพียงแค่ความเงียบ ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ปกติแล้วอนาวินจะอารมณ์ดีและชวนคุยอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้พราวฟ้ารับรู้ได้ถึงความผิดปกติลางอย่างขึ้นมาได้อย่างชัดเจนร่างบางนั่งเงียบมองซ้ายมองขวาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวยังไง จะต้องถามอะไรถึงจะไม่ทำให้บรรยากาศบนรถนั้นเงียบจนเกินไป“พี่วิน…” พราวฟ้าตัดสินใจเรียกชื่อชายหนุ่มขึ้นมา แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะพูดหรือถามอะไรในตอนนี้“ครับ” มีเพียงเสียงตอบรับสั้นๆ และสายตานิ่งเรียบที่มองถนนอย่างไม่ยอมละสายตา“พี่วินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามออกมาตามตรงในขณะที่รถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่“เปล่าครับ” ชายหนุ่มยังคงตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางนิ่งเรียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“งอนพราวอยู่ใช่ไหมคะ” พราวฟ้าถามต่อเมื่อรถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้าน“เปล่าครับ”“ใช่แน่เลย พี่วินงอนพราวเรื่องอะไรคะ” ในขณะที่ถามพราวฟ้าก็พยายามคิดว่าชายหนุ่มกำลังงอนเธอเรื่องอะไร เขาถึงได้ทำตัวเฉยชากับเธอแบบนี้“นี่ก็ดึกแล้ว พี่ว่าพราวเข้าบ้านไปพักเถอะ”ยิ่งเห็นท่าทางและคำพูดที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มพราวฟ้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและอยากจะทำให้ทุกอย่างกลั
เมื่อพราวฟ้าเข้าห้องประชุมเธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี ตั้งใจทำงานนั่งรับฟังทุกข้อเสนอและทุกแผนงานของบริษัทเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีการประชุมในครั้งนี้จึงใช้เวลาประชุมยาวนานกว่าทุกครั้งใช้เวลาในการประชุมเกือบสามชั่วโมงกว่าพราวจะประชุมเสร็จก็แทบจะหมดแรงและใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ร่างบางเดินกลับเข้าห้องทำงานด้วยความเหนื่อยล้าพลังงานที่มีหมดไปกับการประชุมแล้วจริงๆ“พี่วิน…” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความตกใจที่เห็นอนาวินนั่งหลับอยู่ที่โซฟารับรองแขกภายในห้องทำงานของเธอพราวฟ้ามองใบหน้าหล่อด้วยความสงสัยพร้อมกับคำถามมากมายที่วิ่งเข้ามาในหัว เธอเดินเข้าไปดูเขาใกล้ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขากลับมารับเธอหรือว่าเขานั่งรออยู่ในห้องนี้จนเธอประชุมเสร็จ“ทำไมมานั่งหลับอยู่ตรงนี้คะ”ร่างบางตัดสินใจถามขึ้นมาตามตรง เพราะตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอจะปล่อยให้เขาหลับต่อไปแบบนี้ไม่ได้“อือ… ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ” ร่างหนางัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำถาม“เสร็จสักพักแล้วค่ะ”“ทำไมไม่ปลุกพี่ละครับ”“พี่วินได้กลับไปทำงานหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเลือกที่จะถามกลับ
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปพิมพ์ดาวกับคุณแม่ก็ได้เดินทางไปเที่ยวและพักผ่อนที่ต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศและทำใจให้สบายมากขึ้น ก่อนที่จะกลับมาคลอดและเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าส่วนพราวฟ้าก็ยินดีที่จะออกเงินและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับคุณแม่และน้องสาว ซึ่งเธอก็มีอนาวินคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทำให้ดารารายและพิมพ์ดาวได้ไปเที่ยวแบบสบายใจไม่ต้องคอยเป็นห่วงพราวฟ้า“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”พราวฟ้าเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม หลังจากที่คุณแม่กับน้องสาวไปเที่ยว อนาวินก็ทำหน้าที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องในหน้าที่แฟนเลยสักครั้ง“เดี๋ยวพี่มารับไปทานข้าวเที่ยงนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนบ่ายพราวมีประชุมถ้าออกไปทานข้างนอกคงกลับมาไม่ทันแน่เลยค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างเยอะ ทำให้เธอไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะออกไปไหน“งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อมาทานด้วยที่บริษัท” อนาวินแทบจะขาดพราวฟ้าไม่ได้ก็อาสาซื้อมาทานด้วยเพื่อเอาใจเธอ“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”“ตั้งใจทำงานนะครับ”“พี่วินก็ตั้งใจทำงานเหมือนกันนะคะ”“ครับ แล้วเจอกันนะ”“ค่ะ”
“รับสายหรือยังครับ” อนาวินเอ่ยถามเสียงเรียบในขณะที่สายตาจ้องมองถนน“ยังค่ะ” พราวฟ้ายังคงกดโทรออกย้ำๆ และภาวนาให้พิมพ์ดาวรับสายเธอสักที ในใจก็ร้อนรุ่มและเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไร“งั้นเราไปดูที่หน้าคอนโดก่อน”“พี่วินรู้จักเหรอคะ”“พี่ก็พอจะรู้บ้างครับ”“งั้นรีบไปกันเลยค่ะ” หญิงสาวไม่รอช้าถ้าหากที่ไหนพอจะทำให้เธอเจอน้องสาว เธอก็พร้อมที่จะไปหาในทันที ดีกว่ารออยู่เฉยๆ ให้เสียเวลาเปล่า“ครับ”“พิมพ์โทรกลับมาแล้วค่ะ” พราวฟ้าบอกชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้นและดีใจในเวลาเดียวกันก่อนที่เธอจะกดรับสาย อย่างน้อยพิมพ์ดาวก็โทรกลับมาหาเธอ“พิมพ์อยู่ไหน” หญิงสาวเอ่ยถามคนในสายอย่างไม่รีรอ(พี่พราว… อึก!) พิมพ์ดาวเรียกชื่อพี่สาวเสียงเบาพร้อมกับเสียงสะอื้นซึ่งบ่งบอกได้ว่าเธอผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง จนไม่สามารถเก็บเสียงสะอื้นเอาไว้ได้“พิมพ์เป็นอะไร อยู่ที่ไหน” พราวฟ้าถามต่อด้วยความเป็นห่วง(พิมพ์… อึก!) พิมพ์ดาวพูดอะไรไม่ออกมีเพียงเสียงสะอื้นแทรกขึ้นมา“พิมพ์เป็นอะไร มีอะไรค่อยๆ พูดนะ” พราวฟ้าที่ใจร้อนก็พยายามพูดอย่างใจเย็นและบอกให้น้องสาวตั้งสติค่อยๆ พูด(อึก!) ทว่ายิ่งบอกให้ใจเย็นพิมพ์ดาวก็เอาแ
หนึ่งเดือนต่อมา“วันนี้มีประชุมตอนเย็นไม่ใช่เหรอคะ”พราวฟ้าที่พึ่งจะประชุมเสร็จก็รีบเดินเข้ามาถามชายหนุ่มที่นั่งรอเธออยู่ในห้องทำงานทันที เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกเธอว่าไม่ว่างและติดประชุมที่บริษัท แต่ตอนนี้กลับมานั่งรอเธออยู่ในห้องทำงานแบบสบายใจอีก“เลื่อนไปประชุมวันอื่นแล้วครับ” ใบหน้านิ่งเรียบตอบหญิงสาวราวกับการประชุมเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้สำคัญอะไร“ทำไมเหรอคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในคำตอบของชายหนุ่ม ทำไมเขาถึงได้เลื่อนประชุมไปวันอื่นได้ ทั้งๆ ที่บอกกับเธอว่าเป็นประชุมสำคัญ“คิดถึง” อนาวินตอบเพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความเต็มๆ“พี่วิน!” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าคิดถึง แม้ว่าเขาและเธอจะเจอกันทุกวันแถมทั้งแต่เป็นแฟนกันมาแทบจะตัวติดกันตลอดเวลาด้วยซ้ำ“พี่พูดจริงๆ นะ” ร่างหนาเดินเข้าไปโอบกอดหญิงสาวด้วยความคิดถึงเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องทำงาน“เจอกับทุกชั่วโมงแบบนี้ยังคิดถึงอีกเหรอคะ”“คิดถึงครับ คิดถึงมากด้วย เย็นนี้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารกันนะ”“พราวขอคิดดูก่อนนะคะ” พราวฟ้าแกล้งตอบพร้อมกับทำท่าทางใช้ความคิด“ไม่ได้ครับ พี่จองโต๊ะเอาไว
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” อนาวินเดินเข้ามาก็เอ่ยถามพร้อมกับอาสาที่จะช่วย เนื่องจากวันนี้เขาพาครอบครัวมาทานข้าวที่บ้านหลังนี้ เขาจึงอยากมีส่วนร่วมในการที่จะทำอะไรบ้าง“เสร็จพอดีเลยจ้ะ”ดารารายหันไปตอบชายหนุ่มก่อนใคร ตั้งแต่อนาวินเดินหน้าจีบพราวฟ้าอย่างจริงจัง ดารารายก็คอยพูดดี ทำดีด้วยตลอด ถ้าหากทั้งสองรักกันเธอก็มีความสุขไปด้วย ส่วนพิมพ์ดาวก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบที่ตัวเองต้องการแล้ว“พี่วินมีอะไรหรือเปล่าคะ” พราวฟ้าสังเกตเห็นอนาวินมีท่าทางอ้ำอึ้งเหมือนกำลังมีบางอย่างอยู่ในใจแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา เธอจึงถามขึ้นมาเพื่อคลายความสงสัย“คือพี่ว่าจะชวนพราวไปดูดาวตก ไปดูดาวตกด้วยกันไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจถามตามตรง จะได้รู้คำตอบไปเลย“วันไหนคะ”“วันนี้ครับ” อนาวินตอบแบบตรงไปตรงมา“แต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะคะ”“ดาวตกก็ต้องดูตอนดึกสิพี่พราว” พิมพ์ดาวพูดแทรกติดตลกขึ้นมา“ผมขออนุญาตพาน้องไปดูดาวตกได้ไหมครับ” ชายหนุ่มหันหน้าไปถามคุณแม่ของหญิงสาวด้วยความเคารพนับถือ“จะไปดูที่ไหนลูก ว่าแต่ช่วงนี้มีดาวตกด้วยเหรอ แม่ไม่เห็นข่าวประกาศบอกเลย” ดารารายที่ชอบดูข่าวจึงถามขึ้นด้วยความไม่รู้ เพราะปกติเธอชอ